เข้าสู่ระบบบทที่ 2 ชายลึกลับกับคำถามแรก
ม้าตัวสีดำขลับตัวนั้นสง่างามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย มันยืนนิ่ง แผงคอสีดำขลับทอดยาวเป็นประกายรับกับแสงแดดอ่อนๆ ขนของมันดูนุ่มนวลและเงางาม บ่งบอกถึงการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี พิมรู้สึกต้องมนต์สะกดกับความงามของมัน จึงอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปใกล้ "ตัวใหญ่มากเลยนะคะ" เธอเอ่ยออกไปเบาๆ เพื่อไม่ให้รบกวนสมาธิของชายคนนั้น แต่น้ำเสียงของเธอกลับกังวานในความเงียบ ชายคนนั้นชะงักมือเล็กน้อย พลางเหลือบตามองพิมผ่านใต้ปีกหมวก ดวงตาคมกริบคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอเพียงชั่ววินาที ก่อนที่เขาจะหันกลับไปสนใจม้าตรงหน้าต่อ เขาไม่ได้เอ่ยปากตอบอะไรออกมา แต่พิมรู้สึกได้ว่าเขากระตุกมุมปากเล็กน้อย คล้ายจะยิ้มหรือไม่ก็แค่ขยับริมฝีปาก...เป็นการตอบสนองที่เงียบงัน แต่ก็สื่อความหมายบางอย่างที่เธอยังไม่แน่ใจ พิมยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สังเกตท่าทางของชายผู้นั้นที่ยังคงง่วนอยู่กับม้า แม้เขาจะไม่ได้ตอบอะไร แต่สายตาคมกริบเมื่อครู่ทำให้คุณพิมรู้สึกได้ถึงบางอย่าง... เขาเป็นคนงานเหรอ? หรือเป็นคนต่างด้าว? ทำไมไม่ตอบล่ะ? ‘ช่างเถอะ’ เธอบอกตัวเองในใจ ‘อย่าไปสนใจเลย’ แต่ด้วยความอยากรู้และไม่เคยเห็นม้าตัวใหญ่ขนาดนี้ใกล้ๆ มาก่อน เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปอีกครั้ง คราวนี้เธอถามด้วยความระมัดระวังกว่าเดิม น้ำเสียงเจือความตื่นเต้นเล็กน้อย "จับได้ไหมคะ" พิมถามออกไป พลางเงยหน้ามองม้าสีดำที่สูงใหญ่กว่าตัวเองมาก ชายผู้นั้นหยุดมือจากการลูบไล้แผงคอม้า เขาไม่ได้หันมามองเธอโดยตรง แต่พิมสังเกตเห็นว่าเขาผายมือข้างหนึ่งออกช้าๆ ในลักษณะเชื้อเชิญให้เธอลองสัมผัสที่แผงคอของม้า เธอรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยบริเวณมุมปากใต้ผ้าปิดหน้า คล้ายรอยยิ้มแผ่วเบาที่พยายามซ่อนไว้ มันเป็นท่าทางที่เรียบง่าย แต่กลับมีความหมาย เขาอนุญาตให้เธอสัมผัสได้ ม้าตัวนั้นยืนนิ่งราวกับรับรู้ถึงความตั้งใจดีของพิมและดูสงบอย่างน่าประหลาดใจ พิมค่อยๆ เอื้อมมือออกไปอย่างช้าๆ นิ้วเรียวยาวของเธอเกือบจะสัมผัสแผงคอม้าสีดำสนิท และในจังหวะนั้นเอง ม้าก็สะบัดศีรษะเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ ขนแผงคอพลิ้วไหวไปตามแรงที่สะบัด ทำให้พิมสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจปนประหลาดใจ "ตกใจหมดเลย" เธอเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมรอยยิ้มเก้อๆ ที่ปรากฏบนใบหน้า ม้าตัวนี้ดูจะมีชีวิตชีวาและเป็นมิตรอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ความกลัวเมื่อครู่หายไปแทนที่ด้วยความเอ็นดู พิมหันไปมองชายผู้ลึกลับที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ม้า เธออดสงสัยไม่ได้ว่าม้าตัวนี้มีชื่อว่าอะไร และทำไมมันถึงได้ดูเชื่องและน่ารักขนาดนี้ เธอจึงตัดสินใจถามออกไปอีกครั้ง โดยใช้คำเรียกที่แสดงถึงความผูกพัน "พี่เค้าชื่ออะไรหรอคะ" ชายผู้นั้นยังคงยืนนิ่ง ไม่ได้หันมาเผชิญหน้ากับเธอโดยตรง แต่พิมกลับสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่เขาใช้มือลูบไล้ไปที่แผงคอม้าเบาๆ ราวกับจะสื่อสารบางอย่างจากนั้น เธอได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากใต้ผ้าปิดหน้า "นาคิส... " น้ำเสียงของเขาแหบพร่าเล็กน้อย แต่กลับทุ้มลึกอย่างน่าประหลาด มันเป็นเสียงที่ดูสงบนิ่ง แต่ก็มีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใน ใบหน้าของพิมคลี่ยิ้มกว้างขึ้นทันทีเมื่อได้ยินชื่อของมัน และในจังหวะเดียวกันนั้น ชายคนนั้นกระตุกมุมปากอีกครั้ง รอยยิ้มที่ปรากฏเพียงชั่วครู่ใต้ผ้าปิดหน้า ก่อนที่เขาจะหันกลับไปสนใจ นาคิส ที่กำลังพยักหน้าเบาๆ ราวกับรับรู้ถึงชื่อของตัวเอง พิมตาเป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อ นาคิส "หืมม...ชื่อเหมือนม้าในตำนานเลยค่ะ เท่จัง" เธอเอ่ยชมออกมาอย่างจริงใจ พลางเผลอพูดกับตัวเองเบาๆ "หล่อซะด้วย" พิมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบไล้แผงคอของ นาคิส เบาๆ อีกครั้งด้วยความเอ็นดู ม้าสีดำสนิทตัวนั้นยืนนิ่ง ปล่อยให้คุณพิมสัมผัสอย่างเต็มใจ ราวกับรับรู้ถึงความอ่อนโยนที่ส่งผ่านมา ชายลึกลับยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้พูดอะไรต่อและไม่มีท่าทีว่าจะขยับตัวไปไหน พิมรู้สึกได้ว่าเขายังคงสังเกตการณ์เธออยู่ภายใต้หมวกใบนั้น ความเงียบที่เกิดขึ้นไม่ได้อึดอัด แต่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศของการสำรวจซึ่งกันและกันอย่างเงียบๆ พิมสังเกตเห็นไหล่ของเขากระตุกเล็กน้อย และริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อยใต้ผ้าปิดหน้าคล้ายจะยิ้ม แต่ก็รีบหุบลงอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปจากความนิ่งเฉยในตอนแรก มันมีบางอย่างที่ผ่อนคลายขึ้น และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รังเกียจที่เธอชวนคุย แม้จะไม่ค่อยได้ยินเสียงจากเขาเลยก็ตาม แสงแดดอ่อนๆ ยามบ่ายคล้อยเริ่มสาดส่องลงมายังบริเวณคอกม้า เงาของชายหนุ่มและนาคิสทอดยาวบนพื้นดิน พิมยังคงยืนอยู่ตรงนั้น เพลิดเพลินกับการได้อยู่ใกล้ๆ ม้าที่สง่างาม และชายผู้ลึกลับที่อยู่เคียงข้าง พิมยังคงลูบไล้แผงคอของนาคิสเบาๆ พลางมองไปรอบๆ คอกม้าที่ดูเงียบสงบ เธอสังเกตเห็นว่านอกจากนาคิสแล้ว ก็ไม่มีม้าตัวอื่นอยู่ใกล้ๆ เลย ทำให้เกิดความสงสัย "แล้วทำไมนาคิสมาอยู่ที่นี่ตัวเดียวคะ?" เธอถามขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงเจือความอยากรู้อยากเห็น ชายคนนั้นหันมาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงอยู่ในท่าทางเดิม ผ้าปิดหน้าและหมวกยังคงบดบังใบหน้าของเขาอย่างมิดชิด เขายกมือขึ้นลูบที่ลำตัวของนาคิสเบาๆ ราวกับกำลังใช้มือนั้นสื่อสารแทนคำพูด "มัน...ชอบความสงบ" เสียงของเขาแหบพร่าเช่นเดิม แต่คราวนี้ฟังดูชัดเจนขึ้นเล็กน้อย พิมรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้ตอบเลี่ยง แต่เหมือนกำลังให้เหตุผลที่ตรงไปตรงมาในแบบของเขาเอง ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง เสียงรถยนต์ที่เคยได้ยินแผ่วๆ ก็เริ่มดังขึ้นและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนพิมสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบางๆ จากพื้นดิน บ่งบอกว่ารถกำลังแล่นเข้ามาในบริเวณฟาร์มอย่างช้าๆ เธอหันไปมองตามเสียงรถที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเห็นเงาของรถตู้สีเข้มกำลังเลี้ยวเข้ามาในรั้วฟาร์ม "คงเป็นคุณธนินกับน้องทีโอ" เธอพึมพำกับตัวเอง เแล้วหันกลับไปมองชายผู้ลึกลับข้างนาคิสอีกครั้ง เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม เพียงแต่ยังคงยืนอยู่ข้างม้าตัวโปรดของเขาในท่าทางสงบนิ่ง พิมตัดสินใจเดินจากมา เธอรู้ดีว่าหน้าที่ของเธอกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว และเวลานั้นก็ใกล้เข้ามาทุกที เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้าน เธอเห็นรถยนต์ที่เพิ่งขับเข้ามาจอดสนิท คนที่ลงมาจากฝั่งคนขับเป็นชายวัยกลางคนในชุดสุภาพ ไม่ใช่คุณธนินอย่างที่เธอคิดไว้ แต่เป็นแค่ คนขับรถ เท่านั้น ส่วนประตูหลังเปิดออก และพิมก็มองเห็นเด็กชายตัวเล็กๆ กำลังจะก้าวลงมา ที่หน้าบ้าน คุณศักดิ์ ผู้จัดการสวน ยืนรอรับเด็กชายตัวน้อยอยู่แล้ว พร้อมรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความเอ็นดู พิมเดินเข้าไปหาคุณศักดิ์ที่กำลังยิ้มรับน้องทีโอที่ก้าวลงจากรถ เธออดไม่ได้ที่จะถามถึงคุณธนิน เจ้าของฟาร์ม "คุณศักดิ์คะ คุณธนินทร์ล่ะคะ" คุณพิมถามออกไป คุณศักดิ์หันมายิ้มให้เธอ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงปกติ "อ๋อ...คุณธนินทร์แกอยู่ในฟาร์มม้าทั้งวันเลยครับ วันนี้มีเรื่องต้องจัดการเยอะหน่อย" คำตอบของคุณศักดิ์ทำให้พิมชะงักไปเล็กน้อย ฟาร์มม้า...ทั้งวัน? ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัว เธอหันกลับไปมองทางคอกม้าอีกครั้ง ชายผู้ลึกลับที่เธอเพิ่งคุยด้วยเมื่อครู่... เขาก็อยู่ในฟาร์มม้าเช่นกัน พิมพยักหน้าเล็กน้อยให้กับคำตอบของคุณศักดิ์ ความคิดที่แวบขึ้นมาเมื่อครู่จางหายไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก แค่คิดว่า คุณธนินทร์ คงเป็นคนที่ยุ่งมากจริงๆ ถึงขนาดทำงานในฟาร์มม้าจนถึงเย็นย่ำขนาดนี้ ในจังหวะนั้นเอง น้องทีโอ เด็กชายวัย 5 ขวบก็เดินเข้ามาใกล้ พิมมองสำรวจเด็กน้อยตรงหน้า... ดวงตากลมโต แก้มยุ้ยๆ และเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ดูมีเชื้อลูกครึ่งปนอยู่เล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาน่ารักน่าเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก น้องทีโอยังคงดูงัวเงียเล็กน้อยจากการเดินทางและคงจะเหนื่อยจากการเรียนมาทั้งวัน คุณศักดิ์ยิ้มให้น้องทีโออย่างอบอุ่น ก่อนจะผายมือมาทางพิม "น้องทีโอ นี่คือพี่พิมนะครับ พี่พิมจะมาดูแลแล้วก็มาอยู่เป็นเพื่อนทีโอไง" น้องทีโอเงยหน้าขึ้นมอง’ พี่พิม’ ด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ริมฝีปากเล็กๆ เผยอออกน้อยๆ ราวกับจะประเมินสถานการณ์ พิมย่อตัวลงเล็กน้อยให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกับน้องทีโอ รอยยิ้มอบอุ่นประดับอยู่บนใบหน้าสวยหวาน "สวัสดีค่ะน้องทีโอ" เธอเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นภาษาอังกฤษ พลางยื่นนิ้วเรียวไปเขี่ยแก้มยุ้ยๆ ของเด็กชายเบาๆ ด้วยความเอ็นดู น้องทีโอจ้องมองคุณพิมด้วยแววตาซุกซน ก่อนจะเผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา "จากนี้เรามาเป็นเพื่อนกันดีไหมคะ" พิมถามด้วยรอยยิ้มหวานจับใจ หวังว่าจะสร้างความคุ้นเคยและสบายใจให้กับเด็กน้อย น้องทีโอพยักหน้าเล็กน้อย แม้จะยังไม่พูดอะไรออกมา แต่ท่าทางก็บ่งบอกถึงการตอบรับ ในขณะที่พิมกำลังเพลิดเพลินกับการสร้างมิตรภาพแรกกับน้องทีโอและคุณศักดิ์ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองมายังทั้งสามคนจากระยะไกลออกไป ชายคนหนึ่งยืนกอดอกอยู่ที่โรงเก็บของข้างบ้านที่อยู่ถัดไป เขามองมายังภาพตรงหน้าอย่างเงียบงัน ใบหน้าภายใต้หมวกและผ้าปิดหน้ายังคงไร้อารมณ์ใดๆ แต่แววตาที่มองตรงมานั้นลึกล้ำเกินคาดเดา หลังจากทำความรู้จักกันคราวๆ แล้ว พิมพาน้องทีโอเข้าไปในข้างใน เธอช่วยเขาถอดรองเท้า เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่นจากการเล่นซนมาทั้งวัน ก่อนจะพาไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น น้องทีโอแม้จะดูเงียบๆ แต่ก็ให้ความร่วมมือดี น่ารักน่าเอ็นดูเสียจนพิมรู้สึกผ่อนคลายจากความกังวลในตอนแรก ................. มื้อเย็นถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วบนโต๊ะอาหาร พิมตักอาหารให้น้องทีโออย่างเอาใจใส่ พยายามชวนคุยเรื่องราวในโรงเรียน แม้จะได้คำตอบกลับมาเป็นเสียงอืออาบ้าง หรือประโยคสั้นๆ ไม่กี่คำ แต่แววตาของน้องทีโอก็บ่งบอกว่าเขากำลังสนุกกับการมีเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารด้วย "อร่อยไหมคะทีโอ" พิมถามเมื่อเห็นน้องทีโอกินข้าวคำโต น้องพยักหน้าหงึกหงักพร้อมรอยยิ้มเปื้อนข้าวที่มุมปาก พิมหยิบทิชชูมาเช็ดให้เบาๆ รู้สึกถึงความผูกพันเล็กๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างเธอกับเด็กชายตัวน้อย ขณะที่บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นของการเริ่มต้น พิมไม่รู้เลยว่า นอกหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นไปยังบริเวณคอกม้า ชายผู้ลึกลับคนนั้นยังคงยืนอยู่ตรงจุดเดิม เขาไม่ได้อยู่ใกล้พอที่จะได้ยินบทสนทนา แต่เขากลับมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวของเธอและน้องทีโอ แสงสุดท้ายของวันยามสนธยาอาบไล้ร่างสูงใหญ่ของเขา ทำให้เงาของเขาทอดยาวและดูมืดมิดกว่าเดิมเล็กน้อย แววตาคมกริบคู่เดิมยังคงจับจ้องมองมาอย่างไม่วางตา ราวกับกำลังประเมินทุกสิ่งทุกอย่าง หลังจากมื้อค่ำที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น พิมพาน้องทีโอมานั่งเล่นที่โซฟากว้างในห้องนั่งเล่น เธอเปิดหนังสือนิทานภาพเล่มใหญ่ให้น้องดู น้องทีโอนอนพิงแขนพิมอย่างสบายใจ มองรูปภาพสีสันสดใสในหนังสือ "ทีโอครับ" เธอเอ่ยถามเบาๆ พลางลูบผมเด็กน้อย "ปกติคุณพ่อกลับมืดแบบนี้ตลอดเลยเหรอ" เธอพยายามถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากให้น้องรู้สึกกังวล แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ถึงเวลาการทำงานของคุณธนินที่ดูจะดึกดื่นเกือบทุกวันตามที่คุณศักดิ์บอก น้องทีโอเงยหน้าขึ้นจากหนังสือนิทาน ดวงตากลมโตมองพิม ก่อนจะพยักหน้าเล็กๆ "แดดดี้ทำงานดึกๆ ครับ" เขาตอบสั้นๆ ด้วยเสียงเล็กๆ ของเด็กวัยห้าขวบ ราวกับว่านี่เป็นเรื่องปกติที่เขาคุ้นเคย คำตอบของน้องทีโอทำให้พิมรู้สึกได้ว่าคุณธนินคงทำงานหนักมากจริงๆ เขาอาจจะไม่ได้เป็นแค่เจ้าของฟาร์ม แต่ยังต้องลงมือทำเองเกือบทุกอย่าง จึงไม่มีเวลาดูแลลูกชายอย่างเต็มที่ พิมยิ้มหวานให้น้องทีโอ พลางลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนของเขาอย่างอ่อนโยน "ได้เลยค่ะ ให้แดดดี้ทำงานไปเนอะ" เธอพูดย้ำอย่างเข้าใจสถานการณ์ ก่อนจะชวนทีโอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก "ทีโออยู่กับพี่พิมแบบนี้ทุกวันเลยดีไหมคะ" น้องทีโอยิ้มกว้าง ตอบรับด้วยรอยยิ้มที่สดใส เด็กน้อยพยักหน้ารัวๆ ใบหน้าเล็กๆ ซบลงกับแขนของพิมอย่างสนิทใจ ท่าทางของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าพอใจกับข้อเสนอของเธอมากแค่ไหน พิมยิ้มรับกับท่าทางออดอ้อนของเด็กน้อยและรู้สึกได้ถึงความผูกพันเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ นี่คือความรู้สึกอบอุ่นที่แตกต่างจากการเป็นแอร์โฮสเตส มันคือความรู้สึกของการได้ดูแลใครสักคนอย่างใกล้ชิด ความรู้สึกที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสในการมาทำงานในครั้งนี้ -🖤🤍🖤-บทที่ 64 การจัดการของธนินทร์"ส่วนหลังจากนั้น..." ธนินทร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลม "ตอนพิมกลับไปบิน ผมจะจัดตารางงานตัวเองเพื่อไปหาพิมให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้""ทุกครั้งที่พิมมีวันหยุดเราจะอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าพิมจะอยู่ที่ไหนก็ตาม" ธนินทร์กล่าวอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม "ถ้าพิมสะดวกที่จะกลับมาที่นี่ ผมก็จะจัดเตรียมทุกอย่างให้พิมกลับมาพักผ่อนที่บ้านหลังนี้ได้อย่างเต็มที่""... ผมจะโทรหาพิมทุกวัน” ธนินทร์กล่าวอย่างมั่นใจ "เราจะวิดีโอคอลกันทุกคืนก่อนนอน ถ้าพิมไม่เหนื่อยเกินไป""ผมจะทำให้พิมรู้สึกว่า ผมอยู่ข้างพิมเสมอ ไม่ว่าพิมจะอยู่บนฟ้า หรืออยู่ต่างประเทศ" ธนินทร์กระชับมือพิมแน่น "ความสัมพันธ์ของเราจะไม่ทรมาน อย่างที่พิมกังวล""ผมจะพิสูจน์ให้พิมเห็นว่า ผมพร้อมที่จะเป็นที่พึ่งให้พิมได้เสมอ ไม่ว่าพิมจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม"ธนินทร์เพิ่งนำเสนอแผนการที่เป็นรูปธรรมในการดูแลพิมในความสัมพันธ์ทางไกล แต่พิมกลับยังคงเต็มไปด้วยความกังวล เธอคิดถึงแฟนคนปัจจุบันที่แม้จะToxicแต่ก็อยู่เคียงข้างกันเสมอ"ถ้าเราจะคบกันจริงๆในฐานะแฟน แล้วต่างคนต่างอ
บทที่ 63 บทสนทนาที่เกินเรื่องธนินทร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคง "เรื่องที่พิมต้องกลับไปบิน... พิมไม่ต้องกังวลเลย""สองเดือนที่พิมอยู่กับผมที่นี่... ผมจะทำให้พิมมั่นใจว่า ผมจริงจังมากแค่ไหน""ส่วนเรื่องหลังจากนั้น... ไม่ว่าพิมจะไปอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร" ธนินทร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพิม "ผมก็จะอยู่ตรงนี้เสมอ และพร้อมที่จะรอพิม"‘แปลว่านี้จะกลาย... เป็น Love with Long Distance สินะ’ พิมคิดในใจ เธอไม่เคยต้องการอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้เลย ‘มีแฟนเหมือนไม่มี’ พิมรู้สึกเหนื่อยใจกับความคิดที่ตีกันอยู่ในหัว ‘ความสัมพันธ์นี้คงไม่เวิร์คแน่ๆ มีอุปสรรคเยอะไป มีสิ่งให้กังวลเยอะไป’ เธอคิดถึงความยากลำบากของการคบหากันทางไกล ทั้งระยะทาง เวลาที่ไม่ตรงกัน ความเหงา และความไม่มั่นคงชายหนุ่มมองออกว่าพิมกำลังครุ่นคิดอย่างหนักและเห็นแววความกังวลในดวงตาของเธอ เขารู้ว่าพิมกำลังมองเห็นอุปสรรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"ผมรู้ว่าพิมกำลังคิดอะไรอยู่" ธนินทร์กล่าวเสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น "พิมกำลั
บทที่ 62 อย่าเล่นกับธนินทร์ mini NC+ธนินทร์ไม่ยอมปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอดเขากลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและกดศีรษะของเธอลงมาอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เธอขัดขืนได้หญิงสาวรู้ทันทีว่าเขาจะทำอะไร มือที่เคยดันอกกว้างไว้แน่น รีบดึงขึ้นมาปิดปากของเขาไว้แทน ในเสี้ยววินาทีนั้นร่างกายส่วนบนของพิมก็แนบชิดไปทั้งตัวบนร่างกายส่วนบนของธนินทร์ มือนิ่มขวางกั้นระหว่างริมฝีปากหนานุ่มของเขากับริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไว้ธนินทร์รู้สึกถึงแรงปะทะจากมือบางที่ปิดปากเขาไว้แต่เขากลับไม่ได้โกรธหรือหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นความปรารถนาที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ดวงตาของเขาจ้องมองพิมอย่างลึกซึ้งและร้อนแรงเขาไม่ได้ถอยกลับหรือหยุดสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ ใบหน้าคมยังคงโน้มเข้าหามือของพิมที่ปิดปากเขาไว้ราวกับจะพยายามจูบผ่านฝ่ามือของเธอให้ได้ ริมฝีปากของเขาเม้มแน่นลงบนฝ่ามือของพิมเป็นการแส
บทที่ 61 ยั่วนักหรอคำพูดของพิมเป็นการเสนอทางออกที่เธอคิดว่านี้คือสิ่งที่ผู้ชายทุกคนต้องการ และธนินทร์ก็เป็นหนึ่งในผู้ชายพวกนั้น เธอมองว่าก็ตกลงให้ชัดเจนไปเลยเพื่อตัดจบความสัมพันธ์ โดยไม่ต้องมาเร้ารือหรือพยายามมากมายอย่างที่เขากำลังทำอยู่ให้เสียเวลาธนินทร์ชะงักค้างอยู่กลางอากาศใบหน้าของเขาที่กำลังจะโน้มลงไปจูบพิมแข็งทื่อไปในทันที แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความปรารถนาและความอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นความโกรธที่ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง ธนินทร์ไม่เคยถูกดูถูกแบบนี้มาก่อนโดยเฉพาะจากคนที่เขาตั้งใจจะจริงจังและปรารถนาร่างสูงถอนใบหน้าออกจากพิมอย่างรวดเร็วจนเกิดระยะห่างขึ้นอีกครั้ง มือที่เคยแตะแก้มพิมอย่างอ่อนโยน ลดลงมาบีบที่วางแขนเก้าอี้ของตัวเองแน่นจนข้อกระดูกขาวโพลน กรามของเขาขบกันจนขึ้นเป็นสันนูนสาวตาคมมองพิมด้วยแววตาที่เย็นชาและดุดันราวกับพยายามควบ
บทที่ 60 จริงจังหรือแค่อยากได้พิมมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำสะท้อนถึงความเจ็บปวดและความสับสนที่ถาโถมเข้ามาในใจ เธอรับรู้ถึงความจริงใจในแววตาและคำพูดของเขาแต่ก็ยังคงไม่เข้าใจในจุดยืนของธนินทร์"ถึงแม้พิมจะกลับไปหาเขางั้นเหรอ...?" พิมถามเสียงแผ่วใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ เธอไม่รู้ว่าธนินทร์จะยังคงยืนยันคำพูดนั้นอยู่หรือไม่ หรือเขาแค่พูดไปอย่างนั้นเพราะไม่ได้รู้สึกกับเธอมากขนาดนั้นเขามองพิมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงจังและความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง มือที่จับหลังมือของเธออยู่ก็กระชับขึ้นเล็กน้อย ราวกับจะส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดไปให้เธอ"ใช่...." ธนินทร์กล่าวเสียงทุ้มต่ำและหนักแน่น ทุกคำพูดชัดเจนและตรงไปตรงมาจนพิมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอก"ไม่ว่าพิมจะเลือกทางไหน... ผมก็จะยังอยู่ตรงนี้เสมอ"เ
บทที่ 59 ความสัมพันธ์เป็นพิษ"แล้วพี่จะยอมไปหรอ เครื่องลำเดิม" พิมถามด้วยความเป็นห่วงปลายสายเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง ตอบในทำนองว่า ก็เพราะไม่ยอมนั่นแหละถึงไฟลต์ดีเลย์ แต่สุดท้ายถ้าบริษัทให้ไปก็ทำอะไรไม่ได้"อือม ก็จริง" พิมพึมพำตอบด้วยความเข้าใจในสถานการณ์ของแฟนธนินทร์ที่นั่งฟังบทสนทนาอยู่ตลอดเวลา สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยแต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินว่าแฟนของเธอหงุดหงิดที่พิมแสดงความเป็นห่วง ธนินทร์รู้สึกว่าชายคนนี้ ไม่ได้มีวุฒิภาวะพอที่จะดูแลความรู้สึกของพิมความรู้สึกของเขาจากความหงุดหงิดส่วนตัวกลายเป็นความห่วงใยพิมอย่างแท้จริง และความมุ่งมั่นที่จะปกป้องหญิงสาวไม่ให้ต้องอยู่กับคนแบบนี้ชัดเจนและแน่วแน่ขึ้นเรื่อยๆการสนทนาดำเนินมาจนใกล้จะจบ เพราะพิมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับคนรักอีก เพราะดูเหมือนทุกอย่างที่เธอพูดมันสามารถทำให้เขาหงุดหงิดได้ทุกอย่าง"งั้นพี่ไปพักเถอะ หนูไม่กวนดีกว่า" พิมเอ่ยเสียงแผ่วลง เธอเริ่มไม่อยากคุยแล้ว เพราะโดนหงุดหงิ







