แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: โมเนโต้
ขณะที่เฟนด์กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ที่มีใบหน้ามอมแมมกำลังเดินขึ้นไปที่ประตูและแอบมองเข้าไปข้างใน

หนูน้อยตัวเล็กดูค่อนข้างผอมแห้ง ดูเหมือนเธออายุจะราวๆ สี่หรือห้าขวบ มีผิวสีเหลืองเล็กน้อย เหมือนร่างกายของเธอจะขาดสารอาหาร

“หนูน้อยคนนี้ดวงตาของเธอนั้นดูคล้าย เซลีน่า!”

เมื่อเห็นท่าทางน่ารักของหนูน้อยคนนี้เฟนด์ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

สาวใช้คนหนึ่งของครอบครัวเทย์เลอร์ออกมา เธอมองไปที่การ์ดที่ยืนอยู่ข้างประตู เธอดึงหนูน้อยไปอีกมุมนึง

ด้วยเหตุผลบางอย่างอาจจะเป็นเพราะหนูน้อยนั้นมีความคล้ายคลึงกับเซลีน่าจึงทำให้เฟนด์เกิดความความสนใจขึ้นมา เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาพวกเธอ

จากนั้นเขาก็เห็นสาวใช้หยิบขนมปังสองชิ้นออกมาจากกระเป๋าของเธออย่างระมัดระวัง และส่งให้หนูน้อยคนนั้น “ไคลี วันนี้มีแค่สองชิ้นนะ!”

“ขอบคุณค่ะ พี่สาวคนสวย!”

หนูน้อยกลืนน้ำลายลงคอ เห็นได้ชัดว่าเธอหิวโหย

“เร็วเข้า รีบกินซะ!”

สาวใช้ลูบหัวของหนูน้อยเบา “เฮ้อ, นายน้อยเทย์เลอร์ช่างโหดร้ายเกินไป!”

“ไม่ หนูจะกลับบ้านไปกินกับคุณแม่ คุณปู่ และคุณย่า!”

หนูน้อยหยิบขนมปังขึ้นมาก่อนจะยิ้มอย่างมีความสุข สำหรับเธอแล้วขนมปังสองก้อนในมือของเธอนั้นคล้ายกับสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

รถสปอร์ตแล่นเข้ามาด้านข้างอย่างรวดเร็ว ตามด้วยรถออดี้ A6s อีกจำนวนหกคัน

“อีวาน เทย์เลอร์?”

เฟนด์จำชายคนนั้นได้ทันที หลังจากห้าปีผ่านไปนายน้อยเทย์เลอร์ ดูโตขี้น อย่างไรก็ตามถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เขายังคงขี้ขลาดอยู่เหมือนเคย

“หึๆ ชาวน่าเธอซ่อนอะไรอยู่ตรงนั้น? เอามันออกมาให้ฉันดู!”

อีวานถามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

“มะ-มะ-ไม่มีอะไรค่ะ…”

สาวใช้ส่ายหัวซ้ำๆ ในขณะเดียวกันไคลีตัวน้อยก็ก้มหัวลงราวกับว่าเธอทำผิดพลาด

“ไคลีไหนเธอช่วยบอกฉันทีว่าพี่สาวคนสวยคนนี้เอาอะไรมาให้เธอ”

อีวานก้มลงและถามหนูน้อยตัวเล็ก ๆ

“หนูไม่ขอบอกคุณ คุณเป็นคนไม่ดี คุณเป็นคนเลวมากๆ”

ไคลี เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเม้มริมฝีปาก

“คนเลว?”

อีวาน หัวเราะเบา ๆ “แม่ของแกทำลายชื่อเสียงตระกูลเทย์เลอร์ของเราด้วยการให้กำเนิดแก แม่ของแกคือตัวซวย!”

ด้วยคำพูดนั้น อีวานลุกขึ้นและจ้องมองไปที่การ์ดทั้งสองคน

“ชาวน่าแกมันหน้าด้าน แกกล้าเอาอาหารมาให้ลูกนอกคอกนี่ได้ยังไง? แกอยากตายนักใช่ไหม?”

อีวานยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็ใช้หลังมือตบเข้าไปที่ใบหน้าของชาวน่า

“อย่ามาตีพี่สาวนะ คุณใจร้าย!”

เมื่อเห็นอย่างนั้นหนูน้อยตัวเล็กๆ ก็วิ่งเข้าไปจับขาของอีวานทันทีแและกัดมันแน่น

“อ๊าก!”

อีวาน กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและผลักไคลีลงไปที่พื้น “แกเกิดปีหมารึไง? ไอ้หมาบ้า แกกล้ากัดฉันได้ยังไง”

“ฮือ..ฮื..อ… คุณเป็นคนไม่ดี คุณมันเลวมาก!”

ไคลี ถูกผลักลงไปที่พื้นและเริ่มร้องไห้

“นี่คือขนมปังที่พี่สาวที่น่ารักของแกเอามาให้แกกิน มากินมัน แกและพี่สาวของแกแบ่งกันกินคนละอัน”

จากนั้นเขาก็โยนขนมปังลงบนพื้น และบดขยี้มันด้วยรองเท้าหนังของเขา จากนั้นอีวานก็พูดว่า “ถ้าแกไม่กิน ฉันก็จะทุบมือของมันและของแกด้วย!”

“นายน้อยฉันจะกินมันเอง อย่าทำให้เด็กตัวเล็กๆต้องลำบากได้ไหมคะ ฉันขอร้อง? ไคลียังคงเป็นลูกสาวของคุณเซลีน่า เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณ!”

ชาวน่า คุกเข่าลงบนพื้นและคว้าขนมปังขณะที่เธอเงยหน้ามองขึ้นไปที่ใบหน้าของอีวาน เทย์เลอร์ ที่สูงและยิ่งใหญ่ด้วยสีหน้าน่าสมเพช

“ลูกสาว...ของเซเลน่า?”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นความคิดของเฟนด์ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สรุปเซลีน่าจะมีลูกสาวได้อย่างไร? นอกจากนี้เซลีน่าเธอยังเป็นลูกสาวของนายท่านเทย์เลอร์ ลูกสาวของเธอจะเป็นเหมือนขอทานไปได้อย่างไร?

“เธอบอกว่าจะรอฉันไม่ใช่เหรอ? เป็นไปได้ไหมที่เธอแต่งงานใหม่ทันทีหลังจากที่ฉันเข้าสู่สงคราม?”

ตาของเฟนด์เปลี่ยนเป็นสีแดง เขาหัวเราะอย่างขมขื่นในใจและรู้สึกว่าเขาช่างไร้เดียงสาจริงๆ เขาคิดได้อย่างไรว่าเซเลน่าจะรอเขาจริงๆ

“ฮ่าๆ พ่อของแกเสียชีวิตในสนามรบไปนานแล้ว ใครจะไปรู้ว่ากี่ปีแล้ว แกก็เป็นแค่ลูกนอกคอกเท่านั้น!”

“นอกจากนี้ในตอนแรกเราได้จัดการให้เซลีน่าปลอมการแต่งงานของเธอกับเด็กส่งของที่ไร้ประโยชน์คนนั้น แต่ปรากฎว่าเธอท้องกับเด็กถังขยะคนนั้นจริงๆ เราบอกให้เธอทำแท้งลูกของมันซะ แต่เธอก็ยืนยันที่จะเก็บมันไว้!”

“เธอสมควรได้รับชะตากรรมในวันนี้ทั้งหมด นี่คือชะตากรรมของคนที่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเราพังทลาย!”

อีวานหัวเราะเสียงดังลั่น

ในตอนนั้นหัวใจของเฟนด์ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย หนูน้อยเนื้อตัวมอมแมมสกปรกที่ใส่เสื้อผ้าขาดๆเป็นลูกสาวของเขาเองงั้นเหรอ?

เขากำหมัดแน่น ขณะที่ความโกรธเข้าครอบงำเขา เซเลน่าจะเจอกับอะไรบ้างในช่วงห้าปีที่ผ่านมานี้?

“เธอจะกินมันหรือไม่? ถ้าไม่กิน อย่าแม้แต่คิดที่จะออกไปจากตรงนี้!”

อีวานคว้าขนมปังสกปรกที่เขาเหยียบขึ้นมา แล้วอุ้มไคลีขึ้นด้วยมือเดียว จากนั้นเขาก็ยัดขนมปังเข้าไปในปากของเด็กหญิง

“ฮือ, ฮืออ… ผู้ใหญ่ใจร้าย หนูไม่กิน หนูไม่กิน…”

เท้าของเด็กหญิงเตะลอยไปในอากาศ โดยขาข้างหนึ่งในนั้นเกี่ยวกับเสื้อผ้าของอีวาน

“ไอ้เด็กเวร แกกำลังร้องหาความใช่ไหม แกรู้ไหมว่าเสื้อผ้าของฉันราคาแพงขนาดนั้นไหน?”

อีวานมองไปที่มันจากนั้นก็เหวี่ยง ไคลี ออกไปอย่างแรง

“คุณมันน่ารังเกียจ! เธอเป็นหลานสาวของคุณนะ!”

เส้นเลือดของ เฟนด์ ปูดออกมาจากขมับของเขา ไคลีเป็นเด็กตัวเล็ก ถ้าเธอถูกโยนลงไปแบบนั้นและกระแทกพื้น เธอจะไม่เป็นไรได้อย่างไร?

เขาก้าวเดินออกไป, จากนั้นก็กลายเป็นภาพเบลอและปรากฏตัวต่อหน้า อีวาน จากนั้นเขาก็ยื่นแขนไปจับไคลี ที่เพิ่งถูกโยนออกไป

“อ๊าา!”

ไคลี ตกตะลึง เธอเบิกตาโตของเธอและจ้องมองไปที่ชายที่กล้าหาญผู้นั้น

“ คุณลุงคะะ...คุณเป็นใคร”

ไคลีจ้องไปที่เฟนด์ด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ต้องกลัวไคลี จะไม่มีใครกล้ารังแกคุณหรือแม่ของคุณได้อีกในอนาคต!”

หัวใจของ เฟนด์ สั่นสะท้านเมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกของครอบครัวเขาที่ถูกชะล้าง นี่คือลูกสาวของเขาเอง เธอคือลูกสาวของเขากับเซเลน่า

“มันเป็นใครวะ? ใครมันช่างกล้าที่จะมายุ่งเรื่องของตระกูลเทย์เลอร์

อีวานโกรธมากหลังจากถูกจับได้ และเขาเกิดความแปลกประหลาดใจอย่างมาก

ในช่วงห้าปีเฟนด์ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เขาเปลี่ยนจากเด็กส่งของธรรมดามาเป็นนักรบสูงสุดคนเดียวของดัสเซีย อีวานไม่สามารถจำเขาได้ในช่วงเวลาสั้นๆนั้นได้

“วันนี้ฉันขอมีส่วนร่วมในเรื่องนี้แน่นอน!”

เฟนด์ยิงเขาด้วยแววตาที่เย็นชา กลิ่นอายของเขาที่ปนเปื้อนไปด้วยการนองเลือดนับไม่ถ้วนทำให้ อีวาน ก้าวถอยหลังออกไปสองสามก้าวด้วยความหวาดกลัว

“ไคลี ไม่ต้องกลัว ฉันจะปกป้องหนูเอง!”

เฟนด์ มองไปที่ไคลีที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยความรักจากนั้นค่อยๆวางเธอลงบนพื้น

“พวกแกยืนงงทำอะไรกัน? ไปหักแขนขาของมันมาเดี่ยวนี้!”

เมื่อจ้องมองไปที่การ์ดที่สูงและแข็งแกร่งทำให้ อีวาน รู้สึกมั่นใจ

“ไอ้สารเลว แกมันหน้าด้านจริงๆ แกกล้าดียังไง ที่กล้ามายุ่งเรื่องของนายน้อยเทย์เลอร์!”

การ์ดหลายสิบคนรุมล้อมรอบเฟนด์

ปัง, ปัง, ปัง!

น่าเสียดายที่ก่อนที่อีวานจะมองเห็นได้ชัดเจน การ์ดทั้งหมดก็นอนลงบนพื้นซะแล้ว

“อ๊ากกก, มือของฉันหัก!”

“ขาฉัน! ขาของฉัน!”

เมื่อเห็นการ์ดที่ล้มนอนอยู่บนพื้น อีวานก็รู้สึกกลัวและใบหน้าของเขาก็เริ่มถอดสี

“นะ-นะ-นาย นายเป็นใคร ฉันเป็นนายน้อยเทย์เลอร์ของตระกูลเทย์เลอร์ ทุกสิ่งจะไม่จบลงด้วยดีหากนายทำให้ฉันไม่พอใจ!” อีวานกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเสียงของเขาสั่นเทา

"ฉันเป็นใครนะเหรอ? หึๆ ฉันเป็นคนที่ไปสนามรบแทนแก!”

การจ้องมองของเฟนด์นั้นดูดุดันน่ากลัว “อีวาน เทย์เลอร์ ฉันต่อสู้เพื่อแกและเผชิญหน้ากับความตายแทนแก มีหลายสิบครั้งที่ฉันเกือบจะตาย แต่แกอยู่ที่นี่กับให้อาหารลูกสาวของฉันกิน ด้วยการกินขนมปังที่ถูกแกเหยียบงั้นเหรอ?”

“นายคือเฟนด์? เป็นไปไม่ได้ ตลอดเวลาห้าปีไม่เคยมีข่าวคราวใดๆ นายจะมีชีวิตรอดกลับมาได้ยังไง?”

ไม่เพียงแต่ครอบครัวเทย์เลอร์เท่านั้น แม้แต่ผู้คนในเมืองอาณาเขตกลาง ก็คิดว่า เฟนด์ ได้เสียชีวิตแล้ว ตามรายงานการสู้รบเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามันดูโหดร้ายเกินไปและมีผู้เสียชีวิตมากมาย

“ฉันขอโทษ แต่โชคชะตาเข้าข้างฉัน ทำให้ฉันตายไม่ได้!” เฟนด์ยิ้มเยาะจากนั้นเตะส่งให้เขาทันที

อีวาน ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบริเวณหัวเข่าทำให้ร้องด้วยความเจ็บปวด

“กินขนมปังสองชิ้นนั้นซะ ไม่อย่างนั้น ฉันไม่สนว่าแกจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเซเลน่าหรือไม่ ฉันจะทำกับแกเหมือนเป็นสัตว์แบบที่แกชอบเป็น!”

เฟนด์ หยิบขนมปังที่คลุกไปด้วยดินทั้งสองลูกและโยนมันให้ อีวาน กินด้วยสายตาที่ไร้ความปราณี
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status