เข้าสู่ระบบมาเฟียหนุ่มใช้กุญแจไขเข้าไปในห้องหญิงสาวอย่างแผ่วเบาและเหมือนโชคจะเข้าข้างเขาเมื่อเดินเข้ามาก็พบว่าหญิงสาวกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
"หึ" เสียงเค้นหัวเราะดังกระหึ่มในลำคอหนาอย่างเย้ยหยัน เท้าใหญ่ก้าวมาหยุดข้างเตียงก่อนค่อยทๆ วางงูในมือลงข้าง ๆ ร่างบางระหง ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าของคนที่นอนหลับตาพริ้มอย่างนึกรังเกียจแค่คิดว่าตัวเองต้องรวมหอลงโล่งกับผู้หญิงหน้าตาน่ารังเกียจแบบนี้เขาก็ขนลุกขนพองแล้ว "เล่นให้สนุกนะลูกรัก" เขายืนมองงูเผือกที่กำลังเลื้อยขึ้นบนตัวหญิงสาวด้วยสายตายากเกินคาดเดาก่อนพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกจากห้องไป "อื้อ" เสียงงัวเงียเปล่งออกจากริมฝีปากบางของคนที่นอนอยู่เมื่อถูกรบกวนเวลานอน มือเล็กยกขึ้นคลำบนตัวไปเรื่อย ๆ จนมือไปโดนเข้ากับอะไรบางอย่างนิ่ม ๆที่กำลังขยับอยู่ทตาคู่สวยค่อย ๆ หรี่ขึ้นมองก่อนที่เธอจะร้องกรีดออกมาด้วยความตกใจ "กรี๊ดดด!" มาเฟียหนุ่มที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องนั่งเล่นเพื่อรอดูผลงานของตัวเองเหยียดยิ้มมุมปากด้วยความสะใจเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากชั้นสอง เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสุขก่อนก้าวเท้าเดินขึ้นบันใดตรงไปยังห้องของหญิงสาว แกร๊ก! เหมยเมยที่อยู่ในอาการหวาดกลัวเนื้อตัวสั่นเทากนมองประตูอย่างมีความหวังเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูแต่เธอก็ต้องหุบยิ้มลงในทันทีเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาความหวังอันน้อยนิดพลันดับสลายลงในพริบตา "งะ...งูชะ..ช่วยด้วยช่วยเอามันออกไปที" ทว่าตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกได้แต่เปล่งเสียงสั่นเครือขอความช่วยเหลือจากคนที่เดินเข้ามายืนข้างเตียงแล้วมองเธอด้วยสายตาเย็นชา แต่เหมือนคำขอร้องของเธอจะไร้ความหมายยิ่งเธอแสดงอาการหวาดกลัวมากเท่าไรมาเฟียหนุ่มก็ยิ่งชอบใจมากเท่านั้น "กลัวเหรอถ้ากลัวก็ออกไปจากที่นี่ซะ" มาเฟียหนุ่มยืนมองร่างบางที่สั่นเทาเหมือนลูกแมวตกน้ำด้วยแววตาเย็นชาก่อนแสยะยิ้มใส่หญิงสาวอย่างสะใจแล้วเดินจากไป "คุณอย่าเพิ่งไปกลับมาช่วยฉันก่อน" เหมยเมยได้แต่ร้องเรียกตามหลังร่างสูงที่กำลังเดินจากไปเพื่อหวังให้เขาเห็นใจแต่ก็ไร้ประโยชน์แทนที่เขาจะกลับมาช่วยกลับหันมาพูดขู่เธอแทน "ถ้าไม่อยากโดนมากกว่านี้ก็รีบออกไปจากที่นี่ซะ" หญิงสาวถึงกับใจหายวูบเธอเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมงูถึงมาอยู่ในห้องเธอได้คงเป็นฝีมือของมาเฟียหนุ่มอยากกลั้นแกล้งให้เธออยู่ไม่ได้แล้วหลบผ้าออกไปจากที่นี้ "ใจเย็น ๆ เหมยตั้งสติมันเป็นสัตว์เลี้ยงมันคงไม่ทำร้ายคนหรอก" เธอผ่อนลมหายใจเข้าออก 2-3 ครั้งเพื่อให้ตัวเองคลายความกลัวลง ก่อนวางมือสั่นเทาบนลำตัวของงูเผือกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วลูบไปมาเบา ๆ เพื่อทำความคุ้นชินกับมัน "เราเป็นเพื่อนกันนะเจ้างูเผือกเพราะฉะนั้นแกอย่ากัดเพื่อนคนนี้นะ" "กรี๊ดด!" แต่แล้วเธอก็ต้องกรีดร้องออกมาเสียงหลงพร้อมกับหลับตาปี้เมื่อจู่ ๆ เจ้างูเผือกที่นอนนิ่งอยู่ผงกหัวขึ้นมาจ่อหน้าจนเธอคิดว่ามันจะฉกเธอเข้าซะแล้ว เสียงกรีดร้องของหญิงสาวทำให้พีชกับหวงเฟยหงที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกถึงกับสะดุ้งก่อนรีบวิ่งขึ้นไปดู "หนูเหมยเป็นอะไรลูก...ว๊าย!" พีชที่รีบเปิดประตูแล้ววิ่งเข้ามาในห้องถึงกับร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นงูเผือกกำลังเลื้อยอยู่บนตัวเด็กสาว "ม๊าเหมยกลัว" เหมยเมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอขอบตาอย่างกลั้นไม่อยู่ "หนูเหมยไม่ต้องกลัวนะเดี๋ยวป๊าเอางูออกให้" หวงเฟยหงพูดปลอบใจพร้อมกับเดินเข้าไปจับงูเผือกออกจากตัวเด็กสาว "โอ้ ๆ ไม่เป็นอะไรแล้วนะหนูเหมยไม่ต้องกลัว" พีชรีบเข้าไปสวมกอดแล้วลูบหลังเด็กสาวเบา ๆ เชิงปลอบประโลม "ป๊าจะไปจัดการลูกชายตัวดีแทนหนูเอง" หวงเฟยหงมองเด็กสาวที่นั่งตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของภรรยาอย่างเอ็นดู ก่อนประกาศเสียงกร้าวแล้วเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องของบุตรชาย เขาจำได้ดีว่างูตัวนี่บุตรชายเลี้ยงเอาไว้และคงเป็นฝีมือบุตรชายที่อยากกลั้นแกล้งหญิงสาวเพื่อให้เธอกลัวแล้วย้ายออกไปจากที่นี่ แกร๊ก! เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้มาเฟียหนุ่มที่กำลังนั่งเอนหลังพักผ่อนสายตาอยู่บนโซฟาลืมตาขึ้นมาแล้วหันไปมองประตู เขาถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเดินอุ้มงูเข้ามาคงเข้ามาต่อว่าเรื่องที่เขาไปแกล้งหญิงสาวแน่นอน "แกไปแกล้งหนูเหมยทำไม่เกิดน้องเขาเป็นอะไรขึ้นมาแกรับผิดชอบไหวไหม ทำอะไรทำไมไม่รู้จักคิด" และมันก็เป็นไปตามที่เขาคิดผู้เป็นพ่อต่อว่าเขายกใหญ่ก่อนจะโยนงูเผือกใส่ "แล้วตายหรือยังละป๊าผมจะได้จัดงานศพให้" มาเฟียหนุ่มหาได้รู้สึกผิดสักนิดไม่ยังคงพ่นคำพูดแสนร้ายกาจใส่ผู้เป็นพ่ออย่างไม่สะทกสะท้าน "ฉันไม่เคยสอนให้แกรังแกผู้หญิงนะมังกร" หวงเฟยหงถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน้าตวาดบุตรชายอย่างเหลืออด "ป๊าไม่ได้สอนแต่ผมทำเองและผมจะทำจนกว่าเธอจะหอบผ้าออกจากคฤหาสน์" มาเฟียหนุ่มหาได้เกรงกลัวผู้เป็นพ่อสักนิดไม่เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกจากห้องไปเหมยเมยมองสบดวงตาของร่างสูงด้วยแววตาอ่อนโยนก่อนระบายยิ้มออกมา อุ้งมือนุ่มยกขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาไว้ เมื่อก่อนเธอคิดว่าตัวเองคงไม่สามารถรักและเริ่มต้นใหม่กับคนที่เคยทำร้ายตัวเองได้แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิดความดี ความรัก และความเอาใจใส่ของมาเฟียค่อย ๆ สมานรอยร้าวในใจของเธอให้ดีขึ้น หลอมละลายความโกรธแค้นเกลียดชังให้หายไปกลายเป็นความรู้สึกดี ๆ เข้ามาแทนก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เธอเริ่มตกหลุมรักคนตรงหน้ารู้ตัวอีกทีก็รักเขาเข้าแล้วจากวันนี้ไปเธอจะไม่ฝืนความรู้สึกตัวเองอีกแล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ..."คุณสัญญาแล้วนะ...หลังจากนี้หากคุณปกปิดอะไรฉันแม้แต่เรื่องเดียว หรือทำให้ฉันเสียน้ำตาฉันจะหอบลูกหนีเหมือนที่ม๊าคุณเคยทำ" ใบหน้าสวยเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันทีที่พูดจบ แววตาอ่อนโยนทว่าดูเด็ดเดี่ยวจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาเชิงสื่อให้รู้ว่าเธอพูดจริงทำจริง คนฟังถึงกับลอบกลืนน้ำลายเหนี่ยว ๆ ลงลำคออึกใหญ่ เขามันคนมีคดีติดตัวเธอว่าไงเขาก็คงต้องว่าตามนั้นแต่ก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่าเมียสาวรู้เรื่องนี้ได้ยังไงทั้งที่เขาไม่เคยเล่าให้เธอฟังเลยมิหน่ำซ้ำเจ้าหล่อนยังเอามาขู
'ครืด ครืด' "อื้อ" ร่างอวบอั๋นที่นอนหลับบนเตียงคิงไซส์รู้สึกตัวขึ้นมาในช่วงสายของวันใหม่เพราะโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงดังอย่างต่อเนื่อง มือเล็กเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมากดรับสายทั้งที่ตายังคงปิดอยู่ ก่อนกรอกน้ำเสียงงัวเงียลงตามสาย "ค่ะป๊า" (ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว) "นี่กี่โมงแล้วคะป๊า" (11 โมงแล้วลูก) "ค่ะงั้นเหมยวางสายละนะ" เหมยเมยค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาก่อนกดวางสายจากผู้เป็นพ่อแล้วรีบหยัดกายลุกลงจากเตียงเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว "ใส่ชุดไหนดีนะ" ดวงตากลมโตไล่มองชุดเดรสที่แขวนเรียงรายในตู้เสื้อผ้าอย่างชั่งใจเธอแอบมีความหวังเล็ก ๆ ว่าการกลับไปจีนในวันนี้จะได้เจอกับมาเฟียหนุ่มจึงอยากแต่งตัวให้ดูดีที่สุด รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับใบหน้าสวยที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางบางเบา เธออดขำกับการกระทำของตัวเองไม่น้อย ทว่ามันก็ไม่แปลกอะไรถ้าเธออยากจะดูสวยในสายตาของคนที่รู้สึกพิเศษด้วย มือเล็กเอื้อมไปหยิบชุดเดรสปาดไหล่สีฟ้าครามยาวคลุมเข่าออกมาสวมใส่ก่อนหมุนตัวไปมา 2-3 รอบหน้ากระจกบานใหญ่สำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง เมื่อจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยเธอก็เก็บของใช้จำเป็นใส่ในกระเป๋าเดิน
หลายวันต่อมา"คุณเหมยเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" เสียงของซุนหนี่ดึงให้ร่างอวบอั๋นที่นั่งเขี่ยข้าวในจานอย่างเหม่อลอยหลุดออกจากภวังค์ เธอถอนหายใจออกมาระคนเบื่อหน่ายก่อนตอบไป "แค่รู้สึกเบื่อ ๆ ค่ะ""คิดถึงคุณมังกรเหรอคะ" ซุนหนี่อดที่จะแซวไม่ได้เพราะตั้งแต่มาเฟียหนุ่มไม่อยู่หญิงสาวก็ดูเหงาหง่อยไม่สดใสเหมือนก่อน คนโดนแซวรีบปฏิเสธทันควัน "เหมยไม่ได้คิดถึงเขาสักหน่อยพี่ซุนหนี่""รู้สึกอะไรก็แสดงออกมาเถอะค่ะคุณเหมย...ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้อย่าหลอก อย่าฝืนตัวเองเลยค่ะสุดท้ายก็เป็นเราเองที่ทุกข์ใจปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามความรู้สึกดีกว่า" ซุนหนี่พูดทิ้งท้ายให้หญิงสาวได้คิดก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวเหมยเมยนั่งครุ่นคิดตามคำพูดของซุนหนี่เธอพยายามตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้มันคืออะไรเธอแค่คุ้นชินกับการมีเขาข้างกายหรือเขาได้แทรกซึมเข้ามาอยู่ภายในใจของเธอแล้วกันแน่เธอถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะลุกเดินขึ้นห้องไปทั้งที่ข้าวยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ด มืือเล็กเอื้อมไแหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงขึ้นมาต่อสายหาผู้เป็นพ่อเพื่อถามไถ่เรื่องของมาเฟียหนุ่มเพราะ
เหมยเมยนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนห้องปล่อยให้มาเฟียหนุ่มได้ทำงานจนเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงก็ไม่มีวี่แววว่ามาเฟียหนุ่มจะขึ้นมาสักทีทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้จนต้องเดินลงไปดูเมื่อมาถึงห้องนั่งเล่นก็พบว่าเขานั่งหลับอยู่ทั้งที่โน็ตบุ๊คยังเปิดคาไว้ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาระคนเห็นใจถึงแม้เขาจะเครียดหรืองานเยอะแค่ไหนก็ไม่เคยบกพร่องเรื่องการดูแลเธอ ไม่เคยอารมณ์เสียหงุดหงิดใส่ ไม่เคยแม้แต่ปริปากบ่นสักคำหากเขาไม่สนใจหรือไม่รับผิดชอบเธอก็ย่อมได้เพราะไม่ได้มีใครบังคับ ทว่าเขากลับยอมเสียสละความสุขและเวลาส่วนตัวมาให้เธอ"คงเหนื่อยมากสินะถึงได้หลับไม่เป็นท่าแบบนี้" เธอลอบถอนหายใจออกมาระคนหนักอกก่อนหมุนตัวเดินขึ้นไปหยิบผ้าห่มบนห้องนอนมาห่มให้เขาแล้วหย่อนสะโพกนั่งลงข้าง ๆ มือเล็กสัมผัสลงบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาอย่างแผ่วเบา "ขอบคุณที่คอยดูแลฉันกับลูกเป็นอย่างดีนะคะ" เสียงหวานเปล่งออกมาจากริมปากบางเบา ๆ ด้วยความซาบซึ้งใจในขณะที่อุ้งมือเล็กยังคงประคองใบหน้าหล่อเหลาอยู่โดยไม่รู้เลยว่าอีกคนตื่นตั้งแต่เธอห่มผ้าให้แล้ว"ผมเต็มใจดูแลคุณกับลูกไปตลอดชีวิต" มือเล็กรีบผละออกจากใบหน้าหล่อเหลาอย่างเร็วในตอนที่เสียงทุ
หลายเดือนต่อมา..วันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อย ๆ จากวันผ่านไปเป็นเดือนมาเฟียหนุ่มยังคงปฏิบัติต่อเหมยเมยเหมือนวันแรกที่เขาได้ลั่นวาจาไว้ การกระทำของเขาเริ่มสัมฤทธิ์ผลหญิงสาวยอมเปิดใจให้เขามากขึ้นความสัมผัสของทั้งสองคนเริ่มดีขึ้นตามลำดับตอนนี้เหมยเมยอายุครรภ์ได้หกเดือนกว่า ๆ แล้วท้องของเธอเริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันจะเดินเหินไปไหนก็ไม่ค่อยสะดวกเหมือนแต่ก่อน"มังกร" เสียงหวานเปล่งออกจากริมฝีปากบางของร่างอวบอั๋นที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องนอน คนถูกเรียกละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เงยมองหน้าเจ้าของเสียง "ว่าไงครับ" "รูดซิบชุดให้หน่อยฉันรูดไม่ถึง" สิ้นสุดคำพูดของหญิงสาวร่างสูงก็เก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกงทันที ก่อนหยัดกายลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปยืนซ้อนหลังร่างอวบอั๋นหน้ากระจกแล้วค่อย ๆ บรรจงรูดซิบชุดเดรสตัวโคล่งอย่างระมัดระวัง"ตื่นเต้นจังจะได้รู้แล้วว่าลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย" มาเฟียหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างมีความสุขเพียงแค่คิดว่าวันนี้จะได้รู้เพศของลูกหลังจากหญิงสาวอึกอักไม่ยอมไปอัตร้าซาวด์สักทีให้เหตุผลว่าอยากรอลุ้นตอนเกิดแต่เขาใจร้อนอยากรู้เลยอ้อนวอนทุกวันจนเธอรำคาญยอมอัตตร้าซาวด์ ใบหน้า
ภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบไร้เสียงตอบกลับจากร่างบางมีเพียงน้ำสีใสที่ค่อย ๆ ไหลออกทางหางตาซึ่งเป็นคำตอบได้ดีว่าเธอไม่โอเค และกำลังรู้สึกกลัวกับการกระทำนี้ มาเฟียหนุ่มถึงกับใจกระตุกวูบเมื่อเห็นหยดน้ำใสไหลจากตาคู่สวยเขาไม่คิดว่าเธอจะกลัวมากขนาดนี้การกระทำของเขาคงสร้างบาดแผลฝังลึกในใจเธอมากมือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกจากหางตาคู่สวยอย่างแผ่วเบาพลางพยายามข่มความต้องการหักห้ามอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ถึงแม้จะต้องการมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันกลับไปทำแบบเมื่อก่อนอีกเขาจะทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้ได้ในสักวัน "ไม่ต้องร้องไห้หากคุณไม่ยินยอมผมจะไม่ทำ" เสียงทุ้มทว่าฟังดูอบอุ่นเปล่งออกจากริมฝีปากหนาทำให้คนฟังเบาใจขึ้นมาบ้าง เธอลอบหายใจอย่างโล่งอกเมื่อร่างสูงผละออกจากตัวแล้วหยัดกายลุกเดินเข้าห้องน้ำไปผ่านไปกว่าสิบนาทีมาเฟียหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากปลดปล่อยอารมณ์ค้างคาของตัวเองเสร็จแล้ว เขาเดินมาหยิบเสื้อผ้าขึ้นสวมใส่ก่อนเอ่ยเมื่อเห็นว่าร่างบางบนเตียงนั่งมองเขาด้วยแววตาสับสน "ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่มังกรคนเดิมอีกแล้ว" "เวลาแค่เดือนกว่า ๆ ยังยืนยันไม่ได้หรอกว่าคุณจะดีจริงหรือเปล่า" เหมยเมยจ