เข้าสู่ระบบ“โอ๊ย! เบาๆ สิยูริ”
ปัง!
นอกจากยูริจะไม่ฟังเสียงร้องของฉันแล้ว เธอยังปิดประตูบ้านเสียงดังจนฉันสะดุ้งตกใจ
“เธอกลับมาทำไม”
คำถามจากเพื่อนสนิททำฉันเบิกตาโพลง หน้าอกร้อนวูบเพราะถ้าดูจากสภาพของฉันตอนนี้ มีใครบ้างที่ดูไม่ออกว่าฉันกำลังต้องการความช่วยเหลือ แต่คนที่ฉันเรียกว่าเพื่อนกลับทำหน้าตาเหมือนไม่ยินดีต้อนรับ
“ทำไมเธอถามฉันแบบนั้นล่ะ”
ใครจะว่าถามโง่ๆ ฉันก็ยอมรับ เพราะตอนนี้ในสมองของฉันไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากความกลัว
“กะ ก็แค่แปลกใจน่ะ ฉันไม่คิดว่าเขาจะปล่อยเธอมา”
“เธอแปลกใจที่ฉันรอดมาได้ หรือกลัวว่าฉันจะกลับมาทำให้เธอเดือดร้อนกันแน่”
“หยุดพูดนะฮานะ”
ริมฝีปากของฉันถูกยูริปิดเอาไว้จนแน่น หนำซ้ำยังทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าฉันให้ตาย
“ออกไปจากบ้านของฉันซะ เธอไม่ควรมาที่นี่” ยูริตะโกนไล่อย่างไม่ไยดี สะบัดนิ้วพรึ่บไปที่ประตูทำราวกับว่าฉันเป็นตัวน่ารังเกียจ
“เธอแค่หลอกใช้ฉันสินะ” ฉันถามเสียงสั่นเพราะอยากจะได้ยินมันจากปากของผู้หญิงที่ฉันเรียกว่าเพื่อนมาตลอดสามปี
“อย่ามาโทษฉันนะ เธอเต็มใจไปเองต่างหาก”
“ฉันน่ะเหรอเต็มใจ”
“ก็ใช่น่ะสิ หรือจะปฏิเสธว่าเธอไม่รู้ว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมา” ยูริถามเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“เธอก็รู้ดีตั้งแต่แรกว่าควรทำยังไงถ้าเธอทำไม่สำเร็จ แล้วทำไมเธอถึงไม่ทำ แถมยังกล้ากลับมาหาฉันอีก”
เสียงของยูริอื้ออึงมากจนฉันจับใจความแทบไม่ได้ รู้แต่ว่าความหมายยังชัดเจนเหมือนเดิมนั่นคือเธอจะไม่ช่วยฉัน ไม่ต้องการช่วย และไม่คิดจะช่วยตั้งแต่แรก
“เงียบทำไมล่ะ รีบๆ ออกไปเลยนะก่อนที่เธอจะทำให้ฉันเดือดร้อนไปด้วย เธอนี่มันตัวซวยจริงๆ!”
ตัวซวยเหรอ? ก็คงจริงอย่างที่ยูริพูด เพราะตั้งแต่ที่ฉันลืมตาขึ้นมาดูโลก ฉันก็ทำให้แม่ต้องตาย หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือน บริษัทของพ่อก็ล้มละลาย ที่สุดแล้วพ่อของฉันก็ลาจากโลกนี้ไปอีกคน เหลือเพียงฉันถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง ไม่มีญาติคนไหนต้องการ สุดท้ายก็เติบโตขึ้นมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ฉันเรียกมันว่าบ้าน
“ฉันบอกให้ออกไปจากบ้านของฉัน ไปสิ!” ยูริแผดเสียงไล่ฉันดังลั่นพร้อมกับที่พยายามลากฉันออกมาจากบ้าน เธอผลักฉันล้มลงกับพื้นแล้วมองฉันด้วยสายตารังเกียจ ก่อนจะมองไปรอบๆ ราวกับกลัวว่าจะมีคนมาเห็นเข้า
“ไปซะ แล้วอย่ากลับมาหาฉันอีก ที่สำคัญ ห้ามลืมเรื่องที่เธอรับปากฉันเอาไว้ เข้าใจมั้ย”
“ยูริ”
“รีบไปซะ!” ยูริย้ำก่อนที่เธอจะรีบเดินกลับเข้าไปด้านในพร้อมกับปิดประตูลงทันที
เหตุผลที่ฉันเลือกจะมาที่นี่ก็เพราะฉันไม่มีที่ให้ไปอีกแล้ว ฉันไม่มีญาติ ไม่มีบ้าน ไม่มีคนรู้จัก ตลอดเวลาหลังจากที่ฉันตัดสินใจออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ยูริก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ฉันมี แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องการฉันอีกแล้ว
ฟุ่บ!
ฉันเดินเตร็ดเตร่มาทิ้งตัวนั่งลงที่ริมแม่น้ำเพราะสองขาอ่อนแรงเกินจะเดินต่อไปได้ไหว น้ำตาไหลอาบแก้ม สายตามองตรงไปยังแม่น้ำด้านหน้าที่มีเงาของพระจันทร์สะท้อนบนผิวน้ำ สายลมที่พัดแรงทำให้เกิดคลื่นบนผิวน้ำระลอกเล็กๆ ส่งผลให้เงาสะท้อนของพระจันทร์สั่นไหวเบาๆ
“พี่ครับๆ”
เสียงของเด็กผู้ชายที่ร้องเรียกฉันพร้อมกับวิ่งเข้ามาจับมือฉันเอาไว้ทำให้สองเท้าของฉันที่กำลังจะเดินลงไปในน้ำหยุดชะงัก เขาตัวเล็กนิดเดียว อายุน่าจะราวๆ สี่ห้าขวบ
“พ่อกับแม่ผมเคยบอกว่าถ้าเล่นน้ำตอนกลางคืนจะไม่สบายนะครับ”
เล่นน้ำเหรอ?
“พี่ไม่สบายรึเปล่าครับ มือพี่ร้อนจี๋เลย ผมว่าพี่...”
“ขอบคุณนะครับ แต่พี่...ไม่เป็นไร” ฉันพยายามบอกทั้งที่เสียงสั่น เพราะความจริงแล้ว...สิ่งที่ฉันกำลังรู้สึกมันห่างไกลกับคำว่าไม่เป็นไรลิบลับ
“รีบกลับไปหาพ่อกับแม่เถอะครับ เดี๋ยวพวกท่านจะเป็นห่วง”
“ครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ พี่ก็รีบกลับบ้านนะครับ เดี๋ยวพ่อกับแม่ของพี่จะเป็นห่วง” เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกลาแล้วกลับหลังหันวิ่งออกไปในทันที
ฉันยืนจ้องมองแผ่นหลังเล็กๆ ที่วิ่งไกลออกไปจนกระทั่งลับสายตา รอให้เด็กคนนั้นจากไปแล้ว ฉันถึงได้หันกลับมามองไปที่แม่น้ำอีกครั้งเพราะฉันเองก็กำลังจะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ของฉันแล้วเหมือนกัน
“ลุกขึ้นมา!” เสียงตะคอกของโอยามะทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะถูกเขากระชากขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ทันตั้งสติ“ถ้าทนไม่ไหวก็ร้องออกมา”ถ้อยคำเย้ยหยันของโอยามะทำให้ฉันกัดฟันแน่นแล้วพยายามทรงตัวให้อยู่ในท่าเดิม แววตาที่เคยดุดันตอนนี้กำลังเปล่งประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ต่อมาก็เป็นฉันที่ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นกับตาว่าใบหน้าของโอยามะกำลังเคลื่อนลงต่ำฟุ่บ!“ถ้ายังพูดไม่ฟังก็คงต้องสอนกันนานหน่อยนะ ฮานะ”“นะ...นาย...”“แยกขาออกแล้วนั่งนิ่งๆ ฉันจะทำอะไรกับร่างกายของเธอก็ได้ทั้งนั้น และไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเธอด้วยซ้ำ”“แต่ฉัน...”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น จำไม่ได้เหรอว่าเธอเลือกเอง เมื่อกี้ถ้าเธอไม่อวดดี ป่านนี้เธอก็กลับขึ้นห้องไปนอนพักแล้ว เสียใจด้วยนะที่ตอนนี้ฉันให้เธอพักไม่ได้ แยกขาออก!” โอยามะยังคงตะคอกใส่ฉันซ้ำๆ เสียงดุดันของเขาทำให้น้ำตาฉันไหลอาบแก้ม ก่อนจะค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ซึ่งคงไม่ทันใจเขา เขาถึงได้จับมันแยกออกจากกันโดยเร็วด้วยตัวเอง แถมยังยกมันชันขึ้นกับโต๊ะจนเป็นรูปตัวเอ็มใหญ่“ยกก้นขึ้นมา”ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงไร้ยางอายที่ไม่ว่าเขาจะสั่งอะไรฉันก็ต้องทำตามอย่างง่ายดาย ไม่มีสามัญสำนึก
“แยกขาออก”ในเวลากลางวันที่แสงสว่างส่องเข้ามาจนมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน รวมถึงหน้าต่างก็ยังเปิดออกทุกบานอย่างตอนนี้ ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกว่าชอบบรรยากาศในรถมากกว่าอีก อย่างน้อยความมืดก็ยังช่วยปิดบังทุกอย่าง ทุกความรู้สึกเอาไว้ได้บ้าง“หรือเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา”“ปะ...เปล่าๆ” ฉันรีบตอบ พูดจบก็ค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ทุกวินาทีที่กำลังผ่านไปบีบหัวใจของฉันแน่นขึ้นทีละนิดๆ จนฉันแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว“กว้างอีก”“ฉัน...”“ทำตามที่สั่ง หรือไม่ก็ใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปซะ แต่มีข้อแม้ว่าถ้ายกเลิกข้อตกลงกลางทาง เธอต้องยอมเสียค่าปรับเป็นการส่งเพื่อนเธอให้ไดสึเกะในวันพรุ่งนี้ทันที!”นี่อาจเป็นวิธีสั่งสอนฉันว่าไม่ควรคิดจะลองดีกับเขา ตอนนี้ต่อให้อยากจะกลับตัวก็ทำไม่ได้แล้วฉันกลั้นใจแยกขาออกจากกันเพิ่มอีกนิดตามคำสั่ง กำลังจะหลับตาลงแต่โอยามะกลับทักท้วงขึ้นมาอีกรอบ“ห้ามหลับตา” ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ชอบมองตาฉันนัก“นั่งนิ่งๆ ล่ะ ห้ามขยับ ครางได้แต่ห้ามพูด”มันน่าอายที่สุดในชีวิตก็ตอนที่เขาสั่งว่าครางได้แต่ห้ามพูดหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อโอยามะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะ
“ถ้านายคิดว่าสิ่งที่นายทำคือการทรมานฉัน นายก็รู้เอาไว้เลยว่านายทำสำเร็จแล้วโอยามะ ฉันกำลังทรมานมากจริงๆ” ฉันบอกทั้งน้ำตา ก่อนจะก้าวเท้าต่อมาอีกหนึ่งก้าวเสียงปืนเมื่อครู่เรียกความตื่นตกใจให้ทุกคนวิ่งกรูกันเข้ามาอออยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าคนที่ถือปืนเป็นโอยามะ ไม่ใช่ฉัน สายตาคัตซึดูตกใจมาก ต่างจากคิราวะที่เป็นคนยืนขวางทุกคนเอาไว้“ออกไป”“ครับ” เป็นคิราวะที่ยังทำหน้าที่ได้ดีเสมอ เขาหันไปสั่งให้ทุกคนถอยกลับออกไปก่อนจะหันกลับมาทำความเคารพโอยามะแล้วจึงตามทุกคนออกไปทีหลัง ซึ่งคนสุดท้ายก็คงเป็นฉันหมับ!แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพล้ง!เสียงจานบนโต๊ะอาหารถูกโอยามะกวาดด้วยแขนยาวๆ ของเขาตกลงไปแตกกระจายอยู่เกลื่อนพื้นด้านล่าง ก่อนจะผลักให้ฉันถอยกลับไปนั่งลงบนโต๊ะตามเดิม เพียงแต่แค่คนละด้านของโต๊ะเท่านั้น“มาลองดูกันว่าเธอหรือฉันจะชนะ”“ฉันไม่ได้อยากจะชนะนาย ฉันก็แค่อยากได้เพื่อนฉันคืน” ฉันพูดทั้งน้ำตา หยดแล้วหยดเล่าที่ไหลลงมาต่อหน้าเขา แต่สายตาคู่นั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะเห็นใจหรือเวทนาฉันสักนิด“งั้นเรามาแลกกัน”“นายอยากได้อะไรก็บอกมาสิ แต่ฉันขอแค่อย่างเดียว อย่าทำร้ายพวกเขาเลย ฉันผ
“ฉันผิดไปแล้ว” ฉันบอกเสียงสั่น เริ่มรู้สึกร้อนที่ขอบตาเหมือนน้ำตากำลังจะไหล แต่ก็พยายามจะกลั้นเอาไว้ ภาพเหตุการณ์เมื่อวานตอนที่โอยามะพยายามล้วงคอฉันผุดขึ้นมาในหัว ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่ได้เขาฉันอาจจะอาการหนักกว่านี้ จริงอยู่ว่าอาจไม่ถึงตาย แต่ก็คงกลายเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังอย่างที่ได้ยินคุณหมอบอกกับคัตซึ“แล้วเธอคิดว่าฉันควรจัดการยังไงกับเธอดี โทษฐานที่เธอคิดจะขโมยชีวิตของตัวเองที่มีฉันเป็นเจ้าของ”“ฉัน...”“คิดเหรอว่าความตายจะทำให้เธอหนีฉันพ้น”ฉันรู้สึกได้ว่าเสียงของโอยามะเย็นขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้ตะคอกใส่ฉันเลยสักนิด แต่ฉันก็ยังรู้สึกได้ถึงความดุร้ายผ่านทางสายตาคู่นั้น ฉันคิดว่าภายใต้ใบหน้าและท่าทางสงบนิ่งของเขามีพายุอารมณ์ซ่อนอยู่ และนั่นแหละที่ฉันกลัว“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก ฉันสัญญา ยกโทษให้ฉันเถอะนะ”มันเป็นความบ้าบิ่นครั้งที่สองในชีวิตที่ฉันกล้าขอร้องให้เขายกโทษให้ ส่วนครั้งแรกน่ะเหรอ ก็ตอนที่กล้าย่องเข้าไปขโมยของในห้องเขายังไงล่ะ“ง่ายไปหน่อยมั้ย แค่คุกเข่าอ้อนวอนแล้วจบเรื่อง ฉันกลัวว่ามันจะทำให้เธอได้ใจ”“ฉัน...ยอมทุกอย่าง” พูดจบฉันก็หลับตาแน่น ความนิ่งของเขากำลังทำให้ฉันร้อนรุ
“ฉัน...กลัว”ไม่รู้ทำไมฉันถึงพูดคำนั้นออกไป ทั้งที่ไม่ได้รู้จักหรือเชื่อใจคัตซึเลยสักนิด“ถ้าเป็นผม ผมก็กลัวครับ” คัตซึบอกอย่างนั้น เขาส่งยิ้มให้ฉันเสมอ ไม่ว่าฉันจะพูด จะยิ้ม หรือจะประชดประชันใส่เขาก็ตาม“แต่โดยปกติ คนที่กลัวคุณโอยามะมักจะเป็นคนที่ทำความผิดไว้เสมอ คุณฮานะทำความผิดอะไรไว้ล่ะครับ”คำถามที่คัตซึย้อนถามทำให้ฉันหลับตาแน่น ความผิดที่ฉันทำน่ะเหรอ มากมายหลายข้อจนฉันไม่รู้ว่าจะกล้ายอมรับมันหมดได้ยังไง“รีบอาบน้ำแล้วลงไปทานข้าวเถอะครับ กลับตัวตอนนี้ก็คงยังไม่สาย แต่ถ้าคุณฮานะยังไม่รู้จักรักตัวเอง ผมก็คงช่วยไม่ได้หรอกครับ”“ขอบใจนะคัตซึ”“เอาใจช่วยครับ” คัตซึยิ้มให้ฉันก่อนที่เขาจะเดินกลับออกไป และคงเตรียมมื้อกลางวันสำหรับฉันและโอยามะรอที่ห้องอาหารข้างล่าง ส่วนฉันก็ต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำ เพราะนอนนานเกินไปทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เดี๋ยวจะป่วยเอาง่ายๆน้ำอุ่นในห้องน้ำทำให้ฉันรู้สึกอยากจะย้ายเข้าไปนอนในอ่างอาบน้ำเหลือเกิน ติดตรงที่รู้ดีว่าไม่ว่าจะพยายามถ่วงเวลาแค่ไหน ฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอยู่ดี“เชิญครับคุณฮานะ” คัตซึที่หันมาเห็นฉันเป็นคนแรกพูดขึ้นมาเสียงดังจนทุกคนในห้องอาห
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ปริมาณยาที่อาเจียนออกมาเยอะพอสมควร บวกกับร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมยาเข้าไป พักผ่อนเยอะๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ร่างกายก็น่าจะดีขึ้นครับ แต่ยังไงหมอแนะนำให้พาคนไข้ไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลอีกครั้งจะดีที่สุดครับ เพราะการกินยาเกินขนาด ถึงจะไม่ได้ทำให้เสียชีวิตในทันที แต่จะมีผลกระทบต่อการทำงานของตับและไตในระยะยาวครับ”“ขอบคุณมากครับคุณหมอ”เสียงพูดคุยกันของคนสองคนทำให้ฉันลืมตาตื่น แสงแรกที่กระทบม่านตาทำเอาฉันกะพริบตาอยู่หลายครั้งเพราะมันแรงมาก เหมือนนี่จะไม่ใช่ช่วงเช้าของวัน“คุณฮานะฟื้นแล้วเหรอครับ”“คัตซึ”“ครับ ผมเอง อย่าเพิ่งลุกนะครับ นอนนิ่งๆ ก่อน” คัตซึเตือนพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง เขาส่งยิ้มให้ฉันนิดหน่อย ซึ่งเมื่อเริ่มชินกับแสงสว่างแล้ว ฉันถึงได้ส่งยิ้มตอบกลับไปก่อนจะมองไปรอบๆฉันกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว“บ้านเหรอ?”“ครับ คุณหมอเพิ่งกลับไปเมื่อครู่นี่เอง” คัตซึรายงาน“ฉัน...”“อาการปลอดภัยครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณหมอบอกว่าโชคดีที่คุณโอยามะไปพบคุณฮานะทันเวลา คุณฮานะอาเจียนยาออกมาพอสมควร บวกกับร่างกายยังไม่ทันที่จะดูดซึมยาเข้าไป ก็เลยไม่เป็นอันต






![DarkZ [II] TRILOGY](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
