เข้าสู่ระบบ“ฉันคิดว่าเธอจะนอนในนั้นซะอีก”
“พวกนาย!”
สองตาของฉันเบิกโพลงขึ้นมาทันทีเมื่อได้เผชิญหน้ากับชายชุดดำสองคน ที่เหมือนจะมาดักรอฉันอยู่ตรงนี้นานแล้ว
“จะไปด้วยกันดีๆ หรือจะให้ฉันใช้กำลัง”
“ไม่ ถอยไปนะ ช่วย...”
อุ่ก!
เสียงของฉันจุกอยู่ในลำคอเพราะทันทีที่ฉันพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือ หนึ่งในพวกมันก็ตรงเข้ามาชกท้องของฉันอย่างรวดเร็ว และรุนแรงมากพอจะทำให้ฉันล้มทั้งยืน
เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองเฉียดเข้าใกล้ความตายขึ้นเรื่อยๆ สองขาของฉันทรุดลงไปกับพื้น แต่ยังไม่ทันจะล้มลงไปก็กลับถูกอุ้มขึ้นมา
“พูดง่ายๆ แต่แรกก็จบ”
“ปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
สิ้นเสียงนั้นร่างกายของฉันก็โงนเงนไปมาเหมือนกำลังถูกยื้อแย่งไปมา
“ยูริ”
“อดทนไว้ฮานะ โอ๊ย!” เสียงร้องของยูริดังมากจนฉันตกใจ แต่ฉันจะช่วยเธอได้ยังไงในเมื่อฉันยังเอาตัวเองไม่รอดเลย
“ตายซะเถอะไอ้พวกสารเลว!”
พลั่ก!
เสียงเหมือนของแข็งกระทบกัน ซึ่งทันทีที่ได้ยิน ร่างกายของฉันก็ถูกทิ้งลงกับพื้น แรงกระแทกทำให้ฉันรู้สึกจุกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
“ยูริ หนีไป!”
“พี่ยูตะ ช่วยยูริกับฮานะ โอ๊ย!” ยูริร้องเสียงดังเมื่อเส้นผมของเธอถูกกระชาก ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวเพราะอาการเจ็บปวด ฉันอยากจะลุกขึ้นไปช่วยเธอ แต่ตอนนี้ฉันกลับทำได้เพียงนอนมองเธอทั้งน้ำตา เพราะขยับตัวไม่ไหว
“ปล่อยน้องสาวฉัน!”
“เหอะ รนหาที่ตายกันนักนะ”
แกร๊ก!
“อย่า! อย่าทำร้ายพวกเขา” ฉันเปล่งเสียงออกไปเท่าที่พอจะสามารถทนกับความเจ็บปวดได้
“เอาฉันไป พวกนายต้องการฉันก็เอาฉันไป”
“ไม่นะฮานะ!”
“ไปซะ! เธอไม่ใช่เพื่อนฉัน ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ!”
“ฮานะ!” ยูริตะโกนเรียกฉันทั้งน้ำตา เธอพยายามจะเดินเข้ามาช่วยฉันแต่ก็ยังถูกพวกมันจับเอาไว้ ในขณะที่พี่ยูตะเองก็ไม่กล้าขยับเพราะในมือของชายชุดดำอีกคนที่ถูกเขาฟาดด้วยท่อนไม้เมื่อครู่ถือปืนเอาไว้ และมันเล็งปลายกระบอกปืนในมือไปที่ยูริ!
“เอาฉันไปสิ สองคนนี้เขาไม่เกี่ยว ฉันต่างหากที่พวกนายต้องการ”
“ยู...”
“หุบปากซะ รีบพาพี่ชายของเธอออกไป”
“แต่ว่า...”
“บอกให้ไปไงเล่า!” ฉันตะคอกใส่ยูริเสียงดัง
“ปล่อยสองคนนี้ไป แล้วพวกนายจะเอาฉันไปฆ่าที่ไหนก็เชิญ” รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายพูดออกไป ก่อนจะหลับตาลงอย่างยอมรับในโชคชะตา
ฉันไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วงหรือต้องกังวลอีก ตอนนี้ขอแค่ยูริกับพี่ยูตะปลอดภัย ฉันจะเป็นหรือตายก็ไม่สำคัญ
“เอาไงดีวะ” ผู้ชายชุดดำสองคนถามกันเป็นเชิงปรึกษา เอาเป็นว่าอย่างน้อยก็มีโอกาสที่พวกมันจะปล่อยยูริกับพี่ยูตะไป
“เอาไปแค่คนเดียวก็พอ”
“แน่ใจเหรอวะ”
“แน่ใจสิ คุณโอยามะสั่งให้เอาไปคนเดียว”
“เออๆ เอางั้นก็ได้”
คำตอบที่ได้ยินทำให้ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ทันได้เห็นพวกมันเหวี่ยงยูริไปทางพี่ยูตะพอดี
“แล้วอย่าปากสว่างล่ะ คงรู้นะว่าถ้าแจ้งตำรวจจะเป็นยังไง” ไอ้คนที่ถือปืนอยู่ถามอย่างท้าทาย ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าตำรวจไม่ได้ช่วยอะไรได้ อย่างมากตำรวจก็รับเรื่องเอาไว้พอเป็นพิธีแล้วค่อยปล่อยให้เรื่องค่อยๆ เงียบหายไปเท่านั้นเอง
ใครจะรู้ว่าปีปีหนึ่งแบล็คสกอร์เปี้ยนส์จ่ายเงินสนับสนุนใต้โต๊ะให้ตำรวจเท่าไหร่ และยังไม่นับรวมหลายๆ โครงการของย่านนี้ที่ได้รับทุนจากเงินสกปรกๆ ของเขา! เพราะฉะนั้นเรื่องการจะใช้กฎหมายกับโอยามะน่ะ ลืมไปได้เลย
พี่ยูตะรีบพายูริวิ่งหนีไป แต่ฉันรู้ว่าเขาทำเพราะรักและเป็นห่วงน้องสาวของเขามาก เพราะฉะนั้นฉันไม่รู้สึกโกรธเลยที่เขาทิ้งฉันไว้ตรงนี้
หัวใจของฉันเต้นช้าลงแล้ว มันเหมือนกำลังจะหมดแรงที่จะเต้นต่อ ทุกอย่างรอบกายเหมือนจะหยุดการเคลื่อนไหวไปทีละนิดๆ
“ลุก! อย่ามาสำออย” พวกมันใช้เท้าเขี่ยฉันราวกับว่าเป็นกองเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างถังขยะ
“บอกให้ลุก!”
“เฮ้ย! ใจเย็นดิ เดี๋ยวก็ตายพอดี”
สติการรับรู้ของฉันเริ่มลดน้อยลงทุกทีๆ แล้ว นี่ถ้าไม่เป็นเพราะเห็นว่าพี่ยูตะพายูริกลับไปแล้ว ฉันอาจจะพยายามเข้มแข็งอยู่ก็ได้ แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นอีก ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันอยากจะฝืนหรือบอกให้ตัวเองเข้มแข็งเพื่อปกป้องตัวเองได้อีก
ฉันปิดเปลือกตาลงช้าๆ อีกครั้ง และครั้งนี้ไม่ว่าจะได้มีโอกาสลืมตาตื่นขึ้นมาอีกหรือไม่ก็ช่างมันเถอะ ฉันเหนื่อยจะสู้...เหนื่อยเกินกว่าจะบอกให้ตัวเองอดทน ฉันขอยอมแพ้
“ตายแล้วเหรอวะ”
“ยังหรอกน่า รีบๆ ไปกันเถอะน่า เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า”
“เออ ว่าแต่ตกลงต้องพาไปส่งที่ไหน”
“แบล็คทาวน์”
“ลุกขึ้นมา!” เสียงตะคอกของโอยามะทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะถูกเขากระชากขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ทันตั้งสติ“ถ้าทนไม่ไหวก็ร้องออกมา”ถ้อยคำเย้ยหยันของโอยามะทำให้ฉันกัดฟันแน่นแล้วพยายามทรงตัวให้อยู่ในท่าเดิม แววตาที่เคยดุดันตอนนี้กำลังเปล่งประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ต่อมาก็เป็นฉันที่ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นกับตาว่าใบหน้าของโอยามะกำลังเคลื่อนลงต่ำฟุ่บ!“ถ้ายังพูดไม่ฟังก็คงต้องสอนกันนานหน่อยนะ ฮานะ”“นะ...นาย...”“แยกขาออกแล้วนั่งนิ่งๆ ฉันจะทำอะไรกับร่างกายของเธอก็ได้ทั้งนั้น และไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเธอด้วยซ้ำ”“แต่ฉัน...”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น จำไม่ได้เหรอว่าเธอเลือกเอง เมื่อกี้ถ้าเธอไม่อวดดี ป่านนี้เธอก็กลับขึ้นห้องไปนอนพักแล้ว เสียใจด้วยนะที่ตอนนี้ฉันให้เธอพักไม่ได้ แยกขาออก!” โอยามะยังคงตะคอกใส่ฉันซ้ำๆ เสียงดุดันของเขาทำให้น้ำตาฉันไหลอาบแก้ม ก่อนจะค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ซึ่งคงไม่ทันใจเขา เขาถึงได้จับมันแยกออกจากกันโดยเร็วด้วยตัวเอง แถมยังยกมันชันขึ้นกับโต๊ะจนเป็นรูปตัวเอ็มใหญ่“ยกก้นขึ้นมา”ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงไร้ยางอายที่ไม่ว่าเขาจะสั่งอะไรฉันก็ต้องทำตามอย่างง่ายดาย ไม่มีสามัญสำนึก
“แยกขาออก”ในเวลากลางวันที่แสงสว่างส่องเข้ามาจนมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน รวมถึงหน้าต่างก็ยังเปิดออกทุกบานอย่างตอนนี้ ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกว่าชอบบรรยากาศในรถมากกว่าอีก อย่างน้อยความมืดก็ยังช่วยปิดบังทุกอย่าง ทุกความรู้สึกเอาไว้ได้บ้าง“หรือเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา”“ปะ...เปล่าๆ” ฉันรีบตอบ พูดจบก็ค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ทุกวินาทีที่กำลังผ่านไปบีบหัวใจของฉันแน่นขึ้นทีละนิดๆ จนฉันแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว“กว้างอีก”“ฉัน...”“ทำตามที่สั่ง หรือไม่ก็ใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปซะ แต่มีข้อแม้ว่าถ้ายกเลิกข้อตกลงกลางทาง เธอต้องยอมเสียค่าปรับเป็นการส่งเพื่อนเธอให้ไดสึเกะในวันพรุ่งนี้ทันที!”นี่อาจเป็นวิธีสั่งสอนฉันว่าไม่ควรคิดจะลองดีกับเขา ตอนนี้ต่อให้อยากจะกลับตัวก็ทำไม่ได้แล้วฉันกลั้นใจแยกขาออกจากกันเพิ่มอีกนิดตามคำสั่ง กำลังจะหลับตาลงแต่โอยามะกลับทักท้วงขึ้นมาอีกรอบ“ห้ามหลับตา” ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ชอบมองตาฉันนัก“นั่งนิ่งๆ ล่ะ ห้ามขยับ ครางได้แต่ห้ามพูด”มันน่าอายที่สุดในชีวิตก็ตอนที่เขาสั่งว่าครางได้แต่ห้ามพูดหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อโอยามะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะ
“ถ้านายคิดว่าสิ่งที่นายทำคือการทรมานฉัน นายก็รู้เอาไว้เลยว่านายทำสำเร็จแล้วโอยามะ ฉันกำลังทรมานมากจริงๆ” ฉันบอกทั้งน้ำตา ก่อนจะก้าวเท้าต่อมาอีกหนึ่งก้าวเสียงปืนเมื่อครู่เรียกความตื่นตกใจให้ทุกคนวิ่งกรูกันเข้ามาอออยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าคนที่ถือปืนเป็นโอยามะ ไม่ใช่ฉัน สายตาคัตซึดูตกใจมาก ต่างจากคิราวะที่เป็นคนยืนขวางทุกคนเอาไว้“ออกไป”“ครับ” เป็นคิราวะที่ยังทำหน้าที่ได้ดีเสมอ เขาหันไปสั่งให้ทุกคนถอยกลับออกไปก่อนจะหันกลับมาทำความเคารพโอยามะแล้วจึงตามทุกคนออกไปทีหลัง ซึ่งคนสุดท้ายก็คงเป็นฉันหมับ!แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพล้ง!เสียงจานบนโต๊ะอาหารถูกโอยามะกวาดด้วยแขนยาวๆ ของเขาตกลงไปแตกกระจายอยู่เกลื่อนพื้นด้านล่าง ก่อนจะผลักให้ฉันถอยกลับไปนั่งลงบนโต๊ะตามเดิม เพียงแต่แค่คนละด้านของโต๊ะเท่านั้น“มาลองดูกันว่าเธอหรือฉันจะชนะ”“ฉันไม่ได้อยากจะชนะนาย ฉันก็แค่อยากได้เพื่อนฉันคืน” ฉันพูดทั้งน้ำตา หยดแล้วหยดเล่าที่ไหลลงมาต่อหน้าเขา แต่สายตาคู่นั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะเห็นใจหรือเวทนาฉันสักนิด“งั้นเรามาแลกกัน”“นายอยากได้อะไรก็บอกมาสิ แต่ฉันขอแค่อย่างเดียว อย่าทำร้ายพวกเขาเลย ฉันผ
“ฉันผิดไปแล้ว” ฉันบอกเสียงสั่น เริ่มรู้สึกร้อนที่ขอบตาเหมือนน้ำตากำลังจะไหล แต่ก็พยายามจะกลั้นเอาไว้ ภาพเหตุการณ์เมื่อวานตอนที่โอยามะพยายามล้วงคอฉันผุดขึ้นมาในหัว ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่ได้เขาฉันอาจจะอาการหนักกว่านี้ จริงอยู่ว่าอาจไม่ถึงตาย แต่ก็คงกลายเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังอย่างที่ได้ยินคุณหมอบอกกับคัตซึ“แล้วเธอคิดว่าฉันควรจัดการยังไงกับเธอดี โทษฐานที่เธอคิดจะขโมยชีวิตของตัวเองที่มีฉันเป็นเจ้าของ”“ฉัน...”“คิดเหรอว่าความตายจะทำให้เธอหนีฉันพ้น”ฉันรู้สึกได้ว่าเสียงของโอยามะเย็นขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้ตะคอกใส่ฉันเลยสักนิด แต่ฉันก็ยังรู้สึกได้ถึงความดุร้ายผ่านทางสายตาคู่นั้น ฉันคิดว่าภายใต้ใบหน้าและท่าทางสงบนิ่งของเขามีพายุอารมณ์ซ่อนอยู่ และนั่นแหละที่ฉันกลัว“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก ฉันสัญญา ยกโทษให้ฉันเถอะนะ”มันเป็นความบ้าบิ่นครั้งที่สองในชีวิตที่ฉันกล้าขอร้องให้เขายกโทษให้ ส่วนครั้งแรกน่ะเหรอ ก็ตอนที่กล้าย่องเข้าไปขโมยของในห้องเขายังไงล่ะ“ง่ายไปหน่อยมั้ย แค่คุกเข่าอ้อนวอนแล้วจบเรื่อง ฉันกลัวว่ามันจะทำให้เธอได้ใจ”“ฉัน...ยอมทุกอย่าง” พูดจบฉันก็หลับตาแน่น ความนิ่งของเขากำลังทำให้ฉันร้อนรุ
“ฉัน...กลัว”ไม่รู้ทำไมฉันถึงพูดคำนั้นออกไป ทั้งที่ไม่ได้รู้จักหรือเชื่อใจคัตซึเลยสักนิด“ถ้าเป็นผม ผมก็กลัวครับ” คัตซึบอกอย่างนั้น เขาส่งยิ้มให้ฉันเสมอ ไม่ว่าฉันจะพูด จะยิ้ม หรือจะประชดประชันใส่เขาก็ตาม“แต่โดยปกติ คนที่กลัวคุณโอยามะมักจะเป็นคนที่ทำความผิดไว้เสมอ คุณฮานะทำความผิดอะไรไว้ล่ะครับ”คำถามที่คัตซึย้อนถามทำให้ฉันหลับตาแน่น ความผิดที่ฉันทำน่ะเหรอ มากมายหลายข้อจนฉันไม่รู้ว่าจะกล้ายอมรับมันหมดได้ยังไง“รีบอาบน้ำแล้วลงไปทานข้าวเถอะครับ กลับตัวตอนนี้ก็คงยังไม่สาย แต่ถ้าคุณฮานะยังไม่รู้จักรักตัวเอง ผมก็คงช่วยไม่ได้หรอกครับ”“ขอบใจนะคัตซึ”“เอาใจช่วยครับ” คัตซึยิ้มให้ฉันก่อนที่เขาจะเดินกลับออกไป และคงเตรียมมื้อกลางวันสำหรับฉันและโอยามะรอที่ห้องอาหารข้างล่าง ส่วนฉันก็ต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำ เพราะนอนนานเกินไปทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เดี๋ยวจะป่วยเอาง่ายๆน้ำอุ่นในห้องน้ำทำให้ฉันรู้สึกอยากจะย้ายเข้าไปนอนในอ่างอาบน้ำเหลือเกิน ติดตรงที่รู้ดีว่าไม่ว่าจะพยายามถ่วงเวลาแค่ไหน ฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอยู่ดี“เชิญครับคุณฮานะ” คัตซึที่หันมาเห็นฉันเป็นคนแรกพูดขึ้นมาเสียงดังจนทุกคนในห้องอาห
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ปริมาณยาที่อาเจียนออกมาเยอะพอสมควร บวกกับร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมยาเข้าไป พักผ่อนเยอะๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ร่างกายก็น่าจะดีขึ้นครับ แต่ยังไงหมอแนะนำให้พาคนไข้ไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลอีกครั้งจะดีที่สุดครับ เพราะการกินยาเกินขนาด ถึงจะไม่ได้ทำให้เสียชีวิตในทันที แต่จะมีผลกระทบต่อการทำงานของตับและไตในระยะยาวครับ”“ขอบคุณมากครับคุณหมอ”เสียงพูดคุยกันของคนสองคนทำให้ฉันลืมตาตื่น แสงแรกที่กระทบม่านตาทำเอาฉันกะพริบตาอยู่หลายครั้งเพราะมันแรงมาก เหมือนนี่จะไม่ใช่ช่วงเช้าของวัน“คุณฮานะฟื้นแล้วเหรอครับ”“คัตซึ”“ครับ ผมเอง อย่าเพิ่งลุกนะครับ นอนนิ่งๆ ก่อน” คัตซึเตือนพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง เขาส่งยิ้มให้ฉันนิดหน่อย ซึ่งเมื่อเริ่มชินกับแสงสว่างแล้ว ฉันถึงได้ส่งยิ้มตอบกลับไปก่อนจะมองไปรอบๆฉันกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว“บ้านเหรอ?”“ครับ คุณหมอเพิ่งกลับไปเมื่อครู่นี่เอง” คัตซึรายงาน“ฉัน...”“อาการปลอดภัยครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณหมอบอกว่าโชคดีที่คุณโอยามะไปพบคุณฮานะทันเวลา คุณฮานะอาเจียนยาออกมาพอสมควร บวกกับร่างกายยังไม่ทันที่จะดูดซึมยาเข้าไป ก็เลยไม่เป็นอันต



![นรสิงห์ [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



