"คุณชาย.....คือ....ข้าเข้าห้องผิดถ้าข้ารบกวนท่านข้าต้องขออภัย" ซินเยว่ยกมือมองข้างขึ้นเป็นสัญลักษญ์ว่ายอมแพ้ นางเหลือบตามองเขาเล็กน้อยแต่อีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งอยู่ในท่าเดิม
ทุกอย่างเงียบ!! จนนางแทบอยากจะหยุดหายใจ
"เอ่อ ถ...ถ้าท่านไม่มีอะไรแล้วเช่นนั้นข้าต้องขอตัว"
ซินเยว่ใช้นิ้วดันกระบี่ออกจากคอแล้วเดินไปทางระเบียงช้าๆ นางกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจวกกลับมาเล่นงานนางอีก
"เจ้าไปผิดทาง"
เสียงทุ้มดังขึ้นที่ด้านหลังของนาง -____-?
"อ่อ! ประตูอยู่อีกด้านขอบคุณ คุณชายที่เตือนข้า"
ซินเยว่พุ่งออกนอกประตูไปอย่างรวดเร็ว นางรีบหลบออกทางด้านหลังโรงเตี๊ยมตรงไปหาฮุ่ยหลิงที่กำลังรออยู่ คล้อยหลังหญิงสาวเสียงเย็นทุ้มต่ำดังออกมาจากมุมมืดภายในห้อง
"ตามไป"
บุรุษชุดน้ำเงินมองบุรุษปริศนาในความมืดด้วยสายตาไม่เข้าใจ
"นางไม่มีพลังปราณนะขอรับ หรือว่านางจะเป็น......"
บุรุษชุดน้ำเงินคาดเดาตัวตนของสตรีที่พึ่งออกจากห้องไป
"อืม.... ตามนางไป"
เสียงเย็นกดต่ำยิ่งกว่าเดิม
"ขอรับนายท่าน"
บุรุษชุดน้ำเงินขานรับแล้วหายวับไปทันที
"ข้ามาแล้วฮุ่ยหลิงเจ้าอยู่ไหน"
ซินเยว่เรียกหาสาวใช้เบาๆ ตรงที่นางได้นัดเอาไว้
"เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะคุณหนูเรียบร้อยดีหรือไม่"
ฮุ่ยหลิงออกมาจากที่ซ่อนและสำรวจดูร่างกายคุณหนูของนางเมื่อเห็นว่าไม่มีส่วนใดบุบสลายนางก็เบาใจ
"กลับได้แล้วเดี๋ยวข้าเล่าให้ฟังแถวนี้ไม่ปลอดภัย"
สองนายบ่าวรีบสาวเท้าเดินกลับทางเดิมที่ออกมาเมื่อกลับถึงจวนตระกูลหยางก็เข้าสู่ปลายยามโฉ่ว (01.00-02.59) แล้ว
ก่อนกลับเข้าไปจวน ซินเยว่ทำการฝังของมีค่าที่พวกนางขโมยมาจากลูกค้าในโรงเตี๊ยมไว้ใกล้กับต้นไม้ใหญ่ในป่า
"ฝังไว้ที่นี่แหละอันตรายเกินไปถ้าเอาติดตัวเข้าไปด้วย รอเราออกไปจากที่นี่เมื่อใดค่อยมาขุดไปขาย"
หลังจากที่กลับเข้ามาในจวนตระกูลหยางด้วยทางเดิมที่ออกไปนางก็บอกให้ฮุ่ยหลิงกลับไปพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ซินเยว่เปลี่ยนชุดสีดำ เอาไปซ่อนไว้แล้วเปลี่ยนเป็นชุดนอนผ้าฝ้ายเนื้อหยาบจากนั้นก็ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปทันทีโดยลืมไปว่าตนได้เจอกับใครในคืนนี้
ปลายยามซื่อ (09.00-10.59) ซินเยว่งัวเงียตื่นเพราะเสียงดัง ด้านนอก
"ออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้นะนางสวะซินเยว่อย่าคิดว่ามุดหัวอยู่แต่ในเรือนผุๆ ของเจ้าแล้วข้าจะไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้"
ซินเยว่เดินงัวเงียออกมาด้านนอก โดยลืมไปว่าตนยังไม่ได้ล้าง หลัววั่งจื่อออกจากใบหน้า
"มีอันใด"
ซินเยว่เอ่ยถามเสียงเรียบ ไร้ความสนใจต่อผู้ที่มาใหม่ เมื่อคืนกลับมาถึงจวนสกุลหยางก็เกือบเช้าแล้วตอนนี้นางยังง่วงอยู่นะ รีบพูดแล้วรีบไสหัวไปซะที
"เจ้า...สตรีอัปลักษณ์เจ้าไม่มีสิทธิ์ใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับข้า ตัวสวะไร้ค่าเช่นเจ้าสมควรตายไปซะ"
หยางหลันฮวามองซินเยว่ด้วยสายตาเหยียดหยามและเกลียดชัง ใบหน้าที่งดงามของนางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
"เจ้ามันตัวไร้ค่าไม่คู่ควรกับองค์ชายสามเจ้ากับแม่ของเจ้ามันเป็นเพียงแค่ขยะ"
ซินเยว่ขมวดคิ้วทันทีเมื่อนางได้ยินหยางหลันฮวากล่าวเหยียดหยามมารดาของนาง
"พูดจบหรือยังถ้าพูดจบแล้วก็เชิญไสหัวไป"
ซินเยว่หันหลังกำลังจะเดินหนี นางไม่อยากจะเสียเวลามาสนใจน้องสาวต่างมารดาที่นางไม่รู้จักคนนี้ 'พวกประสาทมาหาเรื่องแต่เช้า'
หยางหลันฮวาคว้าแขนนางเอาไว้
"เจ้าคิดจะหนีไปที่ใดทั้งเจ้าและแม่ของเจ้าก็เป็นพวกเศษสวะเหมือนกันหึ! เพราะพวกเจ้าทั้งสองคนเป็นพวกไร้ค่าท่านพ่อจึงไม่เคยไยดีสักครั้ง อีกไม่นานท่านพ่อจะต้องขับไล่เจ้าสองแม่ลูกออกไปจากจวนตระกูลหยางอย่างแน่นอน”
ซินเยว่หมุนตัวต่อยเข้าที่ใบหน้าของหยางหลันฮวาเต็มแรง
"เจ้าจะด่าว่าข้าอย่างไรข้าไม่ว่าแต่อย่าได้มาลามปามถึงท่านแม่ของข้า...เจ้ามันสมควรโดน"
หยางหลันฮวากรีดร้องด้วยความโกรธแววตาของนางวาวโรจน์ด้วยความอำมหิต
"เจ้ากล้าทำร้ายข้า"
หยางหลันฮวาซัดพลังปราณสีเหลืองใส่ซินเยว่ด้วยความโกรธแค้น แรงกระแทกของพลังซัดซินเยว่กระเด็นชนเสาด้านหน้าเรือนนางกระอักเลือดออกมาคำโตแล้วสลบไปทันที
ฮุ่ยหลิงไปรับอาหารที่ครัวใหญ่ทันได้เห็นซินเยว่กำลังถูกทำร้ายนางทิ้งชามข้าวต้มรีบวิ่งเข้าไปประคองซินเยว่ขึ้นมาทันที
"คุณหนูรองเหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้ท่านคิดจะฆ่าคุณหนูใหญ่จริงๆ ใช่หรือไม่ ท่านก็รู้ว่านางไร้พลัง"
ฮุ่ยหลิงร้องไห้โฮเสียงดังกอดร่างของซินเยว่เอาไว้ บ่าวสองคนที่ติดตามหยางหลันฮวาคิดในใจว่าแย่แน่ถ้าคุณหนูรองฆ่าคุณหนูใหญ่ตาย คนที่รับโทษคงไม่พ้นพวกตนถึงหยางซินเยว่จะเป็นแค่สวะเเต่นางก็ยังคงเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพ
จิงอีจึงรีบวิ่งไปตามเซวี่ยฟังเฟยให้รีบมาดูซินเยว่ หลังจากซินเยว่โดนพลังของหยางหลันฮวาซัดกระเด็นนางกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
'นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ยหรือว่าเราตายอีกรอบแล้ว'
ซินเยว่มองไปรอบๆ เห็นหญิงสาวนางหนึ่งนั่งหันหลังให้จึงเดินเข้าไปถาม
"ขอโทษนะไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ไหน"
เมื่อหญิงสาวนางนั้นหันมาซินเยว่ถึงกับตกใจ เพราะนางมีใบหน้าที่เหมือนซินเยว่มากคล้ายกับว่านางกำลังส่องกระจกเงา
หญิงสาวใบหน้างดงามผิวขาวผ่องจนแทบเปล่งแสงออกมา ดวงตากลมโตสองชั้นเป็นประกายเหมือนมีดวงดาวนับล้านกำลังส่องสว่างระยิบระยับอยู่ในนั้นทำให้มองแล้วรู้สึกหลงใหล ขนตางอนเป็นแพหนาทั้งบนล่างเมื่อนางกะพริบตาคล้ายผีเสื้อกระพือปีก ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มสีเเดงระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้าเล็กรูปไข่ได้สัดส่วนสวยงาม จมูกโด่งปลายเชิดบ่งบอกถึงความเอาแต่ใจ
'ปกติแล้วเราสวยขนาดนี้เลยหรือ'
ซินเยว่คิดในใจ
"เจ้ากลับมาแล้วหรือ"
เสียงใสดั่งกระดิ่งเงินเอื้อนเอ่ยนุ่มนวลชวนให้คนฟังรู้สึกเคลิบเคลิ้ม
"กลับมา....หมายความว่ายังไง"
นางเดินเข้ามาหาซินเยว่เอื้อมมือโอบกอดนางเอาไว้แล้วเอ่ยเสียงนุ่มนวลบางเบา
"สิ้นสุดการรอคอยที่แสนยาวนานของข้าแล้ว"
เมื่อเอ่ยจบร่างของหญิงสาวก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับซินเยว่ นางตกตะลึงแทบสิ้นสติ
ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง หยางจิ่งเทียนพูดกับมู่เซี่ยอี่ในโถงรับแขกเรื่องฮ่องเต้ต้องการให้องค์ชายสามหมั้นหมายกับคุณหนูใหญ่ตระกูล หยางแต่หยางหลันฮวาบังเอิญผ่านมาได้ยินเข้า ความโกรธเกลียดที่นางมีต่อหยางซินเยว่ยิ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม หยางหลันฮวาน้อยใจเหตุใดบิดาของนางถึงต้องให้นางสวะนั่นหมั้นหมายกับองค์ชายสามบุรุษที่นางมีใจปฏิพัทธ์มาหลายปี และนั่นเป็นเหตุผลที่หยางหลันฮวามาอาละวาดใส่ซินเยว่ที่เรือน
หลังจากที่เซวี่ยฟังเฟยได้ทราบข่าวว่าซินเยว่ถูกหยางหลันฮวาทำร้ายนางก็รีบกลับมาที่จวนทันที เมื่อนางกลับมาเห็นสภาพบุตรสาวที่นอนเลือดอาบไปทั่วร่างไร้ลมหายใจเซวี่ยฟังเฟยแทบหัวใจหยุดเต้น
"ไม่นะ!!!เยว่เอ๋อของแม่ลูกห้ามทิ้งแม่ไปแบบนี้ โลกใบนี้เเม่เหลือลูกเพียงคนเดียวเท่านั้นหากไม่มีลูกแล้วเเม่จะอยู่ต่อไปได้อย่างไร"
เซวี่ยฟังเฟยกอดร่างซินเยว่ร้องไห้เจียนขาดใจ
"คุณหนู คุณหนู ท่านอย่าล้อเล่นกับบ่าวเช่นนี้กลับมาหาบ่าวเถิดได้โปรดอย่าทิ้งบ่าวไปเลยนะเจ้าคะ"
ฮุ่ยหลิงกอดขาซินเยว่ร้องไห้เสียงแหบเเห้ง เซวี่ยฟังเฟยเงยหน้าขึ้นจากร่างของซินเยว่นางก็อาละวาดทันที
"ทำกันถึงเพียงนี้พวกเจ้าอำมหิตเกินไปแล้ว"
พวกบ่าวที่มุงดูได้แต่ก้มหน้าไม่มีใครเอ่ยปากหรือตามหมอมารักษานางสักคน เซวี่ยฟังเฟยที่เคยอ่อนหวานนุ่มนวนตอนนี้แทบจะกลายร่างเป็นปีศาจร้ายที่พร้อมฆ่าทุกคนที่กล้ามาขวางนาง เซวี่ยฟังเฟยพุ่งไปที่เรือนหลักของหยางจิ่งเทียนด้วยดวงตาแดงก่ำ "เฮือก"!!
“เสี่ยวเป่าเจ้าต้องช่วยข้า”เสี่ยวเป่าเหมือนจะรู้ว่าเสี่ยวหงต้องการจะทำอะไร มันกระโดดไปที่นางแล้วคายแก่นพลังของมันวางไว้บนมือของเสี่ยวหง ซินเยว่ที่กำลังโรมรันอยู่กับไป๋ซวี่เฟิงไม่ทันเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำ‘ฝากเจ้าดูแลนางด้วยนะแล้วอย่าลืมไปตามหาข้าเล่า’เสี่ยวหงพูดกับเสี่ยวเป่าที่ตัวหดเล็กลงกลายเป็นก้อนขนอีกครั้ง เสี่ยวหงใช้แก่นพลังของนางและเสี่ยวเป่าที่บำเพ็ญมายาวนานเพื่อผนึกร่างของไป๋ซวี่เฟิงเอาไว้จากนั้นนางระเบิดแก่นพลังของตนเพื่อทำลายดวงจิตของเขาก่อนที่นางจะหายไป เสี่ยวหงส่งกระแสจิตมาที่ซินเยว่‘แม้ว่าข้าจะตายไปแล้วเกิดใหม่อยู่ที่ใดข้าและเจ้าจะยังคงผูกพัน ในชาตินี้ข้าตายไปก่อนเมื่อถึงเวลาจุติอีกครั้งหวังว่าเจ้าจะตาหาข้าจนพบ’น้ำตาหยดสุดท้ายหลั่งออกมาจากดวงตาหงส์คู่งามของเสี่ยวหง ไป๋เยี่ยนหลงดึงร่างของซินเยว่ให้ออกห่างจากรัศมีแรงระเบิด ไป๋ซวี่เฟิงดินรนเพื่อให้หลุดจากการผนึกของเสี่ยวหงแต่เพราะมีแก่นพลังของเสี่ยวเป่าด้วยเขาจึงต้องสลายหายไปพร้อมกับนางท้องฟ้าที่เคยเเดงฉานกำลังมีฝนตกลงมาเหมือนท้องว่ากำลังหลั่งน้ำตาให้กับเสี่ยงหง ซินเยว่ร้องเรียกหาเสี่ยวหงทั้งน้ำตา เสียงร้องไห้ของนางดั
ชายชุดดำนับร้อยค่อยๆ เปิดเผยตัวแต่ละคนมีพลังขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปทั้งนั้น ไป๋เยี่ยนหลงยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นเหมือนกับเขามิได้หวันเกรงให้กับคนของไป่ซวี่เฟิงเลยสักนิดด้านซินเยว่ยังคงหลับไม่ตื่นวนเวียนอยู่ในภาพฝันที่นางได้อยู่ร่วมกับคนตระกูลหยางอีกครั้ง นางรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่กับพวกเขาแต่ความรู้สึกลึกๆ เหมือนกำลังโหยหาบางสิ่งแต่นางไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร นางนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวในศาลาใกล้สระบัวท่าทางของนางเหงาหงอยเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่ง“หลานรักปู่มีของที่ต้องการมอบให้เจ้า”ท่านปู่ของนางเดินเข้ามาในศาลา ซินเยว่หันมาสนใจ หยางตงฉวนท่านปู่ของนาง“นี่คือสิ่งที่จำกัดพลังของเจ้าเอาไว้ เมื่อถึงเวลาเจ้าจะต้องได้ใช้มันแน่”เขาได้มอบป้ายหยกรูปหงส์ให้นางถึงเวลาที่หลานจะต้องไปแล้ว อย่าลืมว่าพวกเราตระกูลหยางทุกคนอยู่ข้างหลานตลอดเวลาไม่เคยไปไหน”ซินเยว่พยักหน้า ครอบครัวของนางมายืนรอส่งนางที่หน้าประตูจวนทุกคนโบกมือให้นางทั้งยังอวยพรให้ซินเยว่ได้พบกับเขาผู้นั้น นางไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นหมายถึงอะไร ก่อนที่ซินเยว่จะฟื้นกลับมาร่างของนางเปล่งแสงสีแดงเปลวเพลิงค่อยก่อตัวเป็นรูปร่างเหมือนไข่
ซินเยว่นั่งมองภาพของการต่อสู้ของตระกูลหยางจนจบ นางค่อยๆ ออกเดินไปท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาจนกระทั่งถึงหน้าประตูจวนของตระกูลเจียว ซินเยว่สะบัดมือหนึ่งครั้งประตูบานใหญ่สองบานแตกกระจุยไม่เหลือชินดี“เจียวเมิ่งออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้าหยางซินเยว่จะไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไปแม้แต่คนเดียว”ซินเยว่ยืนถือกริชอยู่ท่ามกลางสายฝนดวงตาของนางแดงก่ำไปด้วยความคั่งแค้น พลังของนางทำให้องครักษ์ที่เฝ้าประตูต้องถอยห่างเพราะแรงกดดันและความร้อนที่แผ่ออกมา เสี่ยวเป่าในร่างสัตว์อยู่ตัวยักษ์คำรามเสียงดังก้องฟ้า องครักษ์ขั้นเจี๋ยตันถึงกับกระอักเลือดออกมาองครักษ์ของตระกูลเจียวออกมาล้อมซินเยว่เอาไว้ ทุกคนล้วนระดับขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปแต่สายตาของนางไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย เจียวมิ่งเดินออกมาพร้อมองครักษ์ที่คอยกางร่มให้เขามองมาที่ซินเยว่ด้วยความสงสัยตอนนี้ใบหน้าของนางได้ถูตี้ซางพรางเอาไว้ทำให้มองเห็นเป็นผู้อื่น“แม่นางน้อยเจ้าบุกมาทำลายประตูจวนตระกูลเจียวเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยหรือซินเยว่หัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าเขา“เจ้าเฒ่าสารพัดพิษ”นางสบถด่าเจียวเมิ่งออกไปอย่างสะใจ“นา
“ทะ... ท่านจ้าวผู้ครองนครได้โปรด....”ลี่ผิงยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบประโยคร่างของนางก็กระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง นางพยายามพยุงร่างที่บอบช้ำของตนหมอบคลานมาเบื้องหน้าของไป๋เยี่ยนหลง ลี่ผิงเห็นสายตาที่แสนอำมหิตของเขานางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ“โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”ไป๋เยี่ยนหลงไม่สนใจลี่ผิงอีกต่อไป เขาอยากรีบกลับไปอยู่กับสตรีแสนซุกซนที่เอาแต่บ่นทำปากขมุบขมิบน่ารักอยู่ด้านในแล้ว“ทำลายตันเถียนส่งไปส่วนลึกของหุบเขาทมิฬ”สิ้นคำของไป่เยี่ยนหลงลี่ผิงก็กรีดร้องขอความเมตตาแต่คนของไป๋เยี่ยนหลงก็เข้ามาลากนางออกไปจากตรงนั้น เยี่ยจื่อส่ายหน้าด้วยความจนใจพลางมองร่างของลี่ผิงที่กำลังถูกลากออกไป แค่ถูกส่งไปยังส่วนลึกของหุบเขาทมิฬโอกาสรอดของนางก็แทบไม่มีแล้ว นี่นายท่านยังให้ทำลายตันเถียนของนางอีกชีวิตนี้ของลี่ผิงไม่มีทางรอดกลับมาอย่างแน่นอน เมื่อจัดการตัวต้นเรื่องเสร็จแล้วจากนั้นไป่เยี่ยนหลงก็หันมาจัดการคนที่มาจากแผ่นดินชิวหลิง“ทำลายตันเถียนแล้วส่งกลับไปที่แคว้นฉิง ป่าวประกาศการกระทำของพวกเขาให้คนแผ่นดินชิวหลิงได้รู้ให้ทั่ว”สิ้นคำไป่เยี่ยนหลงก็ลุกออกไปจากท้องพระโรงทันที ที่ไป๋เยี่ยนหล
ฉิงอิงหลางดันเจ้ามังกรตัวโตหัวมันเยิ้มไปด้วยน้ำหวานของสตรีใต้ร่างเขาทีเดียวจนสุดลำ เสียงของนางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ฉิงอิงกลางทนไม่ไหวอีกต่อไปเขาไม่มีเวลามาปลอบโยนนางเพราะเขาต้องทำให้นางเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์เสียก่อน องค์ชายสามแห่งแคว้นฉิงกระแทกเอวสอบเข้าใส่สตรีใต้ล่างอย่างไม่ยั้งผ่านไปเพียงไม่นานเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของนางก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องครวญครางอย่างเสียวซ่าน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพับพับตลอดเวลา ชายหญิงในห้องร้องครวญครางประสานกันดังแว่วออกมาด้วยความเสน่หารัญจวนอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะมาได้ยินก่อนหน้าที่ฉิงอิงหลางจะมาถึงบ้านร้างนอกเมือง เงาสองร่างยืนตระกองกอดกันอยู่บนต้นไม้เหมือนเฝ้ารอใครบางคน และเพียงไม่นานฉิงอิงหลางที่อยู่ในชุดดำก็อุ้มร่างของสตรีหายเข้าไปในบ้านร้างจากนั้นเสียงครวญครางอย่างรัญจวนของทั้งสองก็ดังแว่วมาอย่างไม่ขาดสาย สตรีที่ยืนอยู่บนต้นไม้เมื่อได้ยินเสียงน่ารังเกียจของชายหญิงในบ้านร้าง ใบหน้างามของนางก็แดงซ่านลามไปถึงลำคอ ไป๋เยี่ยนหลงมองสตรีอันเป็นที่รักในอ้อมแขนด้วยสายตาเอ็นดู"ช่างน่าตายยิ่งนัก"เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นมาก็คือซินเยว่ตัวจริงที่อยู่ในร่างของไซซีย
ชายชุดดำอีกคนเอ่ยขึ้นเขาก้าวเข้าหาซินเยว่เพียงก้าวเดียวก็ถึงตัวของนางได้อย่างง่ายดาย ชายชุดดำใช้สันมือฟาดไปที่ต้นคอของซินเยว่อย่างไม่ออมมือนางสลบไปทันที แต่ก่อนที่ชายชุดดำทั้งสองจะทันได้เคลื่อนย้ายร่างของซินเยว่ที่สลบไม่ได้สติออกไปจากห้องนั้น ชายชุดดำผ้าปิดหน้าห้าคนกระโดดออกมาขวางเอาไว้ ผู้มาทีหลังไม่รั้งรอให้ชายชุดดำทั้งสองได้ตั้งตัวพวกเขาฟาดพลังปราณใส่ชายชุดดำทั้งสองทันทีชายชุดดำทั้งสองกระโดดหลบพลังที่ผู้มาทีหลังซัดมาที่พวกเขาได้อย่างหวุดหวิดแล้วภายในห้องก็เกิดการต่อสู้ขึ้น ชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนหน้าไม่มีโอกาสที่จะพาร่างของซินเยว่ออกไปจากห้องนั้น เพราะมัวแต่พัวพันอยู่กับการต่อสู้กับชายชุดดำที่มาทีหลังคนหนึ่งได้โอกาสจึงอุ้มร่างของซินเยว่แล้วกระโดดหายออกไปจากตรงนั้นทันที"พวกเจ้าเป็นใครเหตุใดจึงมาขัดขวางภารกิจของข้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร"ชายชุดดำที่เหลืออยู่อีกสี่คนไม่มีใครตอบคำถามชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนเมื่อพวกเขาเห็นสหายอุ้มร่างของซินเยว่ออกไปแล้วพวกเขาทั้งสี่ก็แยกตัวกันหนีออกไปจากห้องนั้นทันทีชายชุดดำที่มาก่อนเมื่อเห็นว่าตนถูกชิงตัวเป้าหมายไปแล้วก็คิดจะติดตามไปเ