ตอนที่34แก้เคล็ด
“ก็ไม่มีอะไร คุณธัชเขาบอกว่ารู้สึกผิด ที่เป็นต้นเหตุให้หนูต้องเป็นแบบนี้” โสภาบอกเสียงเรียบ แต่วุ้นเย็นใจหายวาบ เพราะวันนั้นเธอไม่ได้บอกใครว่าไปหาเมธัชที่คอนโด
“ยะยังไงคะ พี่ชายไม่ได้ทำอะไรให้หนูเสียหน่อย” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พลางหรุบตาลง มองแก้วน้ำสมคั้นที่อยู่ในมือ เพื่อหลบสายตาของผู้เป็นแม่
“นี่แสดงว่าหนูลืมว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นหมดแล้วใช่ไหมเนี่ย แต่ก็ไม่แปลก เพราะคุณหมอก็บอกอยู่ว่า ถ้าหนูตื่นมาอาจจะจำเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ชั่วคราวงั้นเดี๋ยวแม่เล่าให้ฟัง แต่ขอเก็บชามโจ๊กไปล้างก่อนนะลูก” พูดจบโสภาก็เก็บชามเข้าไปล้าง
‘จำได้ซิคะแม่ จำได้ทุกการกระทำและคำพูดของพี่ชายเลยล่ะ แต่หนูต้องขอโทษที่บอกแม่ไม่ได้ เพราะหนูอับอายเกินกว่าที่จะพูดถึงมันอีก’ เธอได้แต่ขอโทษแม่อยู่ในใจ และอยากรู้ว่าเมธัชจะบอกทุกคนยังไงที่จู่ ๆ เธอไปเป็นลมอยู่ที่คอนโดของเขา
ครู่เดียวโสภาก็เดินกลับมานั่งข้างเตียง แล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น ตามที่เมธัชได้เล่าให้ฟัง
“คุณธัชบอกแม่ว่าหนูไปหาพี่เขาที่คอนโด เพื่อที่จะขอโทษเรื่องเมื่อแปดปีก่อน แต่เป็นเพราะเขาไม่ยอมยกโทษให้ และเผลอต่อว่าหนูด้วยความโกรธที่สะสมมานาน หนูเลยเสียใจมากจนเป็นลมวูบหมดสติ พี่เขาตกใจมากรีบพาหนูส่งโรงพยาบาล และทำโจ๊กกับน้ำส้มคั้นมาให้ทุกวัน ถึงขนาดจองห้องพิเศษเอาไว้ รอให้หนูออกจากไอซียูมาพักฟื้นนี่ล่ะ”
วุ้นเย็นตั้งใจฟังจนจบ ก่อนจะลอบถอนหายใจเบา ๆ อย่างน้อยเมธัชก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องสมุดบันทึกเล่มนั้น ให้แม่ของเธอได้รับรู้อย่างที่นึกหวั่นใจในตอนแรก
แต่การที่เขามาทำดีกับเธอแบบนี้ หากเป็นก่อนหน้าเหตุการณ์ที่คอนโด เธอคงมีความสุขมาก แต่ตอนนี้หัวใจของเธอกลับเฉยชา ไม่ได้มีความยินดีอะไรเลย แล้วถ้าคิดไม่ผิด ดุจดาวจะต้องเป็นคนบอกให้เขาทำแน่นอน
พูดถึงดุจดาว เธอก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ ที่พูดถึงในทางไม่ดีทั้งยังไปแช่งชักให้ต้องตายจากกันกับเมธัชอีก ถึงแม้เธอจะอิจฉาดุจดาวมากที่ได้เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวของเมธัช แต่เธอก็ไม่ได้ลืมว่าดุจดาวรักและดีกับเธออย่างจริงใจเสมอมา
‘เอาไว้หนูจะหาโอกาส ไปขอโทษนะคะพี่ดาว’ เธอคิดด้วยความเสียใจ ก่อนจะเอ่ยถามแม่เบา ๆ
“อ๋อเป็นอย่างนี้นี่เอง ตอนนี้หนูพอนึกออกได้บ้างแล้ว แต่หนูว่าพี่ดาวน่าจะเป็นคนทำมากกว่า ไม่น่าจะใช่พี่ชายหรอกค่ะ” เธอพูดไปตามที่คาดคะเน
แต่โสภากลับส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่สวยงามและอ่อนโยน
“ตอนแรกแม่ก็คิดเหมือนหนู แต่เพิ่งจะได้รู้ว่าเป็นคุณธัชทำให้หนูด้วยตัวเองจริง ๆ ตอนนี้เขากลับมาอยู่บ้านแล้ว แม่บ้านโทรมาบอกแม่เองว่าคุณธัชตื่นแต่เช้ามาทำให้หนูทุกวัน อ้อ! ช่วงนี้หนูดาวเธอถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน เลยไม่ได้มาเยี่ยมหนู แต่ว่าโทรมาถามข่าวคราวทุกวันเลย”
“อ้าว! ทำไมล่ะคะ ทำไมพี่ดาวถึงออกจากบ้านไม่ได้” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย และร้อนใจ ไม่รู้ว่าดุจดาวเป็นอะไรถึงขั้นต้องห้ามออกจากบ้าน
“ก็เห็นว่าคุณน้าญาดา ไปดูดวงกับหมอดูมา แล้วหมอดูทักว่าหากคุณธัชกับคุณดาวแต่งงานกัน จะมีอันเป็นไปก่อนที่จะถึงวันแต่งงาน” แม้น้ำเสียงของโสภาจะราบเรียบแต่สีหน้าก็แสดงออกถึงความไม่สบายใจอย่างชัดเจน เพราะแม้จะไม่เคยเชื่อเรื่องหมอดู แต่ก็ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเมธัชและดุจดาวที่เธอรักและเอ็นดูทั้งคู่
เช่นเดียวกับวุ้นเย็น ที่เบิกตากว้างด้วยความเสียใจ และเริ่มใจไม่ดีที่เผลอพลั้งปากสาปแช่งไปอีก
“โฮ้! ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือคะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ต้องกักบริเวณพี่ดาวไม่ให้ออกจากบ้านล่ะคะ”
“เห็นว่าเป็นวิธีแก้เคล็ดมั้ง คือหมอดูเขาแนะนำว่า ก่อนแต่งงานห้ามไม่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินทางไกลหรือถ้าให้ดีก็ต้องห้ามออกจากบ้านและห้ามพบกันกันเด็ดขาด จนกว่าจะถึงวันแต่งงาน คุณน้าญาดาจึงถือและห้ามอย่างเคร่งครัดน่ะลูก”
“อ้าว! แล้วหมอดูห้ามทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่พี่ชายก็ยัง... เรื่องใหญ่ขนาดนี้ แม้จะไม่เชื่อเสียเต็มร้อยแต่ก็ฟัง ๆ ไว้หน่อยก็ดี แต่ทำไมพี่ชายถึงออกมาอีกล่ะคะ พี่ชายไม่เชื่อ ไม่กลัวเลยหรือคะคุณแม่” วุ้นเย็นถามอย่างโกรธ ๆ เขาไม่กลัวบ้างหรือยังไงกันนะ
“แม่ก็พูดไปแล้ว แต่คุณธัชบอกว่าเป็นห่วงหนู แม่ก็บอกว่าให้โทรมาก็ได้ แต่เขาก็ไม่ยอม บอกว่าจะต้องมาเห็นหนูด้วยตาตัวเองเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาก็จะทุกข์ร้อนใจ อยู่ไม่ได้เช่นกัน แม่ว่าครั้งนี้พี่เขารู้สึกผิดและยกโทษให้หนูแล้วล่ะลูก ต่อไปนี้หนูก็จะได้ปลดปล่อยหัวใจออกมาจากความรู้สึกผิด และใช้ชีวิตได้ตามปกติเสียทีนะลูกนะ” โสภาพูดพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตอนที่45หนูจะมีหลานแล้ว “เจ้าบ่าวของดาวก็หล่อค่ะ วันนี้สาว ๆ คงได้อกหักกันเป็นแถวแน่ ๆ” ดุจดาวเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เมธัชหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้ แล้วกระซิบริมใบหูบาง “หนุ่ม ๆ หลายคนก็คงอกหักกันเป็นแถวเหมือนกันนั่นแหละ โดยเฉพาะ เจ้าโทนี่รุ่นน้องลูกครึ่งที่ตามจีบดาวตอนเรียนอเมริกาด้วย”ดุจดาวเบิกตากว้าง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ธัชรู้เรื่องนี้ด้วยหรือคะ น้องเขาดีกับดาวมากจริง ๆ แต่ดาวก็ไม่ได้คิดอะไรกับโทนี่เลยนะคะ ธัชก็รู้”ดุจดาวรีบอธิบาย เรื่องนี้เธอไม่เคยบอกให้เขารับรู้ เพราะใจเธอมีแต่เขา จึงปฏิเสธหนุ่มน้อย ตาน้ำข้าวคนนั้นไป แม้โทนี่จะยอมรับที่ถูกปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ถอยยังคอยตามมาอยู่ใกล้ ๆ เสมอ โทนี่นั้นเรียนคณะเดียวกันกับเธอ แต่เมธัชเรียนคนละคณะกันเมธัชยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน&nbs
ตอนที่44 จะไม่ทะเลาะไม่โกรธกันอีกภายใต้แสงดาวที่พร่างพราวเต็มท้องฟ้าในคืนเดือนมืด สองหนุ่มสาวกำลังตกปลาตกหมึกกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะที่ประสานกันเกือบทั้งคืนนั้นแสดงให้เห็นถึงความสุขที่ทั้งคู่กำลังได้รับเกือบตีสาม วุ้นเย็นและเมธัชจึงเก็บอุปกรณ์ ตกปลา ทั้งสองมองหมึกและปลาทะเลสด ๆ เป็น ๆ ด้วยความดีใจ ต่างเริ่มนับแต้มของตัวเอง ปรากฎว่าจำนวนหมึกและปลาที่วุ้นเย็นตกได้ น้อยกว่าเมธัช “ฮ่า ๆ พี่เป็นผู้ชนะ ว่าไงจ้ะน้องไม่ร้องนะนะจ้ะ ฮ่า”วุ้นเย็นยื่นปากใส่ ก่อนจะยืนขึ้นเตรียมตัวปั่นจิ้งหรีด ตามที่ได้ตกลงกันไว้ตอนแรก “เฮ้อะ! คนอย่างน้องไม่ร้องหรอกพี่ มีแต่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างคนที่มีน้ำใจนักกีฬาจ้ะ คุณพี่ชาย”พูดจบก็เริ่มก้มตัวลงเอามือข้างหนึ่งจับใบหู ส่วนมืออีกข้างนั้นใช้นิ้วชี้จิ้มลงไปบนพื้นเรือ
ตอนที่43 ติ๊ต่างว่าเป็นไวน์แดง “โอ้โฮ! หน้าตาน่ากินมาก กลิ่นก็ห้อมหอม แต่รสชาติจะเป็นอย่างไรน้า หนูขอชิมก่อนแล้วกันนะ”เธอร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะใช้มีด เล็ก ๆ ที่ชายหนุ่มเตรียมมาให้ในจาน หั่นชิ้นเนื้อสเต็กแบบมีเดี๊ยมแรขนาดพอดีคำ แล้วใช้ช้อนส้อมจิ้มขึ้นมาดมนิดหนึ่ง ก่อนจะส่งเข้าไปในปาก พร้อมกับหลับตาทำหน้าฟิน “เป็นไงบ้าง อร่อยกว่าไข่เจียวหมูสับใช่ไหม” เขาถามยิ้ม ๆ ทอดสายตามองใบหน้าเรียวเล็กอย่างเอ็นดู “อร่อยกว่ามาก พี่ชายฝีมือพัฒนาขึ้นแล้ว จริง ๆ ด้วย สุดยอดเลยค่ะ” เธอเอ่ยชมด้วยความจริงใจ ก่อนจะหั่นเนื้อเสตกกินไปอีกหลายคำ อย่างเอร็ดอร่อยและหิวโหย &n
ตอนที่42ให้อภัยกันไม่ได้แล้ว “แล้วยังไงอีก” เขาถามต่อ สีหน้าก็เรียบเฉยไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยเธอกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าเขาจะถามอีกทำไม ในเมื่อคำตอบก็อยู่ในสมุดจิ๋วเล่มนั้นอยู่แล้ว จะให้พูดอีกหรือ เธอก็อายเป็นนะ “ก็เลยพูดไปแบบนั้นค่ะ” เธอก้มหน้าลง มองมือของตัวเองที่ประสานอยู่บนตัก “พี่ว่าหนูไม่ได้หวงหรอก แต่หึงมากกว่า”เฮือก!เขาโพล่งออกมาซึ่งตรงกับคำตอบในใจของเธออยู่แล้ว แต่เธอไม่กล้าพูดมันออกไป “พี่ชาย!หนู...” เธออึกอัก คิดไม่ออกว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธดี แต่ถึงอย่างไรเขาก็เห็นสมุดเล่มนั้นอยู่แล้ว จะตอบรับหรือปฏิเสธก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี “พี่เข้าใจ และให้อภัยตั้งแต่เห็นน้องนอนใส่ท่อช่วยหายใจในตอน
ตอนที่41เจ้าดำช่วยชีวิต “ฮ่า ๆ เกือบไปแล้วไหม”เสียงหัวเราะที่ดังออกมาจากเมธัช ทำให้วุ้นเย็นหยุดเล่าแล้วหัวเราะออกมาด้วย “ตอนนี้ขำได้นะ แต่ตอนที่หนูอยู่ในเหตุการณ์น่ะ บอกตรง ๆ ว่าขำไม่ออก คิดทางรอดจนสมองแทบไหล หัวใจจะวายเสียให้ได้ สุดท้ายได้เจ้าดำช่วยชีวิต แต่พอคิดย้อนไป ก็ตลกจริง ๆ ฮ่า ๆ”หญิงสาวหัวเราะจนหน้าแดงปลั่ง ดวงตาเป็นประกายพร่างพราวราวกับดวงดาวนับล้าน เมธัชมองภาพนั้นแล้วบันทึกไว้ในส่วนลึกของหัวใจ “สุดท้ายหนูก็ต้องทำความสะอาดพื้น แล้วก็ขอยายออกมานี่แหละ อ้อ!บอกก่อนนะว่า ถึงหนูจะโตขนาดนี้แล้วก็ตาม แต่การขออนุญาตคุณยายไปเที่ยวค้างคืนนี่ไม่ง่ายเลย จนหนูต้องโทรไปหาคุณแม่ขอให้คุณแม่ช่วยคุยกับยายเลยนะคะ เอ้อ!จริงซิ แล้วพี่รู้ที่อยู่บ้านคุณยายได้ยังไงคะ คุณแม่บอกเหรอ”ประโยคท้ายเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ จริง ๆ อยากถามก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ลืมพูดเรื่องอื
ตอนที่40 รอยเท้าของหนูเอง “ตอนเช้าหนูได้ยินเสียงคุณยาย ร้องโวยวายว่าขโมยขึ้นบ้านจึงรีบออกมาดู” เธอเล่าพร้อมกับนึกย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะออกมากับเมธัช.........................................................................สองชั่วโมงก่อนออกจากบ้าน “โอ้ตายแล้ว! ขโมยเข้าบ้าน ๆ” ยายวันนาร้องลั่น เมื่อเห็นรอยรองเท้าที่เปื้อนดิน มาทางประตูห้องของหลานสาว เป็นทางยาวออกไปที่ประตูบ้านวุ้นเย็นที่กำลังหลับอย่างสบายก็สะดุ้งตื่น และรีบเปิดประตูห้อง ร้องถามด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้นหรือคะคุณยาย เสียงดังแต่เช้าเชียวค่ะ”ยายวันนาหันไปที่หลานสาว แล้วจ้ำอ้าวเข้าไปหา พร้อมกับดึงร่างบางมาใกล้ ๆ กวาดตาสำรวจมองไปทั่วร่าง ด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก ท่ามกลางความงุนงงของวุ้นเย็น “หนูเป็นอะไรหรือเปล่า