แชร์

บทที่ 1333

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วซือหรานเดิมทีรู้สึกว่าเกราะกระดูกทั้งตัวของอสูรกลืนแมลงนั่นค่อนข้างพิเศษ

เพียงแต่ว่า ถึงยังไงนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมัน

นางก็ไม่อาจเรียกร้องอะไรได้มาก

ใครจะคิดว่าเจ้านี่จะอาสาบอกนางเองว่าเกราะกระดูกบนตัวมันมีวงจรผลัดของมันอยู่

ความหมายประมาณว่าคล้ายๆ กับการลอกคราวของพวกสัตว์แมลงประมาณนั้น

พูดให้ง่ายกว่าก็คือ ถ้าไม่ใช้ก็เสียเปล่า

แล้วจั๋วซือหรานจะเกรงใจมันหรือ?

นางรวบแขนเสื้อขึ้น ใช้มีดเข้าไปขูดออกมาสองชิ้น คิดจะนำมาลองดูก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากได้วัตถุดิบนี้มา ความคิดแรกสุดที่โผล่ขึ้นมาในสมองจั๋วซือหรานก็คือ รู้สึกว่าคุณสมบัติวัตถุนี้ ถ้านำมาทำเป็นร่มล่ะก็...

น่าจะใช้การได้ดีอยู่ น่าจะเหมาะกับเฟิงเหยียนมาก

ดังนั้น นางจึงถือโอกาสไปเรียกชิ่งหมิงมาเป็นผู้ช่วย ถึงยังไงในด้านการหลอมวัตถุ ชิงหมิงก็เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากจริงๆ

ตอนที่เห็นวัตถุดิบนี้ ชิ่งหมิงก็รู้สึกว่าไม่ค่อยง่ายนัก

แต่ก็คิดไม่ถึงว่า สองคนรวมพลังกันหลอมสกัดตั้งนานสองนาน กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดเลย

ทำเอาจั๋วซือหรานรู้สึกท้อแท้ขึ้นมา

และหลังจากนั้น เฟิงเหยียนก็เข้ามาแล้ว

และตอนนี้

เฟิงเหยียนก็จ้องวั
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1343

    ตามหลักการชิ่งหมิงเองก็มาถึงหุบเขาหมื่นพิษหลายวันแล้วแม้จะบอกว่าจั๋วซือหรานรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชิ่งหมิงผ่านปากของจวงอี๋ไห่แล้วแต่จั๋วซือหรานอันที่จริงไม่รู้ว่าจวงอี๋ไห่กับชิ่งหมิงมาเจอกันยังไง พูดคุยกันแบบไหนดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจวงอี๋ไห่บอกความจริงให้ชิ่งหมิงรู้หรือยังนางเองก็ไม่ได้ถามเพียงแต่ว่า ถ้าดูจากตอนที่ชิ่งหมิงช่วยกันหลอมสกัดกับนางก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ชิ่งหมิงก็น่าจะยังไม่รู้ตัวตนฐานะของจวงอี๋ไห่จั๋วซือหรานเองก็ไม่คิดจะไปยุ่ง ก็เลยยังไม่พูดตอนนี้ พอเห็นสายตาชิ่งหมิงที่มองจวงอี๋อไห่ นางก็อดรู้สึกขึ้นมาไม่ได้...ว่าชิ่งหมิงรู้อะไรแล้วหรือเปล่า?จั๋วซือหรานเดินมาข้างกายชิ่งหมิง เอ่ยถามเสียงต่อ "เป็นอะไรไป?"สายตาของชิ่งหมิงจืดจาง มองดูจวงอี๋ไห่ที่อยู่ข้างๆ กองไฟ"ทักษะที่เขาใช้ตอนจุดไฟ" เสียงของชิ่งหมิงเรียบสงบ"อื๋อ?""เป็นทักษะของตระกูลจวง" ชิ่งหมิงเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานตะลึงงัน แต่ก็เข้าใจความหมายของชิ่งหมิงอย่างรวดเร็วจริงอยู่ ทักษะการจุดไฟมีอยู่หลายแบบแตกต่างกันถ้าหากคนที่ไม่รู้จักวิชา หรือคนที่ไม่รู้จักวิชาธาตุไฟ ตอนจุดไฟก็จะใช้เฉพาะแร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1342

    ทำเอาคนที่เห็นต้องจุ๊ปากอย่างประหลาดใจจั๋วหวายเสียงเล็กมาก เหมือนกลัวจะไปรบกวนสัตว์ประหลาดพวกนี้อย่างไรอย่างนั้นเอ่ยขึ้นเสียงเบากับจั๋วซือหราน "ท่านพี่ พวกมันเชื่องจัง ทำไมถึงเชื่องได้ขนาดนี้"จั๋วหวายตาเป็นประกาย "ท่านพี่เก่งกาจจริงๆ!"พอสิ้นเสียงเขา หัวใหญ่ที่มีขนปุยของหมาป่าน้ำแข็งก็หันมาทางเขา อ้าปากกว้างจั๋วหวายเห็นเขียวแหลมสีขาวของหมาป่าน้ำแข็งแล้วรู้สึกชาไปทั้งตัวแต่ก็อธิบายลำบาก น่าจะเพราะเขามีความเชื่อมั่นต่อตัวพี่สาวอย่างมากดังนั้นจั๋วหวายจึงไม่ขยับ และไม่ลนลานด้วยและจึงเห็นหัวที่ขนนุ่มฟูนั่นของหมาป่าน้ำแข็งเอนเข้ามาหา อ้าปากแต่ไม่ได้ใช้ฟันแหลมคม แต่ยื่นลิ้นยาวนุ่มๆ ออกมาแผลบๆๆ!เลียเข้าไปที่หน้าจั๋วหวายจั๋วหวายชาไปทั้งตัว แต่ยังคงไม่ขยับถึงจะตัวชา แต่ในใจกลับดีใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มทื่อๆ ออกมาจั๋วซือหรานเดิมทียังคิดว่าเสี่ยวหวายจะกลัวหรือเปล่า แต่พอหันไปก็เห็นรอยยิ้มทื่อๆ ของเจ้าเด็กคนนี้นางจึงหัวเราะขึ้นมา "ชมต่อไป หมาป่าน้อยชอบเจ้าชมข้า ดีกว่าชมมันเสียอีก"จั๋วหวายดีใจมาก เลยขดตัวอยู่ข้างๆ จั๋วซือหรานไม่ขยับไปไหนอีกถ้าสัตว์ประหลาดตัวอื่นให้เขาลูบ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1341

    ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังจำเหยื่อที่ถูกผ่าท้องเลือดท่วมกลับมาอีกด้วยจึงยิ่งดูนองเลือดเข้าไปอีกแต่ว่า พวกมันก็เข้าแถววางเหยื่อลงตรงหน้าจั๋วซือหราน จากนั้นก็ก้มหัวลงมาตรงหน้านางอย่างว่าง่ายอยู่ในสภาพเชื่องๆ ว่าง่าย รอให้นางมาลูบหัวทั้งที่ดูดุดันขนาดนั้นแท้ๆ! เหล่าสัตว์ประหลาดที่ไปที่ไหนก็ต่อสู้ได้!กลับมารอให้นาง...ลูบหัวเนี่ยนะ?!และจั๋วซือหรานก็ลูบหัวให้ทีละตัว พร้อมกับเอ่ยชมพวกมันด้วย"อื๋อ? หมาน้อยเอากวางกลับมาหรือ ดีมาก ข้าชอบกินเนื้อกวาง เดี๋ยวจะย่างขากวางให้เจ้าสักข้างหนึ่งแล้วกัน"จากนั้นก็ลูบหัวทุกคนต่างก็เห็นว่าหมาป่าน้ำแข็งที่ดูดุร้ายตัวนั้น ก้มหัวลงมาให้นางลูบก็เรื่องหนึ่งพอลูบเสร็จก็ยังทำเหมือนกับสุนัข ส่งเสียงร้องงื๊ดงื๊ด หู่ลู่ไปด้านหลัง ออดอ้อนน่าดูจากนั้นก็ครางหงุงหงิง ไปมอบลงด้านหลังจั๋วซือหรานอย่างว่าง่ายท่าทางนั้นเหมือนจะไปเป็นหมออิงหรือเบาะนั่งให้นาง จะยังไงมันก็ไม่ขยับไปไหนแล้วแน่นอน มันอาจจะรอขากวางย่างที่จั๋วซือหรานพูดเมื่อครู่อยู่ก็ได้หมาป่าน้ำแข็งไม่ใช่สัตว์ประหลาดระดับสูงอะไรมาก ตามหลัการแล้วสติปัญญาไม่ถึงระดับที่เข้าใจภาษามนุษย์แต่กลับ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1340

    เฟิงเหยียนถึงจะชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็หัวเราะบางๆ ขึ้นมาแทบจะในทันที "อิจฉาล่ะสิ"ปันอวิ๋นจุ๊ปาก ในใจก็คิดว่าคำที่เขาพูดเจ้าตัวดีมาได้ยินเสียนี่"ซวยจริง..." ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานอยู่ข้างๆ กลับอารมณ์ค่อนข้างดี แขนของนางยันอยู่กับขอบหน้าต่าง ใช้คางเกยมือ พูดกับปันอวิ๋นว่า "อย่าท้อใจไป เจ้าเองก็เจอกับข้านี่? บางทีข้าอาจจะมาเพื่อช่วยพวกเจ้าก็ได้นะ?"ปันอวิ๋นพอได้ยินก็คิดๆ พยักหน้า "ก็จใช่ พูดมาก็ถูกอยู่"เฟิงเหยียนควบม้าขึ้นมา เบียดปันอวิ๋นออกไปข้างๆ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "อย่าไปป้อยอเขามากนัก""ซักวันข้าก็ต้องสู้กับเจ้า" ปันอวิ๋นถลึงตาใส่เขา บ่นกระปอดกระแปดควบม้าไปที่หน้าขบวนจั๋วซือหรานแหงนตามองเฟิงเหยียน เอ่ยถามว่า "จะเข้มาในรถม้าหน่อยไหม?"ฃนางยังคงเป็นห่วยสภาพของเฟิงเหยียนแม้ชุดของเขาจะรัดกุมดีแล้ว ป้องกันได้หมดจดแต่จั๋วซือหรานก็ยังไม่ค่อยวางใจเฟิงเหยียนส่ายหัว "ไม่รีบ"เขามองสีท้องฟ้าผาดหนึ่ง "ยังไม่ถึงช่วยกลางวัน ตอนนั้นค่อยว่ากัน"ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เหลียนเจินก็หาที่เหมาะๆ หยุดพักได้แล้ว ขบวนม้าจึงค่อยๆ หยุดลงปันอวิ๋นยังคิดอยู่ ว่าจะออกไปล่าสัตว์อะไรรอบๆ นี้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1339

    เดิมทีเฟิงเหยียนกับปันอวิ๋น ก็ครุ่นคิดและหนักใจกับคำพูดนั้นของนางอยู่แต่ความครุ่นคิดกับความหนักใจ ก็ถูกประโยคท้ายที่ดูขี้เล่นของนาง ทำเอาความรู้สึกพวกนั้นจางหายไปหมดปันอวิ๋นโบกไม้โบกมือ "ไม่ต้องหรอก เจ้าเก็บไว้เถอะ ระยะทางไปหลวนหนานครั้งนี้ไม่ใช่ใกล้ๆ ยังไม่แน่ว่าจะหาเมืองหยุดพักได้หรือเปล่า"ความหมายในคำพูด ก็คือให้จั๋วซือหรานเก็บไว้กินเองจั๋วซือหรานพอได้ยินคำนี้ สายตาก็เหลือบมองปันอวิ๋นอย่างแปลกประหลาด จากนั้นก็ยื่นมือส่งห่อขนมสองห่อให้เขากับเฟิงเหยียน"เจ้าเพิ่งรู้จักข้าวันแรกหรือไง..." จั๋วซือหรานเบ้ปากเอ่ยขึ้น "มากับข้าเคยขาดของกินที่ไหน?"เฟิงเหยียนก็ไม่คิดจะเกรงใจอะไร รับไปแล้วยัดเข้าปากก้อนหนึ่งปันอวิ๋นจึงทำได้แค่รับตามมาและต่อจากนั้น ระหว่างทาง จั๋วซือหรานก็ให้ปันอวิ๋นได้เห็นว่าอะไรคือมากับนางแล้วไม่มีขาดของกินระหว่างทาง ปันอวิ๋นเห็นหญิงสาวคนนี้ปล่อยสัตว์อสูรออกมาแล้วนางก็ไม่ได้ควบคุมสัตว์อย่างตั้งใจเท่าไรด้วย เพียงแค่ลูบหัวสัตว์อสูรเหล่านั้นของนางเท่านั้นจากนั้นก็พยักหน้า พูดคำนึงว่า "ไปเถอะ แยกย้าย"แล้วสัตว์อสูรเหล่านี้ก็กระจายไปรอบทิศอย่างรวดเร็วปันอว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1338

    สีหน้านางดูแล้ว ไม่ได้ดูหดหู่เท่าพวกเขาทั้งสองคนจั๋วซือหรานยกมุมปากยิ้มบางๆ "ข้าคิดว่า..."สายตาของพวกเขาสองคน ทยอยมองไปทางจั๋วซือหรานและสบเข้ากับดวงตาที่ดำขลับยิ่งกว่าท้องผ้าราตรีคู่นั้นของนาง เหมือนว่าซ่อนสิ่งของเอาไว้มากมายและลึกมากทำเอาคาดเดาได้ยากจั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า "ข้าคิดว่า...คนในอดีตเหล่านั้น ก็เพราะกลัวว่าตัวเองจะเสียใจภายหลัง จึงได้ทำให้ตนเอง ปล่อยให้คนมากมาย ยังติดอยู่ในวังวนนี้มานานขนาดนี้"พวกเขาได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ก็ไม่พูดอะไรออกมานิ่งงันกันไปแต่ก็ล้วนเข้าใจความหมายของจั๋วซือหรานคนในอดีตเหล่านั้น...ปันอวิ๋นคิดถึงพ่อของตนเองเฟิงเหยียนเองก็คิดถึงเฟิงอวี้จริง เป็นเช่นนี้จริงๆปันอวิ๋นคิดถึงพ่อของตนเอง เพราะต้องเคยแบกรับภาระสำนัก แบกรับหุบเขาหมื่นพิษทั้งหมดดังนั้นจึงปล่อยให้สภาผู้อาวุโสกดดันเงียบๆ มาตลอด ถูกกดขี่ข่มเหงที่เรียกกันว่าให้ความสำคัญจนกระทั่งตายไป ก็ยังไม่มีความคิดจะหนีออกมาจากวังวนนี้แทนที่จะบอกว่าสภาผู้อาวุโสพันธนาการเขาไว้ สู้พูดว่า ท่านพ่อเอาตัวเองขังไว้ที่นี่จะดีกว่าและตอนท้ายสุด เขาก็จำใจต้องรับพันธนาการนี้มาต่อ ถูกท่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status