แชร์

ยอดหญิงในเงามาร
ยอดหญิงในเงามาร
ผู้แต่ง: ฉินอันอัน

บทที่ 1

ผู้เขียน: ฉินอันอัน
แสงจันทร์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า ทันใดนั้น สวี่อินอินก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีภูเขาลูกหนึ่งทับลงบนร่างกายของตนเอง

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอก นางรู้สึกราวกับปลาที่ขาดน้ำ พยายามอ้าปากเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือ ใบหน้าที่ดูดุร้าย ส่วนประกอบบนใบหน้าดูแข็งกระด้าง

เป็นติงเฉิงหย่ง!

สวี่อินอินตกตะลึงอย่างยิ่ง ฉากนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริง

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

นางยังไม่ทันได้ไตร่ตรอง เสียงเล็กแหลมของหลี่ซิ่วเหนียงก็ดังขึ้น “เจ้าจะเล่นก็เล่นไป แต่อย่าทำให้ตายเสียล่ะ!”

เป็นหลี่ซิ่วเหนียง แม่บุญธรรมของนาง!

สวี่อินอินโกรธจนดวงตาแทบถลนออกมา สั่นเทิ้มไปทั้งตัว

นางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ย้อนเวลากลับมาเมื่อสิบสามปีก่อน!

ตอนที่นางเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนหย่งผิงโหวในเมืองหลวง

หลังจากที่จวนหย่งผิงโหวมาตรวจสอบแล้ว พวกเขาบอกว่าจะส่งคนมารับนาง

ทว่า ในคืนนั้นเองนางก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!

หลี่ซิ่วเหนียงขังนางเอาไว้ในห้องเก็บฟืน แล้วพาติงเฉิงหย่งมา นางต่อสู้อย่างสุดกำลังจึงรอดพ้นจากการถูกข่มเหง แต่วันรุ่งขึ้น หลี่ซิ่วเหนียงก็พาคนมาจับนางในข้อหาร่วมประเวณี

เมื่อประตูห้องเก็บฟืนเปิดออก ร่างกายของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว ไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่บอบช้ำ

ยิ่งไปกว่านั้น ติงเฉิงหย่งก็อยู่ตรงนั้นด้วย

นางพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

คนของจวนหย่งผิงโหวมารับนาง ติงเฉิงหย่งยังจงใจจุดประทัดที่หน้าประตูอีกด้วย

บอกว่าเขาได้เป็นลูกเขยของจวนหย่งผิงโหวแล้ว ต้องฉลองกันสักหน่อย

ทำให้คนของจวนหย่งผิงโหวหน้าเสียไปตาม ๆ กัน

แม้ว่าจะยังคงรับนางกลับไป แต่ทุกคนต่างพากันรังเกียจนางเป็นอย่างมาก

บิดามารดาของนางต่างคิดว่า นางเป็นเด็กที่เติบโตมาจากชนบทจริง ๆ เป็นสตรีใจง่าย ไม่มีความละอายใจ

พี่น้องของนางก็ไม่ยอมรับว่านางเป็นคนของจวนโหวเช่นกัน

แม้จะเป็นเช่นนี้ หลี่ซิ่วเหนียงก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไป! ยังจงใจยุยงให้ติงเฉิงหย่งไปอาละวาดที่จวนโหว! จนกระทั่งจวนโหวขับไล่นางออกไปในที่สุด

ชีจิ่น บุตรสาวของหลี่ซิ่วเหนียง ผู้ที่แย่งชิงตัวตนของนางไป กลับยืนอยู่ตรงหน้านางด้วยท่าทางสูงส่ง มองดูคนอื่นตีขาของนางจนหักอย่างเลือดเย็น แล้วปล่อยให้นางต้องทนทุกข์ทรมานอยู่บนท้องถนน!

ทั้งหมดนี้ เริ่มต้นขึ้นในคืนนี้ คืนที่ติงเฉิงหย่งปีนขึ้นมาบนเตียงของนาง

ไอ้สารเลวนี่!

ติงเฉิงหย่งกำลังเริ่มกระชากเสื้อผ้าของนางอย่างรีบร้อน

“อินอิน เจ้าคงยังไม่รู้รสชาติของการเสียตัว พี่ชายจะสอนเจ้าเองว่า ความรู้สึกมีความสุขจนแทบจะขึ้นสวรรค์และขาดใจตายเป็นอย่างไร”

ไม่มีเวลาให้คิดทบทวนอีก นางรีบงอขาขึ้นแล้วถีบออกไปสุดแรงตามสัญชาตญาณ หัวเข่าของนางกระแทกเข้าที่หว่างขาของติงเฉิงหย่งอย่างจัง

ติงเฉิงหย่งหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง จากนั้นก็ล้มลงกลิ้งไปมาบนพื้น พร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวน

อาศัยจังหวะนี้ สวี่อินอินรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าของตนเองที่ตอนนี้เกือบจะหลุดลงมาถึงเอวแล้ว

เมื่อหันกลับมามองติงเฉิงหย่งที่ยังคงกลิ้งอยู่บนพื้น ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร

ติงเฉิงหย่งกุมหว่างขาของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด กลิ้งไปมาบนพื้นพร้อมกับด่าทอไม่หยุด “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!”

พูดจบก็พุ่งเข้าหาสวี่อินอิน

รูปร่างอ้วนฉุของเขาทำให้สวี่อินอินรู้สึกขยะแขยง นางเอียงหัวราวกับต้องการจะหลบ แต่แอบกำปิ่นปักผมไม้ที่เพิ่งดึงออกมาไว้ในมือซ้ายอย่างเงียบ ๆ จิตสังหารเดือดพล่านอยู่ในใจ

เมื่อติงเฉิงหย่งเข้ามาใกล้มากขึ้น มือซ้ายของนางก็แทงออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปิ่นปักผมไม้ที่อยู่ในมือแทงเข้าไปในดวงตาของติงเฉิงหย่ง

ติงเฉิงหย่งส่งเสียงร้องโหยหวน เสียงนั้นแทบไม่เหมือนเสียงคน

สวี่อินอินขยับเท้า ทำให้เขาที่เหมือนหมูอ้วน สะดุดล้มลงไปกองกับพื้น

จากนั้นก็รีบคว้าเก้าอี้พัง ๆ ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา แล้วฟาดไปที่ศีรษะของติงเฉิงหย่งด้วยแรงทั้งหมดที่มี

ฟาดลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า สวี่อินอินใช้แรงทั้งหมดที่มี ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย

ไม่นานนัก ศีรษะของติงเฉิงหย่งก็ถูกนางทุบจนแทบจะเละแล้ว ในตอนแรกติงเฉิงหย่งยังส่งเสียงร้องออกมาได้ แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีก

ภายในห้องไม่มีแสงไฟ อาศัยแสงจันทร์สลัว สวี่อินอินมองเห็นศีรษะของติงเฉิงหย่งที่แหลกเหลว

นางกระตุกมุมปากเล็กน้อย จากนั้นค่อย ๆ เช็ดมือของตนเองให้สะอาด

ภายในห้องยังคงมีข้าวของจัดวางไว้อย่างคุ้นเคย นอกจากเตียงไม้เก่า ๆ แล้ว ก็มีแค่เก้าอี้ไม้ไผ่พัง ๆ สองสามตัววางอยู่ข้างกำแพง ไม่มีของอื่นใดอีก

นางสาวเท้าไปที่ข้างเตียง ปีนขึ้นไป แล้วคลำไปมาที่มุมหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบห่อผ้าออกมาเปิดดู เมื่อเห็นสิ่งของที่อยู่ข้างในก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

จากนั้นนางก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปที่ข้างเตียงอีกครั้ง แล้วหยิบเสื้อผ้าตัวหนึ่งมายัดไว้ในอ้อมอกของติงเฉิงหย่ง

ส่วนตัวนางเองก็ปีนออกไปทางหน้าต่างอย่างคล่องแคล่ว

ตั้งแต่เด็กนางก็ตามหลี่ซิ่วเหนียงไปตัดฟืนจับปลาในหมู่บ้าน ทำให้การเคลื่อนไหวของนางว่องไวปราดเปรียวเหมือนกับแมว

ทันทีที่ลงมาถึงพื้น นางก็เห็นว่าห้องโถงใหญ่ยังคงมีแสงไฟส่องสว่างอยู่

นั่นคือห้องของหลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็เดินเลียบกำแพงไปจนถึงใต้หน้าต่างของพวกเขา ได้ยินเสียงพูดคุยดังออกมาจากข้างใน

คนขายเนื้อสวี่โอบกอดหลี่ซิ่วเหนียง แล้วเอ่ยขึ้นซ้ำ ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่ายอดรัก “ซิ่วเหนียงช่างฉลาดจริง ๆ ตอนนั้นก็ใจแข็งพอที่จะสลับลูก ตอนนี้ก็ยังใจแข็งพอที่จะปล่อยให้นางถูกเด็กหนุ่มแซ่ติงนั่นทํามิดีมิร้าย เมื่อเป็นเช่นนี้ ลูกสาวของเราอยู่ในจวนโหวก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปแล้ว!”

หลี่ซิ่วเหนียงที่อยู่ในห้องโกรธจนแทบคลั่ง สั่งให้คนขายเนื้อสวี่หุบปาก

“เมื่อไรจะแก้นิสัยปากไม่มีหูรูดของท่านได้สักที! ลูกสาวของเรากำลังจะมีอนาคตที่ดี จะพลอยเดือดร้อนเพราะท่านไม่ได้!”

นอกหน้าต่าง สวี่อินอินโกรธจนตาแทบถลน ดวงตาแดงก่ำ

ที่บอกว่าสลับตัวกันโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!

สลับตัวตนให้ชีจิ่นเพื่อปูทางให้นาง หลังจากความจริงถูกเปิดเผยแล้วก็ทำลายความบริสุทธิ์ของนาง

เพราะแผนการร้ายนี้ ในชาติที่แล้ว จวนโหวจึงไม่เคยเปิดเผยตัวตนของนาง ชีจิ่นก็ยังคงเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหว

ต่อมายังได้เข้าวัง และกลายเป็นพระชายา

หลังจากนั้น คนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงก็ ‘บังเอิญ’ ช่วยพระชายาเอาไว้ จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางชั้นสูง กลายเป็นผู้สูงศักดิ์!

ทุกคนในครอบครัวต่างเหยียบย่ำนางเพื่อไต่เต้าขึ้นไป!

ช่างเป็นแม่ผู้ใจดีมีเมตตาเสียจริง ๆ !

น่าเสียดายที่นางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง แผนการของหลี่ซิ่วเหนียงจะไม่มีวันสำเร็จอีกต่อไป!

ใบหน้าของสวี่อินอินแดงก่ำ ตัดสินใจอย่างแน่วแน่

นางจะทำให้คนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงต้องชดใช้!

คนขายเนื้อสวี่พึมพำตอบรับว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเงี่ยหูฟังเสียงจากห้องข้าง ๆ “เหมือนจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรแล้วนะ”

หลี่ซิ่วเหนียงก็เอ่ยต่อ “คงจะเหนื่อยจากการเล่นสนุกแล้ว ข้าจะออกไปตามคนมา ท่านคอยจับตาดูไว้หน่อย”

พวกเขาต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา ทำให้เรื่องราวใหญ่โต พรุ่งนี้เช้าเมื่อคนของจวนหย่งผิงโหวมาถึง จะได้ทำให้พวกเขา ‘ประหลาดใจ’

นางซ่อนตัวอยู่ที่มุมกำแพง มองหลี่ซิ่วเหนียงเดินออกไป แล้วมองคนขายเนื้อสวี่ที่อยู่ในห้อง ทันใดนั้นก็อ้าปากกรีดร้องเสียงดังลั่น ก่อนจะวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ภายในห้อง ศพของติงเฉิงหย่งยังคงกองอยู่บนพื้น

แต่นางไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย นางเข้าใจดีว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนโลกนี้ไม่ใช่ผี แต่เป็นใจคน

หลังจากที่นางกลับเข้าไปในห้องได้ไม่นาน จู่ ๆ ประตูก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด คนขายเนื้อสวี่ลองส่งเสียงร้องเรียกมาจากข้างนอก “อินอิน?”

สวี่อินอินแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันในความมืด นางรู้ว่าคนขายเนื้อสวี่จะต้องมาแน่

หลายปีมานี้ สายตาที่คนขายเนื้อสวี่มองนางนั้น ยิ่งผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ บ่อยครั้งที่แตะเนื้อต้องตัว แม้กระทั่งแอบดูนางอาบน้ำ

นางเคยบอกหลี่ซิ่วเหนียงแล้ว แต่หลี่ซิ่วเหนียงกลับด่าทอว่านางเป็นคนปากมาก ชอบยุแยงให้คนแตกคอกัน

“ท่านพ่อ” สวี่อินอินเรียกเบา ๆ

“อืม!” คนขายเนื้อสวี่สายตาเจ้าเล่ห์ ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในหัวทันที

เดิมทีก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ อยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็ถูกติงเฉิงหย่งเล่นสนุกไปแล้ว เขาลวนลามอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป?

คิดได้ดังนั้น เขาก็กลืนน้ำลาย แวบเข้าไปในห้อง อาศัยแสงจันทร์สลัว ๆ ย่องไปทางเตียง

ใครจะไปรู้ว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็สะดุดอะไรบางอย่างเข้าจนล้ม

เขาส่งเสียงโอดโอย คลำทางเพื่อจะลุกขึ้นยืน แต่กลับสัมผัสได้ถึงของเหลวที่เหนียวเหนอะหนะ

ซึ่งก็คือ...เลือด?!

อาศัยแสงสว่างของดวงจันทร์ คนขายเนื้อสวี่มองเห็นติงเฉิงหย่งที่นอนอยู่บนพื้น

น่าจะเป็นติงเฉิงหย่ง รูปร่างและเสื้อผ้าก็ตรงกัน ตะ...แต่ศีรษะของเขาถูกทุบจนแทบจะจมลงไปในพื้น เลือดเนื้อเละเทะไปหมดแล้ว!

“อ๊าก!” เขาส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นเพื่อจะหนีอย่างไม่รู้ตัว

แต่เมื่อหันหลังกลับไปก็พบว่า ภายใต้แสงจันทร์ สวี่อินอินกำลังยิ้มเยาะมาที่เขา “ท่านพ่อ ในเมื่อท่านตอบรับแล้ว ก็ให้ข้าส่งท่านไปสู่สุขคติเถิด”

ไม่รอให้คนขายเนื้อสวี่ที่ตัวสั่นเทาได้ถอยหลัง สวี่อินอินก็พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแทงปิ่นปักผมไม้ที่อยู่ในมือเข้าที่ลำคอของคนขายเนื้อสวี่อย่างแม่นยำ

คนขายเนื้อสวี่พยายามเอามือกุมคอของตนเอง แต่กลับพบว่ามันไร้ประโยชน์ เลือดไหลทะลักออกมาราวกับสายน้ำ

เขาพูดอะไรไม่ได้แล้ว มองสวี่อินอินด้วยแววตาหวาดกลัว

เขาไม่เข้าใจว่า ลูกสาวที่เคยเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายมาตลอด เหตุใดจึงกลายเป็นปีศาจร้ายจากขุมนรกไปได้

สวี่อินอินไม่เสียเวลาพูดไร้สาระกับเขาอีก นางจับขาของคนขายเนื้อสวี่ จากนั้นลากเขาไปไว้ข้าง ๆ ศพของติงเฉิงหย่ง แล้วพลิกตัวเขาให้นอนหงาย

ปิ่นปักผมไม้ยังคงปักอยู่ที่คอของเขา แต่คนขายเนื้อสวี่ได้ขาดใจตายไปแล้ว

สวี่อินอินไม่มีเวลาพักผ่อน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพัก หลี่ซิ่วเหนียงจะพาคนมาในเร็ว ๆ นี้ นางต้องสรุปสาเหตุการตายของสองคนนี้ให้เรียบร้อยก่อนที่หลี่ซิ่วเหนียงจะมา

นางเปิดประตูแล้ววิ่งตรงไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 530  

    แม้จะเป็นชีวิตก็ตาม ชีหยวนขยับริมฝีปากเล็กน้อย นางย่อมรู้ดีว่าความจริงใจล้ำค่าเพียงใด และมิใช่ว่าไม่มีหัวใจ ทว่าในชาติก่อน หนึ่งวันก่อนที่เฝิงไฉ่เวยจะกลายเป็นพระชายาของเขา เขาเพิ่งจะให้คำมั่นสัญญากับนาง ว่าจะให้สกุลเซี่ยรับนางเป็นบุตรบุญธรรม และจากนั้นจะมาสู่ขอนางอย่างเปิดเผย นางมิได้เคลือบแคลงความจริงใจของเซียวอวิ๋นถิงในยามนี้ หากแต่คำสัญญาของเขาเมื่อปะทะกับเฝิงไฉ่เวยแล้วความหมายก็เปลี่ยนไปทันที และนางก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกหวั่นไหวกับ แต่เพราะเรื่องของเฝิงไฉ่เวย นางใช่ว่าต้องอภัยเซียวอวิ๋นถิงเพียงหนึ่งครั้งแล้วหยุด แต่ทุกหนึ่งครั้งที่คิดถึงขึ้นมาก็ต้องให้อภัยอีกหนึ่งครั้ง เหนื่อยเกินไปแล้ว กับเรื่องอื่นนางอาจจะยอมทุ่มเทได้ทุกอย่างโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่เรื่องความรัก นางปรารถนาจะเป็นคนที่ถูกรักและถูกเลือกอย่างมั่นคงไม่แปรเปลี่ยนเท่านั้น ยิ่งไปนั้นก็ต้องยอมรับว่า บางครั้ง การสูญเสียเป็นสิ่งที่มั่นคงยิ่งกว่าการได้ครอบครองเสียอีก นางเหลือบสายตามองเซียวอวิ๋นถิง สายตาคู่นั้นชัดเจนว่าเย็นชา ทว่ามันกลับคล้ายว่าแฝงไว้ด้วยพายุลูกใหญ่ ในที่สุดพายุลูกนี้ก็สงบลง ชีหยวนเพีย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 529  

    สิ่งนี้องค์หญิงเป่าหรงให้เขาไว้ บอกว่าขอมาจากอ๋องฉี เป็นอาวุธคมที่ใช้สังหารคนในระยะประชิด ในตอนประชิดตัวคู่ต่อสู้ถือว่าใช้งานได้ดีกว่าปืนไฟเสียอีก หนนี้เขาเตรียมตัวอย่างพร้อมพรัก สวะไร้ประโยชน์พวกนี้พึ่งพาไม่ได้ เขาก็ต้องลงมือด้วยตนเอง จะต้องทำให้ชีหยวนตายให้ได้! ทว่าเขายังไม่ทันได้ลงมือ เซียวอวิ๋นถิงเตะเข้ากลางหลังของเขาจากด้านหลังอย่างเต็มแรงแล้ว ทำให้ร่างของเขาล้มถลาไปด้านหน้า ชีหยวนฉวยโอกาสเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง ทันใดนั้นกริชที่อยู่ในแขนเสื้อด้านซ้ายก็ไหลออกมา นางข่มความเจ็บปวดเอาไว้และใช้มือขวาเอื้อมไปกระชากเส้นผมของผู่อู๋ย่ง ก่อนจะใช้มือด้านซ้ายแทงกริชเข้าไปที่ลำคอของผู่อู๋ย่ง ทันใดนั้นโลหิตสีแดงสดก็ทะลักพุ่งพรวด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนผู่อู๋ย่งยังมีสติ เขาเบิกตากว้างจ้องมองชีหยวนอย่างไม่อยากเชื่อ เขาคิดไม่ตก ในเมื่อชีหยวนแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงพวกเด็ก ๆ ในเรือนพักต่างเมืองนั่น แต่เหตุใดยังลงมือสังหารเขาอีก? เหตุใดนางจึงไม่ถามถึงที่อยู่ของพวกเขา? ราวกับรู้ข้อสงสัยในใจของเขา ชีหยวนโน้มตัวเข้ามามองเขา ก่อนจะกระตุกมุมปากขึ้นอย่างเยือกเย็น “ผู่กงกง ท่านต้อ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 528  

    เซียวอวิ๋นถิงก็สบโอกาสนี้ล้วงอาวุธลับออกมาด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะแทงเข้ากลางหลังม้าทันที ผู่อู๋ย่งฝืนอยู่บนหลังม้าไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ร่วงลงมาบนพื้น ทันใดนั้นก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวใบหน้าเหยเก มาถึงตำแหน่งระดับอย่างเขา ความจริงช่วงเวลาที่น่าอัปยศเช่นนี้แทบจะมิได้ประสบพบเจอแล้ว เขาโกรธจนแทบคลั่ง ทันใดก็รีบเหนี่ยวไกอาวุธในมือไปยังจุดที่เคยมีคบไฟอยู่ กิ่งไม้หลายกิ่งถูกยิง ฉับพลันทันใดก็ร่วงหล่นลงพื้นเป็นวงกว้าง เซียวอวิ๋นถิงรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปเสี้ยวขณะ เขาตะโกนเสียงดังออกมา “ชีหยวน!” ในฐานะพระนัดดารัชทายาท เขาย่อมรู้ดีถึงความร้ายกาจของปืนไฟที่กรมโยธาผลิตขึ้น แม้ไกลร้อยหลายังสามารถเอาชีวิตคนได้ เหมือนกับดอกไม้ไฟที่สามารถพุ่งไปได้ทุกทิศทาง หากโดนเข้า เบาที่สุดยังต้องมีรูทะลุ “ข้าไม่เป็นไร!” ชีหยวนตอบกลับคำหนึ่ง ก่อนจะเงียบไปทันที ผู่อู๋ย่งโกรธจนเสียสติไปแล้ว องครักษ์เสื้อแพรด้านหน้ากำลังถอยร่นภายใต้การตีวงล้อมของทหารเต๋า มีคนล้มตายไปไม่น้อยแล้ว คิดใคร่ครวญนับหมื่นนับพันครั้ง ก็คือไม่ถึงว่าเซียวอวิ๋นถิงจะกล้าเดิมพันชีวิตในเวลาแบบนี้ แม้แต่ตัวเขาเองยังได้รับบาดเจ็บด้

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 527  

    ขันทีใหญ่ข้างพระวรกายฝ่าบาท หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร ย่อมเชี่ยวชาญการทะลวงจิตใจผู้คนได้อย่างคล่องแคล่วง่ายดาย เซียวอวิ๋นถิงกังวลบาดแผลของชีหยวน จึงดึงรั้งนางไว้สุดชีวิต “ตั้งสติ บัดนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ตรงหน้า!” ชีหยวนกุมไหล่ตนเองไว้ ทันใดนั้นก็ยิ้มใส่ผู่อู๋ย่งอย่างไม่ใส่ใจ “ผู่กงกง ท่านก็ดูฉลาดปราดเปรื่อง เหตุใดถึงได้เอาแต่ทำเรื่องโง่เง่าอยู่ตลอด?” “หลานชายไร้ประโยชน์คนนั้นของท่าน ตอนยังมีชีวิตอยู่ก็โดนข้าแทงตายในหนึ่งกระบวน แม้แต่โอกาสร้องขอความช่วยเหลือยังไม่มีด้วยซ้ำ เหตุใดท่านถึงได้คิดว่าหากข้าตายไปแล้ว คนอย่างเขาจะสามารถจัดการข้าได้อีก?” พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใบหน้าของผู่อู๋ย่งพลันเปลี่ยนไปทันที ชีหยวนกลับแค่นหัวเราะเสียงเย็นเยียบอยู่ในใจ สงครามประสาทหรือ ใครเล่าจะเล่นไม่เป็น? เรื่องอื่นนางอาจจะไม่ถนัดนัก แต่เรื่องฆ่าคนทำลายใจกลับเป็นสิ่งที่ทำบ่อยที่สุดและเชี่ยวชาญที่สุด ผู่อู๋ย่งมองนางด้วยสายตาอำมหิต “ไว้เจ้าตายก่อนเถิด ข้าย่อมมีวิธีให้เจ้าว่านอนสอนง่ายแน่!” “อาจจะไม่เสมอไปกระมัง?” ชีหยวนผุดยิ้มอย่างดูแคลน “หากว่าพวกภิกษุนักพรตเหล่านั้นมีฝีมือดีขนาดนั้นจริง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 526  

    ผู่อู๋ย่งไม่มีเวลาสนใจความเป็นความตายขององครักษ์เสื้อแพรคนนี้ ทว่าใบหน้าของเขาในยามนี้กลับปรากฏความตื่นตะลึงอึ้งงันอย่างใหญ่หลวง นัยน์ตาจ้องเขม็งมองเซียวอวิ๋นถิงที่เพิ่งลงมือเมื่อครู่ ก่อนจะส่งเสียงเดาะลิ้นอย่างเยือกเย็น “ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็พระราชนัดดาองค์โตเองหรือ!” เดิมทีเขาโปรดปรานการปัดแป้งบนใบหน้าอยู่แล้ว ดวงหน้าขาวซีดไร้สีเลือดยิ่งดูน่ากลัวด้วยสีหน้าอำมหิตวิตถารของเขายิ่งในยามค่ำคืนยิ่งคล้ายดูผีดุตนหนึ่ง ราวกับเป็นปีศาจที่พร้อมจะอ้าปากเขมือบคนได้ทุกเมื่อ เขาหัวเราะเสียงดังสนั่น ชัดเจนว่าเมื่อครู่ตอนที่องครักษ์เสื้อแพรกำลังโรมรันกับชีหยวนอย่างดุเดือดไม่ยอมเลิกรา โทสะของเขายังคงเดือดพล่านดังอสนีบาต ทว่าตอนนี้พอเห็นเซียวอวิ๋นถิงเข้าร่วมในสมรภูมิด้วยแล้ว เขาเหมือนได้เจอเรื่องที่ชวนให้เบิกบานใจมากกว่าแล้ว พระราชนัดดาพระองค์นี้ที่ต่อหน้าดูไร้พิษสงต่อทั้งคนและสัตว์ พระราชนัดดาพระองค์นี้ที่ปากเอาแต่อ้างว่าร่างกายอ่อนแอ จึงต้องอาศัยอยู่บนเขาเหมาซานนานสิบกว่าปี ที่แท้แล้วมีฝีมือโดดเด่นไม่ธรรมดาเพียงนี้เชียวหรือ ไม่ ประเด็นสำคัญที่สุด คือเขายอมทำถึงขนาดนี้ก็เพื่อชีหยวน!

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 525  

    แทบจะเป็นเสี้ยวพริบตาเดียวกันนั้น ตาข่ายขนาดใหญ่พลันพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ลอยขึ้นไปกลางอากาศห่อหุ้มร่างคนเอาไว้ เพียงชั่วขณะเดียวก็ถูกกระชากขึ้นไปบนซุ้มประตูแล้ว ผู่อู๋ย่งไล่ตามมาด้านหน้าใกล้ขึ้นอีกระยะหนึ่ง พอเห็นทุกอย่างชัดเจน ก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ด้วยความรู้สึกโล่งอกอย่างอดไม่ได้ ดี! ทุกคนที่ได้พบเจอต่างก็บอกว่าเด็กสาวคนนี้ร้ายกาจเพียงใด มีความสามารถเพียงใด แม้ในใจเขาจะเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายชนะ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด ในใจเอาแต่อึดอัดกังวลโดยไม่รู้ตัว กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันใดขึ้นมาอีก เมื่อครู่เด็กเวรนั่นก็คาดเดาได้ล่วงหน้าแล้วว่าตรงหน้ามีการซุ่มโจมตี… ผู่อู๋ย่งหรี่ตา ในใจพลันคิดถึงหลานชายของตนเองขึ้นมา ทันใดนั้นหัวใจก็เจ็บแปลบราวกับถูกบีบรัด ใช่แล้ว สตรีที่สามารถวิเคราะห์ได้ล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายอาจจะมีการดักซุ่มโจมตี โดยอาศัยเพียงการประเมินจากภูมิประเทศโดยรอบ และสามารถหาทางรับมือได้ทันท่วงทีภายใต้สถานการณ์ที่ไร้ซึ่งเค้าลางบอกเหตุใด ๆ หลานชายที่ไร้เดียงสาน่าเวทนาคนนั้นของเขาจะรับมือไหวได้อย่างไร?! แต่ว่าไม่เป็นไร ฉือซานทำไม่ได้ ก็ให้เขาคนนี้จัดการเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 524  

    ในใจของเขาตื่นตระหนกพลุ่งพล่านไม่หยุด คุณหนูใหญ่ชีช่างเก่งกาจเหลือเกิน! นางบอกว่านางลากผู่อู๋ย่งลงมาได้แน่ ใครเล่าคิดได้ว่า ไพ่ในมือของนางจะเป็นลัทธิดอกบัวขาว! นางถึงกับรู้แหล่งกบดานของลัทธิบัวขาวในเมืองหลวงด้วย! อีกทั้งยังมีแผนการจัดวางกำลังป้องกันด้วย! นางช่างกล้า ช่างกล้าที่จะนำแผนการไปมอบให้กับคนพวกนั้น… หากเรื่องนี้ถูกค้นพบขึ้นมา เช่นนั้นจะต่างอะไรกับการก่อกบฏเล่า?! คุณหนูใหญ่ชีกล้าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงในการเดิมพันจริง ๆ! ในฐานะขันทีใหญ่ที่คอยรับใช้เคียงข้างพระวรกายฮ่องเต้หย่งชาง เขาเคยเห็นขุนนางผู้มีคุณูปการหลายคนถูกรื้อค้นบ้านเรือนบุกยึดทรัพย์และฆ่าล้างตระกูลมานักต่อนัก กี่พันคนมาแล้ว ทางเข้าตลาดผักเมื่อตอนนั้นคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เขายังเคยคิดว่าไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้เขาสะเทือนใจได้อีกแล้ว กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหนนี้คุณหนูใหญ่ชีจะทำให้เขาตกตะลึงถึงที่สุด ในเมื่อเรื่องทุกอย่างถูกวางแผนไว้อย่างดี เช่นนั้นผู่อู๋ย่งก็… ผู่อู๋ย่งหนนี้กลับไม่ได้ขึ้นเขามาด้วยกัน เขาส่งคนไปจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของชีหยวนไว้ก่อนแล้ว หากชีหยวนมีการเคลื่อนไหว เขาจะปรากฏตัวทันที แ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 523  

    เมื่อพิธีสวดมนต์บนภูเขาเริ่มต้นขึ้น เห็นพระชายาหลิ่วเปลี่ยนเป็นสวมชุดนักพรต นั่งขัดสมาธิบนเบาะสานทรงกลม ในใจของฮ่องเต้หย่งชางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาหลับตาลง คอยกระทั่งพิธีกรรมสิ้นสุดลงแล้ว ตอนที่เห็นเหล่าสตรีพากันโขกศีรษะคำนับพระชายาหลิ่ว เขาใจลอยไปเล็กน้อย อันที่จริงช่วงเวลานี้ ควรจะเกิดขึ้นนานแล้ว ไม่สิ ความจริงช่วงเวลานี้ เดิมทีพระชายาหลิ่วสมควรจะได้รับมันไปตั้งแต่เมื่อปีนั้นที่เขาขึ้นครองราชย์แล้ว แต่เพราะเหตุใดกัน พวกเขาสองคนถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้? เขาย่อมมองออกถึงความห่างเหินและความหวาดระแวงในแววตาของพระชายาหลิ่ว และยังมีความแค้นเคืองที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ด้วย ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว ระยะนี้มีแต่เรื่องเกิดขึ้นมากมายเกินไปแล้วจริง ๆ จนเขาเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง ทว่าฉับพลันทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังมาจากด้านนอก เดิมทีสภาพจิตใจก็ไม่สู้ดีอยู่แล้ว บัดนี้ในงานพิธียิ่งใหญ่เพียงนี้ กลับยังมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้อีก สภาพจิตใจของฮ่องเต้หย่งชางยิ่งเลวร้ายลงทันที เขาตรัสถามด้วยเสียงเหี้ยมว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เหล่าสตรีต่างก็ตกใจพากันเบียดเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 522  

    คิดได้เช่นนี้ ผู่อู๋ย่งเลื่อนมือขึ้นเช็ดน้ำตา ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในเรือนท่ามกลางเสียงสวดมนต์ของเหล่าภิกษุ เสี่ยวสวีจื่อรีบตามเขาเข้าไปอย่างไม่รอช้า มาถึงห้องโถงสว่าง เขาก็เดินทะลุกำแพงเข้ามายังช่องทางเดินซึ่งถูกซ่อนไว้หลังม้วนภาพวาด ก็ถึงห้องลับอีกห้องหนึ่งแล้ว ภายในห้องลับมีคนกลุ่มหนึ่งยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่ก่อนแล้ว เสี่ยวสวีจื่อก้มศีรษะเดินตามผู่อู๋ย่งเข้ามา พอเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองไปแล้ว ก็พอจะประเมินจำนวนคร่าว ๆ ได้ในใจ นี่ก็คือขุนพลชั้นยอดในกลุ่มองครักษ์เสื้อแพรชุดนั้น เล่าลือกันว่ามีเพียงผู่อู๋ย่งและฮ่องเต้หย่งชางเท่านั้นที่รู้จักคนชุดนี้ ใช้คนเหล่านี้ไปฆ่าคุณหนูใหญ่ชี ต่อให้คุณหนูใหญ่ชีคนนั้นจะร้ายกาจสักเพียงใด คราวนี้มีแต่ต้องตายสถานเดียวแล้ว ผู่อู๋ย่งถามเสี่ยวสวีจื่อด้วยใบหน้าไม่สื่ออารมณ์ “ระยะนี้ชีหยวนคนนั้นมีความเคลื่อนไหวใดบ้าง?” เสี่ยวสวีจื่อตอบอย่างร้อนรน “ปิดประตูอยู่แต่ในเรือนสกุลชี ไม่ได้ออกจากประตูเรือนแม้เพียงสักหนเดียวขอรับ” เหอะ รู้อยู่แก่ใจว่าก่อเรื่องไว้ เพราะฉะนั้นถึงได้เอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในเรือนไม่ยอมออกไปไหน นางคิดว่าทำแบบนี้แล้

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status