แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: กานเฟย
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ

ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น!

หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้!

หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง

ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก

น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!”

หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!”

“ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถูกฝังลงไปพร้อมกับคุณชายแน่!”

“แม่นมลี่ตายไปก็ดี ตายเร็วก็ไปเกิดใหม่เร็ว!”

อย่างไรแล้ว หลิงซินยังคงเด็ก อายุเพิ่งจะครบสิบสองปีเท่านั้น นางจะเคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาได้อย่างไรกัน

หลิงซินหวาดกลัวจนร้องไห้ออกมา “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”

หลิงซินส่งเสียงร้องดังออกมา “คงต้องยอมรับความโชคร้ายแล้ว คนอื่นติดตามเจ้านายมีปลามีเนื้อให้ได้เพลิดเพลิน พวกเราติดตามเจ้าหมูโง่นี้ แม้แต่ความโชคดียังไม่เคยได้รับ แต่เรื่องร้ายกลับไหลมาไม่หยุดหย่อน!”

"หากว่ารู้แต่เนิ่นก็คงจะเรียนรู้ที่จะประจบประแจงชิวเหวินซวงอย่างหลิงผิงแล้ว คงจะดีกว่าติดตามเจ้าหมูโง่นี้...”

หลิงอวี๋เมื่อเห็นว่าประตูปิดลง เธอก็คอยระมัดระวังความเคลื่อนไหวของทั้งสองคนด้านนอก พลางตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเสี่ยวเมา

หลังจากที่หลิงอวี๋ค้นหายาบางส่วนที่จำเป็นในห้องวิจัยแล้ว ก็ออกมารักษาให้กับเสี่ยวเมา

หลิงอวี๋ฉีดยาลดไข้ให้กับเสี่ยวเมาก่อน ก่อนที่จะจัดการกระดูกให้กับเขา

หลิงอวี๋มองเห็นรอยบาดแผลจากแส้ที่พาดผ่านตรงหน้าอกของเสี่ยวเมา จนไปถึงกรามล่าง

บนหน้าอกนั้น ยังมีรอยช้ำที่ดูดำเขียวคล้ำ นั่นคือรอยที่องครักษ์เตะเข้า

เมื่อครู่นี้หลิงอวี๋ตรวจสอบอย่างเร่งรีบ ไม่ได้มองเห็นอย่างชัดเจน

ในเวลานี้เมื่อมองเห็นแล้ว ในใจของหลิงอวี๋ก็รู้สึกบีบรัดแน่น จะต้องใช้แรงมากขนาดไหนกัน!

องครักษ์นั่นต้องการจะฆ่าเจ้าเสี่ยวหลัวโปอย่างนั้นหรือ?

ลงมือกับเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างโหดร้ายเช่นนี้ เป็นเพราะว่ามีความแค้นความคับข้องใจอะไรกันอย่างนั้นหรือ?

ขณะที่หลิงอวี๋กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็พบว่าจู่ ๆ ร่างกายของเจ้าเสี่ยวหลัวโปสั่นสะท้านขึ้นมา อ้าปากกว้างแล้วกระอักเลือดออกมา...

ความเกลียดชังที่หลิงอวี๋มีก็เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงในทันที

กล้าทำเสี่ยวเมาบาดเจ็บจนกลายเป็นเช่นนี้ หากว่าความแค้นนี้มิได้แก้แค้น สาบานเลยว่า เธอจะไม่ใช่คนอีกต่อไป!

ก่อนหน้านั้นหลิงอวี๋ไม่สนใจเสี่ยวเมา ไม่ถามไม่ไถ่เขา

แต่ในเมื่อเธอเข้ามาอาศัยในร่างนี้แล้ว ก็จะไม่เป็นดังเช่นก่อนหน้านั้นอีก!

เธอจะถือว่าเด็กที่คอยปกป้องเธอคนนี้ เป็นคนที่ใกล้ชิดของเธอ!

หลังจากที่จัดกระดูกให้กับเสี่ยวเมาแล้ว หลิงอวี๋ถึงได้นั่งลงบนเตียงพร้อมเหงื่อซ่กร่าง

ตอนนี้ร่างกายนี้เสียหายมากจนเกินไปแล้ว หลังจากที่เคลื่อนไหวในครั้งนี้แล้ว เธอถึงได้รู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงไปทั้งตัว อีกทั้งยังหิวมาก

นางรับใช้ทั้งสองคนด้านนอกนั้นไม่ส่งเสียงใดออกมาแล้ว และไม่รู้ว่าหนีหายไปที่ใดกัน

หลิงอวี๋พักผ่อนชั่วครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีแม่นมลี่ที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย จึงได้หยิบยาขี้ผึ้งและยาชนิดพิเศษสำหรับอาการบาดเจ็บภายในแล้วเดินออกมา

หลิงอวี๋เพิ่งจะเปิดประตูออกมา ก็พบกับหลิงซินที่ประคองแม่นมลี่เดินเข้ามาช้า ๆ

“พระชายา บ่าวเพิ่งจะไปสืบข่าวมา ได้ยินมาว่าเฮยจื่อได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส กระดูกซี่โครงหักทะลุเข้าไปในปอด กระอักเลือดออกมาตลอดเวลา...”

แม่นมลี่หอบหายใจอย่างหนัก พักอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยออกมาต่อ

“ท่านอ๋องเชิญท่านหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาก พวกเขาต่างก็บอกว่า… ต่างก็บอกว่าเฮยจื่อคงจะทนอยู่ไม่ถึงฟ้าสว่างนี้แล้ว!”

“ท่านอ๋องโมโหมาก ยังโบยท่านหมอตายไปถึงสองคน… พระชายา ท่านรีบคิดหาวิธีการ หากว่าเฮยจื่อตายไป พวกเราก็ต้องถูกฝังไปด้วยกัน!” หลิงซินเสริมอย่างขลาดกลัว

“ตอนนี้กี่ยามแล้ว?”

หลิงอวี๋ไม่รู้ว่าจะนับเวลาในโบราณอย่างไร

“ตอนนี้เป็นยามหรงแล้วเจ้าค่ะ หากว่ายังกระอักเลือดออกมาเช่นนี้ เกรงว่ากลางดึกก็อาจจะไม่อยู่แล้ว!”

แม่นมลี่เอ่ยออกมาอย่างร้อนรน “พระชายา ท่านรีบนำคุณชายน้อยหลบหนีไปเถิดเจ้าค่ะ!”

ยามหรงก็คือเวลาสิบนาฬิกาช่วงค่ำในยุคสมัยปัจจุบัน หลิงอวี๋คำนวณเวลาอยู่ครู่หนึ่ง กว่าจะฟ้าสว่างยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมง!

แม่นมลี่เมื่อเห็นว่า นางยังคงไม่เอ่ยอะไรออกมา ก็คิดว่านางถูกทำให้ตื่นตกใจเข้า ก็เอ่ยออกมาอย่างร้อนรน

“พระชายา ท่านฟังคำเกลี้ยกล่อมของบ่าว รีบหนีไปทางด้านหลังเถิดเจ้าค่ะ!”

“กำแพงทางด้านหลังของเรือนบุหงาไม่สูงมากนัก บ่าวและหลิงซินจะผลักท่านขึ้นไป จะต้องกระโดดหนีไปได้แน่!”

“ข้าและเสี่ยวเมามีบาดแผลทั่วทั้งร่างกาย จะกระโดดไปได้ไกลรึ?”

หลิงอวี๋ส่ายศีรษะออกมา เอ่ยอย่างอดทน “แล้วยังมีพวกเจ้า ข้าหนีไป เซียวหลินเทียนจะต้องตีพวกเจ้าจนตายไป! ข้าทิ้งพวกเจ้าไปมิได้หรอก!”

สำหรับหลิงอวี๋คนก่อนหน้านั้นแล้ว แม่นมลี่ก็เป็นเพียงแค่คนรับใช้เท่านั้น!

แต่สำหรับหลิงอวี๋ที่ได้รับการสั่งสอนของปัจจุบันมาแล้ว กลับไม่มีการแบ่งแยกระหว่างนายบ่าว!

แม่นมลี่ปกป้องตนเองเช่นนี้ นางจึงไม่อาจทอดทิ้งพวกนางไปได้!

แม่นมลี่ได้ยินคำพูดนั้น ก็แข็งทื่อไป

หลิงอวี๋นำยาทาและยารักษาอาการบาดเจ็บภายในสองเม็ดส่งให้กับหลิงซิน

นางเพิ่งจะใช้ความสามารถทางการรับรู้ของนางตรวจสอบดูแม่นมลี่ ก็พบว่านางมีรอยแผลบางส่วนจากแส้และยังได้รับบาดเจ็บภายใน ยาทั้งสองชนิดนี้มีผลพิเศษต่อทั้งสองอาการ

“ใช้ยาทาลงไปบนรอยบาดแผลจากแส้ให้กับแม่นม อีกสองเม็ดให้กินลงไป!”

แม่นมลี่และหลิงซินมองสบตากัน เอ่ยออกมาด้วยความสงสัย “พระชายา ยานี่...”

หลิงอวี๋มองเห็นสายตาที่แปลกประหลาดของทั้งสองคน ก็เดาได้ว่าพวกนางกำลังสงสัยตนเองอยู่

ดูเหมือนว่า คงจะต้องหาคำอธิบายที่เหมาะสม ถึงจะสามารถเปิดเผยทักษะการแพทย์ของตนได้อย่างผ่าเผย

นางคิดคำอธิบายออกมาอย่างมีไหวพริบ “เมื่อครู่นี้ ข้าเพิ่งพบเข้าจากการค้นหาในกล่อง!”

“ในปีนั้น ท่านปู่ของข้าช่วยชีวิตคนประหลาดคนหนึ่งเอาไว้ และนี่เป็นสิ่งที่เขามอบให้เพื่อแสดงความขอบคุณ”

"ชายแปลกหน้ายังให้ตำราแพทย์แก่เขาเอาไว้ ด้านในนั้นมีวิธีการรักษาโรคและช่วยชีวิตมากมาย ข้าพบวิธีช่วยเฮยจื่อจากในนั้นแล้ว!"

แม่นมลี่และหลิงซินได้ยินก็เชื่อทันที

ท่านเสนาบดีต่อสู้อยู่ภายนอกทั้งทางใต้และเหนือเป็นเวลาหลายปี จะรู้จักคนที่มีความสามารถบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา!

“แม่นม ก่อนหน้านี้ข้าโง่เขลางี่เง่า เชื่อคำของหลิงผิงจนทำเรื่องเลวร้ายไปมิน้อย… ครั้งนี้ข้าถือว่าเข้าใจใบหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว! ต่อไปข้าจะมิฟังคำของนางอีก...”

หลิงอวี๋ไม่ได้มองเห็นหลิงหลาน คิดว่าเมื่อนางรับใช้เห็นตนเองตกต่ำ จะต้องหนีหายไปทางซิวเหวินซวงกันแล้ว!

“พวกท่านในเมื่อติดตามข้า จะต้องเชื่อใจข้า!”

“ขอเพียงข้าช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ พวกเราก็ไม่ต้องถูกฝังไปด้วยกันแล้ว! ต่อไปข้าหลิงอวี๋กินอะไร ก็จะต้องมีพวกเจ้าอยู่ด้วย!”

หลิงอวี๋มองไปยังในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ แม่นมลี่และหลิงซินก็ยังมิทอดทิ้งนาง ในใจก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น

นางแอบสาบาน ต่อไปจะต้องให้พวกนางมีชีวิตที่ดีขึ้น ให้หลิงผิงและหลิงหลานเสียใจไปจนตาย

แม่นมลี่และหลิงซินจ้องมองนางอย่างอึ้งตะลึง รู้สึกเหมือนว่าหลิงอวี๋จะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น!

พระชายาก่อนหน้านั้น จะเอ่ยถ้อยคำที่อบอุ่นหัวใจคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

พระชายาที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ ถึงแม้ว่าจะยังคงเป็นใบหน้านั้น ทว่า ดวงตากลับดูสดใสกว่าก่อนหน้า ตนเองก็ดูเหมือนว่าจะมีพลังมากขึ้น!

หรือว่าการถูกโบยด้วยแส้ในคราวนี้ จะโบยเสียจนพระชายาที่สับสนได้สติขึ้นมาแล้วจริง ๆ ?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ถูกโบยด้วยแส้ จนมีสติกลับมาแล้ว
goodnovel comment avatar
Aoi Rata
สนุกมาก แปลดีมากค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2700

    ยังมิทันที่สือเหล่ยจะพูดอะไร หลิงเฟิงก็ไต่ลงไปตามกองหินที่พังทลายนั้นแล้วเขาคล่องแคล่วว่องไว เวลามินานก็ลงไปถึงลำธารด้านล่างแล้วเขาเดินเข้าไป แต่ยังมิทันได้เข้าไปใกล้ เขาก็เห็นว่าลิงตัวนั้นเงยหน้าขึ้นมาในทันที ดวงตาสีเขียวจ้องมองมาที่หลิงเฟิงอย่างโหดร้ายหัวใจของหลิงเฟิงหยุดเต้นไปชั่วขณะ แล้วมองลิงตัวนั้นอย่างกังวลเมื่อคืนหลิงเฟิงได้เห็นความโหดเหี้ยมในการต่อสู้กันของสัตว์ประหลาดสองตัวนี้แล้ว หากลิงตัวนี้กระโจนเข้าใส่ตน เขาก็มิรู้เช่นกันว่าตนจะเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้หรือไม่แต่ลิงตัวนั้นมิได้เคลื่อนไหวใด ๆ แต่จ้องมองหลิงเฟิงอย่างโกรธเกรี้ยวอยู่เช่นนั้นหลิงเฟิงเห็นว่าผิวหนังบนร่างของมันเปิดออกและเลือดก็ไหลซึมออกมามิหยุดเขารู้สึกสะกิดใจขึ้นมา สัตว์ประหลาดตาเขียวตัวนี้อ่อนแรงมากแล้ว บางทีมันอาจจะไม่มีแรงโจมตีตนแล้วก็เป็นได้หลิงเฟิงจึงยกมือทั้งสองขึ้น พร้อมทั้งยิ้มแล้วเอ่ยว่า “หากเจ้าฟังข้ารู้เรื่อง ก็จะรู้ว่าข้ามิได้มีเจตนาร้ายต่อเจ้า มิฉะนั้นหากข้าคิดจะสังหารเจ้า เจ้าก็หนีไปมิพ้นหรอก!”“สัตว์ประหลาดน้อย เจ้าดูบาดแผลเต็มตัวเจ้าสิ หากข้ามิช่วยเจ้า เจ้าก็คงจะเลือดไหลออกมาจนตาย!

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2699

    ปกติแล้วภายนอกนั้นเถาจื่อจะทำตัวเหมือนมิได้คิดมากอะไร และยังคงช่วยทุกคนทำงานไปตามเดิมแต่ในบางครั้งหลิงเฟิงก็เห็นว่า เถาจื่อมักจะหลบไปตามลำพังเพื่อสวดส่งวิญญาณให้กับคนที่ตายในการสู้รบเช่นพวกจ้าวซวนอยู่บ่อย ๆครานั้นเมื่อหลิงเฟิงเห็นเข้า ในใจก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาตอนนั้นเขาเองก็ถูกเถาจื่อทำร้ายจนเกือบตายเช่นกัน บนร่างกายเขามีบาดแผลจากมีดขนาดต่าง ๆ อยู่นับสิบแผล และเป็นหลิงอวี๋ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ได้หลังจากที่รู้ว่าเถาจื่อคือคนที่ทรยศพวกเขา หลิงเฟิงเองก็อยากสังหารเถาจื่อเช่นกันแต่หลังจากที่ได้ฟังหลิงอวี๋บอกว่า เถาจื่อถูกชายาเจ้าแห่งทะเลควบคุม จึงสูญเสียสติของตนไปแล้วทำความผิดเหล่านั้น ความโกรธที่หลิงเฟิงมีต่อเถาจื่อก็หายไปกว่าครึ่งแล้วแต่ก็เป็นเช่นเดียวกับทุกคน ต่อให้ในแง่ของเหตุผลหลิงเฟิงจะรู้สึกว่าการที่เถาจื่อทรยศพวกเขานั้นมิใช่ความผิดของนางทั้งหมด แต่ทุกครั้งที่เห็นเถาจื่อ ในใจของหลิงเฟิงก็มักจะมีความรู้สึกที่ติดค้างอยู่เสมอวันนั้นเมื่อเห็นเถาจื่อคุกเข่าอย่างตั้งมั่น แล้วสวดบทสวดส่งวิญญาณในใจของหลิงเฟิงก็รู้สึกมิสบายใจยิ่งนักเขานึกถึงคำพูดที่หลิงอวี๋กล่าวไว้ว่า หากเปลี่ยน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2698

    วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่าง ทั้งสี่คนก็รีบลุกอย่างรีบร้อน และตามไปทางร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้กันของสัตว์ประหลาดหลิงเฟิงมุ่งมั่นเต็มที่ แล้วชิงอยู่หน้าขบวนไปตลอดทางเพื่อตามรอยสัตว์ประหลาดสองตัวทำเอาต้นไม้หักโค่นไปจำนวนมาก และร่องรอยเหล่านี้ก็ลากยาวไปตลอดสิบกว่าลี้ทั้งสี่คนเห็นเช่นนั้นต่างก็รู้สึกหวาดกลัว แม้ว่าจะมิได้เห็นสภาพการต่อสู้ด้วยตาตนเอง แต่ดูจากเสียงเมื่อคืนกับร่องรอยเหล่านี้แล้ว การสู้รบช่างโหดร้ายนัก“หวังว่าพวกมันจะมิได้ต่อสู้กันจนตายไปด้วยกันนะ!”หลิงเฟิงยิ้มขมขื่นแล้วเอ่ยออกมาแต่อู่หรานกลับมิได้มีความทะเยอทะยานคิดจะทำให้สัตว์อสูรเชื่องเช่นเดียวกับหลิงเฟิงเนื่องจากสัตว์อสูรมิใช่ใครที่ไหนจะสามารถเลี้ยงได้ไหว มันจะต้องกินพวกโอสถเสริมพลังวิญญาณอะไรทำนองนั้น ซึ่งล้วนเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่เงินที่อู่หรานหามาได้ ยังคงต้องใช้ประโยชน์อยู่ เขาทำใจนำเงินออกมาเลี้ยงดูสัตว์อสูรมิได้หรอกสือเหล่ยกับเถาจื่อก็เช่นกันอู่หรานเดินตามหลิงเฟิง พลางสังเกตสัญลักษณ์ของซานเชวี่ยไปด้วยแต่ทางนี้ดูเหมือนจะมิใช่เส้นทางที่ซานเชวี่ยไป เดินไปได้สักพักหนึ่งก็มิพบสัญลักษณ์ของซาน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2697

    เถาจื่อได้ฟังคำพูดของหลิงเฟิงเช่นนั้นก็รู้สึกสบายใจไปมิน้อยนางเองก็มิอยากให้เกิดเรื่องขึ้นกับซานเชวี่ยเช่นกัน ในช่วงนี้ที่ติดกันอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เถาจื่อกับพวกซานเชวี่ยล้วนอยู่ด้วยกันราวกับพี่น้องซานเชวี่ยมีความคิดที่บริสุทธิ์ ทำให้เถาจื่อนึกถึงตนเองในอดีต ในใจก็ยิ่งสนิทกับซานเชวี่ยมากขึ้นอีกเสียงต่อสู้ผสมกับเสียงคำรามของสัตว์ยังคงดำเนินต่อไปหลิงเฟิงเห็นประกายสีเขียวกะพริบมิหยุด เขาจึงเอ่ยถาม “อู่หราน เจ้าคิดว่าสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นเป็นตัวอะไรกัน?”อู่หรานเป็นคนแดนเทพ ทั้งยังเติบโตมาพร้อมกับเจ้าตำหนักคนเก่าอีกด้วย จึงพอจะรู้จักพวกสัตว์ประหลาดเหล่านี้อยู่บ้างเขาพิจารณาจากขนาดและเสียงคำรามของมันแล้วเอ่ยออกว่า “ข้าว่าสัตว์ประหลาดสองตัวนี้น่าจะเป็นเสือดาว ที่มีขนาดพอ ๆ กัน!”หลิงเฟิงเอ่ยอย่างมิเห็นด้วย “อีกตัวอาจจะเป็นเสือดาว แต่เจ้าเห็นหรือไม่ว่าตัวนั้นเป็นสัตว์ประหลาดตาสีเขียว รูปร่างมิคล้ายเสือดาวนะ!”“ดูเหมือนมันจะยังมิเปล่งเสียงออกมา!”สือเหล่ยจึงขยับเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็คิดว่าสัตว์ประหลาดตาสีเขียวมิใช่เสือดาวเช่นกัน มันดูคล้ายลิงขนาดใหญ่มากกว่า! มันดูว่องไวกว่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2696

    “แม่ทัพหลิง!”สือเหล่ยเห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็ตะโกนออกไปอย่างตกใจ ขณะกำลังคิดจะกระโดดลงจากต้นไม้ไปตรวจดูอาการของหลิงเฟิง เขาก็เห็นว่าประกายสีเขียวนั้นพุ่งเข้ามาที่ต้นไม้ซึ่งตนอาศัยอยู่แล้ว“สื่อเหล่ย หลบเร็วเข้า!”เถาจื่อเห็นเช่นนั้นก็ตะโกนออกไปสือเหล่ยจึงรีบหลบไปจากบนต้นไม้ทันทีแทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็พุ่งเข้ามาจากนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้น แล้วต้นไม้ที่สือเหล่ยอยู่เมื่อครู่ก็ถูกพุ่งชนจนหักลงไปอีก“หนีเร็ว มีสัตว์ประหลาดมาอีกตัวแล้ว!”อู่หรานได้ยินเสียงจึงรีบเตือนว่า “ทุกคนแยกกันหนี กลับไปที่ยอดเขาเมฆนภาก่อนค่อยว่ากัน!”ขณะที่อู่หรานกำลังพูด เขาก็พุ่งไปทางหลิงเฟิงหลิงเฟิงกระเด็นออกไป แล้วก็กระแทกไปบนต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง ยังดีที่มีใบไม้อยู่หนาแน่น กิ่งไม้เหล่านั้นจึงลดแรงกระแทกให้หลิงเฟิงได้มิน้อยแม้ว่าหลิงเฟิงจะถูกกระแทกจนมึนหัว แต่นอกจากแผลถลอกเล็กน้อยแล้วก็มิได้รับบาดเจ็บหนักอะไรเขายันตัวลุกขึ้นแล้วเห็นว่าอู่หรานพุ่งมาทางตน จึงตะโกนไปว่า “ข้ามิเป็นไร รีบหนีไปเร็วเข้า!”ทั้งสี่คนวิ่งหนีกลับไปอย่างมิคิดชีวิต แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสี่คนประหลาดใจก็คือ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2695

    เมื่อเถาจื่อได้ฟังคำพูดของสือเหล่ย นางก็มองอู่หรานที่อยู่ด้านหน้าอย่างเงียบ ๆอู่หรานคือคนที่เข้าถึงได้ยากที่สุดในบรรดามือสังหารของตำหนักปีกเงินเหล่านี้เถาจื่อแทบจะมิเคยพูดคุยกับเขาสักเท่าไรแม้ว่าในบางครั้งจะช่วยเขาซักและเย็บซ่อมอาภรณ์ให้ อู่หรานก็ยังคงเฉยชา มิพูดอะไรทั้งนั้นเถาจื่อกับหานเหมยจึงแอบตั้งฉายาให้เขาว่า… ภูเขาน้ำแข็ง!พวกนางสองคนรู้สึกว่าอู่หรานผู้นี้เป็นเช่นภูเขาน้ำแข็งที่เย็นชาคนเช่นนี้ สตรีคนใดจะกล้าแต่งงานกับเขาเล่า เช่นนั้นจะมิถูกเขาเย็นชาใส่จนตายหรือ!“เหอะ ๆ… ค่อยว่ากันเถิด!”บุรุษเช่นนี้ตนยังรับมิไหว เถาจื่อมิอยากทำร้ายพี่น้องของตน“พี่เถาจื่อ เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าที่ฉินตะวันตกมีอะไรสนุกหรืออร่อยบ้าง?”ยากที่สือเหล่ยจะมีโอกาสได้พูดคุยกับเถาจื่อ เขาจึงเอ่ยถามมิหยุดเถาจื่อจึงเลือกเรื่องสนุกสนานที่ฉินตะวันตกมาเล่าให้สือเหล่ยฟังหลิงเฟิงกับอู่หรานที่อยู่ข้างหน้าก็เลี่ยงมิได้ที่จะได้ยินไปด้วยแต่ทั้งสองคนก็มิได้รำคาญหลิงเฟิงฟังเถาจื่อพูดจนนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นที่ฉินตะวันตก แล้วก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาแม้ว่าอู่หรานจะแสดงออกเย็นชา แต่ก็ถูกเรื

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status