แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: กานเฟย
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ

ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น!

หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้!

หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง

ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก

น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!”

หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!”

“ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถูกฝังลงไปพร้อมกับคุณชายแน่!”

“แม่นมลี่ตายไปก็ดี ตายเร็วก็ไปเกิดใหม่เร็ว!”

อย่างไรแล้ว หลิงซินยังคงเด็ก อายุเพิ่งจะครบสิบสองปีเท่านั้น นางจะเคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาได้อย่างไรกัน

หลิงซินหวาดกลัวจนร้องไห้ออกมา “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”

หลิงซินส่งเสียงร้องดังออกมา “คงต้องยอมรับความโชคร้ายแล้ว คนอื่นติดตามเจ้านายมีปลามีเนื้อให้ได้เพลิดเพลิน พวกเราติดตามเจ้าหมูโง่นี้ แม้แต่ความโชคดียังไม่เคยได้รับ แต่เรื่องร้ายกลับไหลมาไม่หยุดหย่อน!”

"หากว่ารู้แต่เนิ่นก็คงจะเรียนรู้ที่จะประจบประแจงชิวเหวินซวงอย่างหลิงผิงแล้ว คงจะดีกว่าติดตามเจ้าหมูโง่นี้...”

หลิงอวี๋เมื่อเห็นว่าประตูปิดลง เธอก็คอยระมัดระวังความเคลื่อนไหวของทั้งสองคนด้านนอก พลางตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเสี่ยวเมา

หลังจากที่หลิงอวี๋ค้นหายาบางส่วนที่จำเป็นในห้องวิจัยแล้ว ก็ออกมารักษาให้กับเสี่ยวเมา

หลิงอวี๋ฉีดยาลดไข้ให้กับเสี่ยวเมาก่อน ก่อนที่จะจัดการกระดูกให้กับเขา

หลิงอวี๋มองเห็นรอยบาดแผลจากแส้ที่พาดผ่านตรงหน้าอกของเสี่ยวเมา จนไปถึงกรามล่าง

บนหน้าอกนั้น ยังมีรอยช้ำที่ดูดำเขียวคล้ำ นั่นคือรอยที่องครักษ์เตะเข้า

เมื่อครู่นี้หลิงอวี๋ตรวจสอบอย่างเร่งรีบ ไม่ได้มองเห็นอย่างชัดเจน

ในเวลานี้เมื่อมองเห็นแล้ว ในใจของหลิงอวี๋ก็รู้สึกบีบรัดแน่น จะต้องใช้แรงมากขนาดไหนกัน!

องครักษ์นั่นต้องการจะฆ่าเจ้าเสี่ยวหลัวโปอย่างนั้นหรือ?

ลงมือกับเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างโหดร้ายเช่นนี้ เป็นเพราะว่ามีความแค้นความคับข้องใจอะไรกันอย่างนั้นหรือ?

ขณะที่หลิงอวี๋กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็พบว่าจู่ ๆ ร่างกายของเจ้าเสี่ยวหลัวโปสั่นสะท้านขึ้นมา อ้าปากกว้างแล้วกระอักเลือดออกมา...

ความเกลียดชังที่หลิงอวี๋มีก็เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงในทันที

กล้าทำเสี่ยวเมาบาดเจ็บจนกลายเป็นเช่นนี้ หากว่าความแค้นนี้มิได้แก้แค้น สาบานเลยว่า เธอจะไม่ใช่คนอีกต่อไป!

ก่อนหน้านั้นหลิงอวี๋ไม่สนใจเสี่ยวเมา ไม่ถามไม่ไถ่เขา

แต่ในเมื่อเธอเข้ามาอาศัยในร่างนี้แล้ว ก็จะไม่เป็นดังเช่นก่อนหน้านั้นอีก!

เธอจะถือว่าเด็กที่คอยปกป้องเธอคนนี้ เป็นคนที่ใกล้ชิดของเธอ!

หลังจากที่จัดกระดูกให้กับเสี่ยวเมาแล้ว หลิงอวี๋ถึงได้นั่งลงบนเตียงพร้อมเหงื่อซ่กร่าง

ตอนนี้ร่างกายนี้เสียหายมากจนเกินไปแล้ว หลังจากที่เคลื่อนไหวในครั้งนี้แล้ว เธอถึงได้รู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงไปทั้งตัว อีกทั้งยังหิวมาก

นางรับใช้ทั้งสองคนด้านนอกนั้นไม่ส่งเสียงใดออกมาแล้ว และไม่รู้ว่าหนีหายไปที่ใดกัน

หลิงอวี๋พักผ่อนชั่วครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีแม่นมลี่ที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย จึงได้หยิบยาขี้ผึ้งและยาชนิดพิเศษสำหรับอาการบาดเจ็บภายในแล้วเดินออกมา

หลิงอวี๋เพิ่งจะเปิดประตูออกมา ก็พบกับหลิงซินที่ประคองแม่นมลี่เดินเข้ามาช้า ๆ

“พระชายา บ่าวเพิ่งจะไปสืบข่าวมา ได้ยินมาว่าเฮยจื่อได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส กระดูกซี่โครงหักทะลุเข้าไปในปอด กระอักเลือดออกมาตลอดเวลา...”

แม่นมลี่หอบหายใจอย่างหนัก พักอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยออกมาต่อ

“ท่านอ๋องเชิญท่านหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาก พวกเขาต่างก็บอกว่า… ต่างก็บอกว่าเฮยจื่อคงจะทนอยู่ไม่ถึงฟ้าสว่างนี้แล้ว!”

“ท่านอ๋องโมโหมาก ยังโบยท่านหมอตายไปถึงสองคน… พระชายา ท่านรีบคิดหาวิธีการ หากว่าเฮยจื่อตายไป พวกเราก็ต้องถูกฝังไปด้วยกัน!” หลิงซินเสริมอย่างขลาดกลัว

“ตอนนี้กี่ยามแล้ว?”

หลิงอวี๋ไม่รู้ว่าจะนับเวลาในโบราณอย่างไร

“ตอนนี้เป็นยามหรงแล้วเจ้าค่ะ หากว่ายังกระอักเลือดออกมาเช่นนี้ เกรงว่ากลางดึกก็อาจจะไม่อยู่แล้ว!”

แม่นมลี่เอ่ยออกมาอย่างร้อนรน “พระชายา ท่านรีบนำคุณชายน้อยหลบหนีไปเถิดเจ้าค่ะ!”

ยามหรงก็คือเวลาสิบนาฬิกาช่วงค่ำในยุคสมัยปัจจุบัน หลิงอวี๋คำนวณเวลาอยู่ครู่หนึ่ง กว่าจะฟ้าสว่างยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมง!

แม่นมลี่เมื่อเห็นว่า นางยังคงไม่เอ่ยอะไรออกมา ก็คิดว่านางถูกทำให้ตื่นตกใจเข้า ก็เอ่ยออกมาอย่างร้อนรน

“พระชายา ท่านฟังคำเกลี้ยกล่อมของบ่าว รีบหนีไปทางด้านหลังเถิดเจ้าค่ะ!”

“กำแพงทางด้านหลังของเรือนบุหงาไม่สูงมากนัก บ่าวและหลิงซินจะผลักท่านขึ้นไป จะต้องกระโดดหนีไปได้แน่!”

“ข้าและเสี่ยวเมามีบาดแผลทั่วทั้งร่างกาย จะกระโดดไปได้ไกลรึ?”

หลิงอวี๋ส่ายศีรษะออกมา เอ่ยอย่างอดทน “แล้วยังมีพวกเจ้า ข้าหนีไป เซียวหลินเทียนจะต้องตีพวกเจ้าจนตายไป! ข้าทิ้งพวกเจ้าไปมิได้หรอก!”

สำหรับหลิงอวี๋คนก่อนหน้านั้นแล้ว แม่นมลี่ก็เป็นเพียงแค่คนรับใช้เท่านั้น!

แต่สำหรับหลิงอวี๋ที่ได้รับการสั่งสอนของปัจจุบันมาแล้ว กลับไม่มีการแบ่งแยกระหว่างนายบ่าว!

แม่นมลี่ปกป้องตนเองเช่นนี้ นางจึงไม่อาจทอดทิ้งพวกนางไปได้!

แม่นมลี่ได้ยินคำพูดนั้น ก็แข็งทื่อไป

หลิงอวี๋นำยาทาและยารักษาอาการบาดเจ็บภายในสองเม็ดส่งให้กับหลิงซิน

นางเพิ่งจะใช้ความสามารถทางการรับรู้ของนางตรวจสอบดูแม่นมลี่ ก็พบว่านางมีรอยแผลบางส่วนจากแส้และยังได้รับบาดเจ็บภายใน ยาทั้งสองชนิดนี้มีผลพิเศษต่อทั้งสองอาการ

“ใช้ยาทาลงไปบนรอยบาดแผลจากแส้ให้กับแม่นม อีกสองเม็ดให้กินลงไป!”

แม่นมลี่และหลิงซินมองสบตากัน เอ่ยออกมาด้วยความสงสัย “พระชายา ยานี่...”

หลิงอวี๋มองเห็นสายตาที่แปลกประหลาดของทั้งสองคน ก็เดาได้ว่าพวกนางกำลังสงสัยตนเองอยู่

ดูเหมือนว่า คงจะต้องหาคำอธิบายที่เหมาะสม ถึงจะสามารถเปิดเผยทักษะการแพทย์ของตนได้อย่างผ่าเผย

นางคิดคำอธิบายออกมาอย่างมีไหวพริบ “เมื่อครู่นี้ ข้าเพิ่งพบเข้าจากการค้นหาในกล่อง!”

“ในปีนั้น ท่านปู่ของข้าช่วยชีวิตคนประหลาดคนหนึ่งเอาไว้ และนี่เป็นสิ่งที่เขามอบให้เพื่อแสดงความขอบคุณ”

"ชายแปลกหน้ายังให้ตำราแพทย์แก่เขาเอาไว้ ด้านในนั้นมีวิธีการรักษาโรคและช่วยชีวิตมากมาย ข้าพบวิธีช่วยเฮยจื่อจากในนั้นแล้ว!"

แม่นมลี่และหลิงซินได้ยินก็เชื่อทันที

ท่านเสนาบดีต่อสู้อยู่ภายนอกทั้งทางใต้และเหนือเป็นเวลาหลายปี จะรู้จักคนที่มีความสามารถบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา!

“แม่นม ก่อนหน้านี้ข้าโง่เขลางี่เง่า เชื่อคำของหลิงผิงจนทำเรื่องเลวร้ายไปมิน้อย… ครั้งนี้ข้าถือว่าเข้าใจใบหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว! ต่อไปข้าจะมิฟังคำของนางอีก...”

หลิงอวี๋ไม่ได้มองเห็นหลิงหลาน คิดว่าเมื่อนางรับใช้เห็นตนเองตกต่ำ จะต้องหนีหายไปทางซิวเหวินซวงกันแล้ว!

“พวกท่านในเมื่อติดตามข้า จะต้องเชื่อใจข้า!”

“ขอเพียงข้าช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ พวกเราก็ไม่ต้องถูกฝังไปด้วยกันแล้ว! ต่อไปข้าหลิงอวี๋กินอะไร ก็จะต้องมีพวกเจ้าอยู่ด้วย!”

หลิงอวี๋มองไปยังในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ แม่นมลี่และหลิงซินก็ยังมิทอดทิ้งนาง ในใจก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น

นางแอบสาบาน ต่อไปจะต้องให้พวกนางมีชีวิตที่ดีขึ้น ให้หลิงผิงและหลิงหลานเสียใจไปจนตาย

แม่นมลี่และหลิงซินจ้องมองนางอย่างอึ้งตะลึง รู้สึกเหมือนว่าหลิงอวี๋จะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น!

พระชายาก่อนหน้านั้น จะเอ่ยถ้อยคำที่อบอุ่นหัวใจคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

พระชายาที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ ถึงแม้ว่าจะยังคงเป็นใบหน้านั้น ทว่า ดวงตากลับดูสดใสกว่าก่อนหน้า ตนเองก็ดูเหมือนว่าจะมีพลังมากขึ้น!

หรือว่าการถูกโบยด้วยแส้ในคราวนี้ จะโบยเสียจนพระชายาที่สับสนได้สติขึ้นมาแล้วจริง ๆ ?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
ถูกโบยด้วยแส้ จนมีสติกลับมาแล้ว
goodnovel comment avatar
Aoi Rata
สนุกมาก แปลดีมากค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2602

    ขณะที่ฉีเต๋อกำลังยืนเฝ้าอยู่อย่างสง่าผ่าเผย จู่ ๆ เขาก็เหลือบไปเห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังจ้องมาที่ตนมิวางตาฉีเต๋อปรายตามองไปแล้วหันไปทางอื่นอย่างมิสนใจ แต่หลังจากนั้น ฉีเต๋อกลับหันกลับมาอีกครั้ง แล้วจ้องมองสตรีผู้งดงามนางนั้นอย่างมิอยากจะเชื่อสายตาใบหน้าของสตรีผู้นั้นแย้มยิ้มละมุน และกำลังมองเขาอย่างอบอุ่นและแฝงไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู“ฮองเฮา… องค์จักรพรรดิ…”เมื่อฉีเต๋อเห็นใบหน้าของหลิงอวี๋ได้ชัดเจน ต่อจากนั้นก็เห็นเซียวหลินเทียนด้วย เขาจึงมิรีรอรีบพุ่งไปคุกเข่ากลางถนนทันที น้ำเสียงเขาสะอื้นไห้ และน้ำตาไหลรินจนเต็มใบหน้าหนึ่งปีกว่าแล้ว!พวกเขาทั้งหมดต่างก็เงยหน้ารอคอยองค์จักรพรรดิและฮองเฮาที่ในที่สุดก็กลับมาอย่างปลอดภัยอย่างมีความหวัง!“ฮองเฮา… หนึ่งปีกว่าแล้ว บ่าวยังคิดว่าท่าน… ท่าน...”ฉีเต๋อตื้นตันเสียจนพูดมิออกเหล่าองครักษ์กองทัพหลวงที่อยู่ด้านข้างก็ต่างพากันมองไปทางขันทีเสี่ยวฉีที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์รัชทายาทกำลังคำนับให้บุรุษสตรีคู่หนึ่งรู้สึกตื้นตันจนพูดมิออกเช่นกันกระทั่งองครักษ์กองทัพหลวงเหล่านั้นพินิจพิจารณาหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนทันทีที่มองไป พวกเขา

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2601

    ภายใต้การชี้แนะของท่านลุงหลี่ หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนจึงได้เห็นชลประทานขุดใหม่ที่เรียงรายอย่างดีเป็นระเบียบ และเป็นประโยชน์ให้ราษฎรที่ทำการเกษตรได้จริง ๆทั้งสองคนพูดคุยกับครอบครัวของท่านลุงหลี่อยู่อีกสักพักใหญ่ จึงได้รู้ข่าวจากคนในครอบครัวของท่านลุงหลี่ว่าในราชสำนักมิได้เกิดเรื่องใหญ่ใด ๆ ขึ้น ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามแผนพัฒนาที่หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนวางไว้ก่อนหน้านี้อย่างเรียบร้อยทั้งสองคนรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก จากนั้นก็กล่าวลาครอบครัวท่านลุงหลี่ และจ่ายเงินซื้อม้าสองตัวกลับเมืองหลวง“ข้ามิคาดคิดเลยจริง ๆ ว่าในราชสำนักจะสงบสุขเช่นนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกก่อนหน้านี้เพื่อที่จะแย่งชิงบัลลังก์กัน เหล่าองค์ชายต่างก็วางแผนหลอกลวงกัน และต่อสู้กันเองภายในเดิมทีเซียวหลินเทียนคิดว่า เมื่อตนและหลิงอวี๋มิอยู่ในราชสำนัก อาศัยท่านอดีตเสนาบดีและท่านอ๋องเฉิงก็คงมิอาจควบคุมพวกคนชั่วร้ายเหล่านั้นได้ไหนเลยจะคิดว่าแม้ตนจะมิอยู่ ในราชสำนักก็สามารถสงบเรียบร้อยได้เช่นกันหลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกไป “แม้ใจคนจะยากแท้หยั่งถึง แต่พวกเราก็ต้องเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เป็นคนใจดีเพคะ ดังเ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2600

    เมื่อได้ยินหลิงอวี๋เอ่ยถามเช่นนั้น ลูกสะใภ้ของท่านลุงหลี่ซึ่งเป็นสตรีซื่อ ๆ คนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา แล้วจับมือหลิงอวี๋ไว้พร้อมทั้งเอ่ยถามว่า “น้องหญิง เจ้าเลี้ยงวัวเลี้ยงแกะเป็นหรือไม่?”“เย็บปักถักร้อยเล่า เป็นหรือไม่?”“หมู่บ้านตระกูลหลี่ของพวกเรามีโรงงานอยู่หลายแห่งทีเดียว ทั้งหมดล้วนเหมาะให้สตรีไปทำงานทั้งนั้น!”“ขอเพียงเจ้ามิเกียจคร้านและขยันทำงาน มินานก็จะมีชีวิตอยู่อย่างราบรื่นในหมู่บ้านตระกูลหลี่แน่นอน!”ลูกชายของท่านลุงหลี่ก็เข้ามาเช่นกัน เขาเอ่ยก็กับเซียวหลินเทียนว่า “ดูเจ้าท่าทางมีการศึกษา หากทำไร่นามิไหว ขอเพียงรู้ตำรา ข้าก็สามารถแนะนำเจ้าให้ไปเป็นครูที่หออักษรในหมู่บ้านได้นะ!”เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ตกตะลึง เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนตนเคยมาหมู่บ้านตระกูลหลี่ หมู่บ้านนี้ไม่มีแม้แต่หออักษรเนื่องด้วยความยากจนข้นแค้นนี่เขาเพิ่งจากไปเพียงปีกว่า ไหนจึงจัดตั้งหออักษรได้แล้วเล่า?“ท่านลุง ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเคยมาที่นี่ หมู่บ้านของพวกท่านแร้นแค้นยิ่ง แค่จะมีกินให้อิ่มท้องก็ยังเป็นปัญหา แล้วไหนมิได้มาสักพักใหญ่ เหตุใดจึงเปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้หรือ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามออกไปอย่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2599

    สิบสองนักษัตร สิบสองประตู หากด้านในมีความรู้ที่ล้ำสมัยทั้งหมด เช่นนั้นเมื่อเรียนรู้และนำมาใช้อย่างถูกทางก็สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติได้แต่หากพบเจอคนเช่นอูอวี๋หลานหรือหลงหมิง เมื่อคนเช่นนั้นได้เรียนรู้แล้วก็อาจกลายเป็นหายนะต่อผู้คนในใต้หล้าได้!การที่เจ้าของตำหนักใต้ดินตั้งนาฬิกาทรายเอาไว้ บางทีอาจจะเป็นเพราะคิดว่าในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ คนที่มีวาสนาได้เข้ามาในตำหนักใต้ดินสามารถเรียนรู้ได้เท่าใดก็ตามนั้นไปเถิด!หลิงอวี๋คิดถึงขั้นที่ว่า บางทีการจะได้เรียนรู้สิ่งใด ก็อาจขึ้นอยู่กับโชคชะตาของแต่ละคนด้วย“พวกเรากลับกันเถิดเพคะ!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิอยากจากตำหนักใต้ดินไปเช่นนี้ แต่นางก็รู้ดีว่าโชคชะตาของตนและเซียวหลินเทียนกับตำหนักใต้ดินได้สิ้นสุดลงแล้วต่อให้พวกเขาจะอยู่ที่นี่ต่อและใช้ความพยายามอย่างหนัก ก็มิอาจเปิดประตูบานนี้ได้หากตำหนักใต้ดินแห่งนี้ยังมีโอกาสในการเปิดครั้งสุดท้าย ก็ให้เป็นโอกาสของผู้มีวาสนาคนอื่นเถิด!“ไปกันเถิด!”ภายใต้คำชี้แนะของหลิงอวี๋นั้นทำให้เซียวหลินเทียนคิดได้เช่นกัน เขาจึงจูงมือหลิงอวี๋ แล้วทั้งสองก็เดินลงจากภูเขาไปด้วยกัน“อาอวี๋ เจ้าคิดว่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2598

    “เซียวหลินเทียน เมื่อครู่ท่านบอกว่าเห็นว่ามีคนเข้าไป ท่านรู้ได้อย่างไร?”เดิมทีหลิงอวี๋ยังคิดว่าตนกับเซียวหลินเทียนคือคนแรกที่เข้าไปในตำหนักนี้ มิคาดคิดว่าจะมีคนเข้าไปก่อนหน้าแล้วทันใดนั้น นางก็นึกถึงก้อนหินลึกลับก้อนนั้นของอูอวี๋หลาน หรือว่าก่อนหน้านี้อูอวี๋หลานจะเคยเข้ามา?ภายในห้องที่ตนเข้าไปมิพบหินเช่นนั้น บางทีเซียวหลินเทียนอาจจะพบหรือ?“ศพหนึ่งศพ!”“ศพ?”หลิงอวี๋ตกใจจนเอ่ยออกไปโดยมิรู้ตัว “เช่นนั้นก็แสดงว่ามีคนเคยเข้ามาก่อนหน้าเราจริง ๆ หรือ?”“เขาตายอย่างไรเพคะ? หรือว่าเพราะอยู่เกินเวลาจนออกมามิได้ จึงถูกขังอยู่ด้านในจนตาย?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้วแล้วตอบออกไป “ข้าตรวจดูแล้ว เป็นศพบุรุษ ใบหน้าดำคล้ำ ดูจากลักษณะแล้วถูกพิษจนตาย!”“แต่ร่างกายของเขาคงสภาพดีมาก น่าจะเป็นดังที่เจ้าว่า เป็นเพราะอากาศที่พิเศษภายในตำหนักจึงเป็นเช่นนั้น!”เซียวหลินเทียนพูดแล้วก็หยิบแหวนพระสุเมรุและหยกที่นำมาจากศพยื่นให้หลิงอวี๋“เมื่อครู่ตอนอยู่ด้านในข้าไม่มีเวลาตรวจดูให้ละเอียด เจ้าลองดูหยกนี้ที บนหยกสลักมังกรไว้ด้วย!”“หรือว่าเขาจะเป็นคนของตระกูลหลง?”หลิงอวี๋รับหยกมา จี้หยกทำมาจากหยกเนื้อด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2597

    หลิงอวี๋สงบจิตใจแล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวทั้งเจ็ดก็เห็นว่าดวงดาวทั้งเจ็ดนั้นประเดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นเรียงแถวกัน ประเดี๋ยวก็เคลื่อนไหวอีกในตอนนี้หลิงอวี๋ยังมิสามารถเข้าใจความหมายของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ แต่ก็ยังคงพยายามจดจำรูปแบบการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างเต็มที่กระทั่งดวงดาวทั้งเจ็ดมิเปลี่ยนแปลงแล้ว หลิงอวี๋จึงได้พบว่าเวลาผ่านไปมากแล้วนางจึงรีบวิ่งออกมาแล้วเข้าไปในประตูปีกุนภายในห้องนี้มีเมล็ดพันธุ์วางอยู่จำนวนมากและมีหลากหลายชนิด​ ทำให้คนที่มิคุ้นเคยด้านการเกษตรนักเช่นหลิงอวี๋มิสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเมล็ดอะไรบ้างแต่นางก็มิได้สนใจแล้วเช่นกัน นางคว้าเมล็ดเหล่านั้นหลายกำใส่ไปในกระเป๋าเดิมทีนางคิดจะเก็บเข้าไปในมิติ แต่นางพบว่าในตำหนักใต้ดินนี้มิสามารถใช้มิติได้นางรู้สึกกังวลขึ้นมา​ นี่น่าจะเป็นเขตกำบังที่เจ้าของตำหนักติดตั้งไว้กระมัง มิฉะนั้นด้วยหยกหล้าสุขาวดีในตัวของตน ก็เพียงพอที่จะย้ายตำหนักใต้ดินแห่งนี้เข้าไปได้เลยทีเดียวเมื่อหลิงอวี๋กำลังจะไปสำรวจประตูที่สาม ในนาฬิกาทรายก็เหลือทรายอยู่เพียงเล็กน้อยแล้วหลิงอวี๋รู้สึกค่อนข้างเสียดาย จึงรีบเปิดประตูมะแมเข้าไ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status