หน้าหลัก / รักโบราณ / ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น / ตอนที่ 4 มิตรภาพบนกระดานพิษ

แชร์

ตอนที่ 4 มิตรภาพบนกระดานพิษ

ผู้เขียน: นิ่งเฟยหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-22 17:00:55

โรงเตี๊ยมหลงฟางนั้นไม่ใช่โรงเตี๊ยมหรูหรา เต็มไปด้วยความเรียบง่าย ผู้คนที่สัญจรไปมาแม้จะดูธรรมดา แต่สายตาและการก้าวย่างล้วนผิดแผกจากชาวเมืองทั่วไป

เซียวลี่อินเดินทางมาถึงตามเวลานัดหมาย ท่าทางสงบนิ่งของนางดึงดูดสายตาของผู้คนเพียงครู่ ก่อนจะถูกมองข้ามไปในทันที นั่นคือสิ่งที่นางต้องการ

“ข้าไม่จำเป็นต้องโดดเด่น เพียงแต่ต้องไม่ไร้ตัวตนในสายตาของบุคคลที่ใช่”

นางก้าวขึ้นสู่ชั้นสองของโรงเตี๊ยมตามคำสั่งที่จิ้งอ๋องฝากไว้เมื่อคืน และทันทีที่เปิดบานประตูห้องชั้นบนสุด ก็พบเข้ากับชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบ ผู้มีท่าทางสุขุมและแววตาคมกริบดั่งเหยี่ยว

“เจ้าคือแม่นางผู้นั้นใช่หรือไม่?” ชายผู้นั้นกล่าวโดยไม่ลุกขึ้นจากโต๊ะ

ลี่อินพยักหน้า “ใช่ ข้าเอง”

ชายผู้นั้นจ้องนางนิ่ง ก่อนลุกขึ้นและปิดประตูตามหลังอย่างแนบเนียน

“ข้า หลี่หาน รับใช้ท่านอ๋องมาหลายปี หากเจ้าไม่มีสิ่งใดที่คู่ควรต่อการสนทนา เราจะไม่พบกันอีก”

ลี่อินยื่นห่อผ้าผืนบางที่แนบกายมาตลอดทาง ภายในนั้นคือสำเนาบันทึกรายจ่ายแปลกประหลาดจากกรมคลังของจวนเสนาบดีเซียว ที่นางเคยเห็นโดยบังเอิญในชาติก่อน ขณะถูกใช้ให้ไปเก็บลายมือชื่อเจินซูเม่ย

บันทึกพวกนี้นางจำได้ขึ้นใจ ทั้งวัน เดือน ปี รายจ่าย และลายมือชื่อคนรับเงิน

หลี่หานเปิดดูเนื้อความในเอกสารเงียบ ๆ ก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง สีหน้าของเขาฉายแววครุ่นคิด

“เจ้าได้สำเนาบันทึกพวกนี้มาจากไหน”

“ของพวกนี้ ข้าไม่เคยลืม แม้ตายมันก็จะอยู่ในสมองข้า” ลี่อินตอบ

ผ่านไปไม่นาน หลี่หานก็ลุกขึ้น หยิบซองหนึ่งส่งให้นาง

“นี่คือสัญลักษณ์ที่แสดงว่าเจ้ากำลังรับใช้ใต้เงาท่านอ๋อง เจ้าจะไม่สามารถใช้มันเพื่อเรียกความช่วยเหลือ เว้นแต่ยามจำเป็น”

ลี่อินรับไว้ด้วยความเคารพ “ข้าเข้าใจ”

ก่อนจากไป หลี่หานเหลือบมองนางอีกครั้ง

“เจ้าคิดหรือว่าเป้าหมายของเจ้าจะไม่ชนกับศัตรูของท่านอ๋อง?”

“ข้าก็หวังว่า มันจะชนกันทั้งหมด” ลี่อินยิ้มบาง ๆ ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว

“เพราะข้าจะใช้เปลวเพลิง เผาให้พวกมันล้มทั้งแผง!”

เมื่อกลับจากโรงเตี๊ยมถึงเรือนหลังของจวนสกุลเซียว ลี่อินรีบซ่อนสัญลักษณ์และจัดเอกสารทุกชิ้นแยกไว้ใต้แผ่นไม้ในพื้นห้อง เสี่ยวจูมองท่าทางเคร่งขรึมของนางด้วยความเป็นห่วง

“คุณหนู ข้ารู้สึกกลัวนัก ท่านจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหมเจ้าคะ?”

“ข้าอยู่กลางอันตรายมาหลายปี มาถึงวันนี้ ข้าไม่มีสิ่งใดต้องกลัวอีก” ลี่อินพูด

กลางคืนวันนั้น ลมหนาวเริ่มแรงขึ้น แม้เพิ่งเข้าปลายฤดูใบไม้ผลิ แต่สำหรับเรือนหลังของจวนสกุลเซียวที่ขาดเครื่องกันหนาวใด ๆ แล้ว อากาศในยามราตรีย่อมโหดร้ายเสมอ

เซียวลี่อินนั่งอยู่หน้าตะเกียงน้ำมันในชุดบางคลุมผ้าฝ้ายซีดจาง หญิงสาวจดจ้องแผ่นกระดาษเก่าเบื้องหน้า ขีดเขียนข้อความลงด้วยหมึกที่เจือจางจนแทบซีด

“คนผู้นี้ ในชีวิตก่อนเป็นผู้ดูแลบัญชีประจำกรมคลังสาขาย่อย เคยบ่นเรื่องยอดเงินแปลก ๆ กับคนข้างกายจากนั้นก็หายตัวไป”

นางค่อย ๆ เขียนชื่อลงในกระดาษเล็ก ๆ แล้วพับเก็บเข้าถุงผ้าขนาดเล็กสำหรับส่งต่อ

“เป้าหมายแรก…มิใช่พ่อตัวเอง”

“แต่คือเบี้ยตัวเล็กที่ข้าเคยเพิกเฉย ซึ่งหากชักใยถูก จะกระชากความลับใหญ่โตกว่าที่พวกมันคิด”

รุ่งเช้า วันใหม่มาเยือน

เสียงเจี๊ยวจ๊าวของบ่าวไพร่ในเรือนใหญ่คึกคักกว่าทุกวัน ข่าวลือเรื่อง “บ่าวสาวปริศนาในงานเลี้ยงที่ทำถาดตกใส่ท่านอ๋อง” แพร่ไปทั่วทุกมุม

เจินซูเม่ยนั่งแต่งหน้าอยู่หน้าโต๊ะหยกขาว ในขณะที่เซียวถิงฮวาเดินวนไปมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“ท่านแม่ ข้าว่านังลี่อินนั่นต้องมีแผน!” ถิงฮวาพูด

เจินซูเม่ยยิ้มเย็น ไม่ได้หยุดปัดแป้งบนแก้ม

“นางจะวางแผนสิ่งใด ก็ปล่อยให้นางไปเถิด ในเมื่อท่านพ่อเจ้าก็ไม่เคยสนใจนางมาตลอดสิบกว่าปี”

“มีหรือที่ใครในจวนนี้จะกล้าช่วยเหลือนาง?”

ทว่าในมุมหนึ่งของจวน ขันทีจากวังหลวงผู้หนึ่งในชุดสีเทาน้ำหมึก เดินเข้าสู่ประตูจวนอย่างเงียบเชียบ ในมือมีตราประทับทองแดงของฝ่ายกรมบัญชีกลางแห่งวังหลวง เขาเดินผ่านประตูมาได้โดยไร้การสกัด ด้วยคำสั่งลับจากจิ้งอ๋อง

เย็นวันเดียวกันนั้นเอง เสียงเอะอะวุ่นวายก็ดังขึ้นจากหน้าจวน

“ข้าน้อยเป็นขุนนางกรมคลัง! มาตรวจสอบบัญชีและความโปร่งใสในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือราษฎร ตามคำสั่งตรวจสอบจากเบื้องบน!”

เสียงชายผู้นั้นดังก้อง จนถึงหูของเซียวเฟิงเฉิน ผู้เป็นเสนาบดีกรมคลัง

สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนทันที “ตรวจสอบ?”

“เหตุใดจึงไม่มีหนังสือแจ้งล่วงหน้า!”

ขันทีผู้นั้นชูตราให้ดู “นี่คือคำสั่งลับ มิอาจแจ้งล่วงหน้าได้”

ในมุมหนึ่งของเรือนหลัง ลี่อินแย้มยิ้มพลางยืนดูเหตุการณ์อยู่จากเงาต้นไม้ 

“ข้าเพียงโยนหินลงสู่ผิวน้ำ แต่ระลอกคลื่นกลับกลายเป็นพายุในจวนเสียแล้ว เซียวเฟิงเฉิน!”

เสียงบ่าวสาวแตกตื่นดังขึ้นไม่ขาดสาย

“ได้ยินหรือไม่! พวกเขาพบบัญชีที่ลายมือชื่อไม่ตรงกันในหลายเดือนก่อน!”

“ว่ากันว่าเงินที่ควรจะถึงมือชาวบ้าน กลับไหลไปทางเรือนฮูหยินรอง!”

เซียวเฟิงเฉินหน้าเครียด แต่ยังกล่าวเสียงดังกลบเกลื่อน

“เรื่องนี้อาจมีการเข้าใจผิด ข้าจะตรวจสอบด้วยตนเองในภายหลัง!”

แม้จะกล่าวเสียงกร้าว แต่แววตากลับเริ่มหวั่นไหว

คืนนั้น ลี่อินนั่งอยู่บนตั่งไม้เล็ก พิงฝาอย่างสงบ ดวงตาจ้องเปลวตะเกียงที่ไหววูบในลมเบา เสี่ยวจูนั่งพับเพียบอยู่ไม่ไกล

“คุณหนู ท่านกำลังยิ้มหรือเจ้าคะ”

“ใช่สิ เพราะข้าพิสูจน์ได้แล้วว่า ไม่จำเป็นต้องตะโกนให้ดังก็มีคนเชื่อ บางครั้ง แค่ปล่อยให้ความจริงมันเดินทางของมันเองก็พอ”

ภายในห้องหนังสือของจวนเสนาบดี เซียวเฟิงเฉินเดินวนไปมาด้วยสีหน้าหนักอึ้ง บนโต๊ะเบื้องหน้าเขามีกองเอกสารการเบิกจ่ายเงินหลวงซ้อนทับกันแน่นหนา

มือของเขากำเอกสารจนยับ ขณะที่เสียงเจินซูเม่ยเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“ท่านยังไม่รู้อีกหรือว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร?”

เซียวเฟิงเฉินไม่ตอบในทันที เพียงขบฟันแน่น

“มันเร็วเกินไป…” เขาพึมพำ “ข้อมูลที่หลุดออกไปนี้ มีเพียงคนในบ้านเท่านั้นที่จะรู้”

เจินซูเม่ยขมวดคิ้ว ก่อนสายตานางจะเปล่งประกายเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที

“เซียวลี่อิน ต้องเป็นนางแน่”

“จะเป็นนางได้อย่างไร” เขาโพล่งขึ้นทันที “นางเป็นแค่หญิงโง่เขลาที่เอาแต่ก้มหน้าเช็ดพื้น!”

ขณะเดียวกัน ที่เรือนพักรับรองฝั่งตะวันตก หวังจิ้งเหยียนนั่งอยู่ในห้อง ใต้แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างไม้ฉลุลาย ชายหนุ่มถือกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ในมือ เป็นรายชื่อขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเงินหลวงที่ถูกยักยอก และที่ปลายกระดาษ มีลายมือเขียนอย่างประณีต

“สตรีผู้นี้ใช้สติวางหมากได้อย่างแม่นยำ” เขาเอ่ยขึ้น

หลี่หาน ขันทีผู้ติดตามใกล้ชิดเดินเข้ามาคำนับ “ท่านอ๋อง ฝ่าบาททรงรับสั่งให้ท่านเดินทางกลับวังในวันพรุ่งนี้”

จิ้งอ๋องพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนวางแผ่นกระดาษลงอย่างแผ่วเบา

“ก่อนกลับวัง จัดให้ข้าได้พบเซียวลี่อินอีกครั้ง”

เรือนหลังของจวนสกุลเซียวในค่ำคืนนั้น เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น

“คุณหนูเจ้าคะ มีทหารจากวังหลวงส่งจดหมายมา” เสี่ยวจูพูดเสียงแผ่ว สีหน้าตื่นตกใจ

ลี่อินรับมาด้วยมืออันมั่นคง พอเปิดอ่าน แววตาของนางกลับทอแววพึงพอใจ

“มาพบข้า ยามโฉ่ว ที่เรือนรับรองฝั่งตะวันตก”

ใต้เงาต้นหลิว ณ ที่นัดหมาย ลี่อินก้าวเข้าสู่ลานที่เงียบเชียบของเรือนรับรอง จิ้งอ๋องนั่งอยู่ใต้ศาลาหิน เอนกายพิงเสาไม้เรียบ ราวกับกำลังรอใครบางคนมาเล่นกระดานหมาก เขาไม่ได้หันมาในทันที แต่เอ่ยขึ้นเบา ๆ

“เจ้ามาเร็วกว่าที่คิด”

“เวลาเป็นสิ่งมีค่า หม่อมฉันไม่ชอบให้ใครต้องรอนาน” นางตอบอย่างสงบ

จิ้งอ๋องหันกลับมา แววตาของเขาไร้ความอ่อนโยนเช่นเดิม

“ข้าได้อ่านสิ่งที่เจ้าส่งมาแล้ว และข้ารู้ว่าเจ้ามีค่าพอที่จะร่วมกระดานนี้”

“เช่นนั้นท่านอ๋องจะเริ่มจากตรงที่ใด”

“ข้าจะให้คนมาเฝ้าสังเกตจวนสกุลเซียว และให้เจ้ารายงานความเคลื่อนไหวของเจินซูเม่ย หากนางมีส่วนกับการยักยอกจริง ไม่เพียงจวนสกุลเซียวจะล่ม แต่ข้าจะลากพรรคพวกในวังหลวงของนางลงมาด้วย”

ลี่อินประสานมือคำนับอย่างงดงาม ดวงตาของนางส่องประกายแน่วแน่ใต้แสงจันทร์

“เจ้าคือดาบ ข้าคือเงา”

“เราจะฆ่าโดยไร้ผู้ใดล่วงรู้...”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 49 เงาที่ซ่อนอยู่

    หลังจากที่เจินซูเม่ยและเซียวถิงฮวาถูกนำตัวไปคุมขัง ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ผู้คนต่างพูดถึงด้วยทั้งความสะใจและหวาดกลัว“คนที่เคยเชิดหน้าชูตา วันนี้กลับกลายเป็นนักโทษเสียแล้ว”“สวรรค์มิอาจละเว้นคนชั่วได้จริง ๆ”ท้องพระโรงแม้จะเงียบลงหลังการพิพากษา แต่คลื่นใต้น้ำกลับโหมแรงขึ้นบรรดาขุนนางที่เคยปกป้องสกุลเซียว บัดนี้ต่างเงียบงันแต่ในเงามืด กลับเริ่มมีการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ผิดปกติยามค่ำ เซียวลี่อินยืนอยู่บนระเบียงตำหนักอ๋อง สายตาเหม่อมองฟากฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้น“เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่”นางหันกลับมา เห็นจิ้งอ๋องยืนอยู่ในชุดคลุมสีเข้ม ดวงตาคมกริบทอดมองนางด้วยความสนใจเซียวลี่อินยกพัดแตะริมฝีปาก แววตาเยือกเย็น“แม้เจินซูเม่ยจะถูกจับ แต่ผู้ที่หนุนหลังนางยังมิได้เผยตัวออกมาทั้งหมดเพคะ เพียงถูกดึงเงาหนึ่งออกมา ย่อมยังเหลืออีกหลายเงาที่แอบซ่อนอยู่”จิ้งอ๋องนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น“หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะสืบจนถึงรากเหง้า ไม่ว่าผู้ใดซ่อนที่ตัวอยู่เบื้องหลัง ก็ต้องลากออกมาทั้งหมด!”เพี

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 48 พิพากษา

    เช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆหนาทึบ ราวกับสวรรค์เองก็ยังเฝ้ารอการพิพากษาครั้งใหญ่เสียงกลองพิธีดัง ตึง! ตึง! ตึง! ก้องไปทั่ว ประกาศเรียกเหล่าขุนนางเข้าสู่ท้องพระโรงเจินซูเม่ยถูกองครักษ์คุมตัวเข้ามา นางสวมชุดงดงามแต่เส้นผมกลับยุ่งเหยิง ใบหน้าซีดเซียว แววตาสั่นไหวเสียงซุบซิบของขุนนางและสตรีฝ่ายในดังระงม“นี่หรือฮูหยินเซียวที่เคยได้ชื่อว่างดงามและเจ้าเล่ห์ที่สุดในเมืองหลวง…”“วันนี้กลับถูกลากมาเป็นจำเลยต่อหน้าฝ่าบาทเสียเอง”“ดูนางตอนนี้สิ ดูสมเพชสิ้นดี ฮึ!”ฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์สูง พระเนตรลึกล้ำทอดมองลงมา พระสุรเสียงเย็นเยียบดังขึ้น“เจินซูเม่ย มีผู้กล่าวโทษเจ้าว่าเกี่ยวข้องกับการลอบนำสมุนไพรปนเปื้อนเข้าสู่วังหลวง อีกทั้งยังพยายามทำลายหลักฐาน เจ้าจะว่าอย่างไร”เจินซูเม่ยรีบคุกเข่าลง น้ำตาไหลพราก“ฝ่าบาท! หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ! ทุกสิ่งล้วนเป็นการจัดฉากของพวกที่อิจฉาริษยาหม่อมฉัน!”จิ้งอ๋องก้าวออกมาอย่างสง่างาม ร่างสูงใหญ่เปล่งบารมีจนท้องพระโรงเงียบกริบเขาวางรายงานและหลักฐานลงตรงหน้า เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างชัดถ้อยคำ“หลักฐานทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว คำสารภาพของบ่าว พยานผู้เห็นเหตุกา

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 47 พายุใหญ่กำลังมา

    รุ่งอรุณปกคลุมเมืองหลวงด้วยหมอกสีขาว แต่ในราชสำนักกลับคลาคล่ำไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดยิ่งนักข่าวการพยายามทำลายหลักฐานของเจินซูเม่ยแพร่สะพัดไปทั่ว ทั้งในหมู่ขุนนางและเหล่าราษฎร“สกุลเซียวคงไม่รอดแล้ว…”“ครั้งนี้แม้แต่ฝ่าบาทก็มิอาจเพิกเฉยได้อีก”เสียงซุบซิบในตลาดและตามตรอกซอยกลายเป็นพายุข่าวลือที่โหมกระหน่ำไม่หยุดในท้องพระโรง ขุนนางแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนฝ่ายหนึ่งเร่งรัดให้ลงโทษสกุลเซียวโดยเร็วอีกฝ่ายหนึ่งกลับยืนหยัดพยายามหาทางประวิงเวลา เสมือนกำลังยื้อชีวิตให้ผู้เกี่ยวข้องฮ่องเต้ประทับนิ่งบนบัลลังก์สูง ดวงพระเนตรลึกล้ำมองลงมา พระสุรเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความกดดัน“จิ้งเหยียน พรุ่งนี้เจ้าจงนำพยานหลักฐานทั้งหมดมาตรวจสอบต่อหน้าข้า หากพิสูจน์ได้ว่ามีความผิดจริง ต่อให้เป็นสกุลใหญ่ ข้าก็จะไม่ละเว้น”จิ้งอ๋องค้อมกายรับโองการ ดวงตาคมวาวสะท้อนความมุ่งมั่นเมื่อหันไป เห็นเงาร่างของเซียวลี่อินหลังม่านกั้นสตรี นางยืนนิ่ง ราวกับมั่นคงดุจขุนเขาเพียงสบตาในระยะไกล หัวใจเขากลับสงบลงราวกับได้รับพลังพายุใหญ่กำลังจะโหมกระหน่ำ แต่เราจะฝ่ามันไปด้วยกัน!ภายในเรือนใหญ่ของจวนสกุลเซียว เจินซูเม่ย

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 46 แผนลับในเงามืด

    ค่ำคืนคลี่คลุมจวนสกุลเซียว บรรยากาศภายในเรือนใหญ่เต็มไปด้วยความกดดัน เจินซูเม่ยนั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเครื่องหอม มือกำถ้วยชาแน่นจนสั่น น้ำชาเอ่อล้นออกมาโดยไม่รู้ตัว นางกัดฟันสะกดความโกรธ“ไม่ได้! ข้าไม่มีวันยอมให้ทุกสิ่งที่ข้าสร้างมาพังลงเพียงเพราะนังเซียวลี่อินแน่!”เซียวถิงฮวานั่งอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของนางยังคงซีดเซียวจากเหตุการณ์ในท้องพระโรง“ท่านแม่ เราจะทำเช่นไรต่อดีเจ้าคะ หากถูกสอบสวนต่อไป สกุลเซียวคงถูกลากลงเหวแน่”เจินซูเม่ยหรี่ตาลงอย่างอำมหิต“แม้จะถูกบีบแทบจนมุม แต่ยังมีหนทาง หากหลักฐานที่มันถืออยู่ถูกทำลายเสีย ต่อให้เป็นท่านอ๋องเจ็ดก็ไม่อาจทำอะไรได้!”....ขณะเดียวกัน ภายในตำหนักอ๋อง จิ้งอ๋องนั่งพินิจรายงานที่กองอยู่ตรงหน้า ข้างกายมีเซียวลี่อินนั่งสงบนิ่ง ดวงตาไล่ตามทุกบรรทัดอย่างตั้งใจ เสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นช้า ๆ“ศัตรูกำลังดิ้นรน พรุ่งนี้อาจมีการเคลื่อนไหว เจ้าต้องอยู่ใกล้ข้าไว้ ห้ามเสี่ยงคนเดียว”เซียวลี่อินแย้มยิ้มบาง พลางตอบเสียงเบา“เพคะท่านอ๋อง แต่บางครั้งหมากตัวสำคัญ ก็ต้องใช้เหยื่อล่อให้อีกฝ่ายเผยพิรุธออกมาเองนะเพคะ”สายตาทั้งคู่สบกัน ความแน่วแน่และความไว้วางใจเริ่

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 45 เสี้ยนหนามในราชสำนัก

    เช้าวันใหม่ท้องพระโรงคลาคล่ำไปด้วยเหล่าขุนนางที่ยืนเรียงราย บรรยากาศเต็มไปด้วยแรงกดดัน ข่าวการจับคนของเจินซูเม่ยเมื่อคืนแพร่ไปทั่วแล้ว ทำให้ราชสำนักปั่นป่วนขันทีขานเสียงกังวาน “ถวายพระบังคมฝ่าบาท ท่านอ๋องเจ็ดได้นำพยานและหลักฐานเข้ามากราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังจิ้งอ๋องผู้ก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม เบื้องหลังเขามีองครักษ์นำคนร้ายที่ถูกจับได้คุมตัวเข้ามา พร้อมเอกสารบันทึกคำสารภาพเสียงซุบซิบดังไปทั่วท้องพระโรง“ครั้งนี้จวนสกุลเซียวคงรอดยากแล้ว”“แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีขุนนางคอยหนุนหลัง หากพวกนั้นออกหน้า เรื่องอาจไม่ง่ายเช่นกัน”จริงดังว่า เมื่อจิ้งอ๋องยื่นรายงานต่อหน้าฮ่องเต้ทันใดนั้น ขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายหนึ่งก็ก้าวออกมาขัดทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“ฝ่าบาท! แม้จะมีบ่าวรับใช้สารภาพ แต่ก็ใช่ว่าจะเชื่อถือได้ หากทั้งหมดเป็นการจัดฉากเพื่อกำจัดสกุลเซียวเล่าพ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย!”เสียงถกเถียงเริ่มระอุขึ้นอีกครั้ง คล้ายไฟที่พร้อมลุกโชนกลางท้องพระโรงเซียวลี่อินที่ยืนอยู่ด้านหลังม่านกั้นสำหรับสตรีสูงศักดิ์กำพัดแน่น ดวงตาเย็นยะเยือกพวกขุนนางหนุนหลังพวกนั้น พวกมันคือ

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 44 คลื่นแรงกลางราชสำนัก

    ผลการสอบสวนยังไม่ทันประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ข่าวของบ่าวที่เรือนเจินซูเม่ยยอมรับสารภาพต่อหน้าท่านอ๋องเจ็ดก็แพร่สะพัดไปทั่วราชสำนักแล้วราวกับคลื่นยักษ์ที่ซัดสาดเข้าใส่ จวนสกุลเซียวเริ่มสั่นคลอน ในห้องประชุมขุนนางยามเช้า เสียงถกเถียงดังไม่หยุด ขุนนางฝ่ายหนึ่งลุกขึ้นคารวะ“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวพันต่อความปลอดภัยของราชสำนัก หากไม่ลงโทษผู้เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ย่อมกระทบพระเกียรตินะพ่ะย่ะค่ะ”อีกฝ่ายหนึ่งรีบโต้“แต่ยังไม่มีพระราชโองการตัดสิน ขืนเร่งรีบไป จะไม่กลายเป็นว่าราชสำนักไม่ยุติธรรมหรอกหรือ!”เสียงถกเถียงดังระงมจนท้องพระโรงแทบสั่นสะเทือนฮ่องเต้นั่งนิ่ง ดวงพระเนตรลึกล้ำราวกับกำลังชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียในอีกฟากหนึ่ง เซียวลี่อินยืนอยู่หลังม่านกั้นสำหรับสตรีสูงศักดิ์นางฟังเสียงถกเถียงทั้งหมดด้วยสายตาเยือกเย็น ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง ยิ่งคลื่นแรงเพียงใด ย่อมยิ่งกัดเซาะเกียรติของสกุลเซียวให้พังทลายไวขึ้นเท่านั้นขณะเดียวกัน จิ้งอ๋องนั่งอย่างมั่นคงบนเก้าอี้ขุนนาง แม้จะไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใด แต่เพียงการมีตัวตนของเขาอยู่ในห้องนี้ ก็ทำให้ผู้คนไม่กล้าเอ่ยวาจาเกินเลยยามบ่ายในจวนสกุลเซียว เจินซูเม่ยสี

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status