[ลลิน Part]
เชื่อไหมว่าชีวิตคนเราเนี่ย แค่เดินผ่านประตูห้องทำงานของบอสสุดหล่อ ก็สามารถกลายเป็นเรื่องเครียดแห่งชาติได้ และที่แย่ไปกว่านั้นคือระบบที่ตะโกนใส่หูไม่หยุด
[ระบบหญิง] “แขน อก หน้าท้อง อย่าช้า! พุ่งตัวไปเลย!!!”
[ระบบชาย] “หากภารกิจล้มเหลว หักเงินสองเท่า และห้ามทำตัวน่าสงสัย”
ใช่ค่ะ ชีวิตฉันตอนนี้เหมือนเดินอยู่บนเส้นด้ายขึงตึง
เส้นหนึ่งคือ “เงินรางวัล 2,000 บาท”
อีกเส้นหนึ่งคือ “โดนไล่ออก+ติดลิสต์คนโรคจิต”
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะเล็ก ๆ ในมุมห้องทำงานบอส พี่พรรณรายบอกว่าวันนี้บอสจะเทสงานเองก่อน เขานั่งไขว้ขา อ่านเอกสารอย่างหล่อเหลาอยู่ไม่ไกลโดยไม่พูดกับฉันเลย นอกจากคำทักทายเมื่อเช้าตอนพี่พรรณรายพาฉันมาแนะนำตัว
เสียงนุ่มลึกแบบนั้นมันไม่ควรปล่อยผ่านจริง ๆ ให้ตายสิ!
แต่ฉันจะหลงไม่ได้ เพราะฉันมีภารกิจลับต้องทำ!
“จับแขนก่อน ต้องเริ่มจากแขน” ฉันคิดในใจ พลางหยิบแฟ้มขึ้นมาเดินไปที่โต๊ะเขา
“เอ่อ…ท่านประธานคะ นี่เอกสารที่ฝ่ายบุคคลฝากมาให้ค่ะ”
เขาเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย ดวงตาคมคู่นั้นประสานเข้ากับสายตาฉันแบบตรง ๆ
ฉันเผลอกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก
“วางไว้บนโต๊ะเลย”
“อะ เอ่อ…ค่ะ”
โอกาสทอง!
ฉันวางแฟ้มไว้บนโต๊ะ แล้วแกล้งสะดุดขอบโต๊ะนิด ๆ มือข้างหนึ่งทิ้งตัวไปหา…
แปะ!
แขนเสื้อสูทของเขา...
[ระบบหญิง] “เย้~ จับแขนสำเร็จ 1/3 แล้ว~ เหลืออกกับหน้าท้องนะจ๊ะ!”
[ระบบชาย] “คุณได้รับโบนัสย่อย 500 บาท กรุณาอย่าทำตัวน่าสงสัย”
ฉันผละตัวกลับมานั่งแทบไม่ทัน หัวใจเต้นตึกตักเมื่อถูกเขามองด้วยสายตาประหลาด
“ระวังหน่อยสิ โต๊ะมันไม่วิ่งหนีหรอก”
เสียงราบเรียบมาก แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันมีการระแวงแฝงอยู่
โอ๊ย! ฉันกลายเป็นผู้หญิงน่าสงสัยไปแล้วแน่ ๆ!!
“ยังเหลืออกกับหน้าท้องอีก ทำไมถึงยากเย็นขนาดนี้วะเนี่ย!”
ฉันฟุบหน้ากับโต๊ะพลางพร่ำบ่นอยู่ในใจ ระหว่างนั้น บอสลุกออกจากโต๊ะเพื่อเดินไปหาหนังสือในชั้นวางด้านข้าง
เสื้อนั่นแนบเข้ากับเรือนร่างเขาแบบพอดีเป๊ะ
โอ้โห อก! ท้อง! มาครบ!
แต่จะให้พุ่งเข้าไปตอนนี้เหรอ!?
ฉันค่อย ๆ ขยับตัวเข้าใกล้ ทำเป็นช่วยหยิบหนังสืออีกเล่มในชั้นเดียวกัน แขนเราชนกันอีกครั้ง
“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ…”
เขาหันมามอง “คุณมีปัญหาเรื่องการทรงตัวเหรอ?”
“มะ ไม่ค่ะ แค่ผิดจังหวะนิดหน่อย”
เงียบ…
เขายืนนิ่งมองฉัน 3 วินาทีได้ แล้วก็เดินกลับไปนั่งโดยไม่พูดอะไรต่อ
[ระบบหญิง] “บอสเริ่มจับไต๋ได้แล้วนะ! เราต้องเนียนมากกว่านี้!”
[ระบบชาย] “ภารกิจยังเหลืออีก 2 จุด กรุณาปรับกลยุทธ์”
ฉันถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้
นี่มันวันแรกนะ ชีวิตพนักงานออฟฟิศที่มีระบบบ้า ๆ ตามหลอกหลอนแบบนี้ ช่างเหนื่อยใจจริง ๆ!
[คิริน Part]
ผมเงยหน้ามองหญิงสาวที่นั่งลุกลี้ลุกลนบนโต๊ะทำงานอย่างมีพิรุธ
สายตาเธอกวาดมองไปทั่ว เหมือนจะหาจังหวะอะไรบางอย่าง
นี่เธอคิดจะทำอะไร?
ผมรู้สึกแปลกใจตั้งแต่ที่เธอสะดุดโต๊ะแล้วมาแตะที่แขนผมแบบพอดีเป๊ะ พอผมลุกไปหยิบหนังสือ เธอก็ตามมาชนอีก
“บังเอิญเกินไปไหม...”
ผมคิดในใจพลางหลุบตามองแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่นั่งนิ่งเหมือนกำลังสำนึกผิดอยู่ ถ้าเป็นพนักงานใหม่ทั่วไป ผมคงมองว่าเธอตื่นเต้น แต่คนคนนี้ ไม่ปกติ...
เธอเหมือนซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ หรือไม่ก็อาจมีแผนอะไรในหัวที่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
แต่น่าแปลก แทนที่จะรู้สึกโมโหหรือระแวงมากกว่านี้ แต่ผมกลับกำลังรู้สึกสนุก
“ดูซิว่าเธอจะทำอะไรต่อ”
ผมแสร้งกลับไปอ่านเอกสาร ทำเหมือนไม่สนใจ แต่ยังเฝ้าจับตาทุกฝีก้าว
[ลลิน Part]
เวลาเดินช้าเหมือนหอยทาก ตอนนี้จะเที่ยงแล้ว! ผ่านไปแล้วครึ่งวัน ฉันยังทำภารกิจผ่านแค่จุดเดียว
ยังเหลืออกกับหน้าท้องที่ไม่รู้จะทำยังไงถึงจะสัมผัสได้
“หรือต้องทำเหมือนในละครวะ เดินผ่าน สะดุดแล้วคว้าไว้?”
ไม่เวิร์ก ๆ บอสฉลาดขนาดนี้ เขาอาจสงสัยได้
ฉันถอนหายใจ หยิบแก้วน้ำลุกขึ้นเดินไปกดน้ำดื่ม สายตาเหลือบไปเห็นบอสกำลังเปิดโน้ตบุ๊กและโทรศัพท์แนบหูไปด้วย
โอกาส!
พอเห็นเขาวางสาย ฉันรีบเดินเข้าไป “เอ่อ ท่านประธานคะ มีเอกสารให้เซ็นค่ะ”
เขารับไปโดยไม่เงยหน้าขึ้น แต่ฉันเห็นแววตาเขาชำเลืองผ่านขอบแว่นเล็กน้อย
ฉันยื่นมืออีกข้างไปแตะแฟ้มกระดาษ และแล้ว...
วืด~
“อ๊ะ!”
ฉันเสียหลักจริง ๆ มือซ้ายพุ่งไปชนกับอกเขาเบา ๆ ก่อนจะรีบถอยออกแทบไม่ทัน
หน้าอกแน่น ๆ แบบนั้นมัน... หูยยย
[ระบบหญิง] “ว้ายยยยย~ สำเร็จอีก 1 จุด! อก~ ผ่านนน~!!”
[ระบบชาย] “คุณได้รับโบนัสย่อย 700 บาท ระวังบอสเริ่มสงสัย”
ฉันรีบถอยออกอย่างมีมารยาทสุด ๆ แล้วก้มหน้าจนเกือบจะมุดไปอยู่ใต้โต๊ะ
“ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เขายังคงเงียบ แต่สายตานั้นจ้องฉันนิ่งราวกับรู้ว่า ฉันจะทำอะไร
[คิริน Part]
อก
เธอชนอกผม
ถึงจะไม่แรง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่บังเอิญเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ในห้องทำงานแบบนี้ ผมวางแฟ้มลง มองใบหน้าที่แดงซ่านของเธอ ยัยตัวแสบก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับผม
“คุณไม่สบายรึเปล่า?”
ผมถามเบา ๆ แต่แฝงความท้าทายในน้ำเสียง
“มะ...ไม่ค่ะ!”
“แน่ใจเหรอ? ผมเห็นว่าคุณเดินเซหลายรอบแล้วนะ”
“เอ่อ คือ…”
เธอเงียบไปก่อนจะเบือนหน้าหนี ทำเป็นหยิบเอกสารกลับไปจัดที่โต๊ะตัวเอง
ผมยิ้มมุมปากน้อย ๆ “ดูซิว่าต่อไปเธอจะทำอะไรอีก”
[ลลิน Part]
เหลือแค่หน้าท้อง...
โอ้พระเจ้า! หน้าท้องเนี่ยนะ
ฉันนั่งตัวเกร็งอยู่ที่โต๊ะ หัวใจเต้นรัวเป็นกลอง มือไม้เย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง แค่แขนกับหน้าอกก็แทบไม่รอดแล้วยังมีหน้าท้องอีกเหรอ?
[ระบบหญิง] “สู้เขา! อีกนิดเดียวก็ครบสามจุดแล้ว~ นึกถึงเงินเข้าไว้!”
[ระบบชาย] “หากล้มเหลวในช่วงท้าย จะถูกปรับเงินสองเท่า โปรดทำภารกิจอย่างรอบคอบ”
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 ชั่วโมงก่อนเลิกงาน ฉันต้องลงมือแล้ว!
แต่จะลงมือยังไงไม่ให้ดูเหมือนโรคจิต
ฉันนั่งคิดแผนอยู่นานจนกระทั่งเห็นบอสลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบแก้วน้ำเดินออกไปที่เครื่องกดน้ำด้านข้างห้อง
“โอ้โห หุ่นนั่น กล้ามท้องซ่อนอยู่แน่ ๆ”
โอ๊ยยยย ลลิน! หยุดคิดเดี๋ยวนี้นะ!
บ่นไปแต่สมองไม่หยุดปั่นแผน
ฉันลุกขึ้น หยิบแฟ้มเอกสารที่แอบเตรียมไว้ให้เขาเซ็น แล้วเดินไปทางนั้นด้วยท่าทีที่เนียนที่สุดในชีวิต
เขาหันมาเล็กน้อยตอนได้เสียงยินฝีเท้า
“คุณมีอะไร?”
“เอ่อ…มีเอกสารเซ็นเพิ่มเติมค่ะ”
เขามองมาด้วยสายตาเหมือนจับผิดสุดฤทธิ์ แต่ก็ยื่นมือมารับแฟ้มไป
และโอกาสก็มาในจังหวะที่ แฟ้มหลุดจากมือเขา!
“อ๊ะ!”
ฉันรีบก้มลงจะเก็บ แล้วก็ “บังเอิญ” สะโพกฉันไปกระทบกับหน้าท้องเขาอย่างจัง
“โอ๊ยยย…”
สัมผัสครบ 3 จุด!
[ระบบหญิง] “ปังไม่ไหว! สามจุด! ปิดภารกิจอย่างสวยงาม~”
[ระบบชาย] “ภารกิจสำเร็จ ได้รับเงิน 2,000 บาท จะโอนเข้าบัญชีทันทีตอนเลิกงานวันนี้”
ฉันรีบเงยหน้าขึ้นแบบตกใจสุดชีวิต
“ขอโทษค่ะ! ฉันไม่ได้ตั้งใจ!”
[คิริน Part]
ยัยตัวแสบก้มลงเก็บแฟ้ม และกระแทกหน้าท้องผมเต็ม ๆ
ไม่แรง แต่แม่นยำจนน่าแปลกใจ
ผมไม่พูดอะไร แค่มองเธอที่ลนลานก้มหน้าก้มตาจนแทบจะหายตัว
เธอรีบขอโทษ แล้วก็คว้าแฟ้มกลับไปแบบเร็วจี๋
“มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่...”
พนักงานฝึกงานที่เดินชนผม 3 ครั้งในวันเดียว
แถมแต่ละจุดที่ชน ช่างเลือกตำแหน่งได้ดีซะจริง
ผมยกมือขึ้นแตะหน้าท้องเบา ๆ แล้วถอนหายใจ
“เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ลลิน พิชญธิดา...”
“ระบบหญิง ทำไมอยู่ ๆ ถึงเตือนฉันว่าอันตรายกำลังจะมาถึงล่ะ มีอะไรรึเปล่า?”ฉันเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโน้ตบุ๊กที่กำลังกรอกข้อมูลประชุมอย่างขะมักเขม้น สายตาเบลอเล็กน้อยเพราะนั่งนานเกินไป แต่เสียงแจ้งเตือนของระบบทำให้ฉันตื่นเต็มตาในทันที....[ระบบหญิง] “ภัยอันตรายระดับ 4 กำลังเข้าใกล้บุคคลเป้าหมาย โปรดระวังและหาทางเตือนเขาโดยเร็วที่สุด ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้เขาใช้รถคันประจำ”....“หา!? อันตรายอะไรอีก” ฉันแทบจะกระโดดลุกขึ้นยืนทั้งที่เพื่อนร่วมงานยังเต็มห้องฉันคว้าสมาร์ตโฟนแทบจะในทันที มือไม้สั่นไปหมด โทรศัพท์ถูกกดไปยังเบอร์ที่ตอนนี้ฉันจำได้ขึ้นใจเสียงรอสายดังอยู่สองครั้งก่อนจะมีเสียงเรียบนิ่งรับสาย“ว่าไง” น้ำเสียงของเขายังนิ่งเฉยเหมือนเดิม ไม่มีวี่แววว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายเลยแม้แต่น้อย“บอสกำลังจะไปที่พบพันธมิตรใช่ไหมคะ? ที่ไหนคะ”“ใช่ มีอะไรเหรอ”“เอ่อ...บอสเอารถคันไหนไปคะ”“ก็คันที่เคยใช้ประจำ”“บอสเปลี่ยนรถคันใหม่ได้ไหมคะ”“ทำไม” เขาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงสงสัยเต็มประดา“เอาเถอะค่ะ นะคะฉันขอร้องล่ะ” ฉันพูดอย่างรวดเร็ว ใจเต้นตุบตับเขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “อย่าบอกนะว่าเธอไปฟังมา
ในตอนนั้นเอง แผนการในหัวของฉันก็ผุดขึ้นทีละขั้น...หนึ่ง ฉันต้องยืนยันว่า Sable Lines มีเงาดำอยู่เบื้องหลังสอง ดูว่าใครเอาคำนี้เข้ามาใกล้ที่สุดสาม จัดฉากให้ความจริงเดินเข้ามาหาเขาเอง....เช้าวันต่อมา ภาคินกลับมาอีกครั้ง เขาวางแฟ้มเวอร์ชันแก้ไขข้อเสนอลงบนโต๊ะ คุณพรรณราย ผู้จัดการฝ่ายบริหารแวะมาเซ็นผ่านเอกสารบางอย่าง ฉันสังเกตเห็นมือภาคินที่จับโทรศัพท์ นิ้วโป้งเลื่อนไวผิดปกติ ล็อกหน้าจอแทบจะทันทีที่เราเหลือบมองระหว่างพักเบรก ฉันตั้งใจแกล้งทำแฟ้มหล่นหน้าลิฟต์“อุ๊ย!” กระดาษกระจัดกระจาย ภาคินก้มลงช่วยเก็บ“เดี๋ยวผมช่วย”“ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้ม เก็บกระดาษไปพลางดูรองเท้าหนังเขาไปพลาง ส้นรองเท้ามีรอยยางคล้ำนิดนึง คล้ายกับคราบที่พื้นลานท่าเรือ ไม่ใช่คราบทั่ว ๆ ไปที่จะเปื้อนรองเท้าตามปกติ ฉันเก็บก้อนข้อมูลเล็ก ๆ นี้ไว้ในหัวบ่ายนั้น ฉันขออนุญาตคิรินลงไปคลังเอกสารเพื่อไปเอาแฟ้มสัญญาโลจิสติกส์ปีก่อน แต่จริง ๆ แล้วฉันไปหา ฉากที่ต้องการโดยอ้างเรื่องเอกสารบังหน้า ฉันขอให้ฝ่ายไอทีช่วยดึงล็อกการเชื่อมต่อไวไฟสำหรับแขก ซึ่งโชว์ อุปกรณ์ไม่รู้จัก เชื่อมผ่านพร็อกซีชื่อ Sable-r เมื่อวานช่วงกลางดึก อุปกรณ์
[ลิลิน]บ่ายวันศุกร์ เมฆทึบเคลื่อนต่ำกว่าปกติ เงาของมันทอดยาวบนพื้นหินอ่อนหน้าห้องทำงานท่านประธาน ฉันวางแฟ้มที่จัดเรียงด้วยมือสั่นน้อย ๆ เพราะเมื่อคืนยังนอนไม่เต็มอิ่มตั้งแต่เหตุการณ์ที่ฟิลิปโดนทำร้าย ฉันจิบกาแฟดำแก้วที่สอง ขมจนคิ้วขมวด ก่อนเสียงสแกนเนอร์หน้าประตูจะดังติ๊ด พร้อมประตูผลักเข้าเบา ๆ“ไม่ได้เจอกันนานคุณลิลิน”ผู้ชายร่างสูงโปร่งในสูทเทาเข้มก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเนี้ยบ เขาชื่อ “ภาคิน” เพื่อนสนิทของคิริน คนที่ฉันเห็นบ่อยครั้งเวลาเรื่องสำคัญมาก ๆ เท่านั้น“สวัสดีค่ะ คุณภาคิน” ฉันยิ้มตามมารยาท “นัดบอสไว้เหรอคะ”“ระดับผมไม่ต้องนัดก็ได้ บอสคุณอนุญาตอยู่แล้ว”เขาหัวเราะเบา ๆ แบบคนกันเอง แต่แววตาลึก ๆ มีบางอย่างวูบผ่านเร็วมาก ฉันแยกไม่ออกว่าเป็นความกังวลหรือความตื่นเต้นไม่นาน คิรินออกมาจากห้องด้านใน เขาสวมเสื้อเชิ้ตขาวพับแขน ท่าทางเหมือนคนตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง “สายไปห้านาที”“รถติด” ภาคินยักไหล่ “แต่ฉันเอาของดีมาด้วย”เขาวางแฟ้มสีดำลงบนโต๊ะกาแฟ ฉันขยับถาดเครื่องดื่มให้อัตโนมัติแล้วถอยไปครึ่งก้าว เพื่อเปิดทางให้พวกเขานั่งตรงกัน ชั่วครู่ห้องก็มีเพียงเสียงกระดาษพลิกกับเสียงนาฬิกา
[ลิลิน]ฉันยืนอยู่ตรงหน้าประตู แทบไม่กล้ามองเขาตรง ๆ แต่ก็ต้องเงยหน้าในที่สุด สบเข้ากับดวงตาคมที่ฉันรู้จักดี วันนี้มันไม่ได้เย็นชาเหมือนทุกที แต่กลับเหมือนกำลังกังวล“เธอเงียบทั้งวัน ไม่ออกมากินอะไรเลย เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น นิ่งแต่เต็มไปด้วยน้ำหนักฉันเม้มปากแน่น ไม่อยากบอกว่าฉันเอาแต่คิดถึงเขาจนหัวแทบระเบิด จะบอกยังไงดีล่ะว่า ฉันกำลังตกหลุมรักเขาจริง ๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ควร?“ก็แค่...เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ” ฉันโกหกออกไป....[ระบบชาย] “คำโกหกถูกตรวจจับ แต่เพื่อเลี่ยงการขัดแย้ง ขอปล่อยผ่านหนึ่งครั้ง”[ระบบหญิง] “ลูกสาว~ เขามองด้วยสายตาห่วงใยแบบนี้แล้ว บอกตรง ๆ ไปเลยสิ !”....ฉันทำเป็นไม่สนใจระบบ หันไปมองด้านข้างแทนเพื่อหลบสายตาคมคู่นั้น แต่เขากลับก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกหนึ่งก้าว....[คิริน]ผมยืนมองคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า วันนี้ไม่เหมือนทุกที เธอเงียบเกินไปจนผิดปกติ ไม่พูดไม่จาเหมือนเดิม มันผิดปกติจนผมอดไม่ได้ที่จะกังวล ทั้งวันเธอเอาแต่อยู่ในห้อง ไม่ออกมากินข้าวกินปลา ไม่แม้แต่จะออกมาคุยเล่นกับพวกแม่ป้าเหมือนทุกครั้ง“เหนื่อย? แค่เหนื่อยเนี่ยนะ ถึงกับต้อง
วันหยุดที่ไม่ได้หยุดทั้งหัวใจและสมองเต็มไปด้วยความคิดฟุ้งซ่านฉันปิดม่านทึบจนแสงเช้าหลุดเข้ามาได้แค่ริ้วเล็ก ๆ ห้องทั้งห้องเงียบสนิทจนได้ยินเสียงนาฬิกาเดินเป็นจังหวะ ตึก…ตัก…ตึก…ตัก จังหวะซ้ำ ๆ ตอกย้ำจังหวะหัวใจของฉันเองที่ดันวิ่งแข่งไม่รู้จักเหนื่อยตั้งแต่เมื่อคืนก่อนหน้าฉันนั่งกอดเข่าอยู่ปลายเตียง ผ้าห่มกอง ๆ เหมือนภูเขาเล็ก ๆ ข้างตัว มืออีกข้างค้างอยู่บนหน้าอกตรงตำแหน่งที่มันกำลังเต้นแรงที่สุด พยายามกดเบา ๆ ราวกับจะสั่งให้มันเงียบเดี๋ยวนี้ แต่หัวใจกลับดื้อ ไม่ยอมฟังภาพซ้อนทับวนกลับมาไม่ยอมจบ สายตาคมที่สั่นน้อย ๆ ตอนเขายอมเชื่อคำพูดฉันหลังฟิลิปถูกทำร้าย หลังข้อความขู่ หลังคำสั่งเลื่อนแผนการตอบโต้หลุดจากปากเขา เพราะฉันไปขอด้วยน้ำเสียงที่จริงใจที่สุดในชีวิตและอีกภาพที่ยิ่งไล่ไม่พ้นคือริมฝีปากนั้นจูบฉันอย่างยาวนานในคืนก่อนหน้า แขนแข็งแรงรั้งฉันไว้แนบอก ลมหายใจเราเกยกันจนฉันจำไม่ได้ว่าของใครเป็นของใครตอนนี้ระหว่างฉันกับเขามันไม่ใช่วันไนท์สแตนด์เหมือนครั้งแรกที่บ้าบอและสับสนอย่างตอนนั้นครั้งนี้มันต่างออกไป“บ้าเอ๊ย! ลิลิน”ฉันพึมพำกับตัวเอง เสียงเบาจนแทบไม่ใช่เสียง “บอกตัวเองมาตล
ฉันนั่งเงียบอยู่ในห้องรับรองของศูนย์แพทย์ ใบหน้าสะท้อนแสงไฟสีขาวหม่นจากเพดาน ความเหนื่อยล้ากับความกลัวตีกันอยู่ในอก ขณะเดียวกันมือถือในกระเป๋าก็สั่นเบา ๆครืด...ฉันหยิบออกมาอย่างงง ๆ จนหน้าจอสว่างขึ้น เป็นข้อความจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก“หยุดโครงการใหม่ของอคินธรักษ์ มิฉะนั้น คนของคุณจะไม่มีวันได้กลับบ้านอีก”หัวใจฉันหยุดเต้นไปวูบเดียว ก่อนจะเร่งรัวไม่เป็นจังหวะ มือเย็นเฉียบจนแทบทำโทรศัพท์หล่น....[ระบบชาย] “แจ้งเตือนภัย ข้อความนี้มีรหัสไอพีเปลี่ยนตำแหน่งทุกวินาที ต้นทางไม่สามารถตามได้ โปรดระวัง”....ฉันกำโทรศัพท์แน่น สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนรีบลุกไปหาคิริน เขายืนคุยกับธีร์อยู่ตรงมุมทางเดิน ดวงตาคมเข้มยังคงนิ่งแต่บรรยากาศรอบตัวคือแรงกดดันที่แทบทำให้คนยืนใกล้หายใจไม่ออก“บอสคะ...” ฉันเรียกเสียงสั่น ยื่นโทรศัพท์ให้ “มีข้อความส่งมาที่มือถือฉัน”เขาหันมามอง ฉันเห็นประกายบางอย่างในดวงตาเขามันมีทั้งความโกรธและเดือดดาลอยู่ในแววตานั้นเขาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือฉัน อ่านเพียงแวบเดียวก่อนส่งต่อให้ธีร์“ไปตามหาต้นทางเดี๋ยวนี้”“ครับบอส” ธีร์รับไปทันทีฉันเผลอเอามือจับแขนเสื้อเขา“นี่หมายความว่า พวกนั