กว่าอาชาจะข่มตาหลับลงได้ เขานึกถึงริมฝีปากสีชมพูชวนหลงใหลของเหมย แม้เป็นเพียงการสัมผัสแผ่วเบา แต่มันก็ทำให้ใจของอาชาคะนึงหาและอยากจะลิ้มลองสัมผัสนั้นอีกครั้ง
"ฉันต้องการเธอเหมย" อาชาพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางเพ้อไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่มีรูปเหมยเป็นภาพพื้นหลัง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ากำลังมีผู้ชายคนหนึ่งคลั่งรักเธอมากแค่ไหน ทางด้านเหมยที่พูดคุยกับเจสซี่เพื่อนสาวจนดึกดื่นก็วางสายและเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร แตกต่างจากคนข้างห้องที่เอาแต่พร่ำเพ้อหาตัวเองอยู่ เช้าวันรุ่งขึ้น แม่น้ำฟ้าและพ่อบุญทองที่มักจะตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อทำกับข้าวและใส่บาตรพระ วันนี้แม่น้ำฟ้าจึงเตรียมชุดใส่บาตรเผื่ออาชาและเหมยด้วย ทางด้านอาชาที่ตื่นมาตอนหกโมงเช้าก็อาบน้ำแต่งตัวลงมาด้วยชุดลำลองสีขาวสบายตา ส่วนหนูน้อยลิลลี่ก็ยังไม่ตื่นเลย ส่วนเหมยนั้น ตื่นมาช่วยแม่ตอน 5:30 น. เพื่อเตรียมของใส่บาตร "อ้าว คุณอาชาตื่นแล้วเหรอคะ หลับสบายดีหรือเปล่า" เหมยที่กำลังถือชุดสำหรับใส่บาตรไปรอพระบิณฑบาตหน้าบ้านเอ่ยทัก "นี่ทำอะไรกันอยู่ครับ" อาชาถามทุกคนที่กำลังวุ่นๆ อยู่ "เตรียมของใส่บาตรพระนะจ๊ะลูก" เหมยที่เดินกลับเข้ามาก็เห็นแม่น้ำฟ้ากำลังยืนคุยกับอาชาอย่างดูสนิทสนม "คุณอาชาใส่บาตรด้วยไหมคะ" เหมยถามทั้งที่ตัวเองเตรียมของเอาไว้แล้ว "ได้สิครับ" ผ่านไปไม่นาน พระสงฆ์ที่เดินมารับบิณฑบาตอย่างเช่นทุกวันก็มาด้วยกันถึง 4 รูป แม่น้ำฟ้า พ่อบุญทอง เหมย รวมถึงอาชาก็ทยอยตักบาตรและรับศีลรับพรในตอนเช้า "ยัยหนูลิลลี่ของผมยังไม่ตื่นอีกเหรอครับ" อาชาหันไปถามแม่น้ำฟ้า "รายนั้นยังนอนหลับกอดผ้าห่มอยู่เลยค่ะ ดูทรงน่าจะตื่นยาก" แม่น้ำฟ้าพูดถึงหนูลิลลี่พร้อมอมยิ้มไปด้วย "วันนี้ถ้าคุณอาชาไม่ได้ทำอะไร ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงด้านหลังไร่ของแม่สิคะมีผาเล็กๆ อยู่ สวยมากเลย" แม่น้ำฟ้าพยายามสร้างบรรยากาศจับคู่ให้ลูก "จริงเหรอครับ ผมอยากไปดูนะ" "เหมยพคุณอาชาไปสิลูก" แม่น้ำฟ้าเปิดทางไฟเขียวแทบจะปูพรมแดงให้กับอาชาอยู่แล้ว "เอาสิครับคุณอาชา โรแมนติกมากๆ เลย ตอนที่ผมไปกับแม่ของเหมยแทบอยากจะขอแต่งงาน" พ่อบุญทองแอบเม้าท์ให้กับอาชาฟัง "จริงเหรอครับ ผมชักอยากจะเห็นที่นั่นแล้วสิ" อาชาเองก็เข้ากับพ่อของเหมยได้เป็นอย่างดี "โธ่พ่อกับแม่!" เหมยที่เห็นว่าพ่อกับแม่พยายามไฟเขียวใส่อาชาสุดๆ ถึงกับต้องออกเสียงห้ามปราม "ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเหมย ไปเถอะ ผมอยากเห็นจริงๆ นะว่ามันสวยอย่างที่พ่อกับแม่คุณบอกหรือเปล่า" "ก็ได้ค่ะ แต่ว่ามันต้องขี่จักรยานไปนะคะ จักรยานมันมีแค่คันเดียวน่ะสิ" เหมยบอกกับอาชา "จักรยานคันใหญ่อยู่เหมยลูก คุณอาชาขี่ได้สบาย ไปเถอะ" พ่อบุญทองเสริมทัพให้กับแม่น้ำฟ้า เหมยถึงกับต้องหันหน้าไปหาพ่อและแม่ ทำหน้าแหยเกกระพริบตาปริบๆ เพราะรู้ว่าพ่อกับแม่กำลังพยายามจับคู่ตัวเองกับอาชาอยู่ "คุณเหมยไม่อยากไปเหรอครับ ถ้าไม่อยากไปไม่เป็นไรนะครับ" อาชาแกล้งทำเป็นเศร้า "เปล่าๆ นะคะ เหมยแค่กลัวคุณอาชาจะปั่นจักรยานเมื่อย ตัวใหญ่เหมือน..." เหมยรีบหาข้ออ้าง "โอ้โห ใครบอกว่าคุณเหมยตัวใหญ่ครับ เดี๋ยวผมจะส่งคนไปจัดการให้เลย ดูสิ ตัวนิดเดียว ผมอุ้มได้สบายมากเลยรู้ไหม" อาชาพูดติดตลกทำให้ทุกคนในบ้านมีเสียงหัวเราะ ด้านนอก ลูกน้องของอาชาที่สลับผลัดเปลี่ยนเวรกันนอนและเฝ้าอาชาอยู่ก็ยังคงเฝ้าอยู่อย่างขะมักเขม้น "คุณอาชาคะ แม่ว่าให้หนุ่มๆ ที่อยู่หน้าบ้านพักกันก่อนก็ได้ แม่เตรียมกับข้าวไว้หม้อใหญ่เลย เรียกหนุ่มๆ มากินข้าวก่อนดีกว่า" แม่น้ำฟ้าที่เห็นเหล่าบอดี้การ์ดยืนทำหน้าที่ได้ออกมาเป็นอย่างดีก็อดสงสารไม่ได้ จึงทำขนมจีนน้ำเงี้ยวเพื่อแจกให้กับบอดี้การ์ดของอาชา "ได้ครับ ต้องขอรบกวนคุณแม่กับคุณพ่อด้วยนะครับ ขอบคุณแทนบอดี้การ์ดของผมที่พ่อกับแม่เอ็นดู" อาชาพูดจบก็ยกหูโทรหาบอดี้การ์ดคนหนึ่งแล้วให้ทุกคนพักสลับกันมากินขนมจีนน้ำเงี้ยวของแม่น้ำฟ้า และในมือของอาชาก็ได้กดข้อความบางอย่างส่งไปหาเสือ "ไอ้เสือ! บอดี้การ์ดทุกคนที่กินขนมจีนของแม่เหมย สั่งเลยว่าต้องกินหมด ห้ามเหลือ! อย่าให้ว่าที่แม่ยายของฉันต้องเสียหน้าเป็นอันขาด แล้วพูดชมด้วย" อาชาถึงกับบังคับโดยใช้เสือเป็นคนจัดการ เสือที่เปิดข้อความอ่านทันทีก็ถึงกับอมยิ้มแล้วส่ายหัว คิดว่าเจ้านายของตัวเองเป็นเอามาก ทั้งที่คุณเหมยยังไม่ได้ตอบตกลงว่าจะเป็นแฟน หรือคบกัน ก็ยังไม่ได้คบ คิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นว่าที่แม่ของลูก "เจ้านายกูเป็นหนักขึ้นทุกวัน จะรักษาหายไหมวะเนี่ย" อาชาเตรียมจักรยานคันใหญ่ที่พ่อบุญทองบอกว่าจอดไว้ใต้ต้นไม้ เขาก็ไปเข็นมาเพื่อจะปั่นจักรยานพาเหมยไปที่ตรงหน้าผาสูงหลังสวน เขาอยากไปดูพระอาทิตย์ตกเพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 6 โมงกว่าแล้ว เขาไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้ทำคะแนนกับเหมย "พวกมึงทุกคนเฝ้าที่นี่ให้ดี อย่าให้มีปัญหา ไม่ต้องมีใครตามกูไป" อาชาเมื่อใดที่เขาเริ่มทำงานหรือพูดคุยกับลูกน้อง เขาจะมีความแข็งกร้าวอยู่ในตัวเอง แววตาจะเปลี่ยนไปไร้ซึ่งความอ่อนโยน นั่นเป็นสิ่งที่เหมยเห็นเป็นครั้งแรก "ไปกันเถอะครับคุณเหมย ผมอยากดูพระอาทิตย์สวยๆ กับคุณแล้วนะ" "ค่ะ" เหมยตอบสั้นๆ แล้วหันไปส่งยิ้มให้กับอาชา อาชาปั่นจักรยานอย่างทุลักทุเล แต่ก็ยังเต็มใจที่จะปั่นไป โดยมีเหมยนั่งซ้อนท้ายอยู่ข้างหลัง คอยบอกชี้ทางซ้ายหรือขวาให้กับอาชา ใช้เวลาเพียง 5 นาทีกว่าๆ ก็มาถึงด้านหลังสวนผลไม้ที่มีหน้าผาชันขนาดเล็ก และตรงนั้นมีต้นพญาเสือโคร่งอยู่ 2 ต้น หรือที่เรียกว่าซากุระเมืองไทย กำลังออกดอกพอดีเหมือนกับภาพวาดจากเทพนิยาย "ตรงนั้นมันสวยมากจริงๆ ใช่ไหมคะ ดูดอกพญาเสือโคร่งนั่นสิคะ กำลังออกดอกเลย คุณอาชามาได้ถูกจังหวะเวลามากเลยค่ะ" เหมยที่เดินนำหน้าอาชาอยู่ ขณะที่อาชากำลังจอดจักรยาน เขาหันไปเห็นภาพวิวที่สวยงามจริงๆ อย่างที่เหมยและพ่อแม่บอก ต้นพญาเสือโคร่งตอนนี้แทบจะมองไม่เห็นใบสีเขียวเลย มันออกดอกเป็นสีชมพูราวกับซากุระ และผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างต้นพญาเสือโคร่ง 2 ต้นนี้ คือเหมย ผู้หญิงที่อาชาชอบ ยิ่งมองเห็นบรรยากาศราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย รอยยิ้มของเหมย น้ำเสียงของเหมย คำพูดต่างๆ เหมือนทำให้โลกทั้งใบของอาชาหยุดหมุน อาชายืนจ้องมองเหมยด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมไปในหัวใจ แต่เขาไม่กล้ากระโตกกระตากให้เหมยได้เห็นด้านที่ดำมืดภายในจิตใจของเขา "คุณอาชาคะ คุณอาชา!" อาชาที่ยืนเหม่ออยู่เมื่อได้ยินเสียงเหมยก็รีบกลับมาทำตัวให้เป็นปกติ "ครับคุณเหมย ขอโทษที ผมคิดอะไรเพลินๆ ไปหน่อย" อาชาจอดรถจักรยานเสร็จก็รีบเดินตรงไปหาเหมย เหมยที่ทำตัวปกติไม่ได้คิดอะไรก็วิ่งลงไปหาอาชา แต่กลับวิ่งเร็วเกินไปทำให้ขาพันกันสะดุดหน้าคะมำ จังหวะนั้นอาชาที่ก้าวไวกว่าก็กระโดดรับทำให้เหมยอยู่ในอ้อมแขนของอาชาอีกครั้ง หัวใจของเหมยเต้นตึกตั๊กไม่เป็นจังหวะ ในขณะที่จ้องไปแววตาสีน้ำตาลทอประกายของอาชา เหมือนสะกดให้เหมยหยุดนิ่ง ความรู้สึกนี้ของเหมยไม่เคยเกิดขึ้นเลยแม้แต่กับตอนที่ธงมาจีบเหมยใหม่ๆ "คุณเหมยเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ" เมื่อได้ยินคำพูดของอาชา เหมยจึงได้สติ "ไม่เป็นไรเลยค่ะ เหมยทำคุณอาชาเจ็บอีกแล้วใช่ไหม" เหมยที่พยุงตัวขึ้นถึงกับต้องใช้มือเกาหัวแก้เขิน "ไม่เลยครับ ไม่เจ็บเลย" อาชาหันไปส่งยิ้มเบาๆ ให้กับเหมยเป็นสัญญาณว่าเขาโอเคมากๆ "งั้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันดีกว่านะคะ" เหมยพูดจบก็เดินมาหาอาชาแล้วจูงมือของอาชาอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่เหมยไม่ได้คิดอะไรในขณะนั้น แต่หัวใจของอาชามันโบยบินราวกับนกที่ถูกสัมผัสโดยผู้หญิงที่เขาชอบทั้งไร่ชาปกคลุมด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงไฟดวงเล็กๆ จากบ้านพักของอาชาที่ส่องสว่างอยู่ ในที่สุดอาชาก็เคลียร์งานทุกอย่างเสร็จสิ้น เขามองดูนาฬิกา "หกโมงครึ่ง..." เขาพึมพำกับตัวเองชายหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัว เขาเลือกเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตา กางเกงผ้าลินินสีเบจ และรองเท้าหนังคู่โปรด เขามองตัวเองในกระจกพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ อาชาไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเลยระหว่างรอรับเหมยที่แต่งตัวอยู่ในห้องหัวใจของอาชาก็เต้นรัวไม่ต่างกัน ยิ่งคิดว่ากำลังจะไปออกเดทกับคนที่ชอบ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรง "นายต้องใจเย็น ๆ นะอาชา" เขาบอกตัวเองในใจ พลางขับรถกอล์ฟไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยเมื่อผ่านไปสักพักเหมยก็ออกมาจากห้อง อาชาก็เห็นเหมยในชุดเดรสยาวสีขาวพลิ้วไหวเข้ากับบรรยากาศของไร่ชาที่รายล้อมไปด้วยต้นชาเขียวขจี เธอดูสวยงามมากเสียจนอาชาแทบหยุดหายใจ"คุณเหมย..." อาชาเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆเหมยหันมามองอาชาแล้วยิ้มหวาน "ไปกันเลยไหมคะ"ทั้งสองคนขึ้นรถกอล์ฟและขับออกไป ไม่นานนักก็มาถึงลานกว้างใกล้กับทะเลสาบเล็กๆ ในไร่ ที่นี่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี มีโต๊ะอาหารเล็กๆ ที่ประดับประดาด้วยดอกไม้และเทียนหอม อาชากำลังจะบอกเหม
เช้าวันต่อมา ธง ปรากฏตัวที่คาเฟ่ไร่ชาพรหมเทพตั้งแต่ก่อนที่คาเฟ่จะเปิดเสียอีก เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงชิโน่สีครีม ดูสบาย ๆ แต่ก็เนี้ยบ ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มสดใส มือถือช่อดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนช่อโต ธงตั้งใจจะมาทำคะแนนกับเหมยอย่างเต็มที่ และเขาก็เตรียมพร้อมรับมือกับคู่แข่งอย่างเมฆินทร์และอาชาแล้วแม้ว่าเขาเป็นเพียงแค่ผู้จัดการไร่ชาฝึกหัดของไร่ชาพรหมเทพแต่เรื่องหัวใจธงไม่มีทางยอมแพ้เมื่อเหมยเดินมาถึงคาเฟ่เพื่อเตรียมเปิดร้าน ธงก็เดินเข้าไปหาทันที"อรุณสวัสดิ์ครับน้องเหมย! พี่มารอตั้งแต่เช้าเลยครับ" ธงยื่นช่อดอกไม้ให้เหมยและส่งยิ้มให้วันนี้เขาเห็นว่าเป็นวันดีที่ยังไม่เห็นศัตรูหัวใจอย่างอาชาและเขาสังเกตว่าอาทิตย์ที่ผ่านมามีผู้ชายหน้าหล่อคนนึงพร้อมกับบอดี้การ์ดมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่คาเฟ่จึงทำให้ธงไม่รอช้าอะไรที่ได้มายากๆมันยิ่งท้าทาย "สำหรับน้องเหมยครับ ดอกไม้สวย ๆ เหมาะกับคนสวย ๆ อย่างน้องเหมยเลยครับ"เหมยทำท่าทางลังเลเล็กน้อยที่จะรับดอกไม้จากธง "ขอบคุณมากค่ะพี่ธง ไม่คิดว่าจะมาแต่เช้าขนาดนี้""ก็อยากเจอน้องเหมยเร็ว ๆ นี่ครับ" ธงยิ้มหวาน "วันนี้พีีว่างทั้งวันเลย ถ้าน้องเหมยมีอ
วันรุ่งขึ้น เมฆินทร์ปรากฏตัวที่คาเฟ่แต่เช้าผิดปกติ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะเดิม ริมหน้าต่าง และแทนที่จะจิบกาแฟสบาย ๆ เหมือนเคย วันนี้กลับมีหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือ เมื่อเหมยเดินผ่านมาเพื่อนำดอกไม้สดที่เธอตั้งใจตัดมาจัดที่โต๊ะเพราะหนูน้อยลิลลี่กับอาชาเป็นคนช่วยกันปลูกทำให้เหมยอยากจะเชยชมและประดับห้องเรียนของเธอและลิลลี่ให้ออกมาเป็นบรรยากาศที่สวยงาม เมฆินทร์ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม "อรุณสวัสดิ์ครับคุณเหมย เช้านี้อากาศดีจังเลยนะครับ"เมฆินทร์ที่วันนี้ตั้งใจมาหาเหมยตั้งแต่เช้าเพราะเขาอยากจะรู้ว่าอาชาจะดิ้นทุรนทุรายขนาดไหน "อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเมฆินทร์" เหมยตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ เธอยังคงรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของเขาในทุก ๆ วันและนับวันก็ยิ่งประหลาดขึ้นทุกวัน "ผมกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่พอดีเลยครับ" เมฆินทร์ชูหนังสือในมือขึ้นมา "เป็นนิยายแนวแฟนตาซี "ผมไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่ แต่พออ่านแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจมากเลยครับ" เมฆินทร์หาทางเชื่อมสัมพันธ์กับเหมยผ่านการอ่านหนังสือซึ่งตัวเขาเองก็ชอบอ่านหนังสือเป็นทุนเดิมทำให้เข้ากับเหมยได้ค่อนข้างง่าย เหมยเหลือบมองหนังสือในมือเมฆินทร์ "อ้อ
เสียงตึงเครียดของอาชาและเมฆินทร์ดังไปทั่วห้อง ท่ามกลางบรรยากาศที่พร้อมจะปะทุอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดหนังสือในห้องสมุดก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือภาพเล่มโปรดในมือ"คุณลุงอาชาขา ลิลลี่อยากให้คุณลุงอ่านนิทานเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอนกลางวันค่ะ" ลิลลี่เงยหน้ามองอาชาด้วยดวงตากลมโตไร้เดียงสาน้ำเสียงใสซื่อของลิลลี่ดึงสติของอาชาให้กลับมา เขาสูดหายใจลึกๆ พยายามระงับโทสะที่คุกรุ่น เมฆินทร์เองก็ลดรอยยิ้มยียวนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กน้อยเดินเข้ามา"ได้สิครับคนเก่ง" อาชาย่อตัวลงรับหนังสือจากลิลลี่ พลางเอื้อมมือไปลูบผมหนูน้อยอย่างอ่อนโยน "เดี๋ยวคุณลุงไปอ่านให้ฟังที่ห้องนะครับ"เหมยที่เดินตามมาก็พยกหัว 1 ครั้งและรีบจูงมือหนูลิลลี่ที่อยู่กับอาชาเพื่อจะกลับไปนอนอ่านนิทานด้วยกัน"ลิลลี่คะคุณลุงทำงานไปฟังนิทานกับคุณครูดีกว่า เดี๋ยวคุณครูจะนอนเป็นเพื่อน"เหมยที่พูดตลอดให้หนูลิลลี่เชื่อฟังอาชาหันไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเย็นชา "ผมคงต้องขอตัวพาหลานไปพักผ่อนก่อน หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ เมฆินทร์""ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเหมยงั้นเราไปพร้อมกันเลยดีกว่า"อาชาที่พูดกันท่าไม่ให้เ
บรรยากาศระหว่างอาชาและเมฆินทร์ยังคงคุกรุ่นราวกับมีไฟฟ้าสถิตย์ แม้เหมยจะเดินจากไปแล้ว แต่ความตึงเครียดก็ยังคงอยู่เต็มเปี่ยม"ฉันเตือนนายแล้วนะ เมฆินทร์" อาชากล่าวเสียงเย็น "อย่าคิดจะทำอะไรไม่ดีที่นี่"เมฆินทร์ยิ้มมุมปาก "คุณอาชาครับ ผมมาเที่ยว มาพักผ่อน ไม่ได้มาสร้างปัญหาอะไร" เขาเว้นจังหวะ "แต่ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจ...ผมก็ไม่พลาดที่จะคว้าไว้หรอกนะ" สายตาของเขาจงใจกวาดมองไปทางที่เหมยเพิ่งจากไปอาชากำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่าน "คนของฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย""ผมก็ไม่ได้บอกว่าเป็นของเล่นนี่ครับ" เมฆินทร์ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่คุณเหมยดูเป็นคนน่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ"เสือที่ยืนอยู่ข้างกายอาชาขยับตัวเล็กน้อย แผ่รังสีข่มขู่ไปยังถังลี่ที่ยืนอยู่ข้างเมฆินทร์เช่นกัน ถังลี่เองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้"กลับไปซะ..! เมฆินทร์" อาชาสั่งเสียงห้วน "ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน"เมฆินทร์หัวเราะเบาๆ "ใจเย็นๆ สิครับเพื่อนเก่า เราเพิ่งเจอกันเองนะ" เขาหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากด้านหลัง "พอดีผมมีของขวัญมาฝากคุณหนูลิลลี่ด้วยน่ะครับ"อาชามองถุงในมือเมฆินทร์อย่างระแวง "ไม่จำเป็น.!""แหม อย่าใจร้ายอย่า
"เออ ครับ" อาชาตอบสั้น ๆ และหันไปพยักหน้าให้เสือเสริมเก้าอี้และโต๊ะมาเพื่อให้นั่ง ข้าง ๆ เหมย "งั้นผมขอร่วมวงด้วยเลยก็แล้วกันนะครับคุณเมฆินทร์" อาชานั่งลงแล้วหันหน้าไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ "แหม คุณอาชาเพื่อนรัก อย่าพูดห่างเหินอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวคุณเหมยก็คิดว่าเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอก" เมฆินทร์หาช่องว่างพูดกระแทกแดกดันใส่อาชา บรรยากาศบนโต๊ะยังคงอบอวลไปด้วยความตึงเครียดที่ซ่อนเร้น อาชาพยายามวางตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่สายตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องไปที่เมฆินทร์เป็นระยะ ขณะที่เมฆินทร์เองก็ยังคงรักษาท่าทีเป็นมิตร แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจที่ยากจะเข้าถึง "หนูลิลลี่เรียนเป็นยังไงบ้างครับ" เมฆินทร์หันไปถามหนูลิลลี่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ทำให้หนูลิลลี่รู้สึกสบายใจที่จะตอบ "ดีค่ะ คุณครูเหมยใจดีมากเลยค่ะ สอนเข้าใจง่ายด้วย" หนูลิลลี่ตอบอย่างกระตือรือร้น "งั้นเหรอครับ" เมฆินทร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเหมย "เห็นไหมครับคุณเหมย ศิษย์รักชมขนาดนี้ ต้องเก่งจริงแน่ ๆ" เหมยยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขินอาย "ลิลลี่ก็เก่งอยู่แล้วค่ะ" อาชายิ้มเล็กน้อยอย่างภูมิใจ "ลิลลี่เป็นเด็