เข้าสู่ระบบเพล้ง!
สองมือเล็กจับผ้าปูโต๊ะแน่นแล้วสะบัดพรึ่บเพียงครั้งเดียว แจกันดอกไม้นับสิบใบด้านบนก็ร่วงลงมาแตกกระจายเกลื่อนพื้น เธอยืนมองมันแล้วเหยียดยิ้มทั้งน้ำตา
เดินตรงต่อไปที่ซุ้มดอกไม้สำหรับถ่ายรูปกับแขก จ้องมองชื่อของเธอกับปัตถ์พงษ์ด้านบนแล้วยิ่งน้ำตาไหล กัดฟันกรอดก่อนจะเอื้อมคว้าผ้าสีขาวด้านข้างซุ้มแล้วกระชากมันออกทันที
ดอกไม้ด้านบนร่วงหล่นลงมาพร้อมกับป้ายชื่อของบ่าวสาว หัวใจสีแดงสองดวงที่คล้องกันอยู่ตรงกลาง หักครึ่งด้วยปลายเท้าที่เธอกระทืบลงไปนับครั้งไม่ถ้วน
คาริสาทำลายทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังสะท้อนอยู่ภายในห้องจัดเลี้ยง เธอกรีดร้องท่ามกลางหมู่ดอกไม้ กวาดสายตามองไปรอบตัวอีกครั้งเพื่อซึมซับและดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนสุขที่น่าเศร้าให้ถึงที่สุด ทำลายทุกอย่างจนพอใจแล้ว จึงพาตัวเองเดินกลับออกมา
“คะ คุณคริส”
“คิดค่าเสียหายทั้งหมดแล้วแจ้งคริสมาแล้วกันนะคะ”
ฝืนยิ้มพร้อมกับยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา เพราะนอกจากค่าดอกไม้และอื่นๆ ที่ตกลงกันเอาไว้แล้ว อาจจะต้องมีค่าเสียหายของอุปกรณ์ต่างๆ ที่เธอต้องจ่ายเพิ่ม
ยิ้มให้ทุกคนแล้วเดินกลับไปที่ลิฟต์เพื่อกลับไปขึ้นไปบอกความจริงกับพ่อและแม่ของเธอที่ห้องพัก
ตุ้บ!
ทว่าก่อนจะถึงลิฟต์ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และความขมขื่นในอกก็ทำให้เธอเดินเซไปชนกับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์เหมือนกัน เขารับเธอไว้ในอ้อมแขน วินาทีที่ได้สบตากับเขา เธอรู้สึกราวกับต้องมนตร์
เขาประคองเธอยืนขึ้นแล้วค่อยๆ ปล่อยมือเหมือนกลัวว่าเธอจะทรงตัวไม่ไหว เธอยิ้มขอบคุณเขา สะบัดหัวตัวเองอยู่หลายครั้ง เอียงคอมองเขาให้ชัดเพราะไม่แน่ใจว่าเขาใช่แขกที่จะมาร่วมงานแต่งงานของเธอไหม แต่จ้องอยู่สักพักก็ยังไม่รู้สึกคุ้น
ใบหน้าของเขาเรียบเฉย สุขุม แต่งกายสมาร์ต เนี้ยบตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าทั้งที่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาตีสาม ด้านหลังมีผู้ชายสองคนยืนเยื้องออกไป ห่างไปไม่ไกลมาก พอมองออกว่ามาด้วยกัน หนึ่งในสองเหมือนจะก้าวเข้ามาหาเธอ แต่ทันทีที่เขายกมือขึ้นเพียงเล็กน้อย คนของเขาก็หยุดการเคลื่อนไหวทันที
คาริสาไม่ได้คิดจะใส่ใจ เพราะหางตาของเธอเหลือบไปเห็นใครอีกคนกำลังเดินมา
“คริส” ปัตถ์พงษ์เบิกตาโพลงเมื่อเห็นเธอยืนอยู่หน้าลิฟต์
คาริสากลอกตาพลางแค่นหัวเราะในลำคออย่างคนเมา ตั้งใจจะเดินหนีเพราะไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวใดๆ แต่ก้าวเท้าออกไปได้เพียงครึ่งก้าว เธอก็เปลี่ยนความคิด ถอยกลับออกมายืนอยู่ที่เดิม
ในอกของเธออัดแน่นไปด้วยความคับแค้นใจ ประกอบกับสติสัมปชัญญะที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดสั่งให้เธอยื่นมือออกไปกระชากสาบเสื้อสูทของชายแปลกหน้าลงมาแล้วจูบเขาต่อหน้าปัตถ์พงษ์
ริมฝีปากของเธอกับเขาคนนั้นสนิทแนบแน่นกับพอดิบพอดี สายตาของเธอจ้องมองเขา เช่นเดียวกันกับที่เขาจ้องมองเธอ
คาริสาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรง ได้กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งออกมาจากลมหายใจของตัวเอง แต่ไม่ทันจะได้ตั้งสติ ปัตถ์พงษ์ก็กระชากข้อมือของเธอออกจากสาบเสื้อของชายแปลกหน้าอย่างรุนแรง
“คริส!”
เสียงตะคอกของปัตถ์พงษ์ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกตกใจเลยสักนิด หนำซ้ำยังตั้งใจจะหันไปยิ้มให้เขา ทั้งที่ในใจรู้สึกรังเกียจ ขยะแขยงเหลือเกิน
“ทำบ้าอะไรของคุณ” ปัตถ์พงษ์ถามด้วยความเดือดดาล แต่เธอเดือดยิ่งกว่า
คนมีชนักติดหลังเริ่มกระวนกระวายเมื่อถูกเธอจ้อง ยิ่งเห็นว่าใบหน้าของเธอเปื้อนคราบน้ำตา ยิ่งเลิ่กลั่กเก็บทรงไม่อยู่
“นี่คุณ...”
เพียะ!
“สารเลว”
ปัตถ์พงษ์เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“จะไปตายที่ไหนก็ไป”
“พูดอะไรของคุณ เรากำลังจะแต่งงานกันนะคริส”
หน้าไม่อาย ทำไมคนตรงหน้าถึงยังกล้าพูดเรื่องการแต่งงานออกมาเต็มปาก
“ใครจะแต่งก็แต่ง ฉันไม่แต่ง”
“คุณจะบ้าไปแล้วเหรอ”
“ฉันบ้าแต่ไม่โง่ ถ้าคุณหน้าบางมาก อายแขกที่เชิญมาแล้ว ก็โทรตามอีกะหรี่ที่คุณไปเอากับมันเมื่อกี้มาแต่งแทนฉันก็แล้วกัน แต่งแล้วจะพากันไปลงนรกขุมไหนด้วยกันก็เชิญ ไป๊!” คาริสาแผดเสียงดังลั่นก่อนจะผลักหน้าอกของปัตถ์พงษ์ออกสุดแรงแล้วเดินหนีเข้าไปในลิฟต์ทันที
หางตาเหลือบเห็นว่าปัตถ์พงษ์กำลังจะก้าวตามมา แต่ถูกผู้ชายตัวสูงคนนั้นที่เธอเพิ่งจะฉวยโอกาสจูบเขาเมื่อครู่ยกมือขึ้นขวางเอาไว้ ไม่ทันได้ยินหรือได้พูดอะไร ประตูลิฟต์ก็ปิดลงเสียก่อน
เมื่อรอบกายถูกความเงียบปกคลุม เสียงของปัตถ์พงษ์จึงดังขึ้นในหัว
‘เรากำลังจะแต่งงานกันนะคริส’
แต่ไหนแต่ไรมาเธอเคยได้ยินมาว่าการแต่งงานกับคนผิด มันเหมือนการตกนรกทั้งเป็น แต่นี่เธอยังไม่ทันได้เข้าพิธีแต่งงานด้วยซ้ำ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองตกนรกเสียแล้ว
“ใคร”[ต้นปาล์มครับ เพื่อนคาริสา]คาริสาเป็นอีกคนที่แค่ได้ยินชื่อ เขาก็รู้สึกไมเกรนจะขึ้น “เมา?”[ใช้คำว่าเละเทะจะเหมาะกว่าครับ]“แชร์โลเคชันมาก็แล้วกัน” สั่งเสียงเข้มแล้ววางสายด้วยความหงุดหงิด สมุทรเหลือบมองแวบหนึ่งเพราะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยจะสู้ดี“มองอะไร”[วุฒิรายงานว่าตอนนี้ปัตถ์พงษ์อยู่ที่ร้านคาราโอเกะแถวๆ ผับที่เราเจอกับคุณคริสครั้งแรกครับ]“ครั้งแรกที่โรงแรม”[ผับที่เจอครั้งแรกครับ] ภากรมองตาขวางใส่เมื่อถูกย้อน แต่เมื่อครู่เขาหัวร้อนจนไม่ทันฟังให้ดีเอง เห็นคนสนิทยิ้มแห้งแล้วได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้ทำไมเขาเป็นคนจ่ายเงินเดือน แต่คนของเขากลับดูเข้าข้างคนอื่นมากกว่า“ยังไม่รีบไปอีก!”[ครับๆ] สมุทรรับคำสั่งแล้วเร่งความเร็วของรถขึ้นทันทีภากรกำหมัดแน่น เขาสั่งให้คนจับตาดูปัตถ์พงษ์อยู่ตลอด แต่ทุกครั้งที่คนของเขารายงาน มักพบว่าสถานที่ที่มันอยู่ คือที่เดียวกันกับที่คาริสาอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกันตอนนี้แม้จะยังไม่มั่นใจว่าเงินที่มันได้ไปจากภากานต์ทั้งหมดเป็นจำนวนเท่าไร แต่หลังจากนี้ไปมันจะไม่ได้อีกแม้แต่บาทเดียวสมุทรรู้จุดหมายปลายทางอยู่แล้ว แต่ภากรเพิ่งได้รับข้อความเป็นกา
โรงพยาบาล“นายลองดูนี่แล้วกัน” ขนมผิงยื่นโทรศัพท์มือถือที่ค้นเจอจากใต้หมอนของภากานต์ให้เขาก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง พยาบาลเข้ามาทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้กับภากานต์ตามปกติ แต่พบว่ามีโทรศัพท์ซุกอยู่ใต้หมอนหนึ่งเครื่องจึงรีบโทรบอกเธอ เธอโทรบอกภากรในทันที แต่ภากานต์ได้ยินเข้าจึงไม่พอใจ อาละวาดพังข้าวของในห้อง สุดท้ายจึงต้องฉีดยาคลายเครียดเพื่อทำให้เธอหลับ เหตุการณ์จึงสงบลงได้“ขอบใจ ผิงไปพักเถอะ เราอยู่กับกานต์เอง”“วันนี้เราอยู่เวรต่อน่ะ มีอะไรก็เรียกแล้วกัน”“ไม่ต้องพักเหรอ ไม่มีเวลานอนบ้างหรือไง”“ร้อนเงินน่ะสิ ไปนะ น้องกานต์เพิ่งได้ยาไป น่าจะตื่นอีกทีพรุ่งนี้ บอกเผื่อกรอยากกลับไปพัก ท่าทางกรดูง่วงกว่าเราเสียอีก” ขนมผิงพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปภากรถอนหายใจหลังจากได้ยินเสียงปิดประตูห้อง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาแล้วเริ่มเปิดเช็กโทรศัพท์มือถือที่เขาเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาอยู่ใต้หมอนของภากานต์ได้อย่างไรรหัสปลดล็อกโทรศัพท์ของภากานต์คือสิ่งที่เขาไม่ต้องคาดเดา เพราะตัวเลขหกตัวที่เป็นแทบจะทั้งหมดของเธอคือวันเดือนปีเกิด เคยบอกให้เปลี่ยนแล้ว แต่เธอเคยชื่ออะ
ตื๊ด~ยกโทรศัพท์ขึ้นมองหน้าจอแล้วรีบปาดน้ำตา“ฮัลโหล”[คืนนี้แกว่างไหม วันเกิดยัยปั้น มันชวนไปกินหมูกระทะ] แก้มหอมทำเสียงกระซิบกระซาบ น่าจะเพราะยังทำงานอยู่“ฉันไม่ค่อยสบายน่ะ”[อ้าว แกเป็นอะไรไหม หรือเมื่อคืน...]“เปล่า ไม่มีอะไร แค่นี้ก่อนนะแก ฝากเบิร์ดเดย์ยัยปั้นด้วย บอกมันว่าโอกาสหน้าฉันเลี้ยงเอง แต่วันนี้ปวดหัวว่ะ”[เออๆ หายไวๆ นะแก บาย]โชคดีที่แก้มหอมไม่ใช่คนเร้าหรืออะไรจึงยอมวางสายไปง่ายๆคาริสาปิดเครื่องทันที ดีดตัวเองขึ้นจากที่นอนแล้วเดินไปเปิดแมคบุ๊คทิ้งไว้ ก่อนจะเดินกลับมาเปิดตู้แขวน หยิบมาม่าคัพออกมาแกะฝาแล้วกดน้ำร้อนใส่ลงไปเพราะตั้งแต่เช้าที่กลับมาจากคอนโดของภากร เธอยังไม่ได้กินอะไร ตอนนั่งกินข้าวที่บ้านก็ได้แค่นั่งเขี่ย ตักใส่ปากไปคำหนึ่งก็กลืนแทบไม่ลง จนตอนนี้เริ่มรู้สึกแสบท้องแล้วมาม่าในถ้วยยังไม่ทันสุก อยู่ๆ ประตูห้องของเธอก็ถูกเปิดเข้ามาโดยภากร คาริสาช้อนตามมองเขาด้วยความตกใจ แต่พอเห็นคีย์การ์ดในมือเขาแล้วจะโทษใครได้นอกจากตัวเอง ผิดที่อ่อยเขาวันนั้น แต่พอเขาเล่นด้วยแล้วตัวเองดันคิดจริงจัง ลืมไปว่าเขาแค่เล่นด้วย“มาทำไมคะ” ภากรหยุดยืนอยู่ที่ฝั่งตรงกันข้ามกับที่เธ
“ไอ้ตุลย์”ภากรเดินมาเจอพอดี แต่คาริสาก็ไม่ได้คิดจะหลบหน้าเขาตั้งแต่แรก ที่ดึงตุลามาหลบอยู่ตรงนี้เพราะต้องการได้ยินอะไรที่น่าจะช่วยให้เธอหาบทสรุปความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้เร็วมากขึ้นเท่านั้นเองคาริสายิ้มให้ทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นปกติ และกำลังพยายามทำตัวให้เป็นปกติทั้งที่ใจสั่นระรัว ยิ้มให้ตุลาที่เหลือบมองเพราะอยากให้เขาทำตัวปกติเหมือนกัน“กูกำลังจะขึ้นไปพอดี”“ตุลย์ ตุลาเหรอ”“อืม ฉันเอง”ไหงกลายเป็นตุลากับเธอคนนั้นรู้จักกันเสียได้คาริสามองหางตาใส่ ตุลารีบฉีกยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นโอบไหล่เธอไว้อย่างคนร้อนตัว“กลับมาตั้งแต่เมื่อไร”“เพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันหรอก แล้วนี่เธอกับไอ้กร...”“เปล่าๆ เราแค่มาช่วยดูแลน้องกานต์น่ะ” เธอรีบปฏิเสธแล้วเว้นระยะห่างจากภากรในทันที“คิดว่ามีข่าวดีเสียอีก”“มึงมานานหรือยัง” ภากรถามแทรก น้ำเสียงแข็งกระด้างผิดไปจากที่พูดคุยกับพยาบาลพิเศษก่อนหน้านี้จนคาริสารู้สึกได้เทียบกันแล้ว ไม่ว่าจะน้ำเสียงหรือสายตา หากเป็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาคนนั้น เขาก็ดูอ่อนโยนกับเธอมากกว่าจริงๆ“เพิ่งถึง”“แล้วนี่...”“นี่น้องคริส แฟนฉันเอง น้องคริสครับ นี่พี่ขนมผิง เพื่อนพี่”
“บอกพี่ได้ไหมเผื่อพี่ช่วยได้”“คริส...”“ถ้าไม่สบายใจจะเล่าก็ไม่เป็นไร แต่พี่อยู่ข้างเราเสมอนะ” ตุลารีบพูดแทรกเพราะไม่อยากให้เธอเล่าเพียงเพราะรู้สึกกดดัน คาริสาได้แต่ยิ้มขอบคุณเขาจากใจ“น้องสาวของคุณกร เคยคบกับปัตถ์ค่ะ”“ไอ้ปัตถ์เนี่ยนะ”“ค่ะ เหตุผลที่เธอฆ่าตัวตาย เป็นเพราะคุณกรเขาสั่งห้ามไม่ให้เธอพบกับปัตถ์อีก เพราะเขารู้ว่าปัตถ์กำลังจะแต่งงานกับคริส”“เดี๋ยวๆ นี่เราหมายความว่าน้องกานต์ก็ถูกไอ้ปัตถ์หลอกงั้นเหรอ”เธอพยักหน้ายืนยันคำตอบ เพราะไม่ว่าจะเธอหรือภากานต์ ต่างก็ถูกมันหลอกทั้งนั้น“ก่อนหน้านี้คริสรู้จักกับคุณกรเพราะเราต่างคนต่างมีความแค้นกับไอ้สารเลวปัตถ์ ก็เลยทำความจักกัน”“แต่เท่าที่พี่เห็นเมื่อวาน ก็เหมือนว่ามันกับเราจะใจตรงกันไม่ใช่เหรอ”คาริสายิ้มขื่นเพราะไม่ค่อยแน่ใจในคำตอบ หากถามเธอ เธอคิดว่าตัวเองรู้สึกดีกับเขา ส่วนหนึ่งเพราะทุกอย่างที่เขาทำให้ ทั้งคอยช่วยเหลือ คอยเตือนสติ ทำให้เธอผ่านช่วงเวลาแย่ๆ นั้นมาได้จริงๆ แต่เรื่องความรู้สึกของเขา เธอไม่แน่ใจเธอเคยบอกกับเขาว่าเธอไม่มีหัวใจจะรักเขา นั่นเพราะเธอไม่อยากให้ตัวเองหวั่นไหวไปกับเขาและสิ่งที่ตัดสินใจทำ จำได้ว่าเขาตอบเธ
“คริส”“คะแม่”“อาหารไม่อร่อยเหรอลูก” แม่ถามยิ้มๆ เพราะเห็นเธอเอาแต่นั่งเขี่ยกับข้าวในจาน แต่ไม่ตักเข้าปากสักคำ“อร่อยค่ะ” ยิ้มแห้งแล้วตักข้าวใส่ปากคำแรกให้แม่สบายใจ กวาดสายตามองไปที่ทุกคนแล้วได้แต่ลอบถอนหายใจ บรรยากาศมื้อกลางวันวันนี้น่าอึดอัดตั้งแต่เห็นหน้าปัตถ์พงษ์แล้ว “ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องฝืน เดี๋ยวเสร็จเรื่องแล้วพี่พาไปหาอะไรอร่อยๆ กิน” ตุลาที่นั่งอยู่ข้างๆ กระซิบบอก เห็นเขาแล้วเธอก็จำต้องฝืนยิ้มอีกรอบ วันนี้นัดกันเอาไว้สามคน เธอ เขาและภากร แต่ภากรเพิ่งจะโทรมาบอกตุลาว่าเขามาไม่ได้ เหตุผลเพราะต้องรีบไปดูแลน้องสาวที่โรงพยาบาลส่วนเหตุผลที่เขาโทรบอกตุลา ไม่ได้บอกเธอตรงๆ ก็เพราะเธอไม่รับสายเขาวันนี้เธอออกจากคอนโดของเขาตั้งแต่เช้าตรู่ อาศัยช่วงเวลาที่เขาน่าจะเพิ่งนอนไปได้ไม่นานเพราะมั่นใจว่าเขาจะไม่ตื่นมารั้งหรือตั้งคำถามใส่เธอ หรือแม้แต่สั่งให้สมุทรขับรถมาส่งเธอเพราะเธอไม่อยากเสียเวลาและจะไม่ให้โอกาสเขาอีกแล้วเมื่อคืนนี้เป็นอีกครั้งที่เขาปล่อยให้เธอรอเก้อ ต่อให้เขาจะนั่งทำงานอยู่ข้างนอก ส่วนเธอนอนอยู่ในห้องนอน แต่จะต่างอะไรกับการปล่อยเธอทิ้งไว้ในห้องเพียงลำพังอย่างคืนแรก สุดท้าย







