พลั่ก.. ตุ้บ.. ผวั๊ะ..
“ว๊ายยยย พี่ไรอันเป็นอะไรมากไหมคะ” พลอยใสถามออกมาอย่างตกใจ
เพราะจู่ๆ ก็มีใครไม่รู้เดินเข้ามากระชากตัวเธอและไรอันออกจากกันและไรอันถูกซัดเข้าที่ใบหน้าเต็มๆ ในตอนที่ไรอันเอื้อมแขนของตนมารองรับตัวเธอที่กำลังจะล้มลงไปกับพื้นเพราะสะดุดขาของตัวเอง แต่เมื่อเธอมองไปยังชายคนนั้นก็ทำให้เธอนั้นหงุดหงิดและปนตกใจขึ้นมาทันที
“ระ เรียวตะ ทำบ้าอะไรของนาย แล้วนายมาต่อยพี่ไรอันทำไม” หญิงสาวตวาดเสียงดังใส่หน้าชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามา เพราะตอนนี้เธอโมโหเรียวตะเอามาก เขามาอยู่ที่ไหนได้ยังไงกัน และที่เธอไม่พอใจมากที่สุดก็เพราะเรียวตะนั้นชกเข้าที่ใบหน้าของไรอันเต็มๆ
“ปล่อยมันเดี๋ยวนี้นะ พลอยใส ถ้าเธอไม่ปล่อยมัน อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” เรียวตะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เพื่อบอกให้หญิงสาวที่กำลังใช้เรียวแขนประคองตัวไรอันอยู่ให้ปล่อยไรอันออก
แต่หญิงสาวหาสนใจไม่ เธอทำเมินเสียงของเรียวตะ และหันมาสนใจคนตรงหน้าที่เพิ่งถูกทำร้ายไป
“พี่ไรอัน พี่ไรอันเป็นอะไรมากไหมคะ?” พลอยใสถามด้วยน้ำเสียงอันห่วงใย
“พี่ไม่เป็นอะไรครับ น้องพลอยใสน่ะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ไรอันจับไหล่ของหญิงสาวทั้งสองข้างหันหน้าเข้าหาเขาและใช้สายตาสำรวจตามตัวเธออย่างกังวลใจเช่นเดียวกัน
“พลอยไม่เป็นอะไรเลยค่ะ” หญิงสาวพูดกับไรอันจบก็หันไปพูดกับเรียวตะที่กำลังยืนจ้องมองดูเธอและไรอันต่อ
“นี่เรียวตะ นายขอโทษพี่ไรอันเดี๋ยวนี้เลยนะ นายมาต่อยพี่เขาทำไม เป็นบ้าไปแล้วหรือไง”
“ทำไมฉันต้องขอโทษ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” เรียวตะพูดออกไป
โดยมีเอเดนและออสตินยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง ต่อยเขาขนาดนั้นจะไม่ผิดได้ยังไงวะ ทั้งสองมองหน้ากันและนึกคิดอยู่ในใจ
“ไม่ผิดอะไร แล้วนายเป็นอะไร ทำไมต้องมาต่อยพี่เขา” พลอยใสถามต่อ
“ก็มันมายุ่งกับคนของฉันก่อน”
“คนของนาย??” หญิงสาวทวนคำถามอีกครั้งอย่างสงสัย แต่เมื่อไรอันได้ยิน ก็เริ่มเข้าใจได้ทันที ว่าที่เรียวตะเป็นแบบนี้เพราะอะไร เขาจึงได้แต่ยืนมองดูเหตุการณ์และกระตุกยิ้มออกมา และก็แอบผิดหวังเล็กน้อยว่าคนที่เขากำลังหมายปองนั้นไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่อยากครอบครองเธอ
“ใช่ เธอเป็นเพื่อนฉัน จะทำอะไรก็ทำให้มันพอดี รักนวลสงวนตัวหน่อย ไม่ใช่มาให้ผู้ชายกอดอยู่ในผับในบาร์ ถ้าพ่อกับแม่ของเธอรู้คงจะเสียใจ ที่มีลูกร่านๆ แบบเธอ” เรียวตะพูดออกมา
“โถ่ เพื่อนกูปากแข็งอยู่ได้” เอเดนกระซิบบอกออสติน
“หวงเขา แต่ปากแม่งยังหมาไม่เลิก” ออสตินพูดออกมา
เพี้ยะ!!!
หญิงสาวได้ยินเรียวตะต่อว่าเธอขนาดนั้น เธอก็ใช้ฝามือเรียวบางตบเข้าไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มจนเต็มแรง จนใบหน้าของชายหนุ่มหันไปตามแรงมือของเธอ
“ฮึก นายดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะ เรียวตะ นายมันเป็นคนไม่มีเหตุผล คำพูดของนายเวลาที่พูดออกมารู้บ้างไหมว่ามันทำร้ายความรู้สึกของคนฟังขนาดไหน ถ้านายเกลียดฉันมาก ต่อไปนี้ก็ต่างคนต่างอยู่เถอะนะ”
หญิงสาวต่อว่าชายหนุ่มและร้องไห้ออกมา โดยไม่สนว่าใครจะมองเธอยังไง จนไรอันที่ทนมองดูเหตุการณ์ไม่ไหวจึงใช้มือประคองใหล่หญิงสาวและกำลังพาเธอออกไปจากที่ตรงนี้
“มึงหยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามแตะต้องพลอยใส ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน” เรียวตะที่เห็นไรอันกำลังใช้มือประคองใหล่หญิงสาว ความไม่พอใจของเขาก็เพิ่มมากขึ้น
“ผมขอโทษนะครับ ถ้าหากทำอะไรให้คุณไม่พอใจ แต่ผมคิดว่าตอนนี้คงไม่เหมาะที่ผมจะให้คุณและพลอยใสพูดคุยกัน เพราะฉะนั้นผมขอตัวพาเธอออกไปจากที่ตรงนี้ก่อนนะครับ” พูดจบไรอันก็ประคองหญิงสาวเดินออกไปทันที แต่ทว่า..
ผลั่กกกก!!!
“ว๊ายยยย!!”
เรียวตะใช้มือของตัวเองผลักไรอันให้กระเด็นออกไปจากตัวของหญิงสาว จนทำให้หญิงสาวนั้นตกใจ และเขาใช้จังหวะนี้อุ้มหญิงสาวพาดบ่าออกไปจากผับทันที เมื่อไรอันจะวิ่งเข้ามาช่วยอีกครั้งก็พบว่าเอเดนและออสตินก็ทำหน้าที่เดินเข้ามาขว้างไรอันไม่ให้ไปยุ่งกับเรียวตะและพลอยใสทันที
“ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากให้น้องพลอยใสเจ็บตัวไปมากกว่านี้หรอกใช่ไหมครับ” เอเดนพูดออกมา
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่าน้องพลอยจะปลอดภัย” ไรอันถามออกมา
“เพื่อนผมมันไม่กล้าทำอะไรพลอยใสหรอกครับ มันแค่ไม่รู้ใจตัวเอง พวกผมรู้จักมันดี ทางที่ดีผมคิดว่าคุณควรจะต้องตัดใจแล้วล่ะ ถ้าล่ำเส้นมากกว่านี้ อย่าหาว่าพวกผมไม่เตือน” ออสตินพูดออกมา
“ปล่อยนะ เรียวตะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
ตุ่บ ตั่บ ตุ่บ ตั่บ
หญิงสาวใช้มือทั้งสองทุบลงที่หลังของเรียวตะอย่างเต็มแรง แต่เขาก็ไม่มีท่ามีสะทกสะท้านแม้แต่น้อย แถมยังจับเธอเข้าไปในรถสปอร์ตข้างคนขับของเขาทันที
“เรียวตะ นายมันบ้า ฉันบอกว่าต่างคนต่างอยู่ไง มายุ่งกับฉันทำไม ฮึก ฮือออ”
“เงียบ ฉันรำคาญ”
“รำคาญก็ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาพี่ไรอัน”
“ถ้าเธอพูดชื่อมันอีกครั้งให้ฉันได้ยิน ฉันจะสั่งให้ลูกน้องของฉันไปยิงกบาลมัน”
“นายมันบ้า บ้าที่สุด”
“ถ้าเธออยากให้มันมีชีวิตอยู่ต่อ ก็นั่งเงียบๆ และเชื่อฟังฉัน”
เมื่อหญิงสาวได้ยินดังนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่นั่งเงียบและสะอื้นภายในรถเบาๆ และหลังจากนั้นชายหนุ่มก็ขับรถด้วยความเร็วมายังเพนท์เฮ้าส์ทันที
3 ปีผ่านไป…หลังจากคำมั่นสัญญาที่ชายหนุ่มให้ประกาศออกมา ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่เคยทำให้เธอเสียใจอีกเลย และยังมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน ตอนนี้มาร์คอฟได้ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของหญิงสาวแล้ว เหตุเพราะคุณพ่อของเธออายุค่อนข้างมาก เธอจึงอยากจะดูแลพ่อของเธอให้ดี และตอนนี้ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็เปรียบเสมือนเจ้าหญิงภายในบ้าน ทั้งพ่อ พี่ชาย สามีของเธอ พากันประคบประหงมเธอเป็นอย่างดี และตอนนี้เจ้าลูกชายคนโปรดของเธอที่มีอายุครบสองขวบก็เป็นที่รักของทุกคนภายในบ้าน รวมถึงเหล่าบอดี้การ์ดอีกด้วย“ม่ามี๊ครับ ลูคัสหิวนม ขอหม่ำหม่ำหน่อยครับ” เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาลูกคนแรกของเธอ พยายามปืนป่ายขึ้นมาบนตัวเธอในขณะที่เธอกำลังนอนหลับอยู่ในตอนเช้า“อืมม แต่หนูเพิ่งกินไปเองนะครับ” “หิว หิวอีก” เด็กน้อยลูคัส ใช้มือเปิดเสื้อโชว์หน้าอกของเธอก่อนที่กำลังจะอ้าปากก้มดูดน้ำนมจากเต้าของเธอ“หยุดเลย เจ้าตัวแสบ อันนี้คือของป่าปี๊” มาร์คอฟที่กำลังนอนกอดหญิงสาวก็ลุกขึ้นมาจับเจ้าตัวเล็กออกจากภรรยาของเขาของเขาทันที“ฮืออออ โผม จะ นมม่ามี๊” “ไม่ได้ อันนี้ของป่าปี๊ ป่าปี๊หวง ของตัวเองอยู่ในตู้เย็นไปให้ลุงครามหาให้กิน”“ไม่
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นยังโบสถ์ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาหญิงสาวสวมใส่ชุดเจ้าสาวลายลูกไม้แขนยาว กระโปรงบอลกาวน์ รวบผมประดับด้วยมงกุฏดอกไม้สีขาวอยู่บนศีรษะ ในมือถือดอกไม้สีขาวช่อพอดีมือ เดินควงแขนผู้เป็นพ่อเดินเข้าไปยังในโบสถ์ ท่ามกลางสายตาคนมาร่วมงามแสดงความยินดี เธอเดินเข้าไปอย่างช้าๆ และสง่าผ่าเผย ก็พบกับมาร์คอฟส่วมชุดทักซิโด้สีดำยืนรอเธออยู่ด้านในวันนี้ชายหนุ่มหล่อเป็นพิเศษ หลังจากวันนั้นเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยได้รับความช่วยเหลือจากคุณวินัยและคราม พาเขามายืนหยัดและมีสง่าขึ้นอีกครั้งภายในเวลาอันสั้นเพียงหนึ่งเดือน ชายหนุ่มได้แต่ขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจของครอบครับหญิงสาวที่มีต่อเขา และตอนนี้เขาก็มีความสุขมากๆ เขาจะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว ธุรกิจต่างๆ กลับมาฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว และมีหญิงสาวที่เขารักคอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่างชายหนุ่มยืนมองดูหญิงสาวด้วยความหลงใหล่ วันนี้เธอสวยมากๆ จนเขาไม่อยากจะละสายตาจากเธอเลย เขาอยากจะขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดในวันนี้เขากำลังจะมีเธอเคียงข้างกายพร้อมกับเจ้าก้อนเล็กๆ ที่อยู่ในท้องของเธอคุณวินัยพาหญิงสาวเข้ามาส่งชายหน
เมื่อหญิงสาวจากไป เขาก็นั่งอยู่ภายในห้องเงียบๆ คนเดียว เขานั่งต่อบุหรี่ในห้องมวนแล้วมวนเล่า เพื่อหวังว่าจะลดความเครียดได้ แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ผล เขารู้สึกแย่เอามากๆ ณ ตอนนี้เขาแทบไม่เหลืออะไรเลย และยังไม่มีกำลังใจที่จะทำมันด้วย ไม่รู้จะเริ่มต้นใหม่ไปเพื่ออะไร การแต่งงานของทั้งสองตระกูลระหว่างเขากับอันนา มีการสัญญาระหว่างผู้ใหญ่ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาก็รับรู้ตั้งแต่เด็ก เขาก็เลี่ยงและปฏิเสธมาตลอด และเมื่อถึงเวลาเขาพยายามที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะไม่ต้องแต่งงานกับอันนา เพราะเขาไม่ได้รักหล่อน การที่จะต้องแต่งงานกับหล่อนเขาก็เหมือนคนไร้ชีวิตและไม่มีความสุข เขามีความสุขและรักเพียงน้ำแข็งเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าหลังจากเสียทรัพย์สินต่างๆ ในการยกเลิกการแต่งงานทั้งสองตระกูลจะกลับไปเมืองไทยและทำธุรกิจเล็กๆ ดูแลน้ำแข็ง แต่ทว่าตอนนี้เธอนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อมเสียเหลือเกิน เขาไม่เหมาะที่จะเป็นผู้ชายของเธอเลย ทรัพย์สินของเขาในตอนนี้กำลังโอนให้กับตระกูลของอันนาห้าสิบเปอร์เซ็นต์และหุ้นส่วนใหญ่ๆ ของเขาก็ต่างพากันถอนหุ้นออกจากบริษัทไปกัน เหตุผลเพราะว่าเขาไม่ยอมแต่งงานสร้างสัมพันธ์ทางธุรกิจกับตระกูลของ
แกร๊ก !!แอ๊ดดดด!!“กูบอกให้พวกมึงออกไปให้พ้นหน้ากู” หญิงสาวเปิดประตูห้องที่คุ้นเคยเข้าไป ก็ได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากห้องน้ำ เมื่อเธอเดินเข้าไปก็ตกใจ เพราะภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มกอดชักโครก ทรุดตัวลงอย่างหมดแรงและใบหน้าอิดโรย ร่างกายซูบผอม ใบหน้าของเขาที่ดูดีและเคยเกลี้ยงเกลา บัดนี้มีนวดเครารกรุงรัง บ่งบอกว่าเขานั้นไม่ได้ดูแลตัวเองเลยแม้แต่น้อยเธอยืนมองดูเขาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร เมื่อชายหนุ่มรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้องก็หันหน้ากลับมาต่อว่าอีกครั้ง“กูบอกให้พวกมึงออกไป อยากตายหรือไง...น้ำแข็ง” เขาหันมาก็พบว่าหญิงสาวยืนอยู่ต่อหน้าเขา ทำให้สิ่งที่กำลังด่าลูกน้องของตัวเอง ต้องกลืนคำลงไป ก่อนจะพูดชื่อของเธอออกมาอย่างแผ่วเบา“เธอมาที่นี่ทำไม” เขาถามพร้อมกับพยุงตัวเองออกมาจากโถ้ชักโครก แต่เขาก็ล้มเซไปจนหญิงสาวรีบเขาไปประคองร่างเอาไว้“คุณมาร์คอฟ ระวังค่ะ” “ปล่อยฉัน ฉันเดินเองได้ ““อย่าดื้อสิคะ ไปนั่งพักก่อนนะคะ” เธอพูดพร้อมพยุงเข้าไปนั่งลงบนเตียงนอน ซึ่งเขาก็พยายามขัดขืน แต่เมื่อเธอมองด้วยสายตาเขม็งเขาก็ทำตามอย่างว่าง่าย“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลย” เธอพูดออกมา“ทำไม ฉันมัน
ณ โรงพยาบาลหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ ก็พบว่าตัวเองอยู่ภายในโรงพยาบาล มองดูรอบๆ ก็พบว่าพ่อและพี่ชายของเธอ รวมไปถึงเพื่อนสนิทของเธอนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง“คุณพ่อ พี่คราม พราว” “ตื่นแล้วเหรอน้ำแข็ง” พราวที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์อยู่ก็เงยหน้าและรีบลุกขึ้นมาจากโซฟาเดินตรงเข้ามาหาเธอทันที รวมถึงพ่อและพี่ชายของเธอด้วย“แกเป็นยังไงบ้าง” “ฉันโอเคแล้ว”“แกไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ฉันตกใจหมด” พราวยิ้มออกมาเศร้าๆ หลังจากนั้นทุกคนก็เข้าสู่ในความเงียบอีกครั้ง โดยใบหน้าของพ่อเธอและพี่ชายของเธอราวกับมีบางสิ่งที่กำลังเป็นกังวลอยู่ภายในใจ“คุณพ่อกับพี่คราม มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ” น้ำแข็งถามออกมาด้วยความสงสัย“น้ำแข็ง หนูรักเขามากไหมลูก” คุณวินัยถามเธอออกมาในขณะที่ทุกคนตกอยู่ใยความเงียบเมื่อเธอนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ก่อนจะเป็นลมล้มลงไป ก็นึกขึ้นได้ว่ามาร์คอฟนั้นกำลังทุกข์ใจและตกอยู่ที่นั่งลำบาก เธอร้องไห้ฟูมฟายเพื่อขอให้พ่อแลละพี่ชายของเธอช่วยเหลือเขา เพราะเธอไม่อยากเห็นเขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้“รักสิคะ หนูรักเขามากๆ เขาเป็นเหมือนแสงสว่างในความมืดมิดของหนู ในช่วงเวลาที่หนูไม่เหลือใคร เขาดู
สองเดือนผ่านไป...หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นมาร์คอฟก็หายไปจากชีวิตเธอเลย ไม่แม้แต่ส่งข้อความมา หรือโทรเหมือนครั้งก่อน[กลับมาเถอะน้ำแข็ง][วันนี้ฉันตกใจมากเลยรู้ไหม ที่เธอเป็นลูกสาวของคุณวินัย เธอแต่งตัวแบบนั้นทำไม ฉันบอกแล้วว่าเธอไม่ควรใส่ชุดอะไรแบบนั้น…เธอสวยเกินไป][เธอจะทิ้งฉันไปจริงๆ ใช่ไหม] [ทำไมเธอใจแข็งจัง][วันนี้ฉันนอนที่ห้องเธอด้วยล่ะ คิดถึงตัวนุ่มๆ ของเธอ][ฉันคิดถึงเธอแทบจะขาดใจแล้ว] [ได้โปรดกลัยมาอยู่กับฉันนะ พนิดา ใจฉันจะขาดแล้ว]“ฮึก” หญิงสาวนั่งมองดูข้อความในมือถือที่ชายหนุ่มส่งข้อความมาหาเธอ เธอไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่นั่งอ่านมันไปเรื่อยๆ อยู่อย่างนั้น น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาด้วยความคิดถึงครั้งนี้เธอไม่คิดว่าเขาจะห่างหายไปจากชีวิตของเธอจริงๆ เขาเงียบหายไปเลย เธอนั่งรถผ่านคฤหาสน์ของเขาก็เงียบสงัดไม่มีคนอยู่ ‘เขาคงกลับอยู่กับภรรยาของเขาที่เมืองมอสโคแล้วสินะ’“ขอบคุณความทรงจำดีดีที่คุณเคยมีให้น้ำแข็งนะคะ ถ้าวันนั้นคุณไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยปานนี้น้ำแข็งก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่คุณใจร้ายกับน้ำแข็งมากไปเหลือเกิน มีว่าที่ภรรยาอยู่แล้วไม่ยอมบอกเธอเลยสักคำ ให้เธอตกหลุมรักจนหัว