Beranda / รักโบราณ / สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ / บทที่ 1.1 งานแต่งครั้งนี้ท่านไม่ยินยอมแล้วคิดว่าข้าเต็มใจหรือ

Share

บทที่ 1.1 งานแต่งครั้งนี้ท่านไม่ยินยอมแล้วคิดว่าข้าเต็มใจหรือ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-28 09:17:47

1 งานแต่งครั้งนี้ท่านไม่ยินยอมแล้วคิดว่าข้าเต็มใจหรือ

รัชศกหนิงเฉิง [1] ปีที่ 3

เมื่อสารทฤดู [2] เริ่มต้นไปครึ่งทาง

ที่เรือนแห่งหนึ่งภายในจวนของชินอ๋อง กลิ่นความเป็นสิริมงคลตลบอบอวลไปทั่วห้อง รายล้อมด้วยสรรพสิ่งที่มีสีแดงของสัญลักษณ์การแต่งงาน

คราแรกเจียงเยี่ยนฟางที่ถูกพาเข้ามาในห้องหอ นางก็ยอมนั่งสงบเสงี่ยมบนเตียงนอนอยู่นานสองนาน ทว่าทันทีที่สาวใช้จากไปแล้ว มือเรียวยาวดั่งหยกก็ยกขึ้นดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก เผยให้เห็นใบหน้าปูดบวมอันจืดชืดไร้การแต่งแต้มสีชาดอย่างที่ควรเป็น หากแต่บนใบหน้าที่ดูไม่ได้ กลับมีดวงตาที่กระจ่างชัด คล้ายมองทุกสิ่งบนโลกอย่างทะลุปรุโปร่ง ติดที่ว่าสายตาคู่นั้นช่างดูเฉยเมยไร้ความรู้สึก

ยามเมื่อสิ่งบดบังสายตาถูกโยนออกไปไกลแล้ว ดวงตาของนางก็ไปตกต้องอยู่บนโต๊ะอาหารทันที

'ถึงแม้จะเข้าพิธีแต่งงานกันแล้ว แต่ท่านอ๋องพิการนั่นก็คงไม่เข้ามาในห้องหอกระมัง มิสู้ให้ปากอิ่มท้องอิ่มเสียก่อน แล้วจึงค่อยคิดแผนต่อไป'

สิ้นความคิดในหัว เจียงเยี่ยนฟางในชุดสีแดงรุ่มร่ามที่พรั่งพร้อมด้วยเครื่องหัวครบชุดก็ลุกเดินไปยังโต๊ะอาหาร ทว่าเมื่อเข้าใกล้ที่หมายมากขึ้นอีกนิด คิ้วเรียวยาวที่เรียบตึงมานานก็พลันย่นเข้าหากัน จมูกสูดดมฟึดฟัดอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าตนได้กลิ่นอาหารเป็นอย่างอื่นแทน

หากแต่ยังมิทันได้เฉียดเข้าใกล้อีกนิดเพื่อตรวจสอบดู ประตูก็กระแทกเปิดออกอย่างแรง

ร่างสูงโปร่งเกินสตรีทั่วไปของเจียงเยี่ยนฟางพลันขยับกายกลับไปที่ที่เพิ่งจะจากมา แม้เครื่องหัวจะหนักไม่ใช่เล่น แต่คนกลับว่องไวราวกับปีศาจในความมืด มือคว้าผ้าสีแดงที่ถอดทิ้งไว้บนเตียงกลับมาคลุมหน้าตามเดิม ก่อนทิ้งตัวนั่งลง คล้ายมิได้ขยับไปไหนมาก่อน

'ชินอ๋องผู้นี้ ชาวบ้านในตลาดต่างกล่าวว่า เขาคือเทพสงครามที่ฟ้าไม่เห็นใจ หลังกลับจากสงครามครั้งสุดท้ายที่ทำให้บ้านเมืองสงบก็ดันโชคร้ายตกจากหลังม้าจนขาพิการ นอกจากนั้นแล้ว... ตั้งแต่เอวลงไปก็ยังใช้การไม่ได้อีก มิหนำซ้ำยังมีพระชายารองที่รักใคร่กลมเกลียวอยู่แล้วนางหนึ่ง ชาตินี้ได้ตระบัดสัตย์รักมั่นเพียงนางต่อหน้าใต้หล้า มิตบแต่งผู้ใดเพิ่มอีก

เห็นได้ชัดว่าเขามิได้สนใจเรื่องแต่งงานในครั้งนี้ แต่เพราะมีพระราชโองการลงมา มิตบแต่งก็เดือดร้อน จึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนแต่งข้าเข้ามา เช่นนั้นก็ควรจะไม่เข้าห้องหอมิใช่หรือไร' เจียงเยี่ยนฟางบีบมือแน่น ต่อให้ใบหน้าของนางภายใต้ผ้าโปร่งสีแดงจะสงบนิ่งเพียงใด แต่อย่างไรก็กังวลอยู่ดี นึกถึงเรื่องราวที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ที่ทำให้นางเบาใจตกปากรับคำแต่งเข้ามา แต่ตอนนี้การกระทำของเขากลับสวนทางกับสิ่งที่นางเข้าใจมาตลอด

และแน่นอนว่านางมิได้คิดผิดว่าใครเป็นผู้มาเยือน ยืนยันได้จากเสียงล้อไม้ที่ลากไปกับพื้นมาตั้งแต่หน้าห้องหอ ก็บ่งบอกได้แล้วว่าเป็นเขาที่นางกำลังนึกถึงแน่ ๆ

"ท่านอ๋อง" เมื่อเสียงล้อลากนั้นหยุดลงตรงหน้านางแล้ว เจียงเยี่ยนฟางลุกขึ้นยืนผสานมือย่อตัวตามพิธี นางย่อมรู้นามและเรื่องราวคร่าว ๆ ของพระสวามีมาก่อน

เขาคือชินอ๋องแห่งแคว้นเฉิง เทพสงครามที่ชาวบ้านต่างยกย่อง นามเดิมคือ ลี่หยาง 'เซียวลี่หยาง' ภายหลังจากชนะศึกนับครั้งไม่ถ้วนฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงประทานนามให้ว่าซีฮัน [3] หากแต่นามเหล่านั้น นางจะเรียกได้หรือ ฟังจากน้ำเสียงเย็นชาของเขาในพิธีกราบไหว้ฟ้าดินก่อนหน้าแล้ว เจียงเยี่ยนฟางจึงทำได้เพียงเรียกเขาว่าท่านอ๋องเท่านั้น

"ออกไป"

น้ำเสียงเย็นเยียบที่นางจำได้ขึ้นใจพลันเอ่ยขึ้นขัดความเงียบงันภายในห้อง ดวงตาใสกระจ่างของเจียงเยี่ยนฟางมองผ่านผ้าแดงคลุมหน้าก็เห็นมือใหญ่ของอีกฝ่ายกำลังยกขึ้นเหนือบ่าของเจ้าตัวอยู่

"เพคะ" นางรับคำเสียงเบา ท่าทางย่อตัวจากลาทั้งนุ่มนวลและอ่อนหวาน แต่ในใจกลับต่างออกไป 'เหอะ! ข้าอยากอยู่ตายแหละ งานแต่งครั้งนี้ท่านไม่ยินยอม แล้วคิดว่าข้าเต็มใจหรือ ต้องขอบคุณท่านที่ไล่ข้าไป ข้าเองก็แทบไม่อยากคิดถึงการนอนร่วมเตียงกับผู้อื่น!'

แต่ไม่ทันให้นางได้มีโอกาสก้าวขา บุรุษตรงหน้าก็เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่ได้หมายถึงเจ้า!"

เจียงเยี่ยนฟางจึงชะงักอยู่ตรงนั้นตามเดิม รีบลดมือลงอย่างเชื่องช้าเพื่อแก้เก้อ หัวใจกระตุกเกร็งไปพร้อมกับเสียงเท้าของบ่าวที่พารถเข็นเข้ามาในคราแรกเดินจากไป ยิ่งเสียงปิดประตูนั้นก็คล้ายย้ำเตือนว่าหัวใจของนางยังเต้นแรงเฉกเช่นผู้อื่นเป็นด้วย

"ตระกูลเจียงไม่ได้บอกเจ้ารึไรว่าข้าเดินมิได้"

เจียงเยี่ยนฟางขบฟันแน่น รู้แน่ว่าน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยกับคำถามนั้นกำลังประชดประชันนางอยู่ นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าเขาเดินไม่ได้ ก็เห็น ๆ อยู่ว่าก่อนหน้านี้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป [4] นางเพิ่งจะโค้งคำนับฟ้าดินกับเขามา

แต่กราบไหว้ฟ้าดินอย่างไรถึงได้กราบไหว้กันสามคน! ด้วยคำอ้างที่ว่าเขาขยับเก้าอี้รถเข็นด้วยตัวเองได้ลำบาก จึงให้บ่าวชายคนหนึ่งคอยหันเก้าอี้รถเข็นไปทางนั้นทีทางนี้ที เพื่อทำพิธีกับนางให้ครบตามธรรมเนียม การกระทำแปลกประหลาดที่มองดูก็รู้ว่าไม่เต็มใจแต่งขนาดนี้ ผู้ใดเล่าจะลืมได้ลง!

แต่เรื่องเล่านั้นแน่นอนว่าต้องเก็บไว้ในใจ นางพยายามรักษาน้ำเสียงให้น่าฟังที่สุด ก่อนจะเอ่ยตอบเขาออกไป "หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ"

สตรีที่ดีควรอยู่เป็น เจียงเยี่ยนฟางควรจะเสริมอีกนิดว่า นางรู้อยู่แล้วและมิได้รังเกียจเขา ทั้งยังชมชอบในความสามารถของเขามานาน และยินดีเป็นพระชายาอีกคนของเขา

หากแต่นิสัยเดิมของนางหาใช่คนอ่อนหวานและโอนเอนตามแรงลมได้ตลอด ดังนั้นต่อให้รู้แล้วอย่างไร นาง ไม่ ทำ! แค่เสแสร้งย่อตัวทำความเคารพเขาอย่างลำบากเพื่อให้ดูน่ามองก็เหนือบ่ากว่าแรงแล้ว จะให้นางพยายามประจบเขาให้มากกว่านี้อีกก็คงเป็นไปได้ยาก

"ทราบแล้ว?" อีกฝ่ายถามย้ำอย่างไม่อยากเชื่อ "ทราบแล้ว แล้วยังมิมาปรนนิบัติข้าอีก หรือต้องให้บ่าวรับใช้ชายคนเมื่อครู่มาพาข้าเข้าห้องหอกับเจ้า!"


[1] หนิงเฉิง หมายถึง ความสำเร็จที่สงบสุข

[2] สารทฤดู หมายถึง ฤดูใบไม้ร่วง

[3] ซีฮัน หมายถึง เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่คอยคุ้มครองดูแล

[4] หนึ่งก้านธูป เทียบเวลาหนึ่งชั่วโมง

(ส่วนไหนที่คำแปลยาว ไรท์จะใส่ไว้ข้างล่างแทนเพื่อไม่ให้เสียรสชาติในการอ่านค่ะ แต่จะมีฉากหนึ่งของเล่มสามที่ยาวมาก ยังไงไงไรท์จะดูอีกทีนะคะว่าจะเสริมไปพร้อมกันเลยไหม)

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 5.2 ตบหัวแล้วลูบหลัง

    เจียงเยี่ยนฟางคร้านจะพูดมาก นางเดินมากระชากแขนของหงเปาไปนั่งตรงที่นางบอก นึกย้อนไปหลายสิบปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มาอยู่ ณ ที่แห่งนี้นางพูดมากที่สุดแล้ว ปกติวัน ๆ หนึ่งนางเอ่ยออกมาแทบจะนับคำได้เลย ยามนี้จึงเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อต้องพูดหลายรอบเกินไปหงเปาที่ถูกกดไหล่ให้นั่งลงบนเก้าอี้ก็ตัวแข็งเกร็ง ก้นแทบจะระบมเพราะแรงกระแทก แต่กลับไม่กล้าร้องออกมาแม้ครึ่งคำ เพิ่งเคยเห็นสตรีที่ทำท่าทางไม่พอใจเขาถึงขนาดนี้เป็นครั้งแรก แม้เขาจะบอกว่าตนเป็นบ่าวของชินอ๋อง แต่เบื้องหลังเขาเองก็ไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา เป็นถึงตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของแคว้นเฉิงตระกูลของเขาดูแลเรื่องการค้าขายระหว่างแคว้นมาตั้งแต่รุ่นก่อน ตัวเขาถึงได้เข้าไปเป็นสหายร่วมเรียนกับเหล่าองค์ชาย ด้วยเพราะฮ่องเต้พระองค์ก่อนต้องการอำนาจของตระกูลเขา บิดาจึงก็ได้รับเกียรติไม่ต่างกับขุนนางราชสำนัก เป็นที่เชิดหน้าชูตาในแวดวงการค้าไม่น้อย ทำให้เหล่าสตรีไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านทั่วไป หรือคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ก็ยังต้องเคารพเขาอยู่แปดส่วน แต่คุณหนูใหญ่เจียงผู้นี้กลับแสดงความไม่พอใจอย่างออกนอกหน้าเพียงเพราะเขาไม่ยอมทำตามที่นางสั่งเนี่ยนะ?!"เลิกขึ

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 5.1 เมื่อมีอำนาจก็ใช้ให้เป็นประโยชน์

    5 พิสูจน์อีกกี่ครา รอดไปอีกกี่หน"พระชายาเจียง เหตุใดถึงออกมานอกจวนไม่บอกผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ" หงเปามองดูคุณหนูใหญ่เจียงที่แต่งเข้ามายังไม่พ้นสามวันก็ทำให้เขามีเรื่องปวดหัวไปแล้วสี่ครั้งอย่างจนปัญญา"ถ้าบอกแล้ว ท่านอ๋องจะให้ออกมา?" เจียงเยี่ยนฟางหัวเราะแผ่วเบาเมื่อเห็นสีหน้าของหงเปาที่ดูตกใจกับการย้อนถามของนาง ก่อนจะเดินนำหน้าผ่านตัวเขาไป "เป็นเจ้าไม่ใช่รึ ที่บอกไม่ให้เดินเพ่นพ่านในจวน ข้าเลยออกมาเดินข้างนอกแทน เวลานี้ต่อให้ผิดหรือไม่ ก็ยังไม่ดีพอในสายตาของพวกเจ้าอยู่ดี"หงเปาเม้มปากแน่น ที่นางกล่าวมาก็ไม่ผิดแม้ครึ่งคำ และในตอนที่มัวแต่คิดเรื่องที่นางพูดออกมาเมื่อครู่อยู่ สตรีผู้นั้นเพียงหนึ่งลมหายใจก็ทิ้งห่างไปเขาหลายก้าวแล้ว พาให้เขาเร่งเท้าต้องเดินตามจนน่าหงุดหงิดใจ "นั่นก็เป็นเพราะพระชายาทำกิริยาไม่สำรวม ท่านอ๋องถึงให้พระชายาประทับอยู่ที่เรือนด้านหลังเป็นการลงโทษ เหตุใดจึงไม่อยู่อย่างสงบเสงี่ยม"สงบเสงี่ยม? เจียงเยี่ยนฟางได้ยินแล้วก็เค้นเสียงเย็นในใจ เป็นแค่คนรับใช้ข้างกายท่านอ๋อง แต่กล้าพูดกับนางด้วยคำคำนี้? "ท่านอ๋องของเจ้าสั่งให้ข้าอยู่เรือนเก่าทรุดโทรม ไม่มีคนมาทำความสะอาด ข้าไม่เคย

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 4.3 คนรักของนาง หน้าตาดีไม่ใช่เล่น

    ดังเสียจนเจียงเยี่ยนฟางยังตกใจไปด้วย นางกำลังสนุกอยู่เลย อยากรู้ว่าใครจะวางเงินเดิมพันมากที่สุด และพวกเขาจะคาดเดาว่านางจะอยู่ได้นานเท่าไรกันบ้าง ส่วนเวลาในใจของนางนั้น ย่อมไม่เกินสองเดือนอย่างแน่นอน!"หลีหมิ่น เจ้าเป็นอะไรของเจ้ากัน!" ห้องด้านข้างเริ่มโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงลากเก้าอี้เหมือนคนกำลังจะลุกขึ้น"นี่! หลีหมิ่น!"เจียงเยี่ยนฟางที่นั่งสงบนิ่งมาตั้งนานถึงกลับชะงักค้าง มือที่ถือจอกชาจะยกดื่มพลันรีบวางลงที่เดิม ก่อนหยิบจดหมายในสาบเสื้อออกมาดู หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า 'พี่หลีหมิ่น' นิ้วเรียวจิกซองจดหมายแน่น ตัดสินใจลุกขึ้นทันทีค่าห้องในครั้งนี้ ไม่คุ้มค่าเท่าไรแล้ว!เมื่อเดินพ้นประตูห้องออกมานางยังคงได้ยินเสียงบ่นของคนในห้องตามมาไม่หยุด ส่วนด้านหน้าของนางเวลานี้ก็คือบุรุษร่างสูงในชุดสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนแสงไฟในหอน้ำชาจนมันเลื่อม ยิ่งยามที่อีกฝ่ายเร่งรีบเดินด้วยความเร็วเพราะไม่พอใจจะรีบจากไป ก็ทำให้เนื้อผ้าขยับไปมาอย่างพลิ้วไหว พาให้คนดูสูงส่ง เพียงแค่แผ่นหลังก็พานให้ผู้คนหลงใหลได้แล้วเวลาเดียวกันนั้น เจียงเยี่ยนฟางที่เคยนึกภูมิใจว่าตนเองขายาว เดินไวกว่าสตรีนางอื่น

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 4.2 อย่าเอาถ่านร้อนมาให้ข้า! อุ้ย!! ถ่านร้อนหนักเหลือเกิน รับไว้ก็ได้ (´・ᴗ・ ` )

    "อะแฮ่ม" เถ้าแก่กระแอมไอ ด้วยนิสัยเดิมขี้คุยโวโอ้อวด การที่คุยแบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตนนั้นเป็นร้านผ้าขึ้นชื่อที่เหล่าสนมชื่นชอบผ้าร้านเขาขนาดไหน ทำให้หลงลืมไปแล้วว่าแม่นางตรงหน้ากำลังรีบร้อนอยู่ "ระหว่างทางคนของพระสนมที่นำทางให้ข้าก็ดันปวดท้องเข้าห้องน้ำ จึงให้ข้ายืนรอก่อน แต่ขันทีผู้ดูแลวังในที่ผ่านมาพอดีก็กลับเข้าใจผิด เขาเจอข้าเข้าและคิดว่าข้านำผ้าอีกส่วนมาส่งตามวันที่ได้นัดหมายกัน ข้าเองก็เข้าใจผิดไปในตอนแรก คิดว่าเขาจะนำทางข้าเอาผ้าไปเก็บในคลังของพระสนมพระนางนั้น แต่เขากลับพาไปที่คลังเก็บผ้าของของวังหลวงแทน สิ่งที่ข้าเจอในห้องเก็บผ้าของวังหลวงก็คือผ้าจากแคว้นจ้าว! ผู้ดูแลเห็นข้ามองอย่างสนใจก็ยิ้มเยาะข้า! เหอะ! ก็ข้าไม่เคยเห็นนี่... ""..." เจียง‍เยี่ยน‍ฟางจ้องมองนิ่ง เขาคิดจะออกนอกเรื่องอีกแล้ว? เถ้าแก่ถูกสายตาด่าแทนการพูดส่งมาถึง ก็รีบกระแอมไอกลบเกลื่อน กลับเข้าเรื่องสำคัญต่อ "อะแฮ่ม ขันทีผู้ดูแลก็เลยบอกว่า แคว้นจ้าวเพิ่งนำมาส่งมอบเป็นของบรรณาการเมื่อหกวันก่อน แต่เหมือนฮ่องเต้ดูจะไม่ทรงชอบสีและลวดลาย จึงให้จัดไว้ในคลังผ้าสำหรับตัดเย็บให้คนในวังทั่วไป..." เถ้าแก่มองซ้ายมองขวาเหม

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 4.1 ร้านผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง

    4 สูงส่งแล้วอย่างไร ผู้คนก็นินทาเหมือนเดิมในยามที่จวนชินอ๋องยังคงวุ่นวายกับการที่หัวมังกรของบ้านถูกวางยาพิษ เจียงเยี่ยนฟางกลับหนีออกไปนอกจวนทางกำแพงฝั่งด้านหลังของเรือนไม้ตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยประตูของจวนทั้งด้านหน้าและด้านหลังถูกคนเฝ้าอยู่ตลอดเวลา นางจึงต้องหาเส้นทางอื่นแทน สุดท้ายก็พบว่ากำแพงหลังเรือนไม้ของตนเองช่างเหมาะจะใช้ปีนออกไปพอดี และด้วยชุดของนางเป็นชุดของสตรีในพื้นที่ราบนิยมใส่ขี่ม้ากัน ดังนั้นการปีนกำแพงก็ไม่ใช่เรื่องยากสถานที่ซึ่งนางแวะไปที่แรกคือร้านสมุนไพร ไม่นานหลังจากเข้าไปก็กลับออกมา ก่อนจะแวะไปที่ร้านผ้ากลางตลาดต่อ"เถ้าแก่" เจียงเยี่ยนฟางเอ่ยเรียกผู้ที่กำลังหันหลังอยู่"แม่..." เถ้าแก่เมื่อหันมาก็ลังเล เสียงที่เขาได้ยินก่อนหันกลับมาต้อนรับลูกค้านั้นเป็นเสียงของสตรีไม่ผิดแน่นอน แม้หันมาแล้วจะตกใจกับเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวม กอปรกับความสูงที่หากมองผิวเผินก็คงจะนึกว่าบุรุษเพศ จึงทำให้เขาชะงักไปในตอนแรก แต่เขาเป็นเจ้าของร้านค้าผ้ามาเกือบสามสิบปี ย่อมรู้ว่าชุดแบบนี้คือชุดของสตรีในพื้นที่ราบอันห่างไกล จึงรีบเอ่ยอย่างกระตือรือร้นกับอีกฝ่ายว่า "แม่นาง ท่านต้องการผ้าไปตัดชุดหรื

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 3.5 ในเมื่อท่านอ๋องทำไม่สำเร็จ นางย่อมต้องช่วย

    อีกฝั่งหนึ่งจูหลิงที่ขยับกายหลบไปข้างเสาอีกนิดก็เอ่ยขึ้นว่า "ดูเหมือนนางจะรู้ตัวว่าพวกเรามาแอบดูอยู่เลยนะเพคะพระชายา""ไกลขนาดนี้แถมเรายังอยู่ในที่มืด นางไม่น่าจะมองเห็น" กู่เยว่ชิงเข้าใจถูกแล้ว เจียงเยี่ยนฟางมิได้มองเห็นพวกนางชัดขนาดนั้น เพียงแค่คาดเดาจากเงาร่างเลือนรางก็เท่านั้น"แล้วเหตุใดนางถึงยังไม่โดนจับไปขังคุกอีก มิใช่ว่าท่านอ๋องทรงแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าเป็นนางที่วางยา""บิดาของนางเป็นถึงขุนนางฝ่ายซ้าย ต่อให้ท่านอ๋องคาดการณ์ว่านางอาจเป็นคนของฮ่องเต้ส่งมา แล้วอยากจับนางโยนออกไปเสียเดี๋ยวนี้ก็คงเป็นเรื่องที่เกินกำลัง ตัวนางมีคนหนุน หลังถึงขนาดนั้น คงไม่อาจทำอะไรบุ่มบ่าม" กู่เยว่ชิงเอ่ยวาจานุ่มนวล ทว่าดวงตากลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ มือที่แอบซ่อนไว้ในแขนเสื้อก็บีบเข้าหากันแน่นเพื่อระบายอารมณ์ นึกน้อยใจในโชคชะตาของตนเอง เพียงเพราะชาติกำเนิดของนางต้อยต่ำ หาไม่แล้วยามนี้นางคงได้ขึ้นเป็นพระชายาเอกไปนานแล้วสองปีก่อนที่ตบแต่งเข้ามา ท่านอ๋องยืนยันหนักแน่นว่าจะรับนางเป็นพระชายาเอกและจะไม่ตบแต่งผู้ใดอีก หากแต่ไทเฮาและฮ่องเต้ทรงเห็นพ้องต้องกันว่า ครอบครัวของนางเป็นเพียงแค่สามัญชนที่เพิ่งได

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status