เข้าสู่ระบบบทที่ 28ส่วนท้าย"เจ้าเลือกเองนะ! หากเสียใจภายหลังก็ไม่ทันแล้ว" เซียวลี่หยางกำข้อมือนางไว้แล้วดึงนางให้มานั่งบนตักตัวเอง หาไม่แล้วเขาต้องถูกนางจับอุ้มไปแน่ ๆ หัวใจของเขาแทบจะกระเด็นออกมานอกอกอยู่แล้ว สตรีผู้นี้ถูกสอนมาอย่างไรเขาก็เข้าใจอยู่ แต่นางก็ควรรู้ว่าทำแบบนี้มีแต่นางที่จะเสียเปรียบ!เจียงเยี่ยนฟางเองก็ปล่อยกายทาบทับไปบนตัวผู้อื่นเสียเลย! นางเหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากออกแรงเยอะ ครั้นนางล้มลงไปแล้วก็ถูกเขาปล่อยข้อมือให้เป็นอิสระ เพราะเจ้าตัวต้องย้ายมือไปโอบเอวนางไว้ เพื่อไม่ให้นางหล่นลงไปแทน ด้วยความสูงของนางพอมานั่งบนตักเขาแล้ว ก็ทำให้หัวสูงเลยเขาไปนิดหนึ่ง"เหอะ! เซียวลี่หยางท่านควรรู้ไว้อย่างหนึ่ง" นางที่ไม่ถูกพันธนาการแล้วจึงเป็นฝ่ายไปเกาะคอเขาไว้แทน มืออีกข้างก็พลันบีบเข้าที่กรามได้รูปของเขา บังคับให้สบตากับตนเอง แถมยังจงใจใช้นิ้วไล่ไปบนกลีบปากที่ชอบพ่นอะไรไม่รู้ออกมาเพื่อแกล้งเขา ด้วยรู้ว่าพอทำเช่นนี้แล้ว พระอิฐพระปูนเช่นเขาคงอกแตกตายและหัวเสียใส่นางเป็นแน่ จะได้ทำให้นางมีอารมณ์สุนทรีย์บ้าง "ข้าไม่เคยเดินไปบนเส้นทางที่จะทำให้ตัวเองเสียใจ"ใครเล่าจะคิดว่า มือใหญ่กลับขยับมาดึงท้
"เข้าใจแล้ว" ไม่รู้ทำไมถึงยอมได้โดยง่าย!บางทีเพราะนางกำลังรู้สึกติดค้างเขาอยู่ก็ได้ เจียงเยี่ยนฟางที่รู้ตัวว่าตนเองยอมอ่อนข้อให้ผู้อื่น ก็คิดข้ออ้างในใจได้เพียงเท่านี้หลังทานข้าวเสร็จแล้วเจียงเยี่ยนฟางก็กลับมาทำงานอีกรอบ ส่วนคนที่เหลือก็ยังอยู่ในเวลาช่วงพัก มีเพียงเซียวลี่หยางที่ตามมาด้วย และสั่งคนย้ายเตาของตัวเองมานั่งข้างนางมือเรียวยาวดั่งหยกขาวล้ำค่าที่เคยจับดาบมานาน พอว่างเว้นจากการฝึกดาบไปก็แลดูอ่อนนุ่มขึ้นมากนัก บัดนี้พอต้องมาจับพัดเพื่อปัดลมเข้าเตา ก็ทำให้ดูงดงามเหนือมือของนักรบทั่วไปเซียวลี่หยางก็ลงมือต้มยาหม้อใหม่อีกครั้ง หลังจากใส่ของที่ถูกเตรียมไว้ให้อยู่แล้วจนครบ สายตาก็ไปหยุดนิ่งที่คนข้างกาย"เจ้าทำสิ่งใดอยู่" ตัวยาที่ต้องทำยาแก้สารพัดพิษไม่มีส่วนผสมไหนที่ต้องบด แต่ในรางบดสมุนไพรของนางกลับดูต่างออกไป ครั้นถามแล้วก็ถอนหายใจอยู่ในใจเงียบ ๆ คนเดียว เขาควรรู้ว่านางชอบไม่ตอบคำถาม ดังนั้นจึงไม่ควรถามนางตั้งแต่แรก และไม่รู้ทำไมก็เริ่มรู้สึกน้อยใจขึ้นมา ทั้งที่ปกติเจียงเยี่ยนฟางก็เป็นแบบนี้มาตลอดแต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเขาที่คาดเดาคนข้างกายผิดไป"ไว้หากทำสำเร็จแล้ว ข้าจะบอกท่าน"
ผ่านไปสักพัก หลังตะวันตั้งขึ้นเหนือศีรษะ ก็เป็นเซียวลี่หยางที่ทำเสร็จเป็นคนแรก เขาให้เติ้งอู๋พาเขาเข้าไปหาเจียงเยี่ยนฟางที่จู่ ๆ ก็บอกขอตัวไปพักครู่หนึ่งในเรือนของตน แล้วเรียกเจินเจินที่ชั่งยาครบตามจำนวนแล้วมาเฝ้าเตาต้มยาของตัวเองให้แทนเมื่อเข้ามาก็เห็นเจียงเยี่ยนฟางหลับตาเอนตัวพิงตั่งยาวอยู่ด้านในของห้องนอน เจ้าตัวพอรู้สึกว่ามีคนเข้ามาจึงเปิดเปลือกตาขึ้นมองอย่างเชื่องช้า ดูเกียจคร้านเหมือนเด็กน้อยที่หนีออกจากห้องเรียนไปแอบนอน ทำให้มุมปากของเซียวลี่หยางยกขึ้นโดยไม่รู้ตัวด้วยความเอ็นดู พอมองเห็นเต็มตาว่าผู้ใดเป็นคนเข้ามา นางก็ขยับกายลุกขึ้นมานั่ง รอเขาเข้าไปหาเซียวลี่หยางปัดมือสั่งเติ้งอู๋ให้ออกไปช่วยดูแลข้างนอกเสร็จแล้วก็หันไปหาคนบนตั่งนอน "แบบนี้คือสำเร็จแล้วหรือไม่" ว่าพลางยื่นยาก้อนกลมสีน้ำตาลเข้มบนกระดาษไข ที่ตัวเองเป็นคนกลั่นเองกับมือและเพิ่งปั้นเสร็จเมื่อครู่ให้นางดูเจียงเยี่ยนฟางก้มลงไปพิจารณาสีและลองดมกลิ่นดู ก่อนพยักหน้าให้เขาแผ่วเบา "ท่านอ๋องเก่งมากเลยเพคะ อยากเป็นศิษย์นักปรุงยาพิษของหม่อมฉันหรือไม่"เซียวลี่หยางกำลังจะตอบรับ ว่าเขายินดีเป็นลูกศิษย์นางไปตลอดชีวิตเลยด้วยซ้
บทที่ 28อาจารย์เจียงเยี่ยนฟาง และลูกศิษย์เซียวลี่หยางล่วงเลยผ่านไปสองวันของที่เจียงเยี่ยนฟางบอกให้เซียวลี่หยางจัดหาให้ ก็ได้มาถึงแล้ว ไม่ผิดจากที่เขาพูดแม้ครึ่งคำ เห็ดหิมะพันปีและดอกบัวสีทองแห่งรุ่งอรุณ ถูกวางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางเกินที่จะนับไหวว่ามีเท่าไรกันแน่ บรรดาเห็ดถูกบรรจุอยู่ในกล่องไม้อย่างดี ส่วนดอกบัวเพราะต้องแช่อยู่ในน้ำค้าง จึงต้องใส่ไว้ในอ่างก่อนวางลงในกล่องไม้อีกที ภาพตรงหน้าละลานตาราวกับอยู่กลางศาลาเหลียนฮวาก็ไม่ปาน"เซียวลี่หยาง ท่านบ้าไปแล้ว" เจียงเยี่ยนฟางเดินเข้ามาในลานว่างหลังเรือนที่เคยมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างมาก เวลานี้กลับเต็มไปด้วยของหายากสองสิ่งที่วางอยู่ในกล่องไม้หลายร้อยใบ หากนางรู้ว่าเขาพูดแล้วทำได้จริง ก็คงจะห้ามตั้งแต่แรกแล้ว สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์แท้ ๆ"เหตุใดถึงไม่ดีใจ" เซียวลี่หยางออกมารออยู่ก่อน เพราะอยากเห็นท่าทางดีใจจนตาเป็นประกายของเจียงเยี่ยนฟางได้ชัดในตอนที่นางเดินเข้ามา แต่ก็ไม่คาดคิดว่านางจะแสดงสีหน้าจนใจแทน"กลั่นยาต้านสารพิษต้องคุมไฟให้ดี ข้ามีเพียงสองมือสองตา กับหม้อใบเดียวก็เกินกำลังแล้ว" เจียงเยี่ยนฟางกวาดตามองสมุนไพรตรงหน้าอย่างไม่
เจียงเยี่ยนฟางหัวเราะไม่ถือมาใส่ใจ ยกจอกชาที่ตนรินเสร็จแล้วไปวางให้เขาและหยิบของตนขึ้นมาจิบไปหนึ่งคำ "อาจเป็นเพราะข้ายึดถือคติที่อาจารย์สอนจนขึ้นใจกระมัง มีแค้นข้าก็แก้แค้น มีหนี้ข้าก็ชดใช้จนหมด เมื่อไม่มีสิ่งใดติดค้างย่อมไม่มีเรื่องที่ค้างคาในใจ ข้าจึงไม่เคยฝันร้ายอีกเลยตั้งแต่จำความได้เรื่องที่ข้าเล่าท่านเมื่อตอนกลางวันล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ข้าถูกอาจารย์ใช้ทดลองพิษ เจ็บปวดเจียนตาย แทบนึกหาวันปกติในชีวิตไม่เคยมี เขามักจะย้ำเรื่องบุญคุณความแค้นกับข้า สิ่งที่เขาฝังในหัวของข้าก็มีเพียงเรื่องนี้ในเมื่อ 'มีหนี้ข้าย่อมชดใช้ มีแค้นข้าย่อมชำระ' ข้าจึงตระหนักได้ และยืนหยัดเพื่อที่จะผ่านมันไปให้ได้ในแต่ละวัน พอข้าโตมาก็แก้แค้นเขาคืน เห็นเขาตายต่อหน้าอย่างทรมานก็สาสมใจ ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องค้างคา ไม่ถือโทษโกรธเคืองเขาอีก ชีวิตนี้ก็ไม่ติดค้างกันและกัน เจอกันในโลกหน้าก็คือคนนอกแล้ว"เจียงเยี่ยนฟางยังคงเฉกเช่นเคย ในน้ำเสียงไร้อารมณ์ร่วมเคียง มีเพียงความนุ่มนวลที่น่าฟัง ดั่งเหมือนนักเล่านิทานในร้านน้ำชากล่าวขานถึงเรื่องเล่าของผู้อื่นหาใช่ตนเอง"..." เซียวลี่หยางพยักหน้าเข้าใจ แต่จิตใจกลับหดหู
บทที่ 27มิใช่คนโง่ เป็นเพียงแค่คนที่เชื่อใจผู้อื่นมากเกินไปค่ำคืนมาเยือนอีกครั้ง คราวนี้คนที่ไม่ค่อยตื่นกลางดึกเท่าไรกลับตื่นขึ้นเพราะคนข้างกายนอนดิ้นไปมาเจียงเยี่ยนฟางเท้าแขนยกตัวขึ้นดูก็เห็นว่าบนใบหน้าของเซียวลี่หยางเต็มไปด้วยเหงื่อ แม้นว่าในห้องจะตั้งเตาให้ความอบอุ่นไว้ แต่สำหรับนางแล้ว อากาศก็ไม่ร้อนถึงเพียงนั้น และสีหน้ากังวลของเขาก็ทำให้นางมั่นใจว่าเขากำลังฝันร้ายมากกว่า"เซียวลี่หยาง" เจียงเยี่ยนฟางตบไปที่อกเขาเบา ๆ แต่อีกฝ่ายยังคงไร้สติ สีหน้าที่แสดงออกมาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นางไม่เคยเห็นเขามีท่าทีเช่นนี้มาก่อน กระทั่งเวลาที่ถูกนักฆ่าห้อมล้อมหมายเอาชีวิตหรือตอนที่เกือบจะตายเพราะยาพิษ เขาก็ยังกัดฟันทนไม่แสดงสีหน้าออกมา มาตอนนี้ก็ทำเอานางรู้สึกกลัวไปด้วย เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเช่นกัน "เซียวลี่หยาง เซียวลี่หยาง!" คราวนี้นางจึงลงมือตีเขาเข้าที่อกอย่างแรง แถมเปลี่ยนมาตบหน้าเขาอย่างพอดีมืออีกสองสามที"..." คนที่ถูกปลุกพลันสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ สายตาที่เคยชินกับความมืดก็เห็นใบหน้าของสตรีไร้หัวใจกำลังมองมา ภาพที่เห็นกลับทำให้เขาสงบลงได้อย่างแปลกประหลาด"นี่คือความจ







