วันเสาร์กชณิชากับกัญญาวีร์ก็เขาไปที่โมเดลลิ่งของพลอยใสพร้อมกับผลเลือดและใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่าเธอฉีดยาคุมกำเนิดเรียบร้อยแล้ว
“สวัสดีค่ะพี่พลอย” กชณิชาและกัญญาวีร์ยกมือทักทายพลอยใสเจ้าของโมเดลลิ่งที่ตอนนี้กำลังคุยกับเด็กคนอื่นๆ อยู่บริเวณห้องรับแขกบริเวณส่วนรับแขก
“เกรซกับกัญเข้าไปรอพี่ในห้องเลยนะ พี่ขอคุยกับเด็กก่อนแล้วเดี๋ยวจะตามเข้าไป”
“ได้ค่ะพี่พลอย”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปนั่งรอในห้องไม่ถึงสิบพลอยใสก็เดินตามเข้ามา
“แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะรับงานนี้” พลอยใสถามซ้ำ
“แน่ใจค่ะพี่พลอย คงไม่มีงานไหนทำให้เกรซได้เงินเร็วเท่ากับงานนี้หรอกค่ะ ระยะเวลาสามเดือนมันก็คุ้มนะคะเกรซได้เงินไปใช้หนี้ให้พ่อเลี้ยงแล้วยังมีเงินเหลือเก็บอีกตั้งแสนหนึ่ง แต่หลังจากนี้พี่พลอยไม่ต้องรับงานให้เกรซแล้วนะคะ เกรซคิดว่าจะทำงานนี้แค่ครั้งเดียว”
“จ้ะ พี่ก็คงไม่ให้เกรซทำงานอีก แต่ที่ยอมให้ทำครั้งนี้ก็เพราะอยากให้เกรซได้เงินไปใช้หนี้ งานนี้ถึงแม้ว่ามันจะได้เงินดีแต่ถ้าหากในอนาคตคนรักหรือแฟนของเรารู้เข้ามันก็อาจจะมีปัญหาตามมาแล้ว เกรซวางแผนเรื่องนี้ว่ายังไงบ้างล่ะ”
“สำหรับตัวเกรซคิดว่าคงยังไม่มีแฟนเร็วๆ นี้แต่ถ้าวันหนึ่งได้คบกับใครหรือมีผู้ชายเข้ามาในชีวิตเกรซจะบอกเขาตามตรงค่ะว่าเคยทำงานนี้”
“แล้วไม่กลัวเขาจะรับไม่ได้เหรอ”
“เกรซคิดว่าบอกเขาไว้ก่อนดีกว่าให้เขามารู้ทีหลังในตอนที่เราสองคนคบกันนานแล้วค่ะ”
“เกรซรู้ใช่ไหมว่างานนี้ทุกอย่างมันเป็นความลับและไม่สามารถบอกใครได้ค่ะ”
“เกรซรู้ค่ะ”
“กัญก็ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องนี้จะเป็นความลับ” พลอยใสย้ำอีกครั้ง
“กัญไม่บอกใครหรอกค่ะพี่พลอยที่กัญมากับเกรซเพราะอยากจะมาช่วยดูสัญญา แล้วกัญก็รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าวันนี้เราได้เงินจากคนจ้างเราจะรีบเอาไปใช้ที่บ่อนทันทีค่ะ”
“จะไปกันสองคนเหรออันตรายเกินไปหรือเปล่า อยากได้ผู้ชายไปด้วยไหมพี่จะตามน้องชายพี่ให้ไปเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเดี๋ยวถ้าเราได้เงินแล้วกัญจะไปรับแฟนแล้วเราจะไปกันสามคนค่ะ”
“อย่างงั้นค่อยเบาใจหน่อย”
ทั้งสามคนนั่งคุยกันไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นแล้วคนที่เปิดเข้ามาก็คือคุณสุจิตราผู้ว่าจ้าง
กชณิชาทำเป็นเหมือนไม่รู้จักขณะที่สุจิตราเองก็เดินเข้ามาตรงโต๊ะทำงานของพลอยใส
“สวัสดีค่ะคุณจี๊ด”
“สวัสดีค่ะคุณพลอย”
“เกรซ กัญพี่จะแนะนำให้รู้จักนะนี่คุณสุจิตราคนที่จะมาจ้างเรานะ คุณสุจิตราคะนี่เกรซเด็กคนที่คุณจะจ้างส่วนอีกคนเป็นเพื่อนสนิทของเธอชื่อกัญค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณจี๊ด” สองสาวยกมือไหว้คุณสุจิตราอย่างนอบน้อม
“จะไม่มีปัญหาตามมาทีหลังใช่ไหมคะคุณพลอย”
“ไม่หรอกค่ะ กัญกับเกรซเขาสนิทกันแล้วกัญเขาก็รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก”
“ถ้าคุณพลอยยืนยันแบบนั้นจี๊ดก็สบายใจค่ะ จี๊ดเอาสัญญามาด้วยถ้ายังไงคุณพลอยกับเกรซลองอ่านดูนะคะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้ถามก่อนที่จะเซ็นชื่อค่ะ หนังสือสัญญาสองฉบับนี้เหมือนกันทุกตัวอักษร จี๊ดจะเก็บไว้ที่ชุดหนึ่งส่วนอีกชุดหนึ่งก็ให้เกรชเก็บไว้ค่ะ”
กชณิชารับสัญญาสองฉบับมาจากมือของสุจิตราจากนั้นก็ส่งให้พลอยใสอ่านหนึ่งแผ่น ส่วนตัวเธอก็เอามานั่งอ่านกับกัญญาวีร์ หญิงสาวเวลาอ่านไม่นานก็วางเอกสารลง
“อะไรที่จะถามจี๊ดไหมคะ”
“ค่าปรับนี่คืออะไรคะคุณจี๊ด” กชณิชาถามเพราะในสัญญาระบุว่าถ้าเธอไม่ทำตามสัญญาจะเสียเงินค่าปรับสิบเท่า
“ก็หมายถึงถ้าเกรซทำงานไม่ครบตามสัญญาสามเดือนก็จะจ่ายเงินเป็นสิบเท่าของจำนวนเงินค่าจ้างน่ะสิ”
“ทำไมค่าปรับมันโหดจังเลยล่ะคะ” กัญญาวีร์ถามเพราะถ้าหากเพื่อนของเธอไม่ตามทำสัญญาก็จะต้องจ่ายเงินให้กับผู้ว่าจ้างมากถึงสามล้าน
"มันเป็นแค่การกันไว้ก่อนค่ะ ถ้าหากและทำตามสัญญาไม่ว่าจะปรับสิบเท่าหรือร้อยเท่าก็ไม่เห็นจะต้องกังวล นอกเสียจากว่าคิดจะรับเงินแล้วหนีหายไปถึงตอนนั้นก็คงต้องจ่ายเงินตามที่ระบุไว้ในสัญญา” สุจิตราอธิบาย
“เกรซคงไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ ลำพังแค่เป็นหนี้ก็แย่อยู่แล้วถ้าเกิดต้องมาเสียค่าปรับอีกสิบเท่าสงสัยคงได้ขายตับขายไตแน่”
“แล้วมีอะไรจะถามเพิ่มเติมอีกไหม”
“ไม่มีแล้วค่ะคุณจี๊ด พี่พลอยล่ะคะว่ายังไงบ้างมีสัญญาตรงไหนที่เกรซต้องระวังอีกหรือเปล่า”
“เท่าที่พี่อ่านดูก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ”
“วันนี้เกรซรับเงินไปสองแสนก่อนส่วนค่าจ้างที่เหลืออีกหนึ่งแสนก็จะได้ในเดือนสุดท้ายที่ทำงานกับนายจ้างเกรซโอเคไหม” สุจิตราถามความคิดเห็น
“โอเคค่ะ”
“ถ้าอ่านแล้วไม่ติดปัญหาตรงไหนก็เซ็นสัญญากู้ยืมเงินได้ก่อนเลยส่วนสัญญาจ้างก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะพลอยใสก็เคยให้เด็กคนอื่นเซ็นอยู่แล้ว”
“เกรซขอดูสัญญาจ้างงานหน่อยได้ไหมคะ เกรซยังไม่เคยเห็นเลย”
“นั่นสิพี่ก็ลืมไปเลยว่าเกรซยังไม่เคยรับงานนี้” พลอยใสหยิบหนังสือสัญญาว่าจ้างส่งให้กับกชณิชาหญิงสาวรับเขาไปอ่านพร้อมกับกัญญวีร์อย่างตั้งใจ
ในสัญญาระบุว่าเธอจะต้องเป็นคู่ควงและเป็นคู่นอนให้กับนายจ้างเป็นระยะเวลาสามเดือน ทุกครั้งที่นายจ้างโทรหาถึงจะต้องพร้อมสำหรับทำหน้าที่มีข้อยกเว้นก็ช่วงที่มีประจำเดือนและสามารถปฏิเสธการนอนกับนายจ้างได้เดือนละสองครั้ง
“คุณจี๊ดคะแบบนี้ถ้าเกิดนายจ้างเขาเรียกทุกวันเกรซไม่แย่เหรอคะ” กัญญาวีร์ถามเพราะเห็นสัญญาจ้างแล้วคิดว่าเพื่อนของตนต้องเจอศึกหนักแน่
“ไม่มีใครเขานอนกับผู้หญิงได้ทุกวันหรอกนะเกรซไม่ต้องกลัวนะ” พลอยใสรีบบอกเพราะเห็นสีหน้าของกชณิชาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“คุณจี๊ดคะเจ้านายของคุณจี๊ดคงไม่เรียกใช้งานทุกวันใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามอีกครั้งซึ่งคำถามนี้เธอน่าจะถามก่อนที่จะรับงาน
“ไม่หรอกค่ะ เจ้านายของจี๊ดไม่ใช่ผู้ชายบ้ากามขนาดนั้น เขามีงานต้องทำบางครั้งเขาก็ทำงานจนดึกจนดื่นเกรซสบายใจได้เลยว่าตัวเองไม่จะไม่ได้ทำงานทุกวัน”
“ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ”
“เจ้านายของจี๊ดเขาเป็นถึงระดับผู้บริหารน่ะเขาไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่ แต่ที่ต้องจ้างคู่ควงก็เพื่ออยากสบายใจว่าผู้หญิงที่ตนเองนอนด้วยจะสะอาดและปราศจากโรค อีกอย่างการใช้เงินแก้ปัญหาก็ดีกว่ากันไปคบกับคนอื่นซึ่งเขาไม่มีทางรู้เลยว่าผู้หญิงที่เข้ามาหานั้นจะนำปัญหาเข้ามาหาเขาหรือเปล่า”
“คุณจี๊ดคะแล้วที่บอกว่าห้ามถ่ายรูปลงโซเชียลนี่หมายถึงห้ามถ่ายรูปคู่กับนายจ้างใช่ไหมคะ” กัญญาวีร์ถามข้อข้องใจอีกข้อ
“ใช่ค่ะห้ามถ่ายรูปที่ติดนายจ้างลงโซเชียล จะให้ดีระหว่างที่อยู่ด้วยกันก็งดเล่นโซเชียลไปก่อน ข้อนี้เกรซมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ ปกติเล็กก็ไม่ได้โพสต์รูปอะไรลงในโซเชียลอยู่แล้วนอกจากรูปอาหารและรูปสถานที่ท่องเที่ยวแม้แต่ รูปของเกรซยังไม่เคยเอาลงเลยว่าแต่เกรซต้องให้คุณจี๊ดดูโปรไฟล์ เฟซบุ๊กกับไอจีไหมคะ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“เกรซโอเคไหมกับสัญญาจ้างงาน” พลอยใส่หันมาทำเด็กของตนที่นั่งอ่านหนังสือสัญญาอยู่หลายรอบ
“โอเคค่ะพี่พลอย”
“เกรซเซ็นเลยดีไหม
“ค่ะพี่พลอย”
เมื่อกชณิชาเซ็นชื่อลงในสัญญาสองฉบับแล้วสุจิตรก็มอยเช็คให้กับหญิงสาว
“เช็คนี้ขึ้นเงินได้เลยนะคะ วันเสาร์หน้าให้เกรซย้ายเข้าไปอยู่คอนโดเลยนะ เกรซจะไปที่คอนโดเองหรือจะให้จี๊ดมารับ”
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวกัญไปส่งเกรซที่คอนโดก็ได้ค่ะ”
“จี๊ดรู้ว่ากัญกับเกรซเป็นเพื่อนสนิทกันแต่เรื่องนี้มันเป็นความลับมากๆ หวังว่าจะช่วยรักษาความลับของเพื่อนด้วยนะคะ”
“ค่ะกัญสัญญาว่าจะไม่บอกใครเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด พี่พลอยบอกกันแล้วว่าทุกอย่างในห้องนี้มันจะเป็นความลับและเราจะรู้กันแค่สี่คนใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ”
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย สุจิตตราก็ขอเขากลับ
เกือบสองเดือนแล้วที่ธามนิธิไม่ได้ข่าวคราวของกชณิชาเลย เขาไม่รู้จะไปตามหาเธอที่ไหนเพราะไม่รู้จักเพื่อนหรือครอบครัวของหญิงสาวเลย ในทุกวันจึงได้แต่หวังว่าจะบังเอิญเจอกับเธอที่ไหนสักแห่งชายหนุ่มไปยังร้านอาหารที่เคยพาหญิงสาวไปทาน บางครั้งก็ไปเดินที่ห้างสรรพสินค้าที่เคยพาเธอไปเดินซื้อของแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาธามนิธิไม่รู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับตัวหญิงสาวเลยสักนิดชายหนุ่มให้คุณสุจิตราติดต่อไปที่โมเดลลิ่งแต่ก็ทางโมเดลลิ่งก็บอกว่าหญิงสาวไม่ได้ติดต่อมาที่นี่นานแล้วชายหนุ่มได้เบอร์โทรศัพท์ของกัญญาวีร์มาจากโมเดลลิ่งเขาโทรไปถามเธอแต่กัญญาวีร์ก็บอกว่าเธอเองก็ไม่ได้เจอกับกชณิชานานแล้วเหมือนกันเขาไม่รู้เลยว่าป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างเธอจะทำงานที่ไหน มีชีวิตที่สุขสบายดีหรือเปล่าและจะคิดถึงเขาบ้างไหม ส่วนตัวเขาเองนั้นไม่มีวันไหนเลยที่ไม่คิดถึงเธอวันนี้เขารู้สึกเซ็งสุดขีดเนื่องจากเพื่อนสนิทอย่างภากรและณัฐวิทย์ไม่ว่างทำให้เขาต้องออกมานั่งดื่มที่ผับแห่งนี้ตามลำพังธามนิธิเลือกที่จะนั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์แทนการขึ้นไปนั่งบริเวณโซนวีไอพีชั้นสองอย่างเคยเพราะขึ้นไปนั่งบนนั้นคนเดียวก็รู้สึกเหงา ชายหนุ่มนั่งดื
ธามนิธิรู้เรื่องลาออกของกชณิชาก็ตกใจเป็นอย่างมากเขารีบโทรศัพท์มาคุยกับเธอทันทีเมื่อทราบเรื่อง“ผมว่าเราต้องคุยกันนะเกรซว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมเกรซต้องลาออกด้วย”“คุณธามยังจะต้องถามเกรซอีกเหรอคะ คุณก็น่าจะรู้ว่าทำไมเกรซถึงต้องลาออก”“แล้วมันเพราะอะไรล่ะ”“คุณอย่าทำเหมือนไม่รู้เรื่องเลยนะคะ เกรซรู้หมดแล้วว่าคุณมีคู่หมั้นและกำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้า”“ผมขอโทษที่ไม่บอก ผมไม่คิดว่ายุ้ยจะกลับมาเร็วแบบนี้”“คุณรู้มาตลอดว่าคุณมีคู่หมั้นแต่คุณก็มาขอคบกับเกรซ เกรซคงเป็นแค่ผู้หญิงคั่นเวลาสำหรับคุณใช่มั้ยคะ”“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะเกรซ”“คุณธามไม่คิดแล้วทำไมถึงมาขอคบกับเกรซทั้งที่ตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้วล่ะคะ”“มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะเกรซ”“แล้วมันเป็นแบบไหนคะ”“ที่ผมบอกคุณว่าจะบอกทุกคนเรื่องของเราในงานปีใหม่ผมพูดจริงนะเกรซจากนั้นผมก็จะบอกคุณพ่อคุณแม่ให้ยกเลิกการหมั้นระหว่างผมกับยุ้ย”“แต่มันก็สายเกินไปแล้วค่ะคุณธาม ตอนนี้คุณสองคนกำลังจะแต่งงานกันแล้วจะให้เกรซทนทำงานอยู่ในบริษัทได้ยังไงคะ”“แล้วคุณจะไปทำงานที่ไหนล่ะเกรซ เอาอย่างนี้ดีมั๊ยคุณไม่ต้องทำงานเลยผมจะให้เงินเดือนคุณเอง ผมจะให้คุณอยู่ที่คอนโ
บ่ายนี้กชณิชาไม่มีสมาธิทำงานเลยสักนิดแต่เธอก็พยายามเคลียร์งานตรงหน้าให้เสร็จทันตามเวลาหญิงสาวอยากจะโทรศัพท์ไปถามธามนิธิว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมเขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังเลยสักครั้ง เมื่อวานชายหนุ่มเพิ่งพูดว่าจะบอกคนอื่นเรื่องที่คบกับเธอในงานปีใหม่ แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็มีเรื่องคู่หมั้นของเขามาให้เธอได้ยินกชณิชาอยากโทรศัพท์ไปถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่คิดว่าคงไม่ได้รับคำตอบอย่างแน่นอนหญิงสาวเลยคิดจะไปดักรอเขาที่ลานจอดรถเมื่อถึงเวลาเลิกงานหญิงสาวก็ไปยืนแอบอยู่ที่เสาต้นใหญ่ใกล้รถของธามนิธิและคิดว่าเมื่อเขามาถึงเธอจะเข้าไปถามเขาให้รู้เรื่อง หญิงสาวรอด้วยหัวใจที่เต้นแรงและหวังว่าเรื่องที่วนิดาได้ยินมามันจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดเธอยืนแอบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ประมาณสิบนาทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาทางลานจอดรถ ตอนนี้เหลือเพียงแค่รถของธามนิธิเพียงคันเดียวเท่านั้นเธอกำลังจะก้าวขาออกมาแต่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดเขามาเสียก่อน“พี่ธามคะคุณแม่บอกว่าวันเสาร์นี้เราต้องไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งด้วยกันนะคะพี่ธามว่างไหมคะ”“ไม่ว่างก็ต้องว่างนั่นแหละ แล้วยุ้ยล่ะโอเคไหมสำหรับงานแต่งงาน”“โอเคค่ะ สำหรับ
เพราะตนเองก็มีใจให้กับธามนิธิอยู่แล้วกชณิชาจึงใช้เวลาในการตัดสินใจไม่นาน เพียงหนึ่งสัปดาห์ที่เธอเห็นถึงความพยายามของเขาที่ทั้งโทรศัพท์มาหาและตามรับส่ง หญิงสาวก็ยอมตกลงคบกับเขาการคบกันครั้งนี้ไม่มีเรื่องเงินหรือสัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ทั้งสองก็ยังไม่บอกให้ใครรู้แม้กระทั่งคุณสุจิตราเลขาของชายหนุ่มเองก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับกชณิชาเลยเพราะเธอเองก็ชอบที่จะอยู่เงียบๆ แบบนี้หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าสถานะของตนเองกับธามนิธินั้นจะคบกันได้นานแค่ไหนเธอรู้แค่ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากธามนิธิเอาใจเธอทุกอย่างและเธอเองก็ตามใจเขาในทุกๆเรื่องรวมถึงเรื่องบนเตียงซึ่งทั้งสองก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี เธอกับเขาใช้เวลาในทุกๆ วันด้วยกันอย่างมีความสุขตอนนี้กชณิชาย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมแห่งเดิมแล้วโดยที่ธามนิธิก็ย้ายของใช้ของตนเองเข้ามาอยู่กับเธอด้วยหญิงสาวรู้ว่าเขาเองก็มีคอนโดมิเนียมอีกแห่งหนึ่งแต่เธอก็ไม่เคยถามหรืออยากจะไปที่นั่นเพราะเข้าใจดีว่าเขาก็อาจจะอยากมีโลกส่วนตัวเหมือนกับเธอที่ถึงแม้จะย้ายมาอยู่กับเขาได้เดือนกว่าแล้วแต่ก็ยังคงเช่าหอพักไว้อย่างเดิมและมักจะแวะไปทำความสะอาดอยู่บ่อยๆใ
ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ธามนิธิไม่ได้เจอกชณิชา เขาเว้นระยะเพราะคิดว่าถ้าห่างจากเธอแล้วความรู้สึกของตนเองจะชัดเจนขึ้นและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆตอนนี้เขารู้ใจตัวเองแล้วว่าความรู้สึกที่มีให้กับกชณิชานั้นมันมากกว่าคู่นอนและอาจจะเรียกว่ารักเลยก็ได้ ธามนิธิไม่อยากชักช้าอีกต่อไปเขาคิดว่าจากนี้จะจัดการทุกอย่างไปตามที่หัวใจตนเองต้องการชายหนุ่มโทรศัพท์ไปหากชณิชาแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับสายเขาจึงใช้โทรศัพท์ภายในโทรไปที่โต๊ะทำงานของเธอ“สวัสดีค่ะแผนกธุรการค่ะ” กชณิชารับสาย“เกรซผมเองอย่าเพิ่งวางสายนะ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”“เกรซไม่มีเรื่องจะคุยอะไรกับคุณหรอกนะคะ”“แต่ผมมี”“คุณธามคะนี่มันเป็นเวลางานเกรซขอทำงานก่อนนะคะ” หญิงสาวกระซิบเพราะกลัวว่าเพื่อนร่วมงานจะได้ยินว่าเธอคุยกับใคร“เกรซถ้าคุณไม่ยอมคุยกับผม ผมจะไปหาคุณที่แผนกนะ” ธามนิธิขู่เสียงเข้ม“อย่านะคะ” หญิงสาวตกใจเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะมาหาที่แผนกตามที่พูดจริงๆ“ถ้าไม่อยากให้ผมไปหาคุณที่แผนกเย็นนี้เจอกันหน่อยได้ไหม”“แต่.....”“ไม่มีแต่นะเกรซครั้งนี้ผมขอสั่งคุณในฐานะเจ้าของบริษัทก็แล้วกัน คุณไปเจอผมร้านอาหารญี่ปุ่นร้านเดิมที่เราเคยไปด้วยกัน
ธามนิธิรู้สึกโกรธและโมโหมากที่กชณิชาไม่ยอมทำตามข้อเสนอของเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เธอยอมทำสัญญากับตนเองอีกครั้ง ครั้นจะไปบังคับเธอก็ไม่ใช่นิสัยของเขาหรือจะไปขอร้องเธอก็กลัวเสียศักดิ์ศรีวันนี้เขารู้สึกเบื่อๆ จริงออกมานั่งดื่มกับเพื่อนที่ผับประจำของพวกเขา“ว่าไงวะหายไปนานเลยวันนี้ไม่พาน้องเกรซมาด้วยเหรอ” ภากรทักทายเพื่อนเป็นคนแรก“จะพามาได้ยังไงล่ะตอนนี้หมดสัญญาแล้ว”“สามเดือนนี่ไวเหมือนกันนะ แล้วผู้หญิงคนต่อไปล่ะเป็นใครพามาให้เพื่อนรู้จักนะจะได้ไม่ทับทางกัน” ณัฐวิทย์พูดอย่างอารมณ์ดี เขารู้ว่าเพื่อนมักจะขาดผู้หญิงไม่ได้เมื่อคนเก่าครบสัญญาเขาก็จะหาคนใหม่มาทำสัญญาทันที“ตอนนี้เบื่อว่ะฉันยังไม่อยากได้ผู้หญิงคนใหม่”“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้ยินคำว่าเบื่อออกมาจากปากนายนะธาม”“ก็มันเบื่อจริงนี่กร”“แต่ท่าทางนายเหมือนคนอกหักเลยนะ มีอะไรหรือเปล่า” ภากรสังเกตว่าวันนี้เพื่อนของตนไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเดิม“นิดหน่อยน่ะ”“มันเรื่องอะไรเหรอธาม ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้เลย”“นายว่าเกรซเป็นยังไงล่ะณัฐ”“เท่าที่ได้เจอกันสองสามครั้งฉันก็ว่าเธอเป็นคนน่ารักดีนะหรือที่ยังไม่ยอมมีคนใหม่เพราะเกิดต