พิธีหมั้นจบลงอย่างรวดเร็วในช่วงสาย และมื้อเที่ยงที่จัดเตรียมอาหารจากเชฟมิชลินชื่อดังไว้ต้อนรับก็แทบไม่มีใครอยากจะแตะมันด้วยซ้ำ เหล่าเจ้าภาพก็กระเดือกไม่ลง สุดท้ายแล้วเหล่าแขกเหรื่อผู้ทรงศักดิ์ในวงสังคมก็พากันแยกย้าย เหลือไว้เพียงคนของสองตระกูลเท่านั้น ส่วนเหล่าคนรับใช้และออแกไนซ์ที่มีหน้าที่มาเก็บงานกลับโดนไล่ตะเพิดกระจุยกระจายด้วยอารมณ์โทสะของท่านสันต์ ผู้นำตระกูลลีละวีระพันธุ์
“พวกคุณทำแบบนี้ หักหน้าตระกูลเราชัด ๆ” ท่านสันต์ผู้ทรงอิทธิพล อดีต ผบตร.เก่าเพิ่งทราบว่าจะมีการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวก่อนหน้างานจะเริ่มแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
“ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะท่าน เห็นรักกันอยู่ดี ๆ ใครจะคิดว่ายายฟ้าจะหายหัวไป” ณรงค์หันไปมองว่าที่ลูกเขยด้วยสายตาขุ่นเคืองแล้วเอ่ยถาม
“ก่อนหน้านี้ทะเลาะอะไรกับน้องหรือเปล่าศิ ยายฝนถึงได้หนีไปแบบนี้ มีปัญหากันรึไง” แม้จะมองอย่างตำหนิ หากคำพูดก็ระมัดระวังอยู่ในที ศิระไม่ใช่คนที่ใครจะจิกหัวอย่างไรก็ได้
คนเป็นว่าที่พ่อตาพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยของเนื้อความในจดหมายจนมิด ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นความผิดของลูกสาวเพียงผู้เดียว อย่างน้อยหากเป็นความผิดร่วมกันของสองหนุ่มสาวแล้วท่านสันต์อาจจะไม่ขุ่นเคืองนัก ด้วยเพราะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเองก็มีส่วนร่วมด้วยกับความผิดพลาดนั้น
“เราสองคนไม่เคยทะเลาะกันครับ” เสียงทุ้มหนักเรียบเรื่อย หากก็ดังพอจะประกาศว่าความผิดนี้ไม่ได้เกี่ยวกับตนแต่อย่างใด
“ช่างมันเถอะ อย่างน้อยตอนนี้พิธีหมั้นก็ผ่านไปแล้ว” ณรงค์ปัดทุกอย่างทิ้งอย่างไว “เดี๋ยวตามหาตัวยายฟ้าเจอเราค่อยคุยกันใหม่ไหมครับท่าน”
“ยังจะต้องคุยอะไรอีกคะ นี่มันไม่ใช่เล่นขายของนะที่จะสลับตัวเจ้าสาวไปมาง่าย ๆ” เสียงอ่อนหวานแต่ทรงพลังของคุณหญิงกัลยาอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิแก้วกัลยาเพื่อเด็กและสตรี และเป็นมารดาของศิระเอ่ยขึ้นบ้าง ทำเอาทุกคนหุบปากฉับ
“ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนแล้วกันค่ะคุณพี่” ศรีนางพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเคืองขุ่นกันไปมากกว่าเก่า
วริษาที่ทำได้แต่ยืนอยู่ในซอกหลืบราวกับตัวประกอบ ไม่มีปากเสียง ไม่สามารถเสนอข้อคิดเห็นหรือแม้แต่ขัดแย้งเพื่อปกป้องสิทธิของตัวเองได้ด้วยซ้ำ ไม่มีใครสนใจเพราะเธอก็ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาที่ไม่ว่าบิดามารดาจะจับวางตรงไหนก็ได้ตามแต่ใจ
เธอพรูลมหายในอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วค่อย ๆ แยกตัวออกไปจากห้องรับแขก โดยไม่มีใครสังเกตหรือสนใจ
เว้นแต่สายตาคมดุของผู้ชายอีกคนที่มองเธออยู่ตั้งแต่แรกจนเห็นเธอค่อย ๆ ลอยตัวจากทุกปัญหาแล้วหลบหายไปจากสายตาของทุกคน
วริษาแอบปลีกตัวหนีความวุ่นวายจากในบ้านใหญ่เดินลัดเลาะไปทางข้างบ้านผ่านซุ้มดอกไม้ เธอแวะที่ต้นเทียนหยดเรียงรายอยู่ลึกสุดของเหล่าต้นไม้ที่แม่บ้านปลูกไว้ มองมันอยู่ครู่ใหญ่ด้วยนัยน์ตาเจือประกายวูบไหวก่อนจะเด็ดมันขึ้นมาหนึ่งกิ่ง หญิงสาวมองดอกไม้สีม่วงจัดจ้านในมืออยู่นิ่งนาน ก่อนจะเดินกลับเข้าเรือนเล็กที่เยื้องไปด้านหลังบ้านใหญ่
ตรงนี้คือที่ของเธอ แค่มุมเล็ก ๆ มุมเดียวเท่านั้นภายในอาณาจักรเนื้อที่กว่าสิบสามไร่
วริษาแทบอยากกระชากชุดที่ใส่อยู่ออกจากร่างเสียทันทีที่เหยียบย่างเข้าห้องมา หากทว่าเธอก็ทำไม่ได้
ไม่ใช่ชุดเธอ เป็นชุดของพี่สาว แม้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ที่ไหน แต่ถ้ายายพี่บ้าเกิดกลับมาแล้วถามหา ถ้าแม้นมีแค่รอยริ้วเส้นด้ายที่ขาดไป หล่อนก็คงไม่พอใจ แล้วสุดท้ายคงไม่พ้นเธอที่จะถูกฉีกอกราวกับผ้าขี้ริ้วก็ไม่ปาน
ท้ายที่สุดแล้ววริษาก็ทำได้เพียงแค่ค่อย ๆ บรรจงถอดมันออกจากเรือนร่างขาวนวล แล้วพับไว้รอแม่บ้านมาเก็บกลับไป
หญิงสาวพาร่างกายเปลือยเปล่าเข้าไปนอนแช่น้ำอุ่นอุณหภูมิพอเหมาะพอดีในอ่าง เธอจุดเทียนอโรม่าเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ไล่ความคิดสะระตะไร้สาระ และความวุ่นวายทุกอย่างที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อทิ้งไปจากสมองแล้วเอนหลังพิงหัวกับขอบอ่างก่อนจะหลับตาพริ้ม
ขอพักสักชั่วโมงก็แล้วกัน เพราะหลังจากนี้เธอต้องเตรียมตัวตั้งรับกับสงครามและเกมห่าเหวอะไรต่อมิอะไรอีกมากแบบที่คงยากจะคาดเดา
@หลายปีต่อมา...“วันเกิดปีนี้ลูกสาวป๋าอยากได้อะไรคะ” ศิระกอดลูกสาวสุดที่รักไว้แนบอกแล้วหอมหน้าผากนวลอย่างทะนุถนอมรักใคร่ครบ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว ลูกสาวของตนกำลังโตเป้นสาวสะพรั่ง ยิ่งโตก็ยิ่งสวยมาก สวยจัดเหมือนแม่ สวยจนคนเป็นพ่อทั้งหวงทั้งห่วง ไม่อยากให้คลาดสายตาไปไหน“อืม... อยากได้เยอะแยะไปหมดเลยค่ะป๊ะป๋า” เซญ่ากอดเอวสอบของบิดา ออดอ้อนออเซาะเหมือนอย่างเคย เธอไม่เคยขาดอะไรเลยในชีวิตเพราะครอบครัวอบอุ่น กินดีมีสุข มีแต่คนรักคนคอยเอาใจและทุกคนพร้อมจะประเคนทุกอย่างให้แต่ก็นะ... ป๊ะป๋าถามแบบนี้ เด็กเอาแต่ใจอย่างเธอจะไม่อ้อนขอนั่นขอนี่เพิ่มก็กระไร“เอาอะไรว่ามา ป๋าเสกให้หนูได้ทุกอย่างเลย รู้ใช่ไหม” ศิระว่า ถึงจะเอาดาวเอาเดือน ป๊ะป๋าก็จะไปควานหาหินอุกกาบาตมาให้จนได้“นี่ ๆ อย่าเยอะ ทั้งคู่น่ะ” อิษยะที่เดินโอบไหล่วริษาเมียรักเข้ามา มืออีกข้างถือจานคุกกี้ของเมียมาวางไว้บนโต๊ะกลางก่อนจะรีบถลามาแยกศิระและเซญ่าออกจากกันจะปล่อยให้มันตามใจลูกจนเสียคนแบบนี้ไม่ได้“ลูกโตเป็นสาวแล้ว มากอดมาหอมแบบนี้ได้ไง” คนต่อว่าคนอื่นกลับคว้าลูกมากอดแนบอกแล้วจูบกลางกระหม่อมลูกสาวรัว ๆ เรียกเสียงหัวเราะของสาวน้อยเซญ่
“ไม่! เซจะอาบน้ำกับพี่คี!” เสียงเด็กหญิงโวยวายจนคนมีศักดิ์เป็นลุงอย่างชยินแทบจะกุมขมับ ไม่รู้จะจัดการอย่างไร“หนูเป็นผู้หญิงนะเซญ่า พี่คีเป็นผู้ชาย..” ชยินที่กำลังจะอธิบายให้หลานสาวตัวน้อยฟังใหม่อีกรอบก็ต้องชะงักเพราะเจ้าตัวเถียงทันควัน“หม่ามี้บอกว่าผู้หญิงกับผู้ชายสิทธิเท่าเทียมกันนี่คะ” เซญ่ากอดอกเชิดหน้า น่ารักอยู่หรอก แต่บางทีก็น่าตีเป็นบ้า“เฮ้อ... กูจะบ้า!” ชยินกัดฟันข่มใจเวลาเซญ่าดื้อมาก ๆ บางทีก็อยากจะจับมาตีให้ก้นลาย แต่ติดตรงที่เขาเอ็นดูเด็กน้อยเอามาก ๆ อย่างกับลูกในไส้ และที่สำคัญคือเซญ่าเป็นคุณหนูแห่งตระกูลลีละวีระพันธุ์ เป็นยอดดวงใจของศิระและเป็นหลานรักของท่านสันต์ ใครจะมาแตะต้องมั่วซั่วไม่ได้ ขืนเผลอไปแตะให้เนื้อตัวเป็นรอยแดงแค่เสี้ยวปลายเล็บ เขาคงได้โดนจับโบกปูนถ่วงน้ำตายแหง ๆ“มีอะไรกันคะ” วริศราที่ได้ยินเสียงดังโวยวายจากในห้องน้ำก็รีบจ้ำอ้าวเข้ามาดู หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันทีที่มองพ่อของลูกกำลังยืนเท้าสะเอวแล้วพรูลมหายใจท่าทางแบบนี้คงเพราะจนปัญญา จัดการยัยหลานตัวแสบไม่ได้ล่ะสิท่าหึ! สมน้ำหน้า“เซญ่าอยากอาบน้ำกับผมฮะ แต่พ่อจัดการไม่ได้” คีรินที่ยืนรออาบน้ำอยู่ก็ตอ
เพราะนวัตกรรมและหัตถการความสวยความงามในปัจจุบันล้ำหน้าไปไกล ยิ่งทำงานไม่หนัก พักผ่อนเพียงพอ ที่สำคัญคือเมื่อมีความสุขหน้าตาผิวพรรณก็ยิ่งดูสดใส อ่อนกว่าวัย“เมียสวยเนอะ” อิษยะกระแทกไหล่ศิระที่ยืนเต๊ะท่า สองมือล้วงกระเป๋าเหมือนจะไม่สนใจโลกหรือสนใจใคร หากทว่านัยน์ตาสีถ่านกลับจ้องมองแต่วริษาไม่คลาดสายตาผู้หญิงสวยจัดที่อยู่ในชุดเจ้าสาวราคาแปดหลักกำลังเดินมาหยุดต่อหน้าพวกเขา ที่ยืนอยู่บนบัลลังก์ดอกไม้ แต่เธอช่างเลอค่าเหลือเกิน จนเขาคิดว่าชุดเจ้าสาวราคาแปดหลักก็ยังถูกเกินไป ไม่คู่ควรเลยสักนิดอยากจะหาเพชรที่มีค่าสูงที่สุดในโลกเอามาประโคมบนชุดเพื่อที่จะได้ทัดเทียมเท่า คู่ควรกับเจ้าสาวของเขา หากทำได้งานแต่งที่แสนเรียบง่าย ณ โรงแรมใหญ่ติดทะเล วิวแหลมพันวาอยู่ด้านหลัง เห็นผืนน้ำจรดฟ้าอย่างที่วริษาวาดฝันเธอมักจะฝันถึงงานแต่งงานที่อบอุ่น สวยงาม และเรียบง่ายพวกเขาทั้งสองก็พร้อมที่จะเนรมิตให้ ส่วนเรื่องอลังการให้ไปอยู่ที่ค่าใช้จ่าย สองหนุ่มแค่ปิดโซนหนึ่งของโรงแรมมาจัดเลี้ยงเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืนเท่านั้นแขกก็มีเพียงเพื่อนสนิท พันธมิตรทางธุรกิจรายสำคัญ และญาติ ๆ เท่านั้น แต่ที่ว่ามาก็ปาไปเกือบร้อย
เจ้าสาวแสนสวยใช้ปลายนิ้วเรียวยาวลูบไปตามข้อความแต่ละบรรทัด สลับกับภาพถ่าย หากฉับพลันก็มีเสียงเรียกขานจากทีมงานออแกไนซ์ปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตนะคะเจ้าสาว อีก 10 นาทีจะถึงเวลาแล้วค่ะ”“หน้าเลอะหมดแล้ว” เสียงของอบอุ่นสั่นเครือเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนรัก นัยน์ตาคู่สวยที่แม้จะมีน้ำตา หากทว่าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขล้นจากใจหญิงสาวรับกระดาษทิชชูจากคิมหันต์มาช่วยซับตรงปลายหางตาและหัวตาของว่าที่เจ้าสาวอย่างรู้งาน กันไม่ให้หน้าตาสะสวยเลอะเปรอะเปื้อนมาสคาร่า“เดี๋ยวก็เป็นหมีแพนต้าออกไปหรอก” คิมหันต์แซวแล้วก็ต้องร้องโอดโอยเมื่อวริษายกมือฟาดอกเข้าให้“เพราะแกนั่นแหละ เอามาให้พี่ตอนนี้ทำไมก็ไม่รู้” สู้ให้ตอนจบงานเสียยังจะดีกว่า รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องของมารดาผู้ให้กำเนิดนั้นมีอิทธิพลต่อวริษาแค่ไหนตั้งแต่เธอได้เป็นแม่คนก็ยิ่งเข้าใจว่ามารดารักเธอแค่ไหน ท่านต้องเสียสละอะไรบ้างในการมีชีวิตหนึ่งออกมา และท่านต้องทรมานแสนสาหัสในการที่ต้องโดนพรากลูกจากอกอย่างไรเธอรับรู้และเข้าใจแม้กระทั่งความเอื้ออารีจากคุณหญิงศรีนาง ผู้ที่เธอเคยคิดว่าร้ายกาจ หากท่านไม่มีความเอ็นดูอยู่บ้างก็คงปล่อยให้เธ
ร่างระหงในชุดแต่งงานสีขาวยืนมองตัวเองผ่านกระจกเงาด้วยแววตาเป็นประกายสุกใส เธอในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อหลายปีก่อนเหลือเกินบนใบหน้ามีแต่ประกายความอิ่มเอิบ ความสุขที่เอ่อล้นจนกลายเป็นแสงออร่าส่องผ่านม่านดวงตา ใบหน้า และรอยยิ้มทุกขณะ แทบจะทะลุออกมาผ่านทุกอณูเนื้ออยู่แล้วหากเป็นไปได้“สวยจังครับ” เสียงทุ้มแผ่วพร่าวริษาละสายตาจากกระจกเงาหันไปมองชายหนุ่มผู้ที่จ้องเธอจากด้านหลังด้วยนัยน์ตาคมเป็นประกายหนึ่งในผู้ชายอีกคนในชีวิต ที่นับวันเธอก็ยิ่งรักยิ่งผูกพัน จนบางครั้งสองผัวก็หึงขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล“ใช่ม้า! พี่ก็ว่างั้นแหละ” วริษาหันกลับมาสบตาแล้วก็ยิ้มจนตาหยีให้น้องชาย เสียงหวานหยอกล้อ“แหม ไม่ปฏิเสธเลย? หึหึ” คิมหันต์ส่ายหน้าระอาใจกับคนหลงตัวเอง หากก็ไม่เถียงหรอก เพราะวริษาสวยสง่าออร่าจริง ๆเขาเอ่ยชมพี่สาวต่างบิดาด้วยความจริงใจ ใบหน้าของวริษาราวกับกำลังมีเงาของมารดาทาบทับอยู่บนนั้น นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มของท่านนานเหลือเกิน... แต่ก็ยังติดอยู่ในความทรงจำเชื่อว่า ณ ตอนนี้มารดาคงกำลังมองพี่สาวของเขาที่กำลังมีความสุข ยิ้มมองลงมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มพอ ๆ กันกับวริษาตอนนี้ ณ ที
“งื้อ! ไม่ได้สิคะ อ๊ะ!” วริษาที่สถาปนาตัวเองเป็นสาววายมือสมัครเล่นไม่ทันได้เก็บเกี่ยวภาพความทรงจำนั้นเลยด้วยซ้ำเพราะมัวแต่กะพริบตา จะร้องท้วงแต่แล้วก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นกรี๊ดลั่นเมื่อร่างสวยโดนศิระคว้าหมับเข้าให้“มานี่เลยยายตัวแสบ” เขาอุ้มเธอขึ้นมาในท่าอุ้มแตงแต่หันหลังให้เขา หันหน้าเธอไปหาอิษยะหญิงสาวผวาเฮือก ไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำคนตรงหน้าก็ย่อตัวลงนั่งในระดับที่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายสามารถทักทายกับกลีบกายสาวได้แบบพอดิบพอดี นิ้วหยาบยาวลูบสำรวจสองกลีบอวบอูมแล้วแยกออกจากกันเพื่อที่เรียวลิ้นร้อนจะสามารถปาดเลียร่องรักของเธอได้ถนัด อิษยะรัวเรียวลิ้นซ้ำ ๆ จนน้ำลายเหนียวเหนอะเปรอะเปื้อนปะปนกับหยาดน้ำรักสีใสที่รินไหล“ฮื้อ! พวกพี่ขี้โกง อ๊า!” วริษาอยากจะทักท้วงเหลือเกินแต่กระนั้นก็ทำได้เพียงร้องครวญครางแทบไม่เป็นภาษาเพราะอิษยะสอดนิ้วกลางเข้าสำรวจภายในโพรงกำมะหยี่คับแน่น“อ่า... แน่นจังเลยครับ” ครั้งแรกที่ได้รุกล้ำเธอหลังจากทำรีแพร์มา เมียเขาแน่นมาก ตอดตุบ ๆ จนนิ้วเดียวยังยากขยับ แล้วแบบนี้เขาจะยัดท่อนลำเข้าไปได้อย่างไร “ดะ เดี๋ยว ๆ อื้อ!” สองเรียวขาโดนจับถ่างอ้า สอดสองแขนกำยำช้อนไว้ใต้ข้อพับข