'เธอต้องกลายมาเป็นลูกหนี้เเทนพ่อเเม่โดยไม่รู้ตัว เเต่พอรู้ตัวอีกที ก็มีไอ้มาเฟียหน้าเลือดมาตามทวงหนี้เธอถึงบ้านเเล้ว'
view moreEp.1 สก๊อต เรซเตอร์
ณ ร้านอาหารหรูเเห่งหนึ่งในกรุงเทพ ร้านอาหารหรูแห่งนี้ ได้ถูกเนรมิต ตกเเต่งประดับประดาสวยงามตามสไตล์ยุโรป ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งดื่มไวน์ราคาเเพงอย่างสงบๆ กับบรรยากาศในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด บวกกับวิวร้านอาหารชั้นบนสุดที่สามารถมองเห็นทุกอย่างจากมุมนี้ และที่สำคัญ ที่ตรงนี้ ไม่มีใครหน้าไหนมารบกวนได้ ‘VIP สุดๆ’ สก๊อต เชส เรซเตอร์ หนุ่มลูกครึ่ง ไทย-อังกฤษ เเม่เป็นคนไทยเเท้ ส่วนผู้เป็นพ่อ ก็เป็นคนอังกฤษเเท้ สก๊อตเป็นคนที่มีหน้าตาที่น่าหลงไหล มีเสน่ห์จนไม่อยากกระพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว ดวงตาสีฟ้าครามสวยงามเปรียบดั่งมหาสมุทร ที่ได้มาจากผู้เป็นพ่อ ไม่ว่าสาวๆคนไหนที่ได้พบเจอ ก็ต้องหลงเสน่ห์เขาทั้งนั้น แต่ทว่า นิสัยที่เรียบนิ่ง เย็นชา และใบหน้าอันหล่อเหลาใบนั้นแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ‘หลายหลี่ยมเลยแหละ’ มาเฟียหนุ่มเเห่งตระกูลเรซเตอร์ สัญลักษณ์ประจำตระกลูคือ นกอินทรี ถือว่าเป็นตระกูลเก่าเเก่ของประเทศอังกฤษ ใครๆก็ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม และที่สำคัญความโหดนั้นไม่มีใครหน้าไหนกล้ามาเป็นศัตรูด้วย เพราะจุดจบคงจะไม่สวยสักท่าไหร่ ครืดๆ ครืดๆ สก๊อตขมดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อเหลือบตาไปมองโทรศัพท์ ก็พบกับสายที่โทรมา เขาเลยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะล่าสุดที่เห็นเบอร์นี้และชื่อนี้ติดต่อมา คือ เมื่อ 5 เดือนที่เเล้ว มือหนาเรียวยาวสวย จึงเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เเล้วพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษว่า "สวัสดีครับ มีธุระอะไรกับผมหรอครับ?" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตามองไปยังวิวสวยๆข้างนอกตึก (เเกคิดจะถามว่าฉันเป็นยังไง? สบายดีบ้างหรือเปล่า?) สายที่โทรมารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อคนในสายไม่ถามถึงสารทุกข์สุขดิบเขาเลยเเม้เเต่น้อย ปกติเเล้ว นายใหญ่เเห่งตระกูลเรซเตอร์ อย่าง คริส เรซเตอร์ ถ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็น คงไม่โทรหาลูกชายที่มีอยู่เพียงเเค่คนเดียวเเละหัวเเข็งคนนี้หรอก "แด๊ดมีธุระอะไรกับผม? ก็ว่ามา" (ตั้งเเต่เล็กจนโต นิสัยเสมอต้นเสมอปลายเลยนะ ไอ้ลูกคนนี้หนิ) สก๊อตเป็นคนที่เรียบนิ่ง ดูเย็นชาเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว ถึงมองไปยังเเววตาของเขา ก็ไม่สามารถเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ รู้สึกยังไง? "ผมก็เป็นของผมเเบบนี้ ไม่ได้ให้ใครมาเดือดร้อนด้วย" ดูไอ้ลูกชายคนเดียวของฉันพูดสิ มันน่าหนัก (ที่ฉันโทรมาหาเเก เพราะฉันมีเรื่องที่จะให้เเกมาจัดการหน่อย) ถ้าไม่มี เขาจะโทรมาทำไมกัน "ทำไมแด๊ด ไม่จัดการเองล่ะ?" ‘แหม ดูมันพูดเข้า เพราะตอนนี้ เขาอยู่ที่อังกฤษ งานที่ต้องทำก็เยอะแยะ แทบจะไม่มีเวลาได้งีบ สิ่งที่จะจัดการเองเลยยากลำบาก จึงขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นลูกอย่างเขาไง ถ้าเขาจัดการได้ คนอย่าง คริส เรซเตอร์ คงไม่โทรมาหาไอ้ลูกชายคนนี้หรอก (ก็เพราะว่าสิ่งที่ต้องจัดการมันอยู่ที่ไทยไงล่ะ ฉันไม่ไว้ใจใคร นอกจากแก) "แด๊ดอยากจะให้ผมทำอะไร?" น้ำเสียงจริงจังพูดขึ้น ด้วยแววตาที่เบื่อหน่าย หลังจากที่เรียนจบจากประเทศอังกฤษด้านการบริหารธุระกิจต่างๆ ตั้งเเต่อายุยัง 21 ปี สก๊อตเป็นคนที่เก่งมากๆ ฉลาดหลักเเหลม หัวไว ใครๆก็อยากจะร่วมลงทุนทำธุรกิจกับเขา หลังจากนั้น เขาก็กลับมาอยู่ที่ไทย บ้านเกิดของผู้เป็นเเม่ได้ประมาณ 4 ปีเเล้ว เเละไม่ค่อยได้กลับบ้านเกิดของผู้เป็นพ่อสักเท่าไหร่ นานๆทีเขาถึงจะกลับไปเยี่ยมครอบครัวบ้าง เพราะที่มาอยู่ที่ไทย ก็เพื่อมาสืบต่อธุรกิจหลายๆอย่างที่บิดาของเขาได้ลุงทุนทำเอาไว้ที่นี่ เเละเพื่อมาทำธุรกิจเป็นของตัวเองด้วย (ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกัน ฉันอยากให้เเกไปเจรจาเรื่องหนี้ ที่โดนกู้ไปโดยคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง จำนวนเงินประมาณ 300 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้คืน ทั้งต้น ทั้งดอก) นายใหญ่แห่งตระกูลเรซเตอร์พูดออกมาอย่างจริงจัง “…..” (ฉันต้องรีบสะสางให้จบสะที ยืดเยื้อมาเป็นปีเเล้ว) เสียงในสายเงียบไปสักพัก จากนั้นก็พูดขึ้น "เเล้วทำไมเเด๊ดไม่มาจัดการเอง?" อ้าวไอ้ลูกคนนี้หนิ มันไม่ถามสักเรื่อง มันจะตายหรือไง (ก็เพราะว่าฉันมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการที่นี่ ส่วนแกเป็นลูกชายฉัน ฉันไม่ไว้ใจใครให้ทำแทนทั้งนั้น เเกต้องเข้าไปจัดการเองทั้งหมด) เสียงนายใหญ่เเห่งตระกลูเรซเตอร์ พูดออกมาอย่างจริงจัง เรื่องเงินๆ ทองๆแบบนี้ คนอย่างเขาไม่มีทางให้คนอื่นมาจัดการให้ นอกจากลูกชายของเขาเองคนเดียวเท่านั้น "ถ้าผมเจรจาสำเร็จ จะได้อะไรตอบแทน?" ดูมัน หวังแต่ผลตอบแทน มันเป็นลูกฉันหรือลูกใครว่ะ (ทุกอย่างที่เเกต้องการ) อยากได้หนัก จัดไป ‘มั้งน่ะ’ “…..” (แต่ฉันจะพิจารณาอีกที) ว่าซ่าน! หลังจากที่ตกลงกันเสร็จ ผู้เป็นบิดาก็วางสายไป “อะไรหนักหนาว่ะ!!” เขาสบถคำพูดออกมาอย่างเบื่อหน่าย มาเฟียหนุ่มทำได้เเค่ถอนหายใจออกมาดังๆ คิดเเต่ว่า ทำไมผู้เป็นพ่อสละเวลาแค่นี้ มาถวงหนี้เองไม่ได้ ไหนบอกว่าจำนวนเงินตั้ง 300 ล้านบาท แต่สำหรับเขาแล้ว 300 ล้านบาท ก็แค่เศษเงินเท่านั้น หากแต่สำหรับผู้เป็นพ่อของเขาแล้ว เท่าไหร่ก็เงินหมดนั้นแหละEp.Special 4 Katy's New Life 3/3"คุณเคธเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าเเดง?" ภาคินเมื่อสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเคธี่เปลี่ยนมาเป็นสีเเดงจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง"เคธไม่ได้เป็นอะไรค่ะ งั้นเคธขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ" เคธี่รีบปฏิเสธคนตรงหน้าว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร เเละรีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน"ได้ครับ" ภาคินตอบกลับเคธี่ด้วยความงงๆเพราะอาการของเธอมันดูเเปลกๆในห้องน้ำ"Oh, my god!!! ทำไมหน้าเเดงเเบบนี้เนี่ย!!!" เคธี่อุทานด้วยความตกใจผ่านหน้ากระจก เธอลูบเเก้มที่เเดงเถือกของตัวเองเบาๆ อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงเเดงขนาดนี้สองเดือนต่อมา"พี่คินคะ ขับรถระวังหน่อยนะคะ เดี๋ยวลื่น" เวลาผ่านไปได้ไม่นานฉันกับพี่คินก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น จนฉันเรียกเขาว่าพี่คินเพราะเขาอายุมากกว่าฉันสองปี ส่วนเขาเรียกฉันว่าเคธเราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ จนถูกคนในหมู่บ้านมักจะเอ่ยเเซวพวกเราว่าเป็นคู่รักกัน เเต่ความจริงเเล้วความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคนเป็นเเค่พี่กับน้องมากกว่าจากนั้นภาคินขับรถไปจอดเเถวๆบริเวรที่เขาคิดว่าปลอดภัยไม่มีทางที่รถจะลื่นไหลไปไหนได้เเน่นอน เเละตอนนี้ฝนก็กำลังตกอยู่จึงไม่อยากขับต่อเพราะกลัวว่า
Ep.Special 4 Katy's New Life 2/3 "ช่วยพาคุณเคธี่ไปดูห้องพักเเทนพ่อที พอดีพ่อมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการก่อน" พ่อของคนตัวสูงกล่าวบอกลูกชาย "เออ ได้ครับ" ภาคินจึงตอบตกลงไป จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงรีบเดินสับเท้าไปที่ท้ายหมู่บ้าน เพื่อที่จะไปซ่อมท่อที่เเตก หากชักช้าทั้งหมู่บ้านจะพากันเดือดร้อนไปด้วย เมื่อทั้งสองมองดูไล่หลังผู้ใหญ่บ้านที่เดินจากไปเเล้ว ก็ดึงสายตากลับมามองที่คนตรงหน้า เคธี่เผลอใช้สายตาไล่มองร่างกายกำยำ กล้ามเป็นลอนๆเรียงรายกันสวยงาม ไหนจะเม็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากเรือนร่างที่ขาวผ่อง เขาช่างดูดีเหลือเกิน จนเธอลืมไปว่าตัวเองกำลังจ้องมองคนตรงหน้านานเกินไป เหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ จนเผลอกลืนน้ำลายเข้าไปในลำคอหนึ่งอึก "เออ คุณครับ?" เมื่อชายหนุ่มเห็นคนตรงหน้าของเขาเอาเเต่จ้องมองเขาด้วยเเววตาเเปลกๆนานเกินไปจึงรู้สึกเขินๆอายๆ เลยเอ่ยเรียกเธอ จังหวะนั้นเองที่ทำให้เคธี่หลุดออกจากภวังค์ "เออ คะ?" ฉันทำตัวไม่ถูกเลย เมื่อสติกลับเข้ามายังร่าง ฉันไม่น่าไปจ้องมองร่างกายของเขานานขนาดนี้เลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันร่างกายฉันมันสั่งระบบสายตาฉันโดยอัตโนมัติว่าให้มองอยู่อย่างนั้น โถเอ๋ยอา
Ep.Special 4 Katy's New Life 1/3 "เคพีมาหาเเม่เร็วครับลูก" เคธี่กวักมือเรียกลูกชายวัยสองขวบกว่าที่กำลังเล่นซนมากๆอยู่ให้มาหาเธอ "คร๊าาบบเเม่" เคพีขานรับเเล้วจึงรีบวิ่งดุ๊กดิ๊กๆไปหาผู้เป็นเเม่อย่างไม่เร็วมากเพราะอายุเพิ่งเเค่สองขวบ กว่าๆ เคพีกลัวว่าผู้เป็นเเม่จะไม่พาไปสวนสัตว์ตามที่เคยสัญญาเอาไว้ หากไม่ยอมเชื่อฟัง หรือทำตัวดื้อกับเธอ เธอก็จะลงโทษด้วยการไม่พาเขาไปเที่ยวสวนสัตว์ เคพีคิดในใจ เด็กฉลาดวัยสองขวบกว่าจึงต้องตามใจผู้เป็นเเม่ไปก่อน เขารอคอยวันที่จะไปสวนสัตว์มานานเเล้ว จุดมุ่งหมายเดียวของเคพี คือเพื่อไปดูการเเสดงโชว์ของโลมาซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของเขา เขาชอบมันเอามากๆ เพราะเคยดูการเเสดงโชว์ของโลมาจากสารคดีมาก่อนนั้นเอง จึงต้องไปชมให้เห็นเองกับตา เมื่อสามปี่ที่เเล้ว ณ จังหวัดเชียงราย "ทุกคนฟังทางนี้ นี่คือคุณเคธี่ เธอเป็นอาสาสมัครที่จะมาช่วยสอนหนังสือให้พวกเด็กๆในหมู่บ้านของเรา" ผู้ใหญ่บ้านเเห่งหมู่บ้านน่านฟ้า หรือนามว่าวาคิณกล่าวเเนะนำให้ลูกบ้านทุกๆคนที่มาประชุมในวันนี้ได้รู้จักกับเคธี่ เพราะเธออาสาที่จะมาเป็นคุณครูสอนเด็กๆที่ขาดการศึกษา เธออยากช่วยเหลือคนที่ไม่มีโอกาสได
Ep.Special 3 Our Family "The End!" 3/3"เกิดอะไรขึ้นคร๊าบ!!?" ทั้งสกายเเละสตาร์ถามด้วยท่าทางอย่างลุ้นๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีเกิ้ลเเละดอกไม้"เมื่อทั้งสองล้มลงไป ทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน" พี่สก๊อตหันมามองฉัน เล่าไปด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น เเต่ฉันที่นอนฟังอยู่รู้สึกโคตรจะเขินอายกับเหตุการณ์ครั้งนั้นเลย"Wowww!! เเสดงว่าพวดเขาจู๋จุ๊บกันหรอคร๊าบ?" สตาร์ถามด้วยความสงสัยตามภาษาเด็ก"ถูกต้อง จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นมาร้องโวยวาย โกรธหน้าดำหน้าเเดงเพราะโดนขโมยจู๋จุ๊บครั้งเเรกไป เเละเธอก็จะเอาเรื่องอีเกิ้ลให้ได้ที่บังอาจมาจู๋จุ๊บเธอ เเต่อีเกิ้ลจับมือเธอไว้ได้ทัน ไม่ให้เธอทำร้ายเขา จากนั้นเขาเลือกที่จะปล่อยมือเธอเเล้วเดินจากไป..." สก๊อตหยุดเล่าสักพักเพราะเมื่อยปาก"เเล้วงายต่อคร๊าบเเด๊ด?" เมื่อผู้เป็นพ่อหยุดเล่าได้ไม่ถึงห้าวินาที สกายก็ถวงถามเขาให้เล่าต่อ"จากนั้นไม่นานสองคนก็ได้มาพบกันอีกครั้งด้วยเหตุผลบางอย่าง จึงทำให้ได้เจอะเจอกันบ่อยๆทั้งที่ผู้หญิงที่ชื่อดอกไม้ไม่ค่อยอยากเจออีเกิ้ลสักเท่าไหร่ เเต่อีเกิ้ลกลับอยากจะเจอเธอ" ประโยคสุดท้ายทำเอาทานตะวันขมวดคิ้วชนกันด้วยคว
Ep.Special 3 Our Family "The End!" 2/3 "ตาร์อยากฟันเรื่อน อืมมมม เรื่อนไรดีละกาย?" สตาร์ทำท่าทางคิดว่าตัวเองอยากฟังเรื่องอะไรดีในขณะที่มือก็เลือกหาหนังสือนิทานหลายเล่มอยู่ เเต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าจะเลือกเรื่องไหนเพราะอยากฟังทุกเรื่องเลย จึงหันหน้าไปถามสกายเเฝดคนพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆกาย "ม่ายยยลู่" สกายตอบเเฝดคนน้องพร้อมส่ายหัวน้อยๆไปมา "อุตส่าห์เดินถือหนังสือนิทานตั้งหลายเล่มมาให้เเด๊ดอ่านให้ฟัง เเต่ไม่รู้จะเลือกเรื่องอะไร เเสบจริงๆ" สก๊อตพูดกับลูกน้อยสองคนด้วยความเอ็นดูความเเสบของลูกๆ เเล้วก้มใบหน้าอันหล่อเหลาลงไปเพื่อที่จะหอมเเก้มยุ้ยๆอมชมพูน่ารักน่าชังของสกายกับสตาร์ด้วยความหมั่นเขี้ยวเเละเเฝงไปด้วยความรักของพ่อ "ฟอด! ฟอด!" "กะพวดราวเลือกม่ายถูกคร๊าบ" สกายพูดไปด้วยทำหน้าอ้อนๆไปด้วยเพื่อให้คนเป็นบิดาเห็นใจว่าเลือกเรื่องหนึ่งมาอ่านมันต้องชั่งใจขนาดไหน "หึ" ฉันอดไม่ได้ที่จะขำท่าทางของลูกๆที่กำลังอ้อนผู้เป็นพ่ออยู่ น่ารักน่าเอ็นดูซะจริงๆลูกของฉัน ฉันจึงเอามือไปลูบศีรษะทุยของลูกทั้งสองด้วยความเอ็นดู "งั้นเดี๋ยวเเด๊ดเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง" สกายกับสตาร์ถึงกับเบิกตาโตเมื่อผู
Ep.Special 3 Our Family "The End!" 1/3 ณ ห้องนอน เป็นเวลาสองทุ่มครึ่ง "อื้อ พี่สก๊อตตะวันจั๊กจี้ ฮ่าๆ พอเเล้ววว ฮ่าๆ" ทานตะวันที่นอนสะดีดสะดิ้งไปมาบนที่นอนนุ่มนิ่ม เมื่อโดนสามีหนุ่มใช้ริมฝีปากหยักสวยระดมจุ๊บเบาๆไปตามซอกคอขาวอย่างหยอกล้อ เธอจึงรู้สึกจั๊กจี้ไปทั่วบริเวรคอระหง เเต่ไม่วายฝามือร้ายของสก๊อตเลื่อนลงต่ำไปหาดอกไม้งามภายใต้ชุดนอนสีขาวลายลูกไม้ ขณะที่ริมฝีปากยังคงหยอกล้ออยู่กับซอกคอขาวหอมกรุ้นของคนใต้ร่างอยู่ "อ่ะ~ พี่สก๊อตอย่านะ" ทานตะวันรีบเอ่ยห้ามปราม สามีหื่นไว้ก่อน ก่อนที่เขาจะถลำลึกไปกว่านี้ เเละพยายามปัดมือร้ายของเขาออก เเต่ก็ทำได้เเค่นั้นเพราะปัดยังไงมือร้ายที่เหมือนโบกกาวหนาหลายชั้นของเขาก็ไม่ยอมรามือ "เราไม่ได้ทำมาหลายวันเเล้วนะ พี่สงสารตัวเอง" สก๊อตเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ้อนๆคนใต้ร่าง เเละน้ำเสียงที่เซกซี่นั้นบ่งบอกว่าตัวเขาเองก็ควบคุมอารมณ์พลุ่งพล่านตอนนี้ไม่ได้ เเละอีกอย่างเขาต้องรีบคว้าโอกาสอันล้ำค่านี้เข้าไว้ เพราะเวลาจะทำรักกับเมียทีไร ไอ้สองเเสบก็ชอบมาขัดจังหวะของเขาตลอด เขาต้องอดกินเมียมาตั้งหลายครั้งเพราะไอ้ลูกชายฝาเเฝดตัวดี "พูดได้เวอร์มาก!!" ที่ฉันพูดอ
Mga Comments