หน้าหลัก / รักโบราณ / หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู / บทที่ 4 การมาของแม่ดวงจันทร์กระจ่าง

แชร์

บทที่ 4 การมาของแม่ดวงจันทร์กระจ่าง

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-01 06:10:56

บทที่ 4 การมาของแม่ดวงจันทร์กระจ่าง

ข่าวลือแพร่กระจายทั่วเมืองหลวงราวเพลิงลามใบไม้แห้ง

“หญิงงามผู้เป็นรักแท้ของแม่ทัพหลง กำลังเดินทางจากชายแดนเข้าเมืองหลวง!”

บางคนเรียกนางว่า นางฟ้าแห่งทุ่งหญ้า บางคนกล่าวว่านางคือ แม่นางบัวขาว สตรีที่แม่ทัพหลงเคยปกป้องไว้ด้วยชีวิตเมื่อหลายปีก่อน บางคนว่าเป็นธิดาของขุนนางชายแดน บ้างก็ว่าเป็นเพียงชาวบ้าน แต่ไม่มีใครกล้าดูแคลน

เพราะชื่อของนาง…อยู่ในใจของแม่ทัพหลงเสมอมา

วันนั้น ฟ้าหลัวหม่น ไม่มีฝน แต่ลมกรรโชกแรง เกี้ยวสี่หามแล่นมาจอดรอที่หน้าประตูมือหลวงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของผู้คนที่ต่อแถวรอตรวจเอกสารผ่านด่านเข้าเมือง

หลี่อินนั่งดื่มชารับแขกอยู่ที่ศาลาด้านหน้า พอได้ยินเสียงฝีเท้าทหารยามเคลื่อนไหวผิดปกติ นางวางถ้วยชาอย่างนิ่งสงบ ก่อนเอ่ยกับสาวใช้ข้างกาย

“ไปตระเตรียมเรือนตะวันออกให้เรียบร้อย”

สาวใช้ขมวดคิ้ว “เรือนตะวันออกหรือเจ้าคะ…”

“เรือนที่ข้าจัดไว้ให้เจ้าของจวนแห่งนี้ตัวจริงในอนาคต”

หลี่อินตอบเรียบ ๆ แววตาไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย “ถึงแม้ยังไม่มีพิธีแต่ง แต่เจ้าของหัวใจของแม่ทัพก็มาถึงจวนแล้วมิใช่หรือ”

ไม่ถึงครึ่งชั่วยามต่อมา หลงอี้จงพานางมาเข้าจวนเอง หญิงสาวในชุดสีขาวนวล ยืนอยู่ใต้ต้นดอกเหมยที่เพิ่งเริ่มผลิกลีบ

นางยิ้มบาง ท่วงท่าสง่างาม มีความอ่อนโยนแบบที่ชวนให้คนหลงรักในคราแรกเห็น

หลี่อินออกมาต้อนรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางก้าวไปเบื้องหน้า ค้อมศีรษะเล็กน้อย

“ยินดีต้อนรับแม่นางซู…สู่จวนแม่ทัพเจ้าค่ะ”

ฮูหยินแม่ทัพเอ่ยต้อนรับแขกหน้าประตูอย่างสุภาพ ขณะหญิงสาวชุดสีอ่อนก้าวเท้าเข้ามาในเขตเรือนหลัก

ซูเจินยิ้มบางให้หลี่อิน สีหน้าเจือความเขินอายและเก้อเขิน ทว่ายังฝืนทำใจกล้าเอ่ยคำ

“ขอบคุณคุณหนูหลี่…เอ่อ หรือข้าควรเรียกว่าพี่หญิงดีเจ้าคะ”

นางตั้งใจเลือกคำอย่างนุ่มนวล ทั้งต้องการแสดงความอ่อนน้อม และหวังให้หลี่อินยอมรับตนเข้าสู่จวนอย่างไมตรี แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำตอบที่คล้ายอ้อมอย่างนิ่ม แต่ตีแรงเสียจนสะอึก

“เรียกข้าว่าฮูหยินเถอะนั่นคือฐานะของข้า ภรรยาเอกของท่านแม่ทัพหลงวางตัวให้ถูกแต่แรกจะเป็นการดีต่อทุกฝ่ายในภายหน้า”

หลี่อินกล่าวเรียบ ๆ ดวงหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ แววตาคู่นั้นเยือกเย็นดุจผืนน้ำในคืนไร้จันทร์ ก่อนจะกล่าวต่ออย่างไม่เหลือช่องให้ตีความเป็นอื่น

“ข้าไม่มีน้องสาว และไม่คิดจะมี ไม่ว่าจะในชาตินี้…หรือชาติที่แล้ว”

คำพูดไม่จำเป็นต้องตวาด ไม่จำเป็นต้องตอกกลับให้เจ็บ แต่กลับราวกับเข็มเล่มบางฝังลงกลางอกของซูเจินจนหน้าถอดสี นางเพียงแค่หวังจะได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากภรรยาเอก ไม่คิดว่าสตรีตรงหน้าจะกล่าวตัดเยื่อใยเช่นนี้ตั้งแต่คำแรก

หลงอี้จงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังมิได้เอ่ยสิ่งใด

หลี่อินเพียงประสานมืออย่างงดงามก่อนกล่าวต่อ น้ำเสียงนุ่มนวล แต่อบอวลด้วยความเฉียบคม

“เรือนตะวันออก ห่างจากเรือนข้าราวห้าสิบก้าว ข้าได้จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างสะอาด สงบ งดงาม เหมาะสมกับแขกคนสำคัญของท่านแม่ทัพ เพราะหากไม่สำคัญท่านคงไม่ออกจากจวนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อออกไปยืนรอเวลาเปิดประตูเมือง”

น้ำเสียงของนางไม่มีวาจากร้าว ไม่มีถ้อยคำดูแคลน แต่ทุกคำกลับราวกับกระบี่ที่เคลือบด้วยดอกไม้ไม่อาจปฏิเสธว่านั่นคือการยอมรับ ซูเจินเข้ามาในจวนเป็นภรรยาอีกคนของสามีตน

เมื่อกล่าวจบ หลี่อินประสานมืออีกครั้ง ค้อมศีรษะเล็กน้อยอย่างสมฐานะ ก่อนจะหมุนกายจากไปโดยไม่หันกลับมาแม้แต่ครึ่งก้าว

เสียงฝีเท้าของนางเบา ราบเรียบ แต่หนักแน่นดุจจังหวะเคลื่อนของหมากสีดำในกระดานหมากล้อม

นางรู้ดีหมากเกมนี้กำลังเริ่มเขยื้อน แต่แทนที่จะเดินตามหมากของใครอื่น นางเลือกจะวางหมากในมุมใหม่…หมากที่คนอื่นไม่ทันตั้งตัว และครั้งนี้…ผู้ที่ต้องเป็นฝ่ายก้าวตาม จะไม่ใช่นางอีกต่อไป

ในเมื่อ ตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้ความรักระหว่างนางกับหลงอี้จงพังทลายลงทุกชาติภพได้ปรากฏตัวอีกครั้ง

หลี่อิน…หาได้คิดจะขัดขวาง หรือผลักไสไล่ส่งเหมือนที่สตรีผู้มีใจริษยามักกระทำ

นางจะไม่ยื้อแย่ง ไม่ดึงรั้ง จะไม่อ้อนวอนขอเศษเสี้ยวความรักจากบุรุษที่ไม่เคยเลือกตน ในทางกลับกันนางจะเป็นผู้สนับสนุนเขาทั้งสอง ไม่ยอมให้สิ่งใด…หรือผู้ใด มาขวางกั้นเส้นทางของพวกเขาอีก

หลี่อินมิได้คิดจะร้องขอให้ใครเปลี่ยนใจมาหานางและไม่โง่งมพอจะต่อสู้เพื่อบางสิ่งที่ไม่เคยเป็นของตนเลยแม้แต่ชาติเดียว

อีกไม่นาน…หลงอี้จงก็จะวิ่งมาหานาง พร้อมคำแก้ตัวเดิม ๆ ว่าเขากับซูเจินมีเพียง บุญคุณ ที่ต้องตอบแทน ไม่มีเรื่องของหัวใจเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่สุดท้าย… บุญคุณ ที่เขาว่านั้น กลับจบลงบนเตียงร่วมกันอย่างมิอาจปฏิเสธ

เหอะ…น่าสมเพช ละครบทนี้ข้าเคยดูมาสองชาติแล้ว แม้จะเปลี่ยนฉาก เปลี่ยนคำพูด หรือแต่งแต้มด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดแค่ไหน ตอนจบก็ยังคงเหมือนเดิม…

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   ตอนพิเศษ 3 ผลลัพธ์แห่งการรอคอย

    ตอนพิเศษ 3 ผลลัพธ์แห่งการรอคอยยามสนธยา ลมเย็นพัดผ่านสวนด้านหลังเรือนใหญ่ หลงอวี้จงยืนพิงเสาไม้ หันมองหญิงสาวในชุดคลุมเรียบง่ายที่กำลังจัดช่อดอกไม้ลงแจกัน นัยน์ตาของเขาสะท้อนแสงอ่อนจากโคมไฟ และความรู้สึกบางอย่างที่เก็บซ่อนไว้ลึกเกินกว่าจะเอ่ยหลี่อินเดินเข้ามาเงียบ ๆ ก่อนหยุดยืนข้างเขา“คิดอะไรอยู่” นางถามเบา ๆเขาไม่ตอบในทันที แค่ทอดสายตาไปยังลานฝึกที่บุตรสาวกำลังลองดาบใหม่กับอาจารย์ และบุตรชายก็กำลังนั่งเขียนฎีกาเงียบ ๆ ไม่ไกลจากกันผ่านไปครู่ใหญ่…เขาจึงเอ่ย“ชาติที่หนึ่ง…” เขาเริ่ม“พวกเราแต่งงานกัน มีความสุขไม่นาน ก่อนที่ข้าจะถูกสั่งให้แต่งงานกับอดีตองค์หญิง”“ชาติที่สอง…” หลี่อินต่อคำเสียงแผ่ว “ข้าแต่งเป็นฮูหยินของท่านเพื่อที่จะได้อยู่นอกวังอย่างสงบ…แต่กลับต้องพัวพันการแย่งชิงอยู่ดี”หลงอวี้จงพยักหน้าช้า ๆ แววตาแดงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังยืนนิ่ง ราวกับใจหนักแน่นยิ่งกว่าเดิม“ข้าคิด…ว่าเราถูกสวรรค์ลงโทษในสิ่งที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคยทำผิดอะไรไว้”“แต่ชาติที่สามนี้…” หลี่อินพูดพลางมองลูกทั้งสอง “ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเจ็บปวดเพียงใด พวกเขา…คือคำตอบที่ดีที่สุดจากฟ้าดิน”อวี้เหมยที่ลุกขึ้นปร

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   ตอนพิเศษ 2 บ้านที่มีรัก

    ตอนพิเศษ 2 บ้านที่มีรักเช้าวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ลมอ่อนพัดพาไอแดดอบอุ่นเข้ามาในลานเรือน หลังอาหารเช้า หลี่อินกำลังนั่งจัดสมุนไพรอยู่หน้าต่าง ส่วนหลงอวี้จงนั้นนั่งอ่านรายงานกองทัพด้วยสีหน้าจริงจังตามปกติอวี้เหอ เด็กชายวัยสิบปีกำลังง่วนกับการผูกผ้าโพกหัวที่ดูยังไงก็เบี้ยว“ท่านพ่อขอรับ มัดยังไงก็ไม่ตรง!”เขาบ่นอย่างหัวเสีย ขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหมือนรังนกหลงอวี้จงละสายตาจากเอกสาร มองลูกชายแล้วถอนหายใจ“มานี่ ข้าจะทำให้ดูอีกครั้ง…แต่พรุ่งนี้เจ้าต้องมัดเองให้ได้นะ จะไปสนามฝึกแบบหัวยุ่งไม่ได้ เดี๋ยวครูฝึกจะหัวเราะเอา”“แต่เขาก็หัวเราะอยู่ดีนี่นา…” อวี้เหอพึมพำเบา ๆ พลางเดินเข้าไปใกล้ขณะเดียวกัน อวี้เหมยบุตรสาวคนโตก็เดินผ่านเข้ามาในลาน สะพายตะกร้าผักไว้ด้านหลัง“ท่านแม่ ท่านพ่อ อวี้เหอแอบเอาขนมไปซ่อนไว้ใต้หมอนอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางรายงานพลางยิ้มขัน ๆ“ข้าแค่…แค่ไม่อยากให้บ่าวเอาไปเก็บ!” เด็กชายรีบเถียงเสียงสูงหลี่อินไม่ได้ว่าอะไร แค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบา ๆ“พอเถอะ เหลือไว้ให้มดเผื่อกินบ้างเถิดลูก…”หลงอวี้จงหัวเราะในลำคอ“แม่ของเจ้ากำลังจะเริ่มเทศน์เรื่อง ‘ของกินที่วางไว้ไม่ถูกที่คือความสูญเปล

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   ตอนพิเศษ 1 ของขวัญจากสวรรค์ในวัยห้าสิบ

    ตอนพิเศษ 1 ของขวัญจากสวรรค์ในวัยห้าสิบหลี่อินมองเงาตนเองในกระจกทองเหลือง ดวงหน้าของหญิงวัยห้าสิบที่มีร่องรอยของการต่อสู้กับชีวิตและความเศร้ามากมาย แต่แววตานั้น…กลับเปล่งประกายอ่อนโยนอย่างที่ตนไม่เคยเห็นในตัวเองมาก่อนเสียงร้องจุ๊กจิ๊กจากเปลไม้ด้านหลังทำให้นางหันกลับไปพร้อมรอยยิ้มหลงอวี้จงเดินเข้ามาพร้อมขันน้ำอุ่นในมือ เขาก้มหน้ามองทารกน้อยที่นอนหลับสนิทในผ้าอ้อม แล้วนั่งลงข้างภรรยา“นางเหมือนเจ้านัก โดยเฉพาะเวลาขมวดคิ้ว” เขาพูดเบา ๆ กลัวจะรบกวนเจ้าตัวเล็กหลี่อินหัวเราะแผ่ว“ท่านไม่ใช่หรือที่บอกว่าลูกชายหน้าเหมือนข้าจนบ่าวแยกไม่ออกว่าลูกใคร แต่คนที่ตะโกนลั่นบ้านตอนรู้ว่าตัวเองจะมีลูกตอนอายุห้าสิบ…ก็ท่าน” หลี่อินหันไปยิ้มเย้าหลงอวี้จงหน้าแดง ไม่กล้าสบตาภรรยา “ข้าแค่ตกใจ…ก็ใครบ้างจะคิดว่าจะมีลูกในวัยนี้ ข้ายังไม่หายตกใจเลย เจ้าคิดดูสิ ข้าเคยสู้ศึก เคยฆ่าคน เคยวางแผนโค่นล้มตระกูลกบฏ เคยเกือบตายเพราะยาพิษ… แต่กลับมาหวั่นไหวเพราะเสียงเด็กร้องกลางดึก”“นั่นเพราะพวกเขาคือสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อ่อนแอที่สุด แต่กลับจับหัวใจข้าไว้แน่นที่สุด”หลงอวี้จงยกมือลูบผมลูกชายที่นอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของเ

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   บทที่ 56 ไม่จำเป็นต้องอธิบายอีกแล้ว

    บทที่ 56 ไม่จำเป็นต้องอธิบายอีกแล้วยามเย็นวันหนึ่ง ขณะที่แสงอาทิตย์โรยลงบนปลายไม้หลี่อินเดินกลับจากตลาด มือหนึ่งหิ้วตะกร้า อีกมือแนบจดหมายในแขนเสื้อกระดาษเพียงแผ่นเดียวไม่ใช่หนังสือหย่าไม่ใช่คำอธิบายแต่เป็นจดหมายจากคนที่เคยเป็นแผลในอดีตซูเจินเนื้อความไม่ยาว มีเพียงไม่กี่บรรทัดว่า นางแต่งงานแล้วกับขุนนางที่เคยเป็นคนที่หลงอวี้จงฝากฝังนางเอาไว้ชีวิตไม่ได้ดีนัก แต่ก็ไม่ได้แย่ส่วนแม่ทัพหลง…นางไม่อยากกล่าวถึงอีกหลี่อินพับจดหมายนั้นเก็บลงลิ้นชักไม้ไม่พูดถึงให้หลงอวี้จงรู้เพราะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้วไม่มีเหตุผลที่ต้องรื้อฟื้น ไม่มีสิ่งใดต้องแข่งขันไม่มีความคาใจ ไม่มี ถ้าหาก…“วันนี้ในตลาดมีสาลี่หวาน พ่อค้าให้มาตั้งหลายลูก”นางเอ่ยขึ้นขณะช่วยเขาล้างถ้วยที่อ่างน้ำเล็กหลังเรือน“เจ้าเคยชอบกินตอนเป็นเด็ก” เขาพูดเรียบ ๆ ขณะตักน้ำรินให้“ข้าเกิดที่เมืองหลวง ท่านอยู่ชายแดน พวกเราไม่เคยได้กินด้วยกันตอนเป็นเด็กเสียหน่อย สับสนกับความทรงจำชาติไหนของท่าน”นางตอบพร้อมรอยยิ้มจาง ๆรอยยิ้มที่ไม่มีอดีตผูกพันแต่มีความอ่อนโยนที่เลือกจะอยู่กับ ปัจจุบันเมื่อค่ำลงแสงโคมในเรือนเล็ก ๆ ริบหรี่เช่นเคย กล

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   บทที่ 55 เพื่อนคู่คิด

    บทที่ 55 เพื่อนคู่คิดกลางฤดูใบไม้ผลิดอกเหมยที่บานผิดฤดูโปรยกลีบลงบนระเบียงไม้ของบ้านหลังเล็กหลี่อินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ใต้ชายคาในมือลูบผ้าปักลายมังกรที่ยังเย็บไม่เสร็จ กลิ่นชาอ่อน ๆ ลอยจากกาน้ำข้างกายเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนจะมีเงาร่างหนึ่งนั่งลงอีกฟากของโต๊ะหลงอวี้จงไม่พูดอะไร เพียงนั่งเงียบอยู่ข้างกัน ราวกับการมีอยู่ของเขานั้น ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีกแล้วเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนกระทั่งนางพูดขึ้น“ยังคิดอยู่หรือ ว่าชาติหน้าจะเกิดใหม่จริง ๆ”เขาเงยหน้าขึ้นแววตานั้นยังคงเป็นดวงตาเดิมที่มองนางในทุกชาติ หากแต่ในตอนนี้ มันนิ่ง สงบ และอ่อนโยนอย่างไม่เคยเป็น“ข้าไม่รู้” เขาตอบตรง “แต่ข้าจำได้ว่าเคยลั่นวาจาไว้…”เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างคนที่ไม่ต้องการคำสัญญาอีก“หากชาติหน้ามีอยู่จริง…ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด อยู่ในฐานะใดข้าจะมองเพียงเจ้าผู้เดียว”หลี่อินนิ่งเงียบไปนานลมหายใจของนางหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย มือที่จับเข็มปักเริ่มสั่นเล็กน้อย“…ท่านจะไม่เหนื่อยหรือ เพียงได้มอง ไม่ได้ขอครอง” เขาตอบเบา ๆ “ข้าไม่เคยเหนื่อย”แสงตะวันเช้าสาดเข้ามาในเรือนอย่างนุ่ม

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   บทที่ 54 ใกล้กันจนผมเริ่มมีสีดอกเลา

    บทที่ 54 ใกล้กันจนผมเริ่มมีสีดอกเลาเสียงด้ายขูดผ่านผืนผ้าเบา ๆแสงอ่อนในยามเช้าเริ่มลอดผ่านบานหน้าต่างไม้ไอเย็นของต้นฤดูใบไม้ผลิแตะผิวแก้มนางอย่างแผ่วเบาหลี่อินยกมือรวบเส้นผมขึ้นอย่างเคยชิน แต่ในจังหวะนั้นเอง ด้านหลังพลันมีเงาร่างหนึ่งยื่นมือมาช่วยเก็บปิ่นปักผมที่ตกลงพื้น“ข้าทำให้ตก…” เขาว่าเบา ๆเสียงนั้นไม่ดังนัก แต่ใกล้มาก ใกล้จนกลิ่นจากชุดคลุมสีหม่นของเขาแตะปลายจมูกนางมือของเขายื่นมาช้า ๆ อย่างลังเลก่อนจะรวบเส้นผมนางขึ้น แล้วใช้ปิ่นปักให้อย่างเบาแรงนางไม่พูดเพียงแต่รู้สึกได้ว่า มือคู่นั้น…เริ่มหยาบขึ้นกว่าที่จำได้เพราะฝึกทำอาหารเองบ่อยขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลี่อินยืนนิ่งและนั่นทำให้เขากล้าก้มลงกระซิบเบา ๆ“เจ้าเห็นไหม…”“เห็นอะไร” นางเอ่ยถามเสียงแผ่วเขาชี้ไปยังข้างขมับตนเอง“ผมข้าเริ่มมีสีขาวปนอยู่หนึ่งเส้น” เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ “เจ้าคงจะบอกว่าไม่แปลก…แต่รู้หรือไม่ว่ามันเป็นเส้นแรกที่ข้าอยู่ข้าง…เจ้า” เสียงเขาแผ่วเบา“แต่มันเพิ่งเริ่มกลายเป็นสีดอกเลา…ก็ในวันที่เราอยู่ใกล้กันมากที่สุด”หลี่อินเงียบ…ความรู้สึกอุ่นแปลก ๆ ค่อย ๆ ไหลซึมขึ้นกลางอกเงาร่างเขายังยืนอยู่ข้างหลัง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status