แชร์

บทที่ 5 ไม่รับอนุ

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-14 21:13:49

บทที่ 5 ไม่รับอนุ

ค่ำวันนั้น ฟ้าคลุมเงา เมฆฝนปกเมืองหลวงหลี่อินนั่งอยู่ริมหน้าต่างเรือนของตน สายลมจากนอกระเบียงพัดเอากลิ่นดอกเหมยปลิวผ่านเข้ามา กลิ่นเดียวกับวันที่นางแต่งเข้าสู่จวนนี้

เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นหน้าประตูเรือน สาวใช้มองมาทางนางด้วยสีหน้าอึดอัด

“ท่านแม่ทัพ…มาขอเข้าเรือนเจ้าค่ะ”

หลี่อินวางถ้วยชา ดวงหน้าไร้รอยสะเทือน

“เชิญเขาเข้ามา” ถึงเวลาแล้วสินะ หลงอี้จง หลงอี้จง ชาตินี้ท่านจะให้ตำแหน่งใดกับซูเจิน

แม้เคยลั่นวาจา อย่าเหยียบย่างเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว แต่นางก็รู้ดี…บางคำพูดมีไว้เพื่อทดสอบใจ ไม่ใช่สร้างกำแพงตลอดชีวิต

หลงอี้จงก้าวเข้ามา ใบหน้าเคร่งขรึม เขามองไปรอบห้องอย่างเงียบงัน ก่อนหยุดอยู่ตรงหน้านาง

“ข้ารู้ว่าเจ้าคงคิดว่า…ข้าอุ้มคนรักเข้าจวนแล้วจะตั้งนางเป็นอนุ”

หลี่อินไม่ตอบ เพียงสบตาเขานิ่ง

“แต่เจ้าคิดผิด” เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ “ข้ากับนางไม่ได้เกี่ยงข้องกันเช่นนั้น มันมีเบื้องหลังมากว่านั้น”

ความเงียบทอดยาว หลี่อินยกถ้วยชาขึ้นจิบช้า ๆ พลางตอบเสียงเรียบ

“แต่ในวันนี้ ท่านพานางเข้ามาด้วยตนเอง”

“เพราะข้าไม่ต้องการให้นางต้องถูกซุบซิบ ถูกมองเป็นหญิงลอบเข้าจวนยามค่ำ” เขาตอบทันที “ข้าต้องดูแลนาง ไม่ช้าก็เร็วก้ต้องรับซูเจินเข้าจวน หากข้าไปรับนางเข้ามาเอง นางก็จะไม่ถูกคนติฉิ”

“ให้คนคิดว่าท่านเต็มใจรับนางเข้าจวน คนไม่นินทานาง แต่นินทาข้าที่เป็นภรรยาแทน แต่งได้เพียงวันเดียว สามีก็รับสตรีเข้าจวน” หลี่อินวางถ้วยชาลง

เขาเงียบงันไปเพียงครู่ ก่อนกล่าวเบา ๆ

“เจ้าอยู่ในเมืองหลวงมาตั้งแต่เกิด ข่าวลือเรื่องจริง ไม่จริง ข้าเชื่อว่าเจ้ารับมือได้ แต่ซูเจินนางเติบโตนอกด่าน ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ข้าเกรงนางจะปรับตัวไม่ได้ รับไม่ไหว”

หลี่อินหัวเราะเบา ๆ ราวเสียงลมพัดต้องยอดไม้ หัวเราะในแบบที่ฟังแล้วเจ็บลึกกว่าเสียงร้องไห้

ซูเจินรับคำนินทาไม่ไหว ข้าต้องรับไหวหรือ

“ท่านอยากทำสิ่งได้ทำไปเถิด ข้อตกลงก่อนแต่งงานว่าเช่นไร ข้ายังยืนยันเช่นนั้น ข้าไม่คิดหึงหวงหรือหวาดกลัวว่านางจะมาอยู่ที่จวนแห่งนี้ด้วยตำแหน่งใด ตราบใดที่กุญแจคลังอยู่ในมือข้า เบี้ยหวัดตำแหน่งฮูหยินเอกหักจ่ายเข้ากระเป๋าข้าตรงเวลา ท่านแม่ทัพจะรับคุณหนูบ้านอื่นมาเพิ่มอีกสักคนสองคนข้าก็ไม่ติด อีกอย่างไม่ต้องหลบซ่อนหรือแอบไปเรือนตะวันออกให้บ่าวไพร่นินทา ท่านสามารถเดินเข้าออกได้อย่างเปิดเผย”

นางลุกขึ้น ก้าวผ่านเขาอย่างสง่างาม แต่ขณะที่เดินพ้นธรณีประตูไป…หลงอี้จงเอ่ยเรียกชื่อของนางเป็นครั้งแรกด้วยน้ำเสียงอ่อนลงอย่างแทบไม่เคยมี

“อินเอ๋อร์…”

นางหยุดเท้า แต่ไม่หันมา

“เจ้าเคยบอกว่าจะแต่งงานกับข้า จะรอข้ากลับมา ข้าก็รีบกลับมา แม้ว่าสินสอดที่บิดาเจ้าจะเรียกเพิ่มจากทีี่ตกลงกันเอาไว้อีกสามเท่า ข้าก็ไม่ปริปากบ่น ข้านึกว่าเจ้าเพียงแงงอที่ข้ากลับมาก่อนวันแต่งเพียงไม่กี่วัน จึงตั้งเงื่อนไข จึงเย็นชา แต่นี้มันเกินไปแล้ว เจ้าเคยวิ่งตามข้า แต่ข้ากำลังสงสัย…ว่าแท้จริงแล้ว ข้าอาจเป็นฝ่ายถูกเจ้าลากให้เดินตามเสียเอง”

หลี่อินไม่ตอบในทันที เพียงเอ่ยเสียงแผ่ว

“ข้าก็แค่เดินตามเส้นทางของตน มิได้ทำนอกข้อตกลงที่บิดาท่านและมารดาข้าได้วางไว้ สัญญาหมั้นหมายที่มีขึ้นจนถึงพิธีมงคล…ข้าก็แต่งแล้ว ท่านยังต้องการสิ่งใดจากข้าอีกหรือ”

นางเงยหน้าขึ้น สบตาเขาอย่างนิ่งสงบ

สินสอด…บิดานางนำไปใช้หนี้จนหมดสิ้น ก็ถือว่าชดใช้บุญคุณบิดาที่เลี้ยงดูนางในชาตินี้

หลี่อินไม่ได้คาดหวังว่าจะแต่งแล้วมีความสุข แต่ในเมื่อแต่งแล้ว…ก็จะไม่ขาดทุน นางกำหนดเบี้ยหวัดให้ตนเอง จะซื้อข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับที่อยากได้แน่นอนว่าเป็นเงินของเขา ในเมื่ออนาคตไม่แน่นอน และวันใดหลงอี้จงอาจยึดกุญแจคลังคืน

ช่วงเวลานี้ ที่เขายังไม่ครองรักกับซูเจินนางจะตักตวงทุกอย่างไว้เป็นทุนรอนสำหรับวันข้างหน้า

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   ตอนพิเศษ 3 ผลลัพธ์แห่งการรอคอย

    ตอนพิเศษ 3 ผลลัพธ์แห่งการรอคอยยามสนธยา ลมเย็นพัดผ่านสวนด้านหลังเรือนใหญ่ หลงอวี้จงยืนพิงเสาไม้ หันมองหญิงสาวในชุดคลุมเรียบง่ายที่กำลังจัดช่อดอกไม้ลงแจกัน นัยน์ตาของเขาสะท้อนแสงอ่อนจากโคมไฟ และความรู้สึกบางอย่างที่เก็บซ่อนไว้ลึกเกินกว่าจะเอ่ยหลี่อินเดินเข้ามาเงียบ ๆ ก่อนหยุดยืนข้างเขา“คิดอะไรอยู่” นางถามเบา ๆเขาไม่ตอบในทันที แค่ทอดสายตาไปยังลานฝึกที่บุตรสาวกำลังลองดาบใหม่กับอาจารย์ และบุตรชายก็กำลังนั่งเขียนฎีกาเงียบ ๆ ไม่ไกลจากกันผ่านไปครู่ใหญ่…เขาจึงเอ่ย“ชาติที่หนึ่ง…” เขาเริ่ม“พวกเราแต่งงานกัน มีความสุขไม่นาน ก่อนที่ข้าจะถูกสั่งให้แต่งงานกับอดีตองค์หญิง”“ชาติที่สอง…” หลี่อินต่อคำเสียงแผ่ว “ข้าแต่งเป็นฮูหยินของท่านเพื่อที่จะได้อยู่นอกวังอย่างสงบ…แต่กลับต้องพัวพันการแย่งชิงอยู่ดี”หลงอวี้จงพยักหน้าช้า ๆ แววตาแดงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังยืนนิ่ง ราวกับใจหนักแน่นยิ่งกว่าเดิม“ข้าคิด…ว่าเราถูกสวรรค์ลงโทษในสิ่งที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคยทำผิดอะไรไว้”“แต่ชาติที่สามนี้…” หลี่อินพูดพลางมองลูกทั้งสอง “ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเจ็บปวดเพียงใด พวกเขา…คือคำตอบที่ดีที่สุดจากฟ้าดิน”อวี้เหมยที่ลุกขึ้นปร

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   ตอนพิเศษ 2 บ้านที่มีรัก

    ตอนพิเศษ 2 บ้านที่มีรักเช้าวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ลมอ่อนพัดพาไอแดดอบอุ่นเข้ามาในลานเรือน หลังอาหารเช้า หลี่อินกำลังนั่งจัดสมุนไพรอยู่หน้าต่าง ส่วนหลงอวี้จงนั้นนั่งอ่านรายงานกองทัพด้วยสีหน้าจริงจังตามปกติอวี้เหอ เด็กชายวัยสิบปีกำลังง่วนกับการผูกผ้าโพกหัวที่ดูยังไงก็เบี้ยว“ท่านพ่อขอรับ มัดยังไงก็ไม่ตรง!”เขาบ่นอย่างหัวเสีย ขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหมือนรังนกหลงอวี้จงละสายตาจากเอกสาร มองลูกชายแล้วถอนหายใจ“มานี่ ข้าจะทำให้ดูอีกครั้ง…แต่พรุ่งนี้เจ้าต้องมัดเองให้ได้นะ จะไปสนามฝึกแบบหัวยุ่งไม่ได้ เดี๋ยวครูฝึกจะหัวเราะเอา”“แต่เขาก็หัวเราะอยู่ดีนี่นา…” อวี้เหอพึมพำเบา ๆ พลางเดินเข้าไปใกล้ขณะเดียวกัน อวี้เหมยบุตรสาวคนโตก็เดินผ่านเข้ามาในลาน สะพายตะกร้าผักไว้ด้านหลัง“ท่านแม่ ท่านพ่อ อวี้เหอแอบเอาขนมไปซ่อนไว้ใต้หมอนอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางรายงานพลางยิ้มขัน ๆ“ข้าแค่…แค่ไม่อยากให้บ่าวเอาไปเก็บ!” เด็กชายรีบเถียงเสียงสูงหลี่อินไม่ได้ว่าอะไร แค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบา ๆ“พอเถอะ เหลือไว้ให้มดเผื่อกินบ้างเถิดลูก…”หลงอวี้จงหัวเราะในลำคอ“แม่ของเจ้ากำลังจะเริ่มเทศน์เรื่อง ‘ของกินที่วางไว้ไม่ถูกที่คือความสูญเปล

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   ตอนพิเศษ 1 ของขวัญจากสวรรค์ในวัยห้าสิบ

    ตอนพิเศษ 1 ของขวัญจากสวรรค์ในวัยห้าสิบหลี่อินมองเงาตนเองในกระจกทองเหลือง ดวงหน้าของหญิงวัยห้าสิบที่มีร่องรอยของการต่อสู้กับชีวิตและความเศร้ามากมาย แต่แววตานั้น…กลับเปล่งประกายอ่อนโยนอย่างที่ตนไม่เคยเห็นในตัวเองมาก่อนเสียงร้องจุ๊กจิ๊กจากเปลไม้ด้านหลังทำให้นางหันกลับไปพร้อมรอยยิ้มหลงอวี้จงเดินเข้ามาพร้อมขันน้ำอุ่นในมือ เขาก้มหน้ามองทารกน้อยที่นอนหลับสนิทในผ้าอ้อม แล้วนั่งลงข้างภรรยา“นางเหมือนเจ้านัก โดยเฉพาะเวลาขมวดคิ้ว” เขาพูดเบา ๆ กลัวจะรบกวนเจ้าตัวเล็กหลี่อินหัวเราะแผ่ว“ท่านไม่ใช่หรือที่บอกว่าลูกชายหน้าเหมือนข้าจนบ่าวแยกไม่ออกว่าลูกใคร แต่คนที่ตะโกนลั่นบ้านตอนรู้ว่าตัวเองจะมีลูกตอนอายุห้าสิบ…ก็ท่าน” หลี่อินหันไปยิ้มเย้าหลงอวี้จงหน้าแดง ไม่กล้าสบตาภรรยา “ข้าแค่ตกใจ…ก็ใครบ้างจะคิดว่าจะมีลูกในวัยนี้ ข้ายังไม่หายตกใจเลย เจ้าคิดดูสิ ข้าเคยสู้ศึก เคยฆ่าคน เคยวางแผนโค่นล้มตระกูลกบฏ เคยเกือบตายเพราะยาพิษ… แต่กลับมาหวั่นไหวเพราะเสียงเด็กร้องกลางดึก”“นั่นเพราะพวกเขาคือสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อ่อนแอที่สุด แต่กลับจับหัวใจข้าไว้แน่นที่สุด”หลงอวี้จงยกมือลูบผมลูกชายที่นอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของเ

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   บทที่ 56 ไม่จำเป็นต้องอธิบายอีกแล้ว

    บทที่ 56 ไม่จำเป็นต้องอธิบายอีกแล้วยามเย็นวันหนึ่ง ขณะที่แสงอาทิตย์โรยลงบนปลายไม้หลี่อินเดินกลับจากตลาด มือหนึ่งหิ้วตะกร้า อีกมือแนบจดหมายในแขนเสื้อกระดาษเพียงแผ่นเดียวไม่ใช่หนังสือหย่าไม่ใช่คำอธิบายแต่เป็นจดหมายจากคนที่เคยเป็นแผลในอดีตซูเจินเนื้อความไม่ยาว มีเพียงไม่กี่บรรทัดว่า นางแต่งงานแล้วกับขุนนางที่เคยเป็นคนที่หลงอวี้จงฝากฝังนางเอาไว้ชีวิตไม่ได้ดีนัก แต่ก็ไม่ได้แย่ส่วนแม่ทัพหลง…นางไม่อยากกล่าวถึงอีกหลี่อินพับจดหมายนั้นเก็บลงลิ้นชักไม้ไม่พูดถึงให้หลงอวี้จงรู้เพราะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้วไม่มีเหตุผลที่ต้องรื้อฟื้น ไม่มีสิ่งใดต้องแข่งขันไม่มีความคาใจ ไม่มี ถ้าหาก…“วันนี้ในตลาดมีสาลี่หวาน พ่อค้าให้มาตั้งหลายลูก”นางเอ่ยขึ้นขณะช่วยเขาล้างถ้วยที่อ่างน้ำเล็กหลังเรือน“เจ้าเคยชอบกินตอนเป็นเด็ก” เขาพูดเรียบ ๆ ขณะตักน้ำรินให้“ข้าเกิดที่เมืองหลวง ท่านอยู่ชายแดน พวกเราไม่เคยได้กินด้วยกันตอนเป็นเด็กเสียหน่อย สับสนกับความทรงจำชาติไหนของท่าน”นางตอบพร้อมรอยยิ้มจาง ๆรอยยิ้มที่ไม่มีอดีตผูกพันแต่มีความอ่อนโยนที่เลือกจะอยู่กับ ปัจจุบันเมื่อค่ำลงแสงโคมในเรือนเล็ก ๆ ริบหรี่เช่นเคย กล

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   บทที่ 55 เพื่อนคู่คิด

    บทที่ 55 เพื่อนคู่คิดกลางฤดูใบไม้ผลิดอกเหมยที่บานผิดฤดูโปรยกลีบลงบนระเบียงไม้ของบ้านหลังเล็กหลี่อินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ใต้ชายคาในมือลูบผ้าปักลายมังกรที่ยังเย็บไม่เสร็จ กลิ่นชาอ่อน ๆ ลอยจากกาน้ำข้างกายเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนจะมีเงาร่างหนึ่งนั่งลงอีกฟากของโต๊ะหลงอวี้จงไม่พูดอะไร เพียงนั่งเงียบอยู่ข้างกัน ราวกับการมีอยู่ของเขานั้น ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีกแล้วเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนกระทั่งนางพูดขึ้น“ยังคิดอยู่หรือ ว่าชาติหน้าจะเกิดใหม่จริง ๆ”เขาเงยหน้าขึ้นแววตานั้นยังคงเป็นดวงตาเดิมที่มองนางในทุกชาติ หากแต่ในตอนนี้ มันนิ่ง สงบ และอ่อนโยนอย่างไม่เคยเป็น“ข้าไม่รู้” เขาตอบตรง “แต่ข้าจำได้ว่าเคยลั่นวาจาไว้…”เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างคนที่ไม่ต้องการคำสัญญาอีก“หากชาติหน้ามีอยู่จริง…ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด อยู่ในฐานะใดข้าจะมองเพียงเจ้าผู้เดียว”หลี่อินนิ่งเงียบไปนานลมหายใจของนางหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย มือที่จับเข็มปักเริ่มสั่นเล็กน้อย“…ท่านจะไม่เหนื่อยหรือ เพียงได้มอง ไม่ได้ขอครอง” เขาตอบเบา ๆ “ข้าไม่เคยเหนื่อย”แสงตะวันเช้าสาดเข้ามาในเรือนอย่างนุ่ม

  • หมากกระดานนี้ ข้าจะพลิกชนะให้ดู   บทที่ 54 ใกล้กันจนผมเริ่มมีสีดอกเลา

    บทที่ 54 ใกล้กันจนผมเริ่มมีสีดอกเลาเสียงด้ายขูดผ่านผืนผ้าเบา ๆแสงอ่อนในยามเช้าเริ่มลอดผ่านบานหน้าต่างไม้ไอเย็นของต้นฤดูใบไม้ผลิแตะผิวแก้มนางอย่างแผ่วเบาหลี่อินยกมือรวบเส้นผมขึ้นอย่างเคยชิน แต่ในจังหวะนั้นเอง ด้านหลังพลันมีเงาร่างหนึ่งยื่นมือมาช่วยเก็บปิ่นปักผมที่ตกลงพื้น“ข้าทำให้ตก…” เขาว่าเบา ๆเสียงนั้นไม่ดังนัก แต่ใกล้มาก ใกล้จนกลิ่นจากชุดคลุมสีหม่นของเขาแตะปลายจมูกนางมือของเขายื่นมาช้า ๆ อย่างลังเลก่อนจะรวบเส้นผมนางขึ้น แล้วใช้ปิ่นปักให้อย่างเบาแรงนางไม่พูดเพียงแต่รู้สึกได้ว่า มือคู่นั้น…เริ่มหยาบขึ้นกว่าที่จำได้เพราะฝึกทำอาหารเองบ่อยขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลี่อินยืนนิ่งและนั่นทำให้เขากล้าก้มลงกระซิบเบา ๆ“เจ้าเห็นไหม…”“เห็นอะไร” นางเอ่ยถามเสียงแผ่วเขาชี้ไปยังข้างขมับตนเอง“ผมข้าเริ่มมีสีขาวปนอยู่หนึ่งเส้น” เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ “เจ้าคงจะบอกว่าไม่แปลก…แต่รู้หรือไม่ว่ามันเป็นเส้นแรกที่ข้าอยู่ข้าง…เจ้า” เสียงเขาแผ่วเบา“แต่มันเพิ่งเริ่มกลายเป็นสีดอกเลา…ก็ในวันที่เราอยู่ใกล้กันมากที่สุด”หลี่อินเงียบ…ความรู้สึกอุ่นแปลก ๆ ค่อย ๆ ไหลซึมขึ้นกลางอกเงาร่างเขายังยืนอยู่ข้างหลัง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status