เธอยอมได้ทุกอย่างเพื่อเขา แม้จะรู้ว่าหัวใจของเขาไม่เคยมีเธอเลยก็ตาม
ดูเพิ่มเติมChapter 1
Wolf Unleashed
POV: Adelina McKenna
I always thought pain had a limit.
A ceiling.
A point where your body just gives up and lets the darkness take you. Where screaming doesn’t matter anymore, because your mind detaches floating above the agony like some merciful ghost waiting to be released.
But no one tells you that your first shift into a wolf breaks that rule.
My mother tried to warn me. She’d seen it once before, in the parking lot of a run-down gas station outside of Ashland. A rogue had collapsed screaming, his bones twisting like they were being pulled by puppet strings. The whole shift took less than a minute.
Mine took hours.
And no one was there.
Just me, the full moon, and the betrayal of my own body.
It began with the itching.
A deep, crawling itch under my skin, like static electricity was building between muscle and bone. I was walking home from a night shift at the diner double apron, grease stains on my sneakers, exhausted to my core.
Then suddenly, I couldn’t breathe.
Not like a little wheeze or a gasp. No. It was like the air had been vacuumed out of my lungs, and all I could do was drop to my knees on the side of the highway, clutching my ribs as fire clawed its way up my spine.
I remember the sound I made. A wounded-animal kind of cry. Not human.
Something in me howled back.
Then came the bones.
They don’t gently bend or ease into place like some romantic shifter movie would have you believe. They crack. They break. They rearrange like an avalanche happening inside your skin. My fingernails split as claws pushed through. My jaw snapped sideways. I screamed until my throat was raw.
And still no release. No shift.
Just agony.
I must have blacked out more than once. When I opened my eyes, I was face down in the grass, my body halfway there. My spine arched in an impossible curve. My skin tore and knitted back together, only to tear again. It was like being birthed through your own body. Every nerve ending was a live wire.
Then it stopped.
And I stood—not on two legs, but four.
Everything was different.
The night was no longer just shadows and stars. I saw the heat of a rabbit in the bushes before it even moved. I heard the heartbeat of a deer grazing nearly a mile away. I smelled oil and rubber from a car that had passed over the asphalt fifteen minutes earlier.
But more than that—I felt everything.
I felt the moon. Like a lover. Like a mother. Like a call I never knew I had been waiting to answer.
Run, it whispered.
So I did.
I ran until my legs burned and my lungs ached—not from pain, but from joy. My paws thundered across the forest floor. Branches whipped past me. Wind sang in my ears. I felt free. No apron, no greasy hairnet, no bills stacked on the kitchen table.
Just the wolf. Wild and unashamed.
But freedom doesn't last.
It never does.
When the sun started to rise, the shift ended as brutally as it began.
One moment I was a queen of the night.
The next, I was naked, shivering, curled under a pine tree and covered in dirt and blood. My blood. I don’t even know where half the cuts came from. Maybe the forest. Maybe my own body turning inside out again.
I remember crawling back toward the road. My hands my real hands scraping across rocks. Every breath was shallow and aching. By the time I reached the shoulder, the morning commuters had started.
No one stopped.
Who would?
Naked girl, looking like she crawled out of a warzone. Probably some cracked-out runaway, they thought. Junkie, maybe.
But one car did stop.
A black SUV with tinted windows.
It didn’t belong in our town. That car screamed money. Aspen kind of money. And when the passenger door opened, and a man in a gray suit stepped out with mirrored sunglasses and the kind of posture you can’t buy at Walmart, I knew deep in my bones that this wasn’t a coincidence.
He handed me a blanket. Said my name like it was already his. “Adelina McKenna?”
I didn’t have the strength to answer.
“You’re being summoned.”
It took three hours for me to warm up enough to ask him what the hell that meant.
He didn’t say much. Just handed me a sealed envelope with a wax sigil I didn’t recognize and returned to the driver's seat.
I opened it with shaking fingers.
TO: ADELINE MCKENNA
You are hereby summoned to Aspen, Colorado, under Order 7 of the Werewolf Accord. Your presence is required within 72 hours to undergo confirmation of the mate bond by the Silver Fang Pack.
Fated Pairing Identified: Alpha Daxon Reyes.
Failure to comply will be seen as forfeiture of status, protection, and pack claim.
Council of Bloodlines, Reyes Dynamics
I read it five times.
My hands trembled. Not from cold. From something worse.
Mate bond?
Alpha?
Daxon freaking Reyes?
I’d seen his face before on Forbes magazine covers, news headlines, tech conferences. Billionaire wolf
. Pack prince. CEO of Reyes Dynamics. He looked like something chiseled from ancient marble and cursed to rule alone.
That was the man they were claiming was my mate?
Me
. Adelina McKenna. The girl who barely scraped together rent. Who hadn't even known she was a wolf until twelve hours ago.
อมีนานั่งเงียบอยู่สักพักเพื่อคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น บางทีเธอก็มีส่วนผิดที่แกล้งพูดให้เขาอยากรู้ จนเขาต้องรีบขับรถมาหาเธอแบบนี้และในครั้งนี้เธอก็มีส่วนผิดไปด้วย จะโทษเขาคนเดียวก็ไม่ได้“มีนมีเรื่องอะไรจะบอกพี่เหรอครับ”หลังจากที่นั่งเงียบและรอให้หญิงสาวใจเย็นลงสักพัก เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งเพื่อว่าเธอจะยอมบอกหญิงสาวไม่ตอบอะไรมีเพียงความเงียบที่เป็นสิ่งปกคลุมบรรยากาศภายในห้อง ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินไปหยิบอะไรบางอย่างออกมา“มีนมีของจะให้ค่ะ”มือบางยื่นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ถูกห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญสีน้ำเงิน ภายนอกดูเรียบหรูแต่ขนาดกล่องกลับเล็กจนน่าแปลกใจใบหน้าหล่อมองกล่องที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัยและแปลกใจในเวลาเดียวกัน แต่ภายในใจเขาก็คิดไปด้วยว่าอะไรจะอยู่ในกล่อง“เปิดดูสิคะ” หญิงสาวเอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม เธอนั่งมองชายหนุ่มที่กำลังแกะกล่องของขวัญอย่างตั้งใจ“มีนท้องใช่ไหม”ทันทีที่แกะออกและได้เห็นแท่งเล็กๆ ที่อยู่ด้านในไคล์ตัลก็เดาได้ทันทีว่าต้องใช่อย่างที่เขาคิดเอาไว้อย่างแน่นอน“ค่ะ พี่ไม่ตื่นเต้นเหรอคะ” หญิงสาวพยักหน้าตอบก่อนจะถามกลับด้วยความแปลกใจ“ไม่ตื่นเต้น แต่พี่
เช้าวันต่อมาเป็นอีกวันที่อมีนาตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบชายหนุ่มที่อยู่ข้างกาย มีเพียงกระดาษโน้ตใบเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงนอนมือบางยื่นไปหยิบกระดาษมาอ่าน เพราะคิดว่าคงจะเป็นข้อความจากชายหนุ่มที่เขียนฝากไว้ให้เธออย่างแน่นอน‘วันนี้พี่มีงานด่วน แล้วจะรีบกลับมาหานะครับ’ทันทีที่อ่านจบใบหน้าสวยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาเคยบอกเธอเอาไว้ว่าถ้าหากเขามีงานด่วนเขาจะเขียนข้อความเอาไว้จะได้ไม่ต้องรบกวนเวลานอนพักผ่อนของเธอหญิงสาวเก็บกระดาษไว้ในลิ้นชักก่อนจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะลงไปเล่นกับไมเนอร์ลูกชายคนเล็กลงมาเล่นกับไมเนอร์ได้สักพักอมีนาก็ขอตัวออกมาซื้อของข้างนอก โดยที่มีคนขับรถพาออกมาเช่นเคย เพราะเป็นคำสั่งของคุณชายที่สั่งเอาไว้ว่าห้ามให้เธอออกไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด“ให้ผมลงไปซื้อให้ไหมครับ” คนขับรถเอ่ยถามเหมือนกับทุกครั้งตามหน้าที่ เพราะข้างนอกอากาศค่อนข้างร้อนมาก“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธก่อนจะเดินลงจากรถและตรงไปยังร้านขายยาที่อยู่ไม่ไกล“ซื้อที่ตรวจครรภ์หน่อยค่ะ” อมีนาเอ่ยบอกสิ่งที่เธอต้องการอย่างไม่ลังเล“ค่ะ”เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็หยิบของใส่ในกระเป๋าส
ห้าวันต่อมาและแล้วก็มาถึงวันที่ทุกคนจะต้องเดินทางกลับ หลังจากที่การเดินทางถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เพราะเด็กๆ ติดใจอยากอยู่ต่อ งอแงไม่ยอมกลับ แต่อมีนาก็พูดคุยกับลูกๆ ให้เข้าใจ จนในที่สุดเด็กๆ ก็ยอมกลับแต่โดยดีคฤหาสน์หลังใหญ่กำลังวุ่นวายและทำอาหารรอต้อนรับเจ้าของบ้านหลังจากที่ไปเที่ยวกันนานหลายวัน ก่อนจะเดินทางกลับคุณหญิงได้โทรบอกแม่บ้านจัดเตรียมอาหารไทยเอาไว้ทั้งคาวและหวาน เพราะรู้ดีว่าทุกคนนั้นคิดถึงอาหารไทยมากแค่ไหนเดินทางมาถึงบ้านในช่วงบ่ายเด็กๆ ก็นอนหลับสบายมาตลอดทาง แต่ทว่าหน้าที่ของคนเห็นแม่เมื่อมาถึงบ้านก็ต้องเก็บของออกจากกระเป๋าให้เรียบร้อย“ทำอะไรอยู่ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอน“มีนเก็บของอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขที่ได้ทำเพื่อลูกๆ และสามี“เหนื่อยไหมครับ พักก่อนก็ได้นะ” ชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง เพราะสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เธอไม่จำเป็นต้องทำเองด้วยซ้ำ แค่เรียกแม่บ้านมาทำให้ก็จบแล้ว“นิดหน่อยค่ะ”“หิวไหมครับ”หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบช่วงนี้เธอกินข้าวไม่ค่อยอร่อย ส่วนใหญ่จะเน้นของทานเล่นมากกว่าอาหาร“วัน
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาการเดินทางไปทำงานต่างประเทศไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับไคล์ตัลอีกต่อไป เพราะการทำงานเป็นแค่เพียงเรื่องเล็กน้อย แต่การได้พาลูกๆ และคนในครอบครัวเที่ยวนั้นเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าทำงานเพียงไม่กี่วันแต่อยู่เที่ยวต่อเกือบหนึ่งอาทิตย์ นานๆ จะได้พาลูกมาเที่ยวก็ต้องอยู่เที่ยวนานๆ ให้คุ้มค่ามากที่สุด“สนุกไหมครับ” ไคล์ตัลหันไปถามลูกๆ ที่เดินตามหลัง หลังจากที่พาไปเที่ยวสวนสนุกที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก“สนุกครับ” มาร์เวลตอบเสียงดัง“สนุกมากเลยค่ะ” ตามด้วยเสียงของมิราที่ยิ้มกว้างมาแต่ไกล“วันนี้เที่ยวสวนสนุกมาทั้เรางวันแล้ว เรากลับบ้านพักกันก่อนดีกว่านะคะ”“ค่ะ รอไมเนอร์โตก่อนแล้วเราค่อยพาไมเนอร์มาเที่ยวสวนสนุกกันอีกนะคะ” มิราสนุกจนอยากจะมาเที่ยวอีกครั้ง แต่ก็ติดตรงที่ว่าอยู่ไกล คงต้องรอน้องโตก่อนค่อยมาเที่ยวด้วยกันคงจะสนุกมากแน่ๆ“ได้ครับ ไว้พ่อจะพามาอีกนะ” ไคล์ตัลตอบลูกสาว“ถ้าคุณพ่อไปทำงานต่างประเทศแบบนี้อีกชวนมิรากับมาร์เวลไปเป็นเพื่อนได้นะครับ” มาร์เวลรีบเสนอตัวเองกับน้องสาวขึ้นมาทันที วันนี้อากาศหนาวหิมะตก ไมเนอร์ยังเด็กก็เลยต้องรอพี่ๆ อยู่ที่บ้านพัก“ได้ครับ” ไคล์ตัลหัวเร
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่ชายหนุ่มไม่ไปทำงานอยู่นานหลายเดือน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องไปทำงานอย่างหนักหน่วงกันแล้ว เนื่องจากบริษัทเติบโตไปในทางที่ดีมากขึ้นและมีคู่ค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ไคล์ตัลก็เลยต้องได้ออกงานและเดินทางไปพบปะและพูดคุยกับคู่ค้าใหม่ๆ อยู่บ่อยครั้ง“เลิกงานแล้วเหรอคะ” อมีนาเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยสีหน้าและท่าทางที่ดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ“วันนี้งานเยอะเหรอคะหรือว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า” อมีนายังคงถามต่อเพราะสีหน้าและท่าทางของไคล์ตัลยังคงแสดงออกอย่างชัดเจนเหมือนกับว่าเขากำลังมีปัญหาอะไรบางอย่าง“เปล่าครับ” ไคล์ตัลปฏิเสธ“แล้วทำไมถึงทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้ด้วยคะ” หญิงสาวยื่นแก้วน้ำดื่มเย็นๆ มาให้ชายหนุ่มได้ดื่ม เพื่อจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง“พอดีมีงานที่ต่างประเทศที่พี่จะต้องไปเคลียร์ แต่พี่ไม่อยากไป” ร่างหน้าดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนจะตอบหญิงสาว“ทำไมถึงไม่อยากไปล่ะคะ” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย เพราะถ้าเป็นเรื่องงานเขาไม่น่าจะมีปัญหาอะไร“ถ้าไปก็ต้องไปหลายวัน พี่ไม่อยากห่างลูก” ไคล์ตัลตอบเสียงเบาตั้งแต่มี
เช้าวันต่อมาหลังจากกิจกรรมปั้มลูกคนสุดท้ายจบลงอมีนาก็หมดแรงและนอนหลับสบายจนลืมเวลาตื่น จนกระทั่งได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่เธอตั้งเอาไว้ในเวลาเก้าโมงเช้ามือบางยื่นไปหยิบโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงดังรบกวนโดยที่เธอเองก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว“พี่ไคล์ตัล” หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มในขณะที่เธอนอนหลับตาอยู่และไม่รู้เลยว่าภายในห้องมีใครอยู่หรือเปล่า แต่ปกติในห้องนอนตอนเช้าก็มีแค่เธอกับเขาที่นอนด้วยกันทว่าในห้องกลับเงียบไร้เสียงตอบรับใดๆ อมีนาจึงลุกขึ้นนั่งและมองสำรวจรอบๆ ห้องนอนแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่ในห้อง“หายไปไหนนะ” หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นเวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอ ทำไมวันนี้เธอถึงได้นอนตื่นสายขนาดนี้นะ“สงสัยจะไปทำงานแล้วแน่เลย”อมีนาคิดไปในทางที่ดีเพราะเมื่อวานได้ยินชายหนุ่มบ่นว่าจะต้องไปทำงาน เธอรีบลุกจากเตียงนอนแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำแต่งตัวทันทีเมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยอมีนาก็ลงมาหาลูกที่ห้องนั่งเล่น เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ไมเนอร์นั่งกำลังเล่นอยู่กับพี่เลี้ยง ส่วนมิราก
ความคิดเห็น