"ถึงพี่จะว่ากระนั้น ข้าก็ต้องขอบน้ำใจพี่ ที่พี่ได้ช่วยข้าหลายครั้งหลายครา" ระย้าแก้วเอ่ยคำขอบคุณ ไอ้สิงห์
"ทูนหัวของบ่าว เรากับเรือนกันเถิดหนาอย่าอยู่ตรงนี้ให้เสียเวลาเลย นี่ก็ดูท่าอีกมินานฝนก็คงจะตก" อีแตงข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของระย้าแก้วรีบพูดแทนผู้เป็นนาย สองเท้าก้าวเดินออกอย่างมั่นใจ ว่าจะไม่หันกลับไปมองไอ้สิงห์ เพราะหากระย้าแก้วหันกลับไป น้ำตาคงได้อาบสองแก้มเป็นแน่ "คุณหนูอย่าร้องไห้เลยหนา อย่าให้ผู้ใดเห็นน้ำตาของคุณหนูอีกต่อไปคุณหนูของบ่าวเข้มแข็ง" "ข้าขอบน้ำใจพี่แตง ยิ่งนักที่อยู่เป็นเพื่อนข้าเสมอ" อีแตงรีบประคองร่างอรชรของระย้าแก้ว นายทูนหัวที่มันรักหนักหนา มาให้พ้นจากตลาด ลัดเลาะมาจนถึงน้ำตกท้ายหมู่บ้าน ทางผ่านกลับบ้านของระย้าแก้วซึ่งน้ำตกกับบ้านของระย้าแก้วห่างกันไม่ถึงห้าสิบก้าว เรียกว่าใกล้มาก "พี่แตงไปที่เรือนก่อนเถิดหนา ข้าขอนั่งเล่นที่ชิงช้าเถาวัลย์สักครู่" หากข้าสบายใจขึ้นข้าจักได้กลับเข้าเรือน "คุณหนูจะเอาเยี่ยงนั้นก็ได้เจ้าค่ะ แต่อย่านานนักหนานะเจ้าคะ หากแม่นายศรีไพรตามหา บ่าวจักถูกเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่" "มินานดอกพี่แตง หากข้าสบายใจขึ้น ข้าจะรีบกลับเรือนทันที" อีแตงรีบเดินกลับเข้าเรือน เพื่อไปเตรียมสำรับอาหารให้กับระย้าแก้ว ต่อให้ระย้าแก้วกลับเข้าไปเรือนตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นโดนแม่นายศรีนวลเอ็ดเป็นแน่ เหตุเพราะกลับมาทีไร ก็หนีไม่พ้นจักต้องร้องไห้กลับมาทุกครา เหตุเดียวที่ทำให้ระย้าแก้วร้องไห้ได้นั้นก็คือเรื่องของไอ้สิงห์ผู้เดียวเท่านั้น ไอ้สิงห์ที่พยายามจะสลัดจันทร์แรม ให้พ้นทางเสียทีเพราะตั้งแต่คบกัน มาไปมาหาสู่กับนาง นางเริ่มมีอาการแสดง ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึงหวงไอ้สิงห์กับสตรีนางอื่นไปทั่ว จนไอ้สิงห์รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจแต่ก็ยังมิได้ตัดขาดนางจันทร์แรมเสียทั้งหมด "พี่สิงห์ไปเดินดูของอย่างอื่น เป็นเพื่อนข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ นานๆข้าจะมาตลาดเสียที"นางจันทร์แรมใช้สองมือควงแขนของไอ้สิงห์ "จันทร์แรม เจ้าอย่าทำเยี่ยงนี้เลย นี่มันกลางตลาดหากคนอื่นพากันเอาไปพูด เจ้าจะเสียหายได้หนาปล่อยแขนพี่เถิด" ไอ้สิงห์รีบเอ่ยห้ามปาม "ใครจะพูดเยี่ยงไร ก็ช่างหัวมันปะไรเล่า ก็ข้ารักพี่ พี่ก็รักข้ามิใช่หรือ ข้าจะสนใจผู้อื่นไปใย" ไอ้สิงห์ที่นับวัน ได้ฟังคำพูดของจันทร์แรม ราวกับแม่หญิงตลาด ที่มิได้ผ่านการอบรมกุลสตรีใด ๆ มาเลย นับวันยิ่งทำให้ไอ้สิงห์อยากจะตีตัวออกห่าง มันคงจะจริงอย่างที่ไอ้ดำได้พูดกล่าวเตือนเขาก่อนหน้านี้เป็นแน่ แต่หากเขายังมิได้เห็นกับตาเขาก็มีอาจจะตัดนางจันทร์แรมไปได้ "พี่สิงห์ พี่สิงห์ ..!! ไอ้เผือกควายตัวโปรดของพี่มันกำลังจะคลอดลูกนะพี่รีบกลับไปดูเถิด" เสียงไอ้ดำตะโกนลั่นตลาดโวยวายเรียกไอ้สิงห์ให้รีบกลับไปดูอีเผือก "มึงว่ากระไรหนาไอ้ดำ..!" ไอ้สิงห์แกล้งทวนคำของไอ้ดำทันทีเพราะมันก็กำลังหาข้ออ้างที่จะไม่อยู่กับนางจันทร์แรม "อีเผือกกำลังจะคลอดลูกข้าเลยอยากให้พี่ไปดู" "ได้สิ งั้นมึงกับกูไปกันเลย" "แม่จันทร์ข้าต้องขอตัวก่อนหนา" พูดจบไอ้สิงห์ก็ใช้มือหนาแกะมือเรียวของนางจันทร์แรมที่เกาะแขนของเขาออกอย่างไม่ใยดี ไอ้ดำและไอ้สิงห์รีบวิ่งมาจนพ้นจากตลาดก็ไกลโขอยู่ไอ้สิงห์หยุดพักและหรี่ตา หันกลับไปมองที่ไอ้ดำยังเจ้าเล่ห์ "มึงโกหกกูใช่หรือไม่ไอ้ดำ อีเผือกมันต้องคลอดลูกอีกตั้ง 2-3 เพลาถึงจะออกลูก" "แห่ ๆ พี่ก็ถ้าอุตส่าห์ทำเนียนแล้วหนาพี่ยังจับได้อีกหรือ" "แต่ก็ขอบน้ำใจเอ็งยิ่งนัก ที่ช่วยข้าออกมาจากนางจันทร์แรม ข้าเริ่มรู้สึกเอือมระอานางเหลือทน แต่มิรู้จะสลัดนางให้ออกไปเยี่ยงไรดี" ไอ้สิงห์เองก็เริ่มจะปวดหัวกับนางจันทร์แรมขึ้นทุกวัน "เอาไว้คาดคิดแผนเด็ด ๆ ออกเมื่อไหร่ข้าจะรีบบอกพี่หนา เพราะข่าวของนางจันทร์แรมเรื่องอื้อฉาวเต็มไปหมด" "หากพี่จับนางได้คาหนังคาเขาสักวันหนึ่งนางจะไม่กล้ามาเข้าใกล้พี่อีกเลยเชื่อข้าเถอะ" ไอ้ดำรีบออกความคิดของตนให้กับผู้เป็นนายอย่างไอ้สิงห์ "กูก็หวังเช่นนั้น เมื่อก่อนกูไม่รู้ผีห่าซาตานตนใดบังตากูให้ไปหลงรักนางได้" ไอ้สิงห์ตัดพ้อ "แล้วพี่จะกลับเดือนเลยหรือไม่" "ยังหรอกเดี๋ยวกูขอไปทำกิจ ของกูสักพักกูจะรีบตามกลับไป" พูดจบไอ้สิงห์ก็เร่งเก้าฝีเท้าไป ตรงน้ำตกหลังหมู่บ้านเพื่อไปหาระย้าแก้ว แม้มันจะไม่มีเหตุผลที่จะพบเจอระย้าแก้วก็ตาม แต่มันก็ยังต้องการไปหาหล่อน มันเดินมาได้ไม่นานนักก็มาถึงน้ำตก มันหันไปมองตรงเถาวัลย์ที่ประจำของระยะแก้วมักจะนั่งเล่นอยู่ ภาพที่มันเห็นตอนนี้คือระย้าแก้วนั่งร้องไห้ตาบวมแดงทั้งสองข้างน้ำตาหยดใส ๆ ไหลเต็มสองแก้ม เมื่อก่อนเขาไม่เคยห่วงใยว่าระย้าแก้วจะรู้สึกเยี่ยงไรแต่เหตุใดตอนนี้เขาจึงรู้สึกเจ็บปวด และหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นระย้าแก้วจะต้องร้องไห้เพราะตน "เอ็งจักมานั่งอ่อยเหยื่อผู้ใดเล่า"ไอ้สิงห์ที่อยากจะปลอบใจ แต่กลายเป็นประชดประชันระย้าแก้วแทนทุกครั้งอยู่ร่ำไป "พี่สิงห์มาทำกะไรที่นี่"ระย้าแก้วที่ได้เห็นหน้าไอ้สิงห์ก็รีบเช็ดน้ำหูน้ำตาทันที "ข้าจักมาทำกะไรมันก็เรื่องของข้า แล้วเอ็งเล่าเหตุใดมิกลับเข้าไปที่เรือน มานั่งอยู่ผู้เดียวกงนี้ รู้นึไม่ว่ามันอันตราย" "เรื่องของข้าเถิด พี่ไปดูแลแม่จันทร์แรมของพี่ อย่ามานั่งประชดประชันข้าเยี่ยงนี้เลย"แค่นี้หัวใจก็บอบช้ำเหลือทน "เดี๋ยวนี้เอ็งปากกล้าขึ้นเยอะนะ" "ข้ามิได้ปากกล้า ข้าเห็นพี่เกลียดข้ายิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ ข้าก็มิรู้ว่าถ้าจะทำเยี่ยงไร ให้พี่ชอบข้าขึ้นมาบ้าง" ไอ้สิงห์ที่ได้ยินคำสารภาพรัก จากปากของระย้าแก้วเป็นประจำ มันก็หยิ่งทรนง มักจะทำร้ายจิตใจของ ระย้าแก้วไม่ว่าจะเป็นคำพูด หรือการกระทำ มันก็ไม่เคยสนใจ มันจึงได้นึกพิเรนขึ้นมา "หากเจ้าสามารถนั่งรอข้ากงนี้ได้จนถึงรุ่งเช้า มิไปที่ใดเลย ข้าอาจจะเห็นใจ รักเอ็งบ้างก็ได้" ระย้าแก้วที่ได้ยินเช่นนั้น ก็มิคิดอันใดตอบตกลงทันควัน แม้เวลานี้จะโพล้เพล้ใกล้ค่ำ แลดูท่าเหมือนฝนก็กำลังจะตกลงมา "ได้หากข้าสามารถนั่งรอพี่กงนี้ได้จนถึงรุ่งเช้าพี่สัญญาได้หรือไม่ ว่าพี่จะเลิกเกลียดข้า ไม่ถึงกับต้องรักข้าตอบกลับ แต่อย่าพูดจาทำร้ายจิตใจข้าเยี่ยงที่ผ่านมาได้หรือไม่..?" ระย้าแก้วรีบร้องขอและบอกข้อเสนอกับไอ้สิงห์ "หากเอ็งทำได้เยี่ยงปากพูด ข้าจะเลิกเกลียดเอ็ง แต่ข้าคงมิรับรักคนอย่างเอ็งดอก แลรุ่งเช้าข้าจักมารับเอ็งที่นี่ด้วยตัวเอง "พูดจบไอ้สิงห์ก็เดินจากไปโดยมิได้ไตร่ตรองว่าตนเองได้พูดสิ่งใดออกไประย้าแก้วพอเที่ยวจนหนำใจจึงชวนอีแตงและพ่อพระพรายกลับเรือน เพราะแดดเริ่มแรงมาก ทั้งสามจึงเดินกลับไปที่ท่าเรือ เพื่อจะขึ้นเรือกลับไปที่เรือนของระย้าแก้ว"วันนี้น้องสนุกมากเลยเจ้าค่ะ พี่พระพราย"ระแก้วยิ้มอารมณ์ดี"เจ้าสนุกพี่ก็ดีใจ พี่ไม่อยากเห็นเจ้าทุกข์ใจ ไม่ว่าเรื่องอันใดก็ตาม เจ้ามิเหมาะที่จะร้องไห้หนาระย้าแก้วของพี่"ระย้าแก้วที่เห็นความจริงใจและความใส่ใจของพระพรายที่มีต่อเธอ เธอรู้สึกขอบคุณที่พระพรายเอ็นดูและเมตตาเธอเช่นนี้ไอ้สิงห์ที่เห็นพระพรายและระย้าแก้ว พากันขึ้นเรือจากท่าน้ำที่ตลาด มันจึงเร่งให้ไอ้ดำเดินตามและเตรียมออกจากตลาดเช่นกัน วันนี้มันจะต้องคุยกับระย้าแก้วให้ได้ มิว่าเกิดอันใดจักเกิดขึ้นก็ตาม"พี่จักรีบไปที่ใดกันเล่า" ไอ้ดำรีบเอ่ยถามเห็นท่าทีรีบร้อนของไอ้สิงห์"กูจะรีบไปที่ท่าเรือ มึงก็รีบตามกูมาเถิดกูมีบางอย่างจักต้องทำ"แต่พูดยังไม่ทันจบก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งให้ไอ้สิงห์มีเหตุเมื่อเจอนางจันทร์แรมที่กลางตลาด"พี่สิงห์..! พี่หายหน้าหายตาไปที่ใดมา เหตุใดพี่จึงมิไปหาข้าบ้างเลยเล่า"นางจันทร์แรมที่ทำท่าทีระริกระ
วันนี้ระย้าแก้วใช้เรือลำใหญ่ของพระพรายที่มีหลังคาบังแดด บังฝนได้ เป็นอย่างดีพร้อมกับฝีพายและอีแตงบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์"วันนี้แดดดีเสียจริงหนาพี่พระพราย"ระย้าแก้วนั่งพูดคุยสนุกสนาน เป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน ที่ระย้าแก้วกลับมาพูดและดูสดใส"หากแดดแรงเช่นนี้ เจ้าก็ระวังผิวของเจ้าเสียหน่อยเถิด ตอนเดินในตลาดให้อีแตงกางร่มให้เจ้าหนา" พระพรายเป็นห่วงระย้าแก้วแต่เหมือนความบังเอิญและโชคชะตาอยากจะเล่นตลกทำให้คนที่มิอยากเจอ ก็เจอ แม้จะอยู่กลางคูน้ำก็ยังได้เจอ เรือของไอ้สิงห์พายตีคู่ประกบเรือของพ่อ พระพรายแม้จะไม่เห็นหน้าของระย้าแก้วเพราะมีผ้าไหมบาง ๆ กั้นแต่มันก็มองเห็นลาง ๆ และจำได้มิเสื่อมคลาย"ไอ้ดำ.! มึงพายไปใกล้ ๆเรือของมัน" ไอ้สิงห์สั่งเสียงเหี้ยม"เราจักพายไปใกล้เรือของมันทำไมกันเล่า"พี่ไอ้ดำเอ่ยปากถามอย่างสงสัย"เออ..กูสั่งให้มึงพายก็พายไปเถอะ กูก็อยากจะตีคู่เรือของหน้าอ่อนอย่างมันเช่นไรเล่า"ไอ้สิงห์ที่พาลจะหาเรื่องพ่อพระพราย มันก็สู้มิถอยยิ่งเห็นว่าพระพรายมากับแม่ระย้าแก้วมันยิ่งรู้สึกหงุดหงิดอยากจะเอาชนะให้ได้"ว้าย..! เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ เหตุใดเรือจึงโคลงเคลงเช่นนี้เล่า"เสียงอีแตงร
"หากหลังจากนี้น้องจะต้องเดินทางอีก 3 วันข้างหน้า น้องต้องรักษาตัวให้ดี เตรียมข้าวของให้พร้อมการเดินทางข้างหน้าอีกยาวไกล ใช้เวลาหลายวันโขกว่าเราจะถึงตัวเมืองสุโขทัย พระพรายพูดเสริม"น้องจักเตรียมตัวให้ดีเจ้าค่ะ คุณพี่มิต้องเป็นห่วงน้องดีขึ้นมากแล้ว ทั้งงกายแลใจ" ระย้าแก้วตั้งใจแน่วแน่ที่จะตัดใจจากไอ้สิงห์ แม้ทั้งหัวใจยังคงรักและอาลัยแต่ตอนนี้นางกลับมิแสดงอาการใดๆออกมา"ถ้าทั้งหมดเห็นพ้องต้องกัน เช่นนั้นลูกก็ไปเตรียมตัวเถิด แม่กับพ่อจะเตรียมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ทั้งยาแลสมุนไพร ให้กับลูกแลพ่อพระพรายเพื่อออกเดินทางกว่าจะถึงสุโขทัยก็ใช้เวลา 3-4 วัน""ลูกขอบน้ำใจคุณพ่อกับคุณแม่ ที่รักและเป็นห่วงความรู้สึกของลูกเหนือสิ่งอื่นใด""ไปเถอะลูก ไปใช้ชีวิตในแบบที่เจ้าอยากจะใช้ พ่อมิอาจห้ามลูกได้หนา" พร้อมกับลูบไปที่หัวลูกสาวด้วยสายตาเอ็นดู"ขอบน้ำใจเจ้าค่ะคุณพ่อ"หลังจากพูดคุยกันจบ พระพรายได้ฝากท้องที่เรือนของระย้าแก้ว ก่อนหน้านี้แทบจะทุกวัน พระพรายคลุกคลีกับระย้าแก้วไม่ห่างระย้าแก้วเตรียมตัวเตรียมใจที่จะจากบ้านเรือนที่ตนรักและพ่อแม่ที่รักตนมาก นางนั่งถอดถอนหายใจรู้สึกใจหาย ถึงแม้นางจะอายุเ
เสียงดังเอ็ดตะโรลั่นสวนลั่นทมของระย้าแก้วกำลังเป็นที่ดึงดูดความสนใจ ของเราบรรดาข้าทาสบริวารในเรือน เพราะเสียงระย้าแก้วทะเลาะกับไอ้สิงห์เสียงดังลั่น จังหวะนั้นพระพรายที่มาเยี่ยมไข้ระย้าแก้วมาตลอด ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง เดินลงเรือนมา ตั้งใจจะเอาขนมมาฝากระย้าแก้ว ที่สวนดอกลั่นทมพอดี"นั่นมึงทำกระไรแม่ระย้าแก้ว ..!! ไอ้สิงห์ปล่อยนางบัดเดี๋ยวนี้" พระพายที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาระย้าแก้วที่ติดพันธนาการภายใต้ร่างใหญ่ของไอ้สิงห์"ที่แท้ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง ไม่อยากได้ข้าเป็นผัว ก็เพราะมีผู้ชาย หน้าละอ่อนเยี่ยงไอ้เวร..! นี่ เทียวไล้เทียวขื่อ จนหัวกระไดไม่แห้งเยี่ยงนี้นี่เอง"ไอ้สิงห์พ่นคำร้ายๆใส่ระย้าแก้ว"ปล่อยข้าบัดเดี๋ยวนี้ ข้ามิต้องการเห็นหน้าคนอย่างพี่อีก ออกไปจากเรือนข้าซะ"ระย้าแก้วก็ไม่ยอมแพ้ให้กับคนนี้ใส่เสียและหยิ่งทรนงเช่นไอ้สิงห์ดั่งเก่าก่อน"กูบอกให้มึงปล่อยมือ แม่ระย้าแก้วอย่างไรเล่า หากมึงมิปล่อยแม่ระย้าแก้ว มึงได้มีเรื่องกับกูเป็นแน่.!"พระพายก็โมโหเลือดขึ้นหน้าที่ไอ้สิงห์ไม่ให้เกียรติระย้าแก้ว"กูปล่อยก็ได้..!แต่มึงจำไว้ความรักทั
ไอ้สิงห์ก้าวเดินไปตามทาง พร้อมกับหันไปเห็นร่างอรชรที่กำลังนั่งร้อยมาลัย รับลมอยู่กลางศาลาน้ำ เหล่าฝูงปลาแหวกไหว้ ดอกลั่นทมตามสะพรั่งทั้งสวน หัวใจของมันรู้สึกสั่นไหว มันมิรู้จักสู้หน้าระย้าแก้วเช่นไรเพราะบัดนี้นางได้เปลี่ยนไปสิ้นตั้งแต่วันที่มันได้เห็นแววตาคู่นั้นที่ว่างเปล่า "ระย้าแก้วเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง"เสียงแผ่วเบาราวกับสายลมจากปากของไอ้สิงห์ ระย้าแก้วที่ได้ยินเสียงคุ้นหู จึงหันกลับไปมองเจ้าของเสียง ในขณะที่สองมือยังคงร้อยมาลัยดอกลั่นทม นางปรายตามองไอสิงห์ด้วยสายตาที่เรียบเฉยไม่มีความรู้สึกหลงเหลืออยู่ในดวงตาผู้สวย "ลมอันใดหอบพี่มาที่นี่เล่า เหตุใดวันนี้พี่จึงมาเรือนของข้าได้..พี่มาผิดเรือนหรือไม่..? ข้าจะต้องขออภัย ที่ไม่สามารถต้อนรับพี่ได้ในเพลานี้ พี่กลับไปเสียเถิด" ในรอบหลายวันนี่เป็นประโยคยาวๆ ประโยคแรกที่ระยะแก้วได้พูด ระย้าแก้วปรายตามองไอ้สิงห์เพียงแวบเดียวแล้วหันกลับไปร้อยมาลัยดอกลั่นทมต่อ ปากก็พูดแต่มิหันไปมองหน้าไอ้สิงห์เลย "เอ็งไม่ต้องไล่ข้าดอก ข้าแค่อยากจะมาดูว่าเอ็งตายหรือยัง เพราะเห็นข่าวว่าจับไข้เสียหลาย"ว
มือหนาเย็นเฉียบ โอบกอดไปที่ร่างอรชรที่ไร้สติ แม้คนข้างหลังจะห้ามปรามไอ้สิงห์ ให้วางร่างของ ระย้าแก้วลง แต่มันกลับดื้อดึงไม่ยอมปล่อยและเดินตรงกับเรือนอย่างรวดเร็ว ไอ้สิงห์ก้าวขึ้นเรือนของพ่อหมอไทยด้วยความช่ำชองแล้วตรงเข้าห้องของระย้าแก้วทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดมันจึงรู้ว่าห้องไหนเป็นของนาง"ขอบน้ำใจพ่อสิงห์ ที่อุตส่าห์อุ้มลูกสาวข้า มาส่งถึงที่เรือน หากแต่มิมีอันใดน่าเป็นห่วงแล้ว พ่อกลับเรือนของพ่อเถิด" พ่อหมอไทยเอ่ยปากไล่ไอ้สิงห์ทันที"แต่ว่า...!!!" ไอ้สิงห์จะเอ่ยปาก ขออยู่รอดูอาการของระย้าแก้ว แต่กลับมิมีโอกาส"ถือว่าข้าขอพ่อสิงห์สักครั้งเถิด พ่อกลับเรือนของพ่อไปก่อนหนา ให้ข้าได้รักษาลูกสาวข้าด้วยเถิด" พ่อหมอไทยส่ายหัวไปมาอย่างผิดหวังไอ้สิงห์จำใจต้องลุกขึ้น เดินออกจากเรือน พร้อมกับความรู้สึกผิดพรั่งพรู ในหัวใจของมันตีกันวุ่นไปหมด ไอ้สิงห์เดินลงมายืนอยู่ตรงหน้าเรือนอย่างสงบนิ่งพาลคิดทบทวนเรื่องราวมากมายของตนเอง พร้อมกับปลายตาหันกลับไปมองชายคาห้องของระย้าแก้ว"กลับเรือนเถิดพี่สิงห์ ประเดี๋ยวเอาไว้แม่ระย้า
"พี่สิงห์..พี่สิงห์..!! อยู่ที่ใด พี่เกิดเรื่องใหญ่แล้ว..!!"เสียงไอ้ดำวิ่งหน้าตั้ง มาตั้งแต่ไก่โห่ฟ้ายังมิสางดี"มึงแหกปากทำกระไรแต่เช้าฮึ..ไอ้ดำ คนในเรือนของข้ามิกันตกใจหมดรึ..ถ้าหากมันมิสำคัญเยี่ยงที่มึงกล่าวกูจะสั่งเฆี่ยนมึงให้หลังลายไอ้ห่านี่..!!!"พี่สิงห์ไปกับข้าเถอะ อย่ามัวชักช้า"ไอ้ดำที่วิ่งขึ้นเรือนไปอย่างรีบร้อนลนลาน พอไปถึงตรงชานเรือนที่ ไอ้สิงห์อยู่มันรีบจูงมือไอ้สิงห์ลงเรือนทันที"เอ็งจะพาข้าไปที่ใด ให้ข้าได้ใส่ผ้าผ่อนให้มันเรียบร้อยเสียก่อนเถอะ""จ้ะพี่งั้นพี่รีบไปเลย ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้ พี่เชื่อข้าสักครั้งเถอะ"ไอ้สิงห์ที่ใส่เสื้อเรียบร้อย มันก็รีบเดินลงเรือนไปพร้อมกับไอ้ดำ ทั้งที่มันยังไม่รู้เลย ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นเหตุใดจึงใหญ่โต ขนาดที่ไอ้ดำมาที่เรือนแต่เช้ามืด"พี่พูดอันใดกับคุณหนูระย้าแก้ว เอาไว้เมื่อวานนี้หรือไม่..ขอรับ? ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้วหนา"ไอ้ดำที่เดินไปด้วยพูดไปด้วย"เมื่อวานข้าพูดอันใดกับนาง..?เกิดอันใดขึ้นมึงเล่ามาให้ละเอียดทีเถิด"ไอ้สิิงห์เริ่มมีท่าทีร้อนรน
คำพูดที่พล่อย ๆ พูดโดยมิไตร่ตรอง พูดโดยไมิคิด ไอ้สิงห์มิรู้เลยว่า คำพูดของมันนั้นมีความหมายกับหัวใจของระย้าแก้วมากเพียงใด ระย้าแก้วจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจักนั่งรอไอ้สิงห์จนถึงเช้าดังเช่นที่ไอ้สิงห์ได้ลั่นคำ"ได้หากพี่รับปากข้าเช่นนั้น ข้าจะทำให้พี่ได้เห็น ว่าข้าจักมิผิดคำพูดกับพี่ แม้สักนิดเดียว"ระย้าแก้วตะโกนไล่หลัง"หากเอ็งทำได้เยี่ยงปากพูด ข้าจักทำตามคำพูดเช่นกัน"ไอ้สิงห์คิดอยู่ภายในใจว่าแม่หญิงอย่างระย้าแก้วนั้นมิอาจทำได้ดั่งเช่นคำที่พูดดอกผ่านมาหลายชั่วยาม ระย้าแก้วยังคงนั่งอยู่ที่เถาวัลย์ชิงช้า โดยมิลุกไปที่ใด จนเป็นที่ผิดสังเกตของแม่ศรีนวลและพ่อหมอไทย"อีแตง..! คุณหนูของมึงอยู่ที่ใดกันเล่า เหตุใดจึงยังมิกับเรือน.?" แม่ศรีนวลหันไปถามบ่าวคู่ใจของระย้าแก้ว"คุณหนูขอนั่งเล่นกง น้ำตกหนาเจ้าคะแม่นาย หากแต่บอกว่าจะกลับไม่นานนักเจ้าค่ะ""แต่นี่มันก็หลายชั่วยามแล้วหนา พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าอยู่แล้ว เหตุใดนางจึงยังมิกลับ" มารดาอย่างแม่ศรีนวลเริ่มกับวันกระวายเป็นห่วงลูกสาว"กระนั้นบ่าวขออนุญาตแม่นาย ไปตามคุณหนูหนาเจ้าคะ."อีแตงรีบเสนอตัว"มึงชักช้าอยู่ใยเล่า รีบไปเถิด" พ่อหมอไทยเอ่ยปากแท
"ถึงพี่จะว่ากระนั้น ข้าก็ต้องขอบน้ำใจพี่ ที่พี่ได้ช่วยข้าหลายครั้งหลายครา" ระย้าแก้วเอ่ยคำขอบคุณ ไอ้สิงห์"ทูนหัวของบ่าว เรากับเรือนกันเถิดหนาอย่าอยู่ตรงนี้ให้เสียเวลาเลย นี่ก็ดูท่าอีกมินานฝนก็คงจะตก" อีแตงข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของระย้าแก้วรีบพูดแทนผู้เป็นนายสองเท้าก้าวเดินออกอย่างมั่นใจ ว่าจะไม่หันกลับไปมองไอ้สิงห์ เพราะหากระย้าแก้วหันกลับไป น้ำตาคงได้อาบสองแก้มเป็นแน่"คุณหนูอย่าร้องไห้เลยหนา อย่าให้ผู้ใดเห็นน้ำตาของคุณหนูอีกต่อไปคุณหนูของบ่าวเข้มแข็ง""ข้าขอบน้ำใจพี่แตง ยิ่งนักที่อยู่เป็นเพื่อนข้าเสมอ"อีแตงรีบประคองร่างอรชรของระย้าแก้ว นายทูนหัวที่มันรักหนักหนา มาให้พ้นจากตลาด ลัดเลาะมาจนถึงน้ำตกท้ายหมู่บ้าน ทางผ่านกลับบ้านของระย้าแก้วซึ่งน้ำตกกับบ้านของระย้าแก้วห่างกันไม่ถึงห้าสิบก้าว เรียกว่าใกล้มาก"พี่แตงไปที่เรือนก่อนเถิดหนา ข้าขอนั่งเล่นที่ชิงช้าเถาวัลย์สักครู่" หากข้าสบายใจขึ้นข้าจักได้กลับเข้าเรือน"คุณหนูจะเอาเยี่ยงนั้นก็ได้เจ้าค่ะ แต่อย่านานนักหนานะเจ้าคะ หากแม่นายศรีไพรตามหา บ่าวจักถูกเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่""มินานดอกพี่แตง หากข้าสบายใจขึ้น ข้าจะรีบกลับเรือนทันที"อีแ