ร้านพี่แมว
เช่นเดิมพี่แมวสาวประเภทสองสวยเฉี่ยวสุดมั่นแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมายืนรอรับทั้งสองคนเช่นเดิมด้วยท่าทางระริกระรี้ดีอกดีใจ
“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะพี่แมว”
“สวัสดีค่ะบ่าวสาวทั้งสองอุ๊ยนี่ไปเข้าคอร์สเจ้าสาวมาหรือเปล่าคะเนี่ยผิวดูเปล่งปลั่งขึ้นนะคะ”
จอมทัพหันขวับไปมองหน้าของว่าที่ภรรยาตัวเองในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดพี่แมวเป็นจังหวะเดียวกับที่อรฤดีก็หันมามองหน้ากับว่าที่สามีของตัวเองเช่นกันก่อนจะขำแห้งๆ ออกมา
“ช่วงนี้อรเข้าฟิตเนสนะคะพอดีรู้สึกว่าเหนื่อยง่ายนิดหน่อย”
“รักสุขภาพแต่น้องอรผิวดีอยู่แล้วนะคะดูสิเนี่ยผิวดี..ผิวดีใช่ไหมคะ น้องจอมทัพ”
“อะ อืมม ครับ”
เมื่อโยนมาขนาดนี้ก็คงต้องเล่นด้วยไปตามน้ำไม่อย่างนั้นคงเรื่องถึงหูพ่อกับแม่ของเขาแน่นอน
“เดี๋ยวเชิญด้านในเลยนะคะพี่แมวเตรียมทุกอย่างไว้ให้เสร็จสรรพพร้อมหมดแล้วค่ะทั้งช่างแต่งหน้าช่างทำผมวันนี้ต้องโพสต์ท่าเหมือนว่าเป็นวันจริงเลยนะคะ”
พี่แมวบรีฟคู่ว่าที่บ่าวสาวก่อนที่จะเริ่มงานจริงเนื่องจากได้รับคำสั่งจากทั้งครอบครัวพิบูลย์ลักษณ์และครอบครัวเศรษฐศิริว่าต้องให้ออกมาดูดีที่สุดซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่ใช่งานยากอะไรเพราะคู่บ่าวสาวนั้นหน้าตาดีราวกับดารานางแบบกันอยู่แล้วจะเหลือก็คงมีเพียงแต่ความสามัคคีฉันท์สามีภรรยากันเท่านั้น
“เอาล่ะค่ะถ้าอย่างนั้นเริ่มจากการเปลี่ยนชุดก่อนนะคะแล้วออกมาแต่งหน้าทำผม เริ่มค่ะ!..”
เมื่อพี่แมวให้สัญญาณพนักงานก็ถือชุดเดินกรูกันเข้ามารายล้อมตัวคนทั้งสองแล้วพากันแยกห้องไปลองชุดและแต่งหน้าทำผมคนละห้องช่างมืออาชีพทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดีไม่นานเสื้อผ้าหน้าผมของจอมทัพและอรฤดีก็เสร็จสมบูรณ์จัดว่าเพอร์เฟคเลยก็ว่าได้
“น้องอรนี่โชคดีจริงๆ เลยนะคะที่ได้น้องจอมเป็นสามี ทั้งหล่อทั้งรวยการศึกษาก็ดีเลิศเลอเพอร์เฟคขนาดนี้วาสนาของน้องอรจริงๆ เลยค่ะ”
พี่แมวถึงกับตะลึงในความหล่อคมคายของเจ้าบ่าวเมื่อเยินยอกันเสร็จแล้วก็ฉวยโอกาสจับนิดหน่อยก่อนจะพากันเดินออกมา
“…ชุดไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอคะพี่แมว”
จอมทัพหันไปตามเสียงใสที่คุ้นหูแล้วก็เป็นอีกครั้งที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุนเมื่อเธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาชุดแต่งงานที่เรียบหรูโชว์เนื้อหนังมังสาได้อย่างพองามใบหน้าที่แต่งแต้มสีสันได้อย่างลงตัวทุกอย่างเหมือนมีมนต์สะกดให้ชายหนุ่มไม่อาจละสายตาออกไปจากภวังค์ตรงหน้าได้เลย
“ไม่เลยค่ะน้องอรดีมากดีที่สุด..สวยที่สุดเลยค่ะทุกคนเก่งมาก แปะ แปะ แปะ “
แปะ แปะ แปะ พี่แมวยกมือขึ้นปรบมือให้กับช่างแต่งหน้าทำผมทุกคนที่ยืนมองอรฤดีอยู่ข้างหลังด้วยความภูมิใจในผลงานฝีมือของตัวเองที่มันช่างสมบูรณ์Perfectเสียจนทำเอาชายหนุ่มตะลึงตาค้างจนเก็บอาการไม่อยู่
“งั้นเราไปถ่ายรูปกันดีกว่าค่ะ วันนี้อาจจะต้องเหนื่อยหน่อยนะคะเพราะว่าพวกคุณท่านดูไว้หลายชุดเลยค่ะ กำชับพี่แมวว่าต้องให้ถ่ายหลายๆ เซ็ตด้วย พี่แมวไม่มีปัญหานะคะ”
แค่ได้ยินคู่บ่าวสาวก็แทบจะเข่าทรุดลงพื้นแค่ชุดเดียวนี่ก็เหลือจะทนแล้วจะถ่ายอะไรนักหนาอันที่จริงไม่เห็นจำเป็นเลยด้วยซ้ำแต่งกันไปไม่นานเดี๋ยวก็ต้องเลิกกันอยู่ดี
“ชิดกันอีกนิดนะคะบ่าวสาว รักกันๆ”
พี่แมวเดินเข้าไปขยับตัวของว่าที่เจ้าบ่าวให้แนบชิดกับเจ้าสาวขึ้นมาอีกเพราะตอนนี้ทั้งสองยืนห่างกันจนแทบจะหลุดเฟรม
หมับ..!
“ไม่ต้องชิดขนาดนี้ก็ได้มั้งครับพี่แมว”
พี่แมวจับมือของจอมทัพมาโอบไหล่ของอรฤดีเอาไว้เล่นเอาเธอทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียวแถมยังทำหน้าพะอืดพะอมพูดออกมาเสียงเบาแต่หน้าตานี่แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากจะอยู่ใกล้คนข้างๆ มากขนาดไหนแต่ยิ่งเห็นแบบนั้นว่าที่เจ้าบ่าวของเราก็ยิ่งรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาทันที
“นี่คุณมันจะเกินไปแล้วหรือเปล่า”
“อะไรล่ะคุณผมก็แค่ทำตามที่พี่แมวบอกเองนะ”
จอมทัพโอบกอดว่าที่ภรรยาไว้แนบชิดใบหน้ายิ้มแย้มให้กับกล้องที่กำลังเตรียมกดชัตเตอร์แถมยังเปลี่ยนท่านั้นท่านี้อย่างรู้งานจนพี่แมวยิ้มแก้มปริ
“ดีค่ะ..ดีมากค่าาา สวยยยย”
“ต่อไปหันหน้าเข้าหากันแล้วก็ให้เจ้าสาวยกมือขึ้นคล้องคอของเจ้าบ่าวไว้นะคะส่วนเจ้าบ่าวก็โอบเอวของเจ้าสาวเอาไว้ค่ะจ้องตากันด้วยนะคะขอหวานๆ เลยค่ะ”
จอมทัพให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเขาชักเริ่มนึกสนุกขึ้นมาแล้วกับการแกล้งว่าที่เจ้าสาวของเขาแตกต่างกับเธอเหลือเกินที่ถูกชายหนุ่มแปลกหน้าแตะเนื้อต้องตัวมากมายขนาดนี้เล่นเอาตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงปลั่งออกมาอย่างปิดไม่มิด
‘ทำดีๆ สิคุณจะได้เสร็จเร็วๆ หรือว่าคุณอยากจะถ่ายกับผมนานๆ”
จอมทัพก้มหน้าลงไปพูดใกล้ๆ แนบชิดกับใบหน้านวลแดงระเรื่อของคนในอ้อมกอดเบาๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความซุกซนที่มันมีแผนร้ายอยู่เต็มไปหมด
“จะบ้าเหรอคุณแต่มันไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ไหม”
อรฤดีกัดฟันพูดออกมาเบาๆ ปากกระจับก็ฉีกยิ้มให้กับกล้องนี่มันเป็นสถานการณ์ที่โคตรอึดอัดที่สุดในชีวิตเลย แต่ยิ่งเธอทำหน้าบูดบึ้งไม่พอใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกใจชายหนุ่มมากเท่านั้น แถมยังยิ่งพยายามกวนให้เธอหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาอีกต่างหาก
“โอ้ยพอได้แล้วคุณอื้ออ “
“อ่าวอะไรกันคุณ ก็พี่แมวบอกว่าต้องแนบชิดๆ ผมทำผิดตรงไหนช่างภาพก็พูดทุกคนก็ได้ยิน “
“จิ้!!.. “
ว่าที่เจ้าสาวทำหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ท่าอื่นก็มีตั้งมากมายทำไมจะต้องกอดกันจ้องตากันขนาดนี้ล่ะ
‘อรเหนื่อยแล้วค่ะพี่แมว อรขอพักดื่มน้ำสักครู่นะคะ”
อรฤดีพูดออกมาในจังหวะเดียวกันกับที่ผลักจอมทัพออกจากตัวเธอซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดขืนแถมยังอมยิ้มอีกต่างหากที่ได้แกล้งเธอ
“น้ำๆ ขอน้ำให้น้องอรหน่อยจ้า ทุกคนถึงเวลาเสริฟแล้วจ้าเด็กๆ “
เก้าอี้เอย พัดลมเอย น้ำเอยรีบวิ่งกรูเข้ามาลุมล้อมเจ้าสาวคนสวยไว้ ช่างแต่งหน้าก็เข้ามาเติม ช่างทำผมก็รีบมาตรวจดูความเรียบร้อย
“ถ้างั้นเราเริ่มเซ็ตต่อไปกันเลยดีไหมคะ เซ็ตนี้ได้หลายรูปเลยทั้งสองคนทำได้ดีมากค่ะ”
พี่แมวยืนมองว่าที่บ่าวสาวด้วยสายตาที่อิ่มเอม จะไม่ให้อิ่มได้ยังไงล่ะราคาค่าเหนื่อยที่ทางผู้ใหญ่เสนอให้มาเพื่อให้ทุกอย่างราบรื่นลุล่วงนั้นสูงลิ่วเสียจนทางร้านเห็นตัวเลขแล้วก็ต้องซี้ดปากตาโตรีบตอบตกลงอย่างไม่มีเงื่อนใข
ห้องอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง“เอ็งว่าลูกของพวกเราจะรักกันหรือยังวะ”สุเมธยกแก้วไวน์ ในมือขึ้นมาดื่มก่อนจะถามเพื่อนรักอย่างคเชนทร์ด้วย รอยยิ้ม“ไม่รักกันวันนี้วันหน้าก็ต้องรักกันอยู่ดีแต่ลูกข้าเนี่ยสิยังใจแข็งไม่ยอมอ่อนสักทีไม่รู้จะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่”คเชนทร์ส่ายหัวเมื่อพูดถึงลูกสาวจอมดื้อของตัวเองที่เขารู้นิสัยของเธอดี“ตาจอมก็ใช่ย่อยที่ไหนเรื่องปากแข็งน่ะที่หนึ่งไม่รู้ว่าหนูอรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าคนทึ่มตรงหน้าปากไม่เคยตรงกับใจเลยสักครั้ง”ทัศนีย์เอ่ยพูดขึ้นมาบ้างถึงลูกชายของตัวเองที่ดูเหมือนก็จะยังไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกัน“เอาน่าตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่คงจะต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างนั่นแหละเรามาฉลองกันดีกว่า”สิริวดีพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับทั้งสามคนเพื่อเฉลิมฉลองให้กับแผนการของตนเองอย่างมีความสุข“นั่นสินั่นสิ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าเป็นหลานสาวต้องมาให้มาอยู่กับข้านะโว้ยไอ้เมธ” “ได้เลยๆ ถ้าเป็นหลานชายข้าจะยกสมบัติให้หมดไม่ให้พ่อมันสักชิ้นโทษฐานที่ทึ่มดีนัก”“ฮ่าๆๆ”แล้วทั้งสองครอบครัวก็หัวเราะชอบใจกับแผนการของตัวเองที่ดูจะค่อยๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นดี “
“มาคนเดียวเหรอครับ ..” เสียงที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูนักแต่ก็พอจะจำได้ว่าเป็นเสียงใครดังขึ้นดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด“เอ่อ ค่ะ” “ผมขอนั่งด้วยได้ไหม” “หืมม ค่ะ” คนที่ยังเบลอๆ ตอบอึกอักออกไปไม่ทันได้ใช้ความคิดคนตัวสูงที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่นก็หย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ เรียบร้อย“คุณอรมีธุระแถวนี้เหรอครับ” ที่ผ่านมาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเธอไม่ค่อยอยากจะสานสัมพันธ์กับเขาสักเท่าไหร่แต่แล้วยังไงล่ะในเมื่อเธอยังไม่มีเจ้าของเขาก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรือไง“ใช่ค่ะ ทำธุระเสร็จแล้วอรว่ากำลังจะกลับอยู่พอดีเลยค่ะ”ถึงเพิ่งจะลงมาเพราะต้องการให้อีกคนมีเวลาส่วนตัวแต่เมื่อพูดออกไปแล้วแบบนี้ก็คงต้องไปเดินเตร่อยู่ในโรงพยาบาลก่อนก็แล้วกัน“อย่าตัดสัมพันธ์ผมขนาดนั้นเลยครับคุณอรผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้จริงๆ ผมขอเป็นเพื่อนกับคุณอรได้ไหม”เปรมรีบพูดความในใจออกมาเมื่อเห็นท่าทีว่าเธอกำลังจะจากเขาไปอีกครั้งความรู้สึกที่เขามีให้เธอตั้งแต่วินาทีแรกมันออกมาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อยถึงแม้จะรู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานแต่ความรู้สึกที่มีต่อเธอนั
“กรี้ดดดดด!! ไอ้สวะเอ้ย! งานง่ายๆ แค่นี้ก็ทำพลาดเสียอารมณ์จริงๆ เลย” ลูกปัดกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อรู้ข่าวว่ามือดีที่ส่งไปจัดการกับศรัตรูหัวใจทำงานพลาดแถมยังจบชีวิตอีกต่างหากก็ทำเอาเธอถึงกับสติหลุดแต่ก็ดีเหมือนกันที่ตำรวจะได้สาวไม่ถึงตัวเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องที่เธอก่อขึ้นมานั้นคือคนที่เธอรัก …“เสียงดังโวยวายอะไรยายปัด” เปรมที่กำลังเดินผ่านมาพอดีเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวของตนเองกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง“พี่เปรม! ไหนบอกว่ารักบอกว่าชอบ อีนางนั่นไงคะ ทำไมไม่เห็นทำอะไรสักทีปัดจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ!” “ปัดคิดจะทำอะไร ..”“ก็ถ้าพี่เปรมไม่ทำอะไรปัดจะทำเองค่ะ” “ถ้าปัดทำอะไรคุณอรละก็…”“ทำไมคะ พี่เปรมจะทำไม” “เรื่องอื่นพี่ไม่ว่า แต่ถ้าเรื่องคุณอร ปัดรู้เอาไว้เลยไม่ว่ายังไงพี่ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”คนเป็นพี่ยืนพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและแววตาที่แข็งกร้าวท่าทางแบบนี้เธอจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อพี่ชายของเธอโกรธจัดหรือตอนที่จะทำเรื่องเลวร้ายเท่านั้น ลูกปัดได้แต่จ้องมองดวงตาคู่นั้นด้วยด้วยความไม่พอใจ อีนังนั่นมันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้รุมปกป้องมันขนาดนั้น คิดอย่
“อยากจะเป็นพระเอกมากนักหรอมึง.. ตายซะ!” ปั้ง!… เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณอรฤดีหยุดชะงัก ทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้หัวใจเธอตอนนี้มันเหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยในทันที ร่างของคนร้ายล้มหงายลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแน่นิ่ง จอมทัพเองก็ทิ้งตัวนอนลงไปด้วยความเหนื่อยหมดแรงหายใจหอบตัวโยน แล้วเสียงตำรวจก็วิ่งกรูกันเข้ามา ให้ตายเถอะนี่แค่จะมารับสาวเองไม่ใช่เหรอทำไมเกือบได้เอาชีวิตมาทิ้งซะอย่างนั้นดูจากการต่อสู้แล้วต้องเป็นมืออาชีพแน่ๆ ถ้าตำรวจมาช้าอีกนิดคงเป็นเขาแน่ๆ ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ตรงนี้ “ฮึก ..ฮึก คุณ คุณ เป็นอะไรมากไหมคุณ “อรฤดีรีบวิ่งมาหาจอมทัพที่นอนเลือดอาบไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความเป็นห่วง แก้มใสๆ อาบชุ่มไปด้วยน้ำตาแต่เมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยแล้วสติการรับรู้ของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป.. “คุณ อย่าเป็นอะไรไปนะคุณ ฟื้นสิ.. ฟื้นสิคุณ ฮึก ฮึก..”สองมือของเธอเขย่าร่างชายตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ต้องทำอะไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด .….“ลูกไม่เป็นอะไรหรอกคุณ อย่าเป็นกังวลไปเลย”คนเป็นสามีพูดปลอบใจภรรยาที่นั่งเฝ้าลูกชายไม่ห่างจากเตีย
“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมเรื่องนี้อีกเหรอ”“ไม่ได้โกรธค่ะก็เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวชั้นแค่ไม่อยากถูกใครมากล่าวหามาว่าชั้นอีก”มันก็จริงของเธออย่างที่เธอว่า..เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจในเมื่อควรเป็นเค้าเองที่จะต้องจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ดี ต่อให้เอ่ยคำขอโทษไปอีกกี่ครั้งเรื่องราวมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปความรู้สึกของเธอก็ไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยเช่นกันเขาไม่ได้พูดอะไรระหว่างทางเพียงแต่ขับรถตรงไปยังร้านอาหารแห่งใหม่ที่คิดว่าเธอน่าจะชอบเพื่อเป็นการชดเชยที่ทำให้เธอต้องรู้สึกไม่ดีหญิงสาวนั่งตรงสายตาจ้องมองไปยังเส้นทางด้านหน้าเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเธอนั้นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี“คุณรู้จักร้านนี้ได้ยังไง..”คำพูดของเธอเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ไม่น้อยเค้าเองก็หันมามองหน้าเธอเช่นเดียวกันเพราะ ไม่คิดว่าเธอเองก็จะรู้จักร้านนี้เช่นกัน“คุณก็รู้จักร้านนี้เหมือนกันเหรอ”“นี่เป็นร้านที่ฉันชอบมากับคุณปู่บ่อยๆ แต่ว่าตั้งแต่คุณปู่เสียไปฉันก็ไม่ค่อยได้มาอีก”สายตาของเธอไหววูบลงเมื่อนึกถึงคนที่จะไปอยู่บนสรวงสวรรค์และยิ่งคิดถึงมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เธออยู่ไห
“ทำไมต้องเจอผู้หญิงหน้าด้านที่นี่นะ”คำพูดของลูกปัดดังพอที่จะทำให้ทั้งอรฤดีและกรองขวัญได้ชัดชัดเจนจนต้องเงยหน้ามามองตากันในทันทีตอนนี้อรฤดีรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของว่าที่สามีเธอและเป็นผู้หญิงเดียวกันกับที่เดินชนเธอในวันก่อนไม่รู้ทำไมเมื่อเรียบเรียงสถานการณ์ได้อย่างนั้นแล้วก็เกิดความความรู้สึกไม่พอใจบางอย่างขึ้นมาทันทีทั้งที่ตกตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงอรฤดีหันไปมองลูกปัดด้วยแววตาเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากจะทำให้ เสียบรรยากาศอุตส่าห์ตั้งใจจะกินไอติมให้อารมณ์เย็นลงให้ใจดีขึ้นมา แต่กลับมาเจอต้นต่อตัวปัญหาเข้าเต็มๆ“มองทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนมากับแฟนรึไงหรือว่ามองเพราะอยากจะได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น!”“มันจะมากไปแล้วนะนังลูกปัด จะพูดจะจาอะไรหัดคิดก่อนซะบ้าง”กรองขวัญเอ่ยพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อ รู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกคนนี้นั้นพูดจารุนแรงเกินไป“แหมก็เรื่องจริงทั้งนั้นทนฟังไม่ได้เหรอ จะคบเพื่อนก็เลือกคบหน่อยนะ ระวังจะโดนเพื่อนรัก สวมเขาให้รู้ตัว”ลูกปัดเบะปากพูดจีบปากจีบคอหน้าระรื่นหันไปทางกรองขวัญเพื่อนที่สนิทและก็ไม่อยากสน