หน้าหลัก / โรแมนติก / หลงเสียงเรไร / เรไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร

แชร์

เรไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร

ผู้เขียน: ดาวหาง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-05 10:43:29

[แคน talk]

หลังจากที่ผมเห็นเหตุการณ์ที่ตลาดวันนั้นก็รู้ได้แล้วว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว อันที่จริงผมเห็นไอ้ห้อยกับสีทำอะไรลับหลังเรไรแบบนี้หลายครั้งแล้วแหละ บอกผ่านวาสนาไปแต่เรไรนั้น ปักใจเชื่อมาตลอดว่าห้อยรักเธอ ผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำให้เธอได้เห็นด้วยตาเนื้อของตัวเอง

เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ผมเฝ้าตาเรไร จนชาวบ้านเอาไปลือต่างๆ นานา ตอนนี้เรไรเองก็เหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว ผมคิดว่าเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมกำลังจีบและเร่งทำคะแนน บางครั้งที่ถูกหยอดมุกไปก็มีเขินจนหน้าแดง...

เวลาย่ำค่ำพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ารำไร สายลมเย็นๆในช่วงหน้าหนาวพัดผ่านกายจนเย็นสะท้านในบางครา บ้านไม้ยกสูงที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน มองจากไกล ๆ สองพี่น้องกำลังช่วยกันแต่งสำรับกับข้าว โดยที่พ่อแม่ที่แก่ชรากำลังนั่งรอ ไม่รอช้าผมขับรถเข้าไปจอดที่หน้าบ้านและเดินลงไปพร้อมกับของในมือที่ซื้อมาจากในเมือง

"ทิศแคน มาตะไสละค่ำมืด"(แคนไปไหนมาค่ำมืด)

พอเดินลงจากรถตาสิทธิ์ก็ทักทายทันที

"หัวแต่กลับมาแต่ในเมืองไปซื้ออะไหล่รถ กะเลยซื้อแนวกินมาฝาก"(พึ่งจะกลับมาจากในเมืองครับเข้าไปซื้ออะไหล่รถ เลยซื้อของกินมาฝาก)

ผมวางของกินที่ซื้อไว้บนเตียงไม้นั้น ก็มีทั้งผลไม้ ขนมหวาน กับพวกของสดที่ไว้ทำกับข้าวพวกนั่นแหละ

"ซื้อมาทำไมเยอะแยะ ที่นี่ของกินก็ใช่ว่าจะขาดแคลนสักหน่อย ไม่ต้องเอาของกินมาหลอกล่อฉันหรอกนะ ไม่ใช่เด็ก ๆ" คนตัวเล็กที่นั่งพับเพียบอยู่บนเตียงข้างยายนีแม่ของเธอว่าผมมาทันที

"แต่มื้อนี้มีเม็ดขนุนเดะ"(แต่วันนี้มีเม็ดขนุนด้วยนะ)

ผมรู้ว่าเธอนั้นชอบกินขนมไทยมากโดยเฉพาะเม็ดขนุน วาสนาบอกหน่ะ สายตาหวานนั้นเหลือบมองมายังถุงขนมแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ จนผมอดยิ้มเอ็นดูท่าทางของเธอไม่ได้

"มา ๆ กินข้าวนำกันสะก่อน"(งั้นก็กินข้าวด้วยกันมา)

ยายนีขยับใกล้ตาสิทธิ์พร้อมกับสะกิดขาลูกสาวให้ขยับเพื่อให้มีพื้นที่ว่างพอให้ผมได้นั่ง ไม่รอช้าผมก็เดินไปฝั่งนั้นและนั่งข้างเธอจนหัวเข่าของเราชนกัน

"ขยับไปแนสิมานั่งหยังใกล้แท้"(ถอยออกไปหน่อยนั่งใกล้เกินไปแล้ว)

แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน รับจานข้าวจากลำดวนมาวางตรงหน้า

"มากินข้าวเฮือนข่อยดุปานนี้ เจ้าสิได้มาส่อยพ่อข่อยเฮ็ดนาเด้ออ้ายแคน"(มากินข้าวที่นี่บ่อยขนาดนี้ต้องมาช่วยพ่อหนูทำนาแล้วมั้งพี่แคน)

ลำดวนมันเอ่ยแซวผม แต่ก็จริงอย่างที่มันพูดเพราะผมมากินข้าวที่บ้านนี้แทบทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ อยากจะสวนมันกลับไป

ให้มาทำแทนเลยก็ได้พ่อตาจะได้ไม่ต้องเหนื่อย...

หลังจากที่ทานข้าวเสร็จยายนีกับตาสิทธิ์ก็ขึ้นบ้านนอน เหลือเพียงผมที่นั่งเล่นอยู่ใต้ถุนบ้านกับเรไร

"อ้ายขอเข้าห้องน้ำแน"(พี่ขอเข้าห้องหน่อย)

"ทางนั้น...คงไม่ต้องให้พาเดินไปหรอกเนาะ"

"พาไปแน"(พาไปหน่อย)

"โตใหญ่ปานนี้ย่านอิหยัง"(ตัวใหญ่ขนาดนี้จะกลัวอะไร)

"ก็อยากให้ไปเป็นหมู่มันมืด เผื่องูเงี้ยวเกี้ยวขอกัดอ้ายขึ้นมาไผสิส่อย"(ก็อยากให้ไปเป็นเพื่อนมันมืด เผื่องูเงี้ยวเกี้ยวขอกัดขึ้นมาใครจะช่วยพี่ได้ทัน)

เธอค้อนสายใส่ผมแต่ก็ยอมลุกขึ้นมาพาเดินไปทางหลังบ้านที่เป็นสวนของห้องน้ำ ไฟโซล่าเซลที่ให้แสงสว่างเพียงริบหรี่ ทำให้มองเห็นรอบข้างได้เพียงสลัวเท่านั้น ห้องน้ำเล็ก ๆ เก่า ๆ เป็นเพียงอิฐก่อขึ้นมายังไม่ได้ฉาบและมุงด้วยสังกะสีเก่า ๆ แถมยังมีช่องโว๋หลายช่อง น้ำในถังก็เย็นเฉียบพากันอาบไปได้ยังไง แล้วที่บ้านก็มีแต่ผู้หญิงอีกถ้ามีคนมาแอบดู... แค่คิดผมก็เป็นห่วงและอยากจะทำห้องน้ำให้ใหม่เลย

"เร หน้าหนาวอาบน้ำแบบไหนบ่หนาวติ"(หน้าหนาวอาบน้ำแบบไหน ไม่หนาวเหรอ)

"หนาวก็ต้มน้ำ ค่อยเอามาผสมอาบไง ถามทำไมอย่าบอกนะว่าจะอาบน้ำอีก กลับบ้านไปเลยนะ ฉันไม่ต้มให้หรอก" ผมแค่ถามสั้น ๆ แต่เธอใส่มาเป็นชุด แต่ผมกลับดีใจที่เธอพูดยาว ๆ แบบนี้

[จบแคน talk]

ชายหนุ่มนั่งถามไถ่เธอคุยไปเรื่อยจนเวลาเกือบสองทุ่ม สองคนจึงออกมายืนที่หน้าบ้านเพราะเขานั้นตั้งใจจะกลับ ซึ่งมันก็มืดอยู่พอสมควร อยู่ ๆ เรไรก็เงียบไป พร้อมกับมองหน้าเขาด้วยแววตาบางอย่างมันดูจริงจังจนชายหนุ่มนึกแอบหวั่นใจแปลก ๆ

"อ้ายแคน"(พี่แคน)

"ครับ"

"เรบ่ต้องการให้ไผมาสงสาร"(เรไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร)

"อ้ายเคยบอกเรไปแล้วว่ารู้สึกแบบไหน อ้ายกะยังยืนยันคำเดิม"(พี่เคยบอกเรไปแล้ว และพี่ก็ยังยืนยันคำเดิม)

"แต่ว่า..."

จุ๊บ!!!

ประโยคดังกล่าวเปล่งออกมาไม่สุดเสียงเพราะปากหยักได้รูปนั้นฉกจูบลงไปด้วยความเร็ว จนเธอยืนอึ้งมองหน้าเขาด้วยความตกใจ ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาจับที่ริมฝีปากตัวเอง มันเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอเองแทบตั้งตัวไม่ทันแต่ก็จำสัมผัสนั้นได้แม่น

"อ้ายแคน เฮ็ดอิหยังแบบนี้"(พี่แคน ทำอะไรแบบนี้)

"เห็นปากน้อย ๆ นี้จ่มดุถามดุอดบ่ได้ มันคือการลงโทษ ถ้าเรยังไล่อ้ายอีกอ้ายสิบ่เฮ็ดแค่จูบ"(ทนไม่ได้หรอกปากจิ้มลิ้มมันบ่นเก่งถามเก่งเหลือเกิน มันคือการลงโทษ แล้วถ้าเรยังไล่พี่อีกต่อไปพี่จะไม่ทำแค่จูบ)

"เรบ่เต็ม..."(แต่เรไม่...)

จุ๊บ!!!

การขโมยจูบครั้งนี้เขาไม่ได้ถอดถอนปากออกเร็วเหมือนคราแรก ดวงตาหวานเบิกกว้างก่อนจะหลับตาและใช้มือดันที่หน้าอกหวังให้ออกห่างตัวเธอ ทว่ามือหนากลับวาดกอดมาที่แผ่นหลังพร้อมกับรั้งเข้าหาตัวจนอกเบียดชิด สัมผัสอุ่นร้อนและกลิ่นกายหอม ๆ ราวดอกมะลิของเธอทำให้ชายหนุ่มแทบจะไม่อยากผละออก แต่ถ้าเขาไม่หยุดตอนนี้คนตัวเล็กมีหวังขาดอากาศหายใจเป็นแน่...

เฮือก!!

ทันทีที่เป็นอิสระ หญิงสาวก็รีบสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดพร้อมยกมือทาบอก มองคนตัวสูงที่ยืนยิ้มกริ่มอย่างเอาเรื่อง

"นิสัยบ่ดี"(นิสัยไม่ดี)

"แผลในใจเจ้าให้อ้ายสิเป็นคนรักษามันเอง"(แผลในใจพี่จะเป็นคนรักษาให้เอง)

"เป็นหมอสั้นเบาะ"(เป็นหมอหรือไง)

"สิเป็นหมอใจของเรคนเดียว"(จะเป็นหมอรักษาใจของเรคนเดียว)

"ไผหาตั๋วเด็กน้อยพื้น"(ไปหลอกเด็กเถอะ)

แม้จะพูดเหมือนไม่รู้สึกทว่าใบหน้าสวยนั้นเปล่งสีแดงจนเต็มสองแก้ม อีกทั้งมุมปากของเธอเองก็กำลังกลั้นยิ้มเอาไว้แต่รู้ไหมว่ามันไม่รอดสายตาเหยี่ยวของเขาไปได้

"อ้ายกลับก่อนเด้อ ฝันดีครับ คนงามของอ้าย"(พี่กลับแล้วนะ ฝันดีครับคนสวยของพี่)

ฟอด~~

"อ้ายแคน!"(พี่แคน!)

"ชื่นใจ" เขาล้อหลอกเธอ มือเล็กยกขึ้นหมายจะตีแต่ก็ไม่ได้จริงจังนักแต่เขากลับเปิดประตูขึ้นรถไปเสียก่อน

"แก้มห๊อมหอม ปากกะนุ่มคักเป็นตาจูบ"(แก้มห๊อมหอมปากก็นุ่มน่าจูบมาก) ก่อนออกไปไม่วายที่จะลดกระจกลงมาพูดคำพูดที่ชวนให้ใจสั่น ลับหลังเรไรก็เอาแต่ยิ้มพร้อมกับเดินหันหลังกลับเข้าบ้านไป พร้อมหัวใจที่เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

อ้ายแคนได้จูบแรกไปแล้ว...

ขึ้นห้องมาก็เอาแต่คิดถึงสัมผัสนั้นจนหลับไป ใบหน้าสวยนั้นมีรอยยิ้มเปื้อนในรอบเดือนเลยก็ว่าได้

#เขินอ้ายแคน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หลงเสียงเรไร   พี่เฝ้ารอมาตั้ง12ปี

    "ไม่ได้ อุ้บ!!" เขาจัดการปิดปากเธอด้วยปากหยัก กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนร่างอรชรทำให้กำหนัดในตัวของเขาเพิ่มพูนตั้งแต่เข้าใกล้ ขมเม้มปากกระจับด้วยความละมุน เมื่อเธอเผยอปากเขาก็จัดการสอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปกวาดชิมความหวานในโพรงนุ่ม ๆ นั้นทันที ร่างหนาขยับคร่อมพร้อมกับบดจูบอยู่นาน ความคิดถึงและความเสน่หาแสดงออกมาเป็นการกระทำที่เร่าร้อน เสียงหายใจติดขัดจากคนด้านล่างทำให้เขาถอนจูบนั้นออกมาซุกไซ้ใบหน้าเข้าที่ลำคอขาว"อื้อ อ้ายแคน" เธอประคองใบหน้าเขาขึ้นมาก่อนจะจ้องมองเข้าไปในม่านตาดำสนิทด้วยหัวใจที่เต้นแรงกว่าทุกครั้ง"เรว่ามันเร็วเกินไป""อ้ายเฝ้าเรมาตั้งสิบปี ตั้งแต่ที่เรดึงอ้ายออกมาจากป่ากล้วย""แต่ว่า...""อ้ายขอได้บ่ครับ..." ลมหายใจอุ่นร้อนขณะที่ปากพูดจรดลงตามข้างแก้มใบหน้าหล่อคลอเคลียร์ไม่ห่างชวนให้อารมณ์เคลิ้มไปได้อย่างง่าย ปากหยักได้รูปพรมจูบลงมาตามซอกคอ ใบหน้าหวานเอียงเอียงรับสัมผัสและไม่ปฏิเสธยิ่งทำให้คนตัวโตได้ใจ ทุกครั้งที่ปากหยักกดจูบขนบางก็ชูชันจนทั่วร่าง ความรู้สึกตื่นเต้นแปลกใหม่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมือใหญ่กอบกุมเต้าอวบทำเอา

  • หลงเสียงเรไร   ความคิดถึง

    พระอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า ฝูงวัวควายถูกต้อนกลับจากนาเดินเต็มถนนบรรยากาศที่คุ้นเคยในหมู่บ้านเหมือนทุก ๆ วันเป็นสิ่งที่คนเมืองกรุงไม่มีโอกาสได้สัมผัส สองสาวขับรถมอเตอร์ไซด์ลากพ่วงรถเข็นด้านหลังบรรทุกผักกลับเข้ามาเฉกเช่นทุกวัน มีทั้งออเดอร์จากตลาดและที่วัด สองคนต้องเก็บมากกว่าปกติ"ลำดวนไปอาบน้ำก่อนจะได้ออกไปวัด""แล้วพี่เรไม่ไปเหรอ""ไปแต่เอ็งอาบก่อนพี่จะแบ่งผักรอ อาบเสร็จพี่จะได้ไปอาบต่อ" คนพี่ว่าพร้อมกับยกตะกร้าผักลงจากรถเข็นและแบ่งแยกออกว่าตัวไหนเอาไปส่งตลาดตัวไหนเอาไปส่งวัด ไม่นานคนเป็นน้องก็อาบเสร็จพอดี เธอจึงเดินไปหยิบผ้าถุงที่ตากอยู่ข้างบ้านเข้าห้องน้ำไปไฟที่เปิดให้แสงสว่างจนทั่วบริเวณวัดมันเลยไม่ค่อยน่ากลัวเหมือนกับทุกวัน แถมผู้คนก็ยังเดินพลุกพล่านทั้งคนที่คุ้นหน้าและคนที่ไม่คุ้นหน้า คณะของนักเรียนและครูที่มาถึงเมื่อตอนบ่ายก็เปลี่ยนชุดนุ่งขาวห่มขาวกันจนละลานตาไปหมดและกำลังทยอยเข้าไปทำวัดเย็นในศาลา"เอาผักมาส่งจ้า""เออ ๆ วางไว้นั่นแหละจักบาทล่ะ"(เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ ทั้งหมดเท่าไหร่)"สองร้อยจ้ะ" ผักสามตะกร้าราคาแค่นี้ถือว่าถูกมาก

  • หลงเสียงเรไร   รู้ชัดถึงความรู้สึกที่มี

    เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างปลุกฉันให้รีบตื่นมาทำกับข้าวเพื่อเตรียมไปวัดในวันพระใหญ่ ในฤดูหนาวแบบนี้ทำเอาไม่อยากจะออกจากผ้าห่มเลย"พี่เร ตื่นหรือยัง""อือ" ฉันตอบน้องสาวพลางหยิบเสื้อแขนยาวไหมพรมออกมาสวมใส่ เราสองคนเดินลงมาจากบนบ้านและช่วยกันทำกับข้าวมือเป็นระวิง กว่าจะเสร็จฟ้าก็ทอแสงรำไรแล้ว ม่านหมอกหนาบดบังทิวทัศน์ของทุ่งนาที่เหลืองอร่ามให้เห็นเป็นเลือนราง"เสร็จแล้วฉันไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ" ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะขึ้นไปเอาเสื้อผ้าเพื่อรอคิวอาบต่อ ดีที่พี่แคนมาทำห้องน้ำและติดเครื่องทำน้ำอุ่นให้ใหม่เลยทำให้การอาบน้ำสะดวกขึ้นฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย พอคิดถึงชายคนที่ครอบครองดวงใจรอยยิ้มหวานก็ปรากฏบนใบหน้าทันที ฉันหยิบเสื้อพื้นเมืองสีชมพูกับผ้าถุงลายหยาดฝนที่แม่ทอให้ออกมาสวมและสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมอีกที ก่อนจะรีบออกมารอลำดวนที่ด้านล่าง ไม่นานนางก็เดินลงมาด้วยชุดที่คล้ายกันกับของฉันเราสองคนพี่น้องขับรถออกมาตามทางตรงไปที่วัดโดยใช้ทางลัดตามคันนา แสงรุ่งอรุณตกกระทบน้ำค้างบนยอดหญ้าจนเป็นแสงระยิบระยับชวนมองกลิ่นอายของต้นข้าวยามถูกหมอกโชยเข้าจมูกช่างเป็น

  • หลงเสียงเรไร   พ่อกลัวเขาจะมาหลอกเอง

    แสงแดดยามเช้าทำให้รู้สึกรื่นรมณ์ใจสงบผ่อนคลายไม่น้อย สองขาที่ผอมแห้งของตาสิทธิ์ก้าวเดินฉับ ๆ มาที่ร้านค้าเพื่อซื้อเครื่องปรุงตามที่คนเป็นเมียบอก แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าหากว่าไม่ได้ยินบทสนทนาจากคนที่อยู่ร้านค้า..."อิหลีตั้วะ มื้อวานนี้ยืนกอดกันอยู่ตลาด ทิศแคนหอมแก้มมันกะบ่ขัดบ่ขืนเลยเด้ จังแม่นบ่อยากอายคน คือสิอยากได้เขาคัก"(จริง ๆ นะเมื่อวานนี้เห็นยืนกอดกันอยู่ที่ตลาด ถูกทิศแคนหอมแก้มมันยังไม่ขัดขืนเลย ช่างไม่อายคนคงจะอยากได้เขาจนตัวสั่น)"เจ้าจำคนผิดบ่"(แกจำผิดคนหรือเปล่า)"บ่ ๆ อีเรไรนี่แหละ ข่อยเห็นมากับสองตา"(ไม่ ๆ ฉันมั่นใจเห็นมากับสองตา)"แต่พักหลัง ๆ มานี้กะเห็นทิศแคนเข้าออกบ้านพ่อใหญ่สิทธิ์ดุอยู่ สิมาวนอีเรอิหลีล่ะ"(แต่พักหลังมานี้ก็เห็นทิศแคนเข้าออกที่บ้านตาสิทธิ์บ่อยอยู่นะ คงจะมาติดพันเรไรจริง ๆ นั่นแหละ)แม่ค้าตอบกลับมาเป็นความคิดเห็นเท่านั้น เพราะเธอเองก็เห็นแต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนักเพราะต่างคนต่างใช้ชีวิต"ไสว่ามันสิเอากับบักห้อย"(แต่ไหนว่ามันกับไอ้ห้อยจะเอากันเป็นมั่นเหมาะ)"โอ๊ย! ทุกปานนี้บักห้อยมันบ่เอาดอก คนขี้ค้านจั

  • หลงเสียงเรไร   คนที่ไม่อยากเจอ

    เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ชาวบ้านก็เริ่มไล่วัวควายออกไปเลี้ยงตามวิถีชีวิตชนบท บางคนก็ออกไปไร่ไปนาเพราะใกล้ฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว"พี่เร...รอด้วยฉันเสร็จแล้ว" ลำดวนรีบแต่งตัวตามพี่สาวออกมาหมายจะออกไปช่วยขายผักที่ตลาด"อยู่นี่แหละรอทำกับข้าวให้พ่อกับแม่""บ่ ๆพ่อกับแม่บ่อยากดอก พากันออกไปส่อยกันโลด"(ไม่ต้อง ๆ พ่อกับแม่อยู่กันได้ เอ็งสองคนพสกันออกไปช่วยกันเถอะ)คนเป็นแม่ว่าขึ้นเพราะลำพังอยู่สองตายายกินอะไรก็ได้อยากให้ลูกออกไปช่วยกันมากกว่า"งั้นเดี๋ยวฉันรีบกลับมานะ"สองสาวพี่น้องซ้อนท้ายกับออกมาตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปให้ทันตลาดเช้า ผักช่วงนี้ออกเยอะจนล้นตลาดทำให้ต้องไปนั่งขายเอง หมดล็อตนี้ก็ว่าจะกลับไปปลูกพริกกับมะเขือเหมือนเดิมดีกว่า"ลำดวน ไม่ต้องช่วยพี่หรอก เอาผักกาดกับกะหล่ำอย่างละร้อยไปส่งร้านขนมจีนเจ้น้อยให้พี่ไป""จ้ะ" ว่าแล้วลำดวนก็หยิบผักกาดขาวและกะหล่ำใส่ตะกร้าเท่าจำนวนที่สาวบอกและขับมอไซด์ออกไปที่ร้านขนมจีนหน้าโรงพยาบาลเหลือเพียงเรไรที่กำลังตั้งแผงขายผักที่เหลืออยู่"ผักจ้าผัก สด ๆ จากสวน ปลอดสารพิษนะจ๊ะ" เสี

  • หลงเสียงเรไร   แรกตั้งใจรัก

    "เอ้าสูสองคนคือมานำกัน"(อ้าว ทำไมสองคนนี้มาด้วยกัน)"กูย่างเลาะมาพ้อผู้สาวกำลังยืนงง ๆ อยู่ข้างห้องน้ำกำลังว่าสิลักพาตัว"(กูเดินมาเจอสาวสวยคนนี้กำลังยืนงง ๆ อยู่ข้าง ๆ ห้องน้ำเลยว่าจะลักพาตัวสักหน่อย)"หือ!!!"ฉันเงยหน้ามองคนด้านข้างและพยายามจะดึงมือออกจากเนื้อมือของเขาที่จับรั้งฉันเอาไว้"อีลำดวนกลับบ้าน"(ลำดวนไป...กลับบ้าน)"ฮะ อือ ๆ" ลำดวนก็เมาไม่ต่างจากฉันสักเท่าไหร่ แต่ฉันตกใจสิ่งที่พี่แคนทำจนหายเมาแล้วล่ะ เหลือแค่มึนนิดหน่อย ทีแรกกะจะกลับมากินต่อแหละ แต่ไม่ดีกว่าเดี๋ยวเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่"ยกรถจักรยานขึ้นรถให้ด้วย" ฉันบอก...ไม่สิฉันสั่งเขา! และเดินมาขึ้นรถกระบะที่จอดอยู่ข้าง ๆ ร้านพี่วาสนาราวกับเป็นรถของตัวเอง ส่วนลำดวนขึ้นรถมาได้ก็นอนราบไปที่เบาะหลังและเหมือนจะหลับจนได้ยินเสียงกรนออกมาเบา ๆ"อีลำดวน ลุกฮอดบ้านแล้ว"(ลำดวนลุกถึงบ้านแล้ว)"อือ ฮะ อือ" น้องสาวคนเล็กลุกขึ้นงัวเงียก่อนจะเปิดประตูรถลงไปก่อน"ขอบคุณเด้อที่มาส่ง"(ขอบคุณนะที่มาส่ง)"เร...เป็นแฟนกับอ้ายเนาะ"(เร...เป็นแฟนกับพี่เถอะนะ)ตั้งแต่ฉันผิดหวังจากไอ้ห้อยนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่พี่แคนของฉันเป็นแฟน ในคราแรก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status