หลังจากเรียนจบมาได้ไม่กี่วัน ชุยซินอี๋ก็มาทำงานที่ภัตตาคารของตระกูลเฝิงพร้อมกับแม่ของเธอ เมื่อได้พบกับคุณนายเฝิงอีกครั้งชุยซินอี๋ก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม คุณนายเฝิงยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับมองดูเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เอ็นดู
"ไม่เจอกันไม่นานมานี้เอง โตขึ้นเยอะเลยนะซินซิน"
"คุณนายเฝิงก็สวยเหมือนเดิมเลยนะคะ"
คุณนายเฝิงที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นมา
"ได้ยินว่าเธอมีฝีมือทำอาหารใช่ไหม แต่ตอนนี้พ่อครัวของเรามีแล้ว เอาอย่างนี้ เธอมาทำงานอยู่ในโรงครัวเป็นผู้ช่วยพ่อครัวไปก่อน งานที่นี่ค่อนข้างหนักอยู่นะ เธอไหวไหม หากไม่ไหวฉันจะให้ไปทำงานที่ร้านผ้าของฉันในตลาดแทน"
ชุยซินอี๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบส่ายหน้าทันที หากให้เธอไปทำงานที่ร้านผ้า เธอยอมอยู่ในครัวดีกว่า เธอไม่ได้เก่งเรื่องผ้า เธอชอบทำอาหารมากกว่า
"หนูอยู่ที่ครัวดีกว่าค่ะคุณนายเฝิง"
"ได้สิ งั้นเรามาเริ่มงานกันเลยดีไหม ฉันจะให้เธอไปเรียนรู้งานกับพ่อครัวในห้องครัว ช่วยเขาล้างจานหั่นผักไป เริ่มจากงานเล็กๆ น้อยๆ ก่อน แม่เธอน่ะทำงานกับฉันมานาน แทบจะเป็นมือซ้ายขวาของฉันไปแล้ว รอเธอเก่งแล้ว เราค่อยมาหางานใหม่ที่เหมาะกับเธอนะ"
"ขอบคุณมากนะคะคุณนายเฝิง"
"อืม ไปที่โรงครัวเถอะ พ่อครัวจ้าวรอเธออยู่"
"ค่ะ"
เมื่อชุยซินอี๋เดินเข้าไปที่ห้องครัวแล้ว คุณนายเฝิงก็หันมามองแม่ของชุยซินอี๋ก่อนจะถอนหายใจออกมา
"น่าเสียดายนะ หากได้เรียนต่อคงจะมีอนาคตมากกว่านี้ ฉันเองก็อยากช่วย แต่เธอกลับปฏิเสธ"
หญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ของชุยซินอี๋ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเอ่ย
"เท่านี้ก็รบกวนคุณนายเฝิงมากแล้วค่ะ"
"เฮ้อ รบกวนอะไรกัน ฉันเพียงสงสารซินซิน หล่อนเป็นเด็กดี นี่สือชิง เธอก็มัวแต่เกรงใจฉันอยู่ได้ ในอดีตหากไม่ใช่เพราะสามีเธอช่วยครอบครัวฉันเอาไว้ ฉันคงแย่ไปแล้ว"
สือชิงคือชื่อของแม่ชุยซินอี๋ หล่อนเพียงยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
“คุณนายเฝิงเองก็ดีกับครอบครัวฉันมากนะคะ”
คุณนายเฝิงยิ้มตอบ ก่อนจะเอ่ย
"เธอดูแลร้านให้ฉันก่อนละกันนะ ฉันจะไปรับเฝิงอี้ ป่านนี้คงเดินทางมาถึงแล้ว"
"ค่ะคุณนายเฝิง"
คุณนายเฝิงพยักหน้า ก่อนจะเดินจากไป
อีกด้านหนึ่งที่สนามบิน เฝิงอี้เพิ่งเดินทางมาถึงซานซี ที่นี่มีสนามบินเล็กๆ ที่บินเข้าออกระหว่างประเทศอยู่ จึงค่อนข้างสะดวกไม่น้อย เขาทิ้งกายนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้ไม่ได้นำของติดตัวมามากเท่าไรนัก เพราะคงมาอยู่เพียงไม่กี่วัน อีกทั้งเขาโทรมาบอกแม่แล้วว่ามาถึงเวลาไหน ตอนนี้คงทำได้แค่รอเท่านั้น
เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเฝิง มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อเฝิงอิน ก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปอยู่ที่ปักกิ่งตั้งแต่เก้าขวบ น้อยครั้งที่จะได้กลับบ้าน พ่อกับแม่ให้ความสำคัญกับเขามาก ทุกเรื่องล้วนใส่ใจทั้งหมด เมื่อจบประถมก็ส่งเขาไปอยู่ที่ปักกิ่งกับคุณป้าซึ่งก็คือพี่สาวของแม่ ให้เขาได้เรียนโรงเรียนและมหาวิทยาลัยดีๆ ไปเรียนรู้การใช้ชีวิต จะได้นำความรู้ที่ทันสมัยกลับมาบริหารกิจการที่กวานซีได้ นับตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่ได้กลับมาที่กวานซีอีก พ่อกับแม่และน้องสาวมักจะเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเขาเอง เพราะต้องการให้เขาได้เรียนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องเหนื่อยเดินทางไปมา หลังจากที่พ่อของเขาเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นแม่ก็ไม่ได้มาเยี่ยมเขาอีก พ่อเองก็ไม่ยอมให้เขากลับมาเยี่ยม บอกเพียงว่าการเรียนสำคัญ จะมาเมื่อใดย่อมมาได้เสมอ
แม่ของเขาเดิมทีอาศัยอยู่ที่ปักกิ่ง ตอนที่เดินทางมาเปิดภัตตาคารก็ได้พบรักกับพ่อที่เป็นเจ้าของบาร์เหล้า จึงได้แต่งงานกันและย้ายตามพ่อมาอยู่ที่นี่ น่าเสียดายที่สองปีก่อนพ่อเขาได้รับบาดเจ็บทำงานหนักไม่ได้ ทุกอย่างจึงตกเป็นหน้าที่ของแม่เขาทั้งหมด
เฝิงอี้มองไปโดยรอบรู้สึกว่าตอนนี้ในเมืองกวานซีจะเจริญมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว
นั่งรอไม่นานนักเขาก็เห็นรถคันหนึ่งมาจอดตรงหน้า คนขับคือพ่อบ้านหม่า เขาจำได้ดี เมื่อรถจอดแล้วเขาก็เห็นแม่และน้องสาวก้าวเดินลงมาจากรถ
"อาอี้"
"แม่ครับ"
เขาเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของตนเอง ก่อนจะเข้าไปกอดเฝิงอินผู้เป็นน้องสาว
"โตขึ้นเยอะเลยนะเฝิงอิน เธอเก่งมากที่เรียนจบแล้ว เตรียมอ่านหนังสือให้ดี แล้วไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยกับพี่"
"ค่ะพี่"
คุณนายเฝิงเห็นลูกๆ ทั้งสองปรองดองกันก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"กลับบ้านกันก่อนเถอะ คุณพ่อรออยู่นะ"
"ครับแม่"
เฝิงอี้พยักหน้า ก่อนจะเดินขึ้นรถไปพร้อมแม่และน้องสาวของตัวเอง ก่อนที่รถจะมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน
บ้านตระกูลเฝิงเป็นบ้านที่ใหญ่และรวยที่สุดในเมืองกวานซี มีเนื้อที่กว้างขวางหลายหมู่ ตัวบ้านกว้างขวาง มีต้นไม้ปลูกเอาไว้ให้ความร่มรื่น ที่ีนี่่อยู่ห่างจากภัตตาคารตระกูลเฝิงไม่มากนัก เฝิงอี้เดินลงมาจากรถ เขาจ้องมองไปโดยรอบ บรรยากาศสมัยเด็กย้อนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เขาสูดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ ก่อนจะคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา
ชุยซินอี๋ยัยเด็กผมเปียนั่น ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็ลงมากินอาหาร ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว เขามองดูพ่อของตนเองที่พ่อบ้านหม่ากำลังพยุงเดินเข้ามา ก่อนจะรีบลุกไปช่วยประคอง
"ระวังนะครับพ่อ"
เฝิงหลงยิ้มให้ลูกชายเล็กน้อย ตระกูลเฝิงของเขานั้นมีีกิจการมากมาย อีกทั้งยังมีบาร์เหล้าค่อนข้างเป็นที่รู้จักในกวานซีไม่น้อย แต่เมื่อเจ็บป่วยจนพิการก็ทำอะไรได้ไม่มากเช่นแต่ก่อน งานทั้งหมดคุณนายเฝิงจึงต้องรับช่วงดูแลต่อแทนสามีทั้งหมด
เมื่อกินอาหารเย็นอิ่มแล้ว เฝิงอี้จึงเอ่ยกับแม่ของตนเอง
"แม่ครับ ผมจะไปที่บาร์เหล้าเสียหน่อย อยากรู้ว่าตอนนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหนแล้ว ไม่ได้กลับมาเสียตั้งนาน ไม่รู้ว่าจะมีเหล้าดีๆ ให้ดื่มไหม"
คุณนายเฝิงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"ไปเถอะ อย่าดื่มมากล่ะ"
"ครับแม่"
เฝิงอินที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบออดอ้อนแม่ของตนเองทันที
"แม่คะ ได้ยินว่าชุยซินอี๋มาทำงานวันแรก หนูไปหาเธอได้ไหม"
"ไม่ได้ ลูกห้ามไปรบกวนเวลาทำงานของซินซิน ตั้งใจอ่านหนังสือ"
เฝิงอินที่ได้ยินแบบนั้นก็มุ่ยหน้าก่อนจะเอ่ยตอบรับเสียงแผ่ว เฝิงอี้ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ก่อนจะเอ่ยถามแม่ของตน
“ซินซินมาทำงานที่ภัตตาคารเหรอครับ เธอไม่ได้เรียนต่อเหรอ”
คุณนายเฝิงที่ได้ยินลูกชายถามออกมาแบบนั้น จึงเอ่ยตอบทันที
“เฮ้อ พูดแล้วก็น่าสงสาร แม่ของหล่อนนะอยากให้ลูกสาวออกมาช่วยทำงานมากกว่า แม่เองก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องครอบครัวของใคร ลูกยังจำเธอได้อยู่เหรอ พูดแล้วก็นึกถึงสมัยก่อน แม่จำได้ ซินซินน่ะแบกลูกที่ตกต้นไม้จนขาหักกลับมาที่บ้านของเรา หล่อนเป็นห่วงลูกมาก เด็กคนนี้แข็งแรงและนิสัยดีใช้ได้เลย”
เฝิงอี้ที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหวนคิดถึงภาพในวัยเด็ก
เขาและชุยซินอี๋อายุห่างกันสองปี เขาอายุยี่สิบแล้ว ส่วนเธอตอนนี้ก็คงจะสิบแปดปีเห็นจะได้ ตอนเด็กเธอตามพ่อแม่มาที่ภัตตาคารและได้เจอเขากับเฝิงอิน ชุยซินอี๋เป็นเด็กหญิงที่เข้มแข็งและอดทน เขาเองก็ดีใจทุกครั้งที่ได้พบเจอเธอ
ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะได้พบกันอีกไหมนะ แล้วเธอจะจำเขาได้ไหม
บาร์เหล้า
เฝิงอี้ขับรถมาจอดที่ด้านหลังของบาร์เหล้าเพราะที่นี่จอดรถสะดวกกว่า ก่อนจะเดินอ้อมมาทางด้านหน้าบาร์ ซึ่งตอนนี้มีผู้คนเริ่มจอแจแน่นขนัดมากแล้ว เหล่าหญิงสาวที่มานั่งดื่มเมื่อได้เห็นเขาก็ถึงกับดวงตาเป็นประกาย บางคนยกแก้วเหล้าทักทายเขา บางคนก็ยิ้มหวานส่งให้เขา
ยิ่งช่วงนี้จะเข้าสู่ช่วงปีใหม่แล้วคนยิ่งมาก เฝิงอี้สั่งเหล้าอย่างดีมาดื่มหนึ่งขวด เขานั่งดื่มคนเดียวในใจคิดถึงเติ้งเทียนอวี้เพื่อนของตนเองที่ปักกิ่งเหลือเกิน ไอ้หมอนั่นมันดื่มเก่งเสียจนเขาแทบจะสู้ไม่ไหว
นั่งดื่มต่ออีกครู่หนึ่งก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย เขาจึงเดินออกมาจากบาร์ แต่ทว่าสายตาของเขากลับมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังสนทนากับคนงานที่ทำงานอยู่หน้าบาร์ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าคุ้นหน้าเธอเหลือเกิน
เธอยื่นกล่องอะไรสักอย่างส่งให้คนงานก่อนจะเดินจากไป
เฝิงอี้มองตามหญิงสาวคนนั้นไปจนลับสายตา ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"เดี๋ยวนี้ที่กวานซีมีผู้หญิงสวยเหมือนกับดาราที่ปักกิ่งด้วยเหรอ น่าสนใจดีนี่"
เมื่อผ่านช่วงไว้ทุกข์มาแล้ว เฝิงอี้และชุยซินอี๋ก็แต่งงานกัน งานแต่งนี้ไม่ได้จัดใหญ่โตมากนัก เน้นเพียงความสะดวกและเรียบง่าย เติ้งเทียนอวี้และกวงจือหลินเพราะติดงานที่ต้องสะสางจึงไม่ได้มาร่วมงาน เพียงโทรมาแสดงความยินดีและส่งของขวัญแต่งงานมาให้เท่านั้น เฝิงอี้เองก็เข้าใจและเอ่ยขอบคุณเพื่อนรักทั้งสองอย่างเต็มใจหยางตงและสวีเพ่ยนั้นก็มาร่วมงานด้วย คนทั้งสองนำของขวัญมามอบให้ และอยู่ร่วมงานจนถึงเย็น ก่อนจะกลับไป เพราะสวีเพ่ยยืนนานไม่ค่อยไหว เนื่องจากเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ เฝิงอี้และชุยซินอี๋มองดูหยางตงที่แบกสวีเพ่ยขึ้นหลังและเดินจากไปด้วยแววตาที่มีความสุขนับว่าพวกเขาทั้งสองเป็นคู่ที่สวรรค์บันดาลจริงๆ"พ่อครับ แม่ครับ ผมหิวอีกแล้ว"เฝิงอี้และชุยซินอี๋ที่ได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมอง ก่อนจะพบกับเฝิงเป่าที่วิ่งเข้ามาหาเขาทั้งสอง เจ้าเด็กอ้วนตัวสูงขึ้นอีกแล้ว อีกทั้งยังชอบกิน วันๆ ถามหาแต่ของกิน แล้วยังบ่นว่าเหงามากอีกต่างหาก ชุยซินอี๋ย่อตัวลงไป ก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มของเฝิงเป่าอย่างมันเขี้ยว"แม่จะอุ้มลูกไม่ไหวแล้วนะรู้ไหม"เฝิงเป่าเบ้ปาก ก่อนจะเงยหน้าไปมองเฝิงอี้"พ่อครับ ผมอยากได้น้องสาวตัวอ้วนๆ
เฝิงอี้หลับตาลงรอรับลูกปืนจากเซวียนซาน แต่ทว่าเขากลับไม่พบกับความเจ็บปวดใดๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อลืมตามองดูก็พบว่าตอนนี้ที่หน้าท้องของเซวียนซานมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาถูกยิง!!!เฝิงหลงหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง อีกทั้งยังมีภรรยาของเขา แม่ของชุยซินอี๋ และหยางตงกับสวีเพ่ยก็มาด้วย ตำรวจเล็งปลายกระบอกปืนเข้าหาเซวียนซานอีกครั้ง เฝิงหลงที่เห็นอย่างนั้นก็ตกใจก่อนจะเอ่ย"อย่ายิง!!! นี่ลูกชายของผมเอง"ปัง ปัง ปัง"พ่อ!!!"เฝิงอี้ตะโกนเรียกพ่อของตนเองสุดเสียง คุณนายเฝิงเองก็แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าเฝิงหลงใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระเสือกกระสนไปบังลูกกระสุนแทนเซวียนซาน ร่างของคนทั้งสองล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน เฝิงหลงจับมือของเซวียนซานเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ย "พ่อขอโทษ พ่อผิดไปแล้ว พ่อที่เห็นแก่ตัวคนนี้สำนึกเสียใจแล้ว หวังว่าชีวิตนี้ของพ่อจะชดใช้ความแค้นทั้งหมดในใจของแกได้ อย่าทำร้ายใครอีกเลยนะ อาซาน"เซวียนซานหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันมืดมนไปหมด เขาส่งเสียงเหอะในลำคอก่่อนจะร้องไห้ออกมาแผนการสำเร็จแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจเลยล่ะ!!!คนชั่วคนนี้กำลังจะตาย แต่
เซวียนซานตอนนี้เหมือนกับคนเสียสติไปแล้ว ก่อนหน้านี้เซวียนชวนเตือนเท่าไรเขาก็ไม่ฟัง ในใจของเขามีแต่ความแค้นที่ฝังลึก เขาถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจนมันบิดเบี้ยวเกินจะเยียวยาแล้วชุยซินอี๋จ้องมองเฝิงอี้และเฝิงเป่าด้วยแววตาที่แดงก่ำ หากวันนี้เธอเป็นอะไรไป เธอเชื่อว่าเฝิงอี้จะสามารถดูแลเฝิงเป่าได้เป็นอย่างดีแต่สำหรับเฝิงอี้แล้วเขาไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดเพียงว่าจะต้องช่วยชุยซินอี๋ออกมาให้ได้ หากช่วยไม่ได้เขาก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นเซวียนซานลั่นไกปืนเตรียมจะยิงทุกคนที่ขวางหน้า เขาหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับชุยซินอี๋"เป็นยังไงล่ะซินซิน ไอ้คนที่เธอรักนักรักหนามันช่วยอะไรเธอได้ จะตายกันหมดอยู่แล้ว!!! เลือกฉันสิ แล้วเราจะมีความสุขไปด้วยกัน"ชุยซินอี๋ปรายตามองเซวียนซานด้วยความเย็นชา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน"คนที่ไม่เห็นใครเป็นคนในสายตา ไม่คู่ควรที่จะได้ความรักจากใครหรอก ปล่อยให้ความแค้นบังตาจนมืดบอด ไม่ละอายแก่ใจตัวเอง""ซินซิน!!! โอ๊ย!!!"ชุยซินอี๋อาศัยจังหวะที่เซวียนซานเผลอใช้เศษกระเบื้องที่เธอถือเอาไว้ในมือแทงเข้าไปที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง เซวียนซานร้องไม่เป็นภาษา ใบหน้าหล
ก่อนหน้านี้ชุยซินอี๋ได้สติตื่นขึ้นมา เมื่อตั้งสติได้และคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเธอก็ถึงกับลนลานรีบมองหาเฝิงเป่าทันที ก่อนจะพบว่าเฝิงเป่ากำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เธอ ชุยซินอี๋หันมองซ้ายขวาพบว่ามือของตนเองถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือก "ไม่ต้องดิ้นไปหรอก ถึงเวลาผมจะปล่อยคุณเอง"เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ชุยซินอี๋จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะพบว่าเป็นเซวียนซานนั่นเองภาพก่อนหน้านี้คือเขายื่นขวดน้ำให้เธอ จากนั้นเธอรู้สึกเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างฟาดเข้ามาที่ต้นคอและสลบไปไม่ได้สติ จนเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่เก่าๆ เหมือนกับโรงงานร้างอย่างไรอย่างนั้น ชุยซินอี๋ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม“คุณจับฉันมาเหรอ"เซวียนซานยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ทว่ารอยยิ้มของเขามันดูเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัว ชุยซินอี๋ขยับตัวเข้าไปใกล้เฝิงเป่า พร้อมกับระแวดระวังเซวียนซานเอาไว้ด้วยเขาจะจับตัวเธอและลูกมาทำไมกัน ทั้งที่พวกเราไม่เคยมีเรื่องผิดใจอะไรต่อกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำเซวียนซานมองดูท่าทีของชุยซินอี๋ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาชอบเธอเข้าเสียแล้ว เขาคิดทบทวนมาหลายคืนแล้วก็ได้คำตอบที่แน่ชัด เขาชอบชุย
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ก็ถึงเวลาที่เฝิงอี้และชุยซินอี๋จะจัดงานแต่งงานกันอย่างมีความสุขเสียทีเช้านี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส เฝิงอี้พาชุยซินอี๋มาตัดชุดแต่งงาน เดิมทีคนทั้งสองคิดจะประวิงเวลาออกไปก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์ในบ้านตระกูลเฝิงก็ยังไม่ดีเท่าใดนัก แม่ของเฝิงอี้ยังคงเย็นชากับพ่อของเขาอยู่ แต่ทว่าคุณนายเฝิงกลับบอกว่า จะให้ความทุกข์ที่พ่อแม่เป็นคนก่อ มาทำให้ลูกไม่มีความสุขได้ยังไงกัน จึงไม่ให้คนทั้งสองประวิงเวลาออกไปอีก บอกเพียงว่าจะต้องรีบจัดงานให้เร็วที่สุดชุยซินอี๋มองดูเฝิงเป่าที่กำลังนั่งกินขนมอยู่กับพี่เลี้ยง ไม่นานมานี้เฝิงอี้จ้างพี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งมาดูแลเฝิงเป่า เฝิงเป่าเองก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับพี่เลี้ยงคนใหม่ อีกทั้งยังช่างพูดช่างเจรจา ยิ่งพูดได้ก็พูดไม่หยุด จนบางครั้งเธอเองยังตอบคำถามของเฝิงเป่าไม่ทันกิจการร้านบะหมี่ยังคงไปได้ดี เฝิงอี้ได้แม่ครัวคนใหม่มา แรกเริ่มชุยซินอี๋ยังคงไปสอนและแนะนำสูตรบะหมี่เดิมที่เธอทำเอาไว้ให้แม่ครัวคนใหม่ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ปล่อยให้คนงานทำงานกันเองต่อไปด้านภัตตาคารก็สร้างเสร็จแล้ว และเปิดทำการขายได้เหมือนเดิมแล้ว โดย
หยางตงที่ได้ยินอย่างนั้นก็จ้องมองซ่งชางอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปดึงตัวของสวีเพ่ยกลับมาหาตนเอง แต่คนของซ่งชางก็ยกเท้าถีบเขาจนกระเด็นลงไปกองกับพื้น หยางตงไอออกมาอย่างรุนแรง รู้สึกจุกแน่นที่หน้าท้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"อาตง!!!"สวีเพ่ยเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอถูกจับตัวเอาไว้จนไม่อาจเข้าไปหาเขาได้ สวีเพ่ยหันไปมองซ่งชางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะเอ่ย"อย่าแตะต้องเขา เขาเป็นคนรักของฉัน!!!"ซ่งชางที่ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาหาสวีเพ่ย และยื่นมือขึ้นมาเชยปลายคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาชัดๆ"คนรักอย่างนั้นเหรอ เธอไม่มีสิทธิ์ไปรักกับใครได้หรอก เธอจะต้องไปที่ตระกูลซ่ง ไปเป็นเมียขัดดอกให้ฉัน คอยรับใช้คนตระกูลซ่งเพื่อชดใช้หนี้ บ้านของเธอและกิจการของพ่อเธอ ฉันจะยึดมาเป็นของฉันให้หมด เธอรู้ไหมว่าบ้านและกิจการของพ่อเธอมันยังไม่พอใช้หนี้ให้บ้านฉันเลยด้วยซ้ำ"สวีเพ่ยที่ได้ยินอย่างนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย"นายอยากได้อะไรก็เอาไปให้หมดเลย ฉันไม่ยึดติดกับของพวกนี้แล้ว ส่วนเงินที่เหลือฉันจะหางานทำมาผ่อนจ่ายให้นายเอง""ผ่อนจ่ายเหรอ น้ำหน้าอย่างเธอเนี่ยนะจะทำงา