ทะลุมิติกลายมาเป็นองค์ชายเก้าต้าเซี่ย ติดอยู่ในคุกหลวง พรุ่งนี้ถูกประหารด้วยทัณฑ์เลาะกระดูก เพียงหนึ่งวาจาเปลี่ยนชะตาชีวิต ฝ่าบาทพระราชทานสมรสด้วยความปีติ โค่นล้มพระชายา...
View Moreตุ้บ!จางไป่เจิงโขกศีรษะคำนับซ้ำๆ กล่าวเสียงสั่น “ฝ่าบาท กระหม่อมมีความผิด หากตอนนั้น กระหม่อมอยู่เคียงข้างพระองค์ เกรงว่าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!”ฮ่องเต้หวู่แย้มพระสรวลเล็กน้อย “ในโชคร้ายซ่อนโชคดี ใต้โชคดีมีเคราะห์ซ่อน อ้ายชิงไม่ต้องตำหนิตนเอง”จางไป่เจิงชะงัก ไม่เข้าใจความหมายของฮ่องเต้หวู่ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเข้ม “แม้ข้าจะถูกคนชั่วทำร้าย ได้รับบาดเจ็บจากธนู แต่โชคดีที่องค์รัชทายาทอยู่เคียงข้างข้า ใช้ความสามารถและความรู้ของตนปรุงยาครอบจักรวาลขึ้นมา ดูแลเอาใจใส่ข้าอย่างดี ทำให้ข้าหายเป็นปกติ”จางไป่เจิงประหลาดใจและยินดียิ่ง “ฝ่าบาท องค์รัชทายาททรงประดิษฐ์ยาครอบจักรวาลอันใดขึ้นมาอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าจะยอดเยี่ยมกว่ายาผงชิงฮวานั่นเสียอีก?”จางไป่เจิงเคยเห็นอานุภาพของยาผงชิงฮวามาแล้ว ไข้จับสั่นที่เคยรักษาไม่หาย ท้ายที่สุดก็เพียงแค่กินยาก็หาย ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไปฮ่องเต้หวู่แย้มพระสรวลเล็กน้อย “ในความเห็นของข้า ยานี้ยอดเยี่ยมกว่ายาผงชิงฮวาหลายเท่า ยิ่งกว่านั้นเมื่อมียาครอบจักรวาลนี้แล้ว ต่อไปภายหน้าเหล่าทหารต้าเซี่ยก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียชีวิตจากบาดแผล สิ้นชีพสู่ปรโลกอีก
หลู่จงหมิงหน้าตาตื่น “ท่านแม่ทัพจาง! ท่านคิดจะหักหลังข้าหรือ? ไหนว่าเราจะร่วมกันปราบปรามหลี่หลงหลิน แล้วเหตุใดตอนนี้จึงหันคมหอกมาทางข้า นี่ท่านกำลังช่วยเหลือคนชั่วทำชั่วชัดๆ!”จางไป่เจิงกล่าวเสียงเข้ม “ข้าไม่เคยพูดว่าจะปราบผู้ใด! การมาครั้งนี้ของข้ามีจุดประสงค์เดียว คือสืบหาความจริง ล้างแค้นให้ฝ่าบาท! ไม่เคยพูดว่าจะกล่าวโทษองค์รัชทายาท!”“ยิ่งกว่านั้น ข้าติดตามฝ่าบาทกรำศึกมาครึ่งชีวิต รูปพรรณของฝ่าบาทข้าจะจำผิดได้อย่างไร! ข้ามิใช่คนประเภทมีตาหามีแววไม่ ไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตาหรอกนะ?”หลู่จงหมิงตวาด “ท่านแม่ทัพจาง ท่านอย่าได้ถูกแผนการชั่วร้ายของหลี่หลงหลินหลอกเอา! นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย สร้างภัยให้แผ่นดิน ชื่อเสียงจะเน่าเหม็นไปตลอดกาลนะ!”“ท่านต้องคิดให้ดีนะ!”จางไป่เจิงสีหน้าเย็นชา ตวาดว่า “ทหาร! ตบปากให้ข้าเดี๋ยวนี้! ดูซิว่ามันยังจะกล้าพล่ามเรื่องไร้สาระที่นี่อีกหรือไม่!”จางไป่เจิงหมดความอดทน หากมิใช่เพราะหลู่จงหมิงเป็นพระญาติเชื้อพระวงศ์ ตนเองจึงลงมือไม่ได้ ป่านนี้คงอยากจะฟันเขาทิ้งด้วยดาบเดียวแล้ว!เหล่าทหารคุมตัวหลู่จงหมิงมาเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้หวู่ สองฝ่ามือฟาดไปบนใบห
ทันใดนั้นเสียงทรงอำนาจกึกก้องดังมาจากภายในจวนอ๋อง “ผู้ใดบังอาจแตะต้ององค์รัชทายาท!”สถานการณ์ที่กำลังอึกทึกครึกโครมพลันเงียบสงัดลงทันที เงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่นพื้นจางไป่เจิงชะงักงัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงเสียงนี้...!หรือว่าจะเป็นฝ่าบาท?เป็นไปไม่ได้!สงสัยข้าคงคิดถึงฝ่าบาทมากเกินไป จึงเกิดหูแว่วขึ้นมา!ตนเองติดตามรับใช้ฮ่องเต้หวู่มาครึ่งชีวิต ไม่มีทางที่จะจำเสียงของพระองค์ผิดพลาดได้ แต่ฮ่องเต้หวู่สวรรคตไปแล้ว คงเป็นเพียงหูแว่วเท่านั้นหลู่จงหมิงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็แผดเสียงด่าทอ “ผู้ใดบังอาจเล่นละครตบตาอยู่ตรงนี้ ยังไม่รีบโผล่หัวออกมาอีก!”“หลี่หลงหลิน เจ้าคิดว่าใช้เล่ห์เหลี่ยมตื้นๆ เช่นนี้จะสามารถปิดบังความจริงที่เจ้าลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ได้หรือ? ฝันไปเถอะ!”หลู่จงหมิงเชิดหน้าอย่างผยอง มองหลี่หลงหลินด้วยสายตาดูแคลนราวกับว่าหลี่หลงหลินกลายเป็นนักโทษที่รอวันประหารแล้วร่างสูงสง่าร่างหนึ่งเดินออกมาจากในจวนอ๋องภายใต้แสงคบเพลิงที่ลุกโชน ปรากฏใบหน้าอันทรงอำนาจยิ่ง สายพระเนตรดุจคบเพลิง กวาดมองทุกคนที่อยู่ในที่นั้นฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “เมื่อเห็นข้าแล้ว เ
จางไป่เจิงยิ้มอย่างจนใจ “เจ้าเทียบข้าไม่ได้เลยสักนิด คิดจะลงไม้ลงมือกับข้า มีแต่จะหาเรื่องเจ็บตัวเอง ยิ่งกว่านั้นเบื้องหลังข้ายังมีไพร่พลทหารมากมาย ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะต่อกรได้!”“แม้กองทัพhซูจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาข้าเลยสักนิด!”ซูเฟิ่งหลิงกล่าวเสียงเย็นชา “จะดีจริงหรือแค่ลมปาก ลองดูก็รู้!”สิ้นเสียงพลันบังเกิดเสียงอาชาร้องก้องกังวานจางไป่เจิงกล่าวเสียงเย็น “ในเมื่อเจ้าไร้เมตตา ก็อย่าหาว่าข้าไร้คุณธรรม! บัดนี้ข้าได้ให้โอกาสเจ้าถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดสิ้น!”สิ้นเสียง อาวุธสั้นก็ปะทะกัน ประกายไฟแตกกระจายตึง ตึง ตึง!แม้ซูเฟิ่งหลิงจะไม่ได้อยู่บนหลังม้า แต่การต่อสู้กับจางไป่เจิงซึ่งอยู่บนหลังม้าก็ไม่ได้เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อยทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใคร“ฆ่า ฆ่า ฆ่า!”หลู่จงหมิงในใจลิงโลดอย่างบ้าคลั่ง “ขอเพียงกำจัดซูเฟิ่งหลิงได้ ในจวนอ๋องแห่งนี้ก็จะไม่มีใครต้านทานได้อีก!”เคร้ง!ซูเฟิ่งหลิงเซถลา ถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัวจางไป่เจิงยิ้มเย็น ไม่ได้ไล่ตาม “เห็นว่าเจ้าเป็นทายาทผู้ภักดีของสกุลซู ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง ข้าขอแนะนำ
เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไปจางไป่เจิงนำพากองทัพมาถึงจวนอ๋องตงไห่ เมื่อเห็นว่าจวนถูกล้อมไว้แน่นหนาจนมิอาจมีสิ่งใดเล็ดลอดออกไปได้ จึงไม่ต้องกังวลเลยว่าหลี่หลงหลินจะหลบหนีออกจากเซิ่งเทียนได้ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มยามราตรี เหล่าทหารต่างถือคบเพลิง แสงไฟจากคบเพลิงนับไม่ถ้วนลุกโชนส่องสว่างอยู่รายรอบนอกจวน ราวกับจะสาดแสงให้ท้องฟ้าสว่างไสวไปทั่วเหล่าทหารที่ล้อมจวนต่างโห่ร้องยินดี เฉลิมฉลองที่กองหนุนเดินทางมาถึงเพื่อสนับสนุน"ยอดเยี่ยม! เมื่อมีแม่ทัพจางมาสมทบ ย่อมสามารถยึดจวนนี้ได้อย่างง่ายดายแน่นอน!" "เพียงกองทัพตระกูลซูเล็กๆ จะเป็นคู่ต่อกรของแม่ทัพจางได้อย่างไร? นั่นคือกองทัพอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ยเชียวนะ! เป็นกองทัพที่แม้แต่ทหารม้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็ยังสามารถเอาชนะได้!"เหล่าทหารตระกูลซูสีหน้าเคร่งขรึม ผู้ใดเลยจะคาดคิดว่าวันหนึ่งคมอาวุธในมือของตนจะต้องชี้ไปยังเหล่าทหารของจางไป่เจิง ต้องทราบว่า ครั้งที่อยู่ในเมืองหลวง กองทัพทั้งสองฝ่ายล้วนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันยิ่งนัก ถึงกระนั้น เหล่าทหารตระกูลซูก็มิได้ผ่อนคลายแม้แต่น้อย ทุกนายยังคงสวมเกราะถืออาวุธมั่น ดวงตามีประกายไฟลุกโชน
จางไป่เจิงพยักหน้า เห็นด้วยว่าถ้อยคำของหลู่จงหมิงนั้นมีเหตุผลทว่าในใจของเขาก็ยังคงยากจะทำใจเชื่อได้ลงหลู่จงหมิงเอ่ยขึ้น “เหล่าราษฎรที่สวมชุดขาวหยาบไว้ทุกข์เหล่านี้ ล้วนมาส่งเสด็จฝ่าบาทด้วยความสมัครใจ...”“ตรงใจกลาง คือหีบพระบรมศพของฝ่าบาท...”จางไป่เจิงชะงักงันไปครู่หนึ่ง ทอดสายตามองไปยังหีบพระบรมศพ ณ ใจกลางกลุ่มคน ในห้วงเวลานั้นจิตใจพลันเหม่อลอยตรากตรำกรำศึกมาหลายสิบปี ตนเองยังไม่ได้ทดแทนคุณช่วยชีวิตของฮ่องเต้หวู่ เมื่อครั้งอดีตที่เคยจับกระบี่ขึ้นอาชา สาบานว่าจะทวงคืนแผ่นดินต้าเซี่ย สร้างความรุ่งเรืองมั่นคง แต่บัดนี้กลับต้องพรากจากกันชั่วนิรันดร์หยาดน้ำตาขุ่นสองสายพลันไหลรินจากดวงตาของจางไป่เจิงอย่างเงียบงันบุรุษไม่อาจหลั่งน้ำตาโดยง่าย เพียงแต่ยังไม่ถึงคราที่ใจสลาย!หลู่จงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านแม่ทัพจาง โปรดระงับความโศกเศร้า...”จางไป่เจิงไม่ได้สนใจ แต่กลับถอดหมวกเกราะออก แล้วค่อยๆ เยื้องย่างไปยังหีบพระบรมศพเหล่าราษฎรเมื่อเห็นจางไป่เจิงเดินมา ต่างก็พากันลุกขึ้นยืน เปิดเป็นช่องทางกว้างขวางให้เขา ซึ่งทอดยาวตรงไปยังหีบพระบรมศพที่ตั้งอยู่ใจกลางเบื้องหน้าหีบ
Comments