แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
เมื่อกลับมาถึงตำหนักฝั่งตะวันตกของตนเอง เจียงหวนก็รู้สึกราวกับฟ้าจะถล่มลงมา การกลับมาจากการถวายตัวจอมปลอมครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย

อวี๋ผินจ้องเล่นงานนางอย่างไม่ลดละก็เรื่องหนึ่ง ตอนนี้เจียกุ้ยเฟยก็จงเกลียดจงชังนางไปด้วยเช่นกัน ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้นางออกจากตำหนักจิ่นหวาอีก เช่นนี้ก็ยิ่งไม่มีทางนำของกินไปส่งให้ฝ่าบาทได้

คาดว่าพรุ่งนี้เช้าตรู่ คำสั่งลดตำแหน่งของนางคงมาถึงเป็นแน่

เสี่ยวเจารีบร้อนทายาบนใบหน้าให้เจียงหวน ก็เห็นสีหน้าของนางซีดขาวราวกับคนสิ้นหวังหมดอาลัยตายอยาก นางก็รู้ทันทีว่าสมองของตัวเองที่แม้แต่ละครวังหลังยังดูไม่เข้าใจ การเข้ามาพัวพันในวังหลังย่อมไม่มีผลดี!

“นายหญิงน้อยอย่ากลัวไปเลยเพคะ ท่านทำของกินไปอย่างสบายใจเถิด เดี๋ยวตอนค่ำบ่าวจะออกไปส่งให้ฝ่าบาทเอง บ่าวจะช่วยพาท่านไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทให้ได้ เพื่อจัดการอวี๋ผินที่ลงโทษคนตามอำเภอใจ!”

เสี่ยวเจายังคงทุบหน้าอกรับปากกับเจียงหวนอย่างหนักแน่น เจียงหวนค่อย ๆ ดึงมือนางไว้

“เสี่ยวเจา เจ้าไม่ต้องทำเรื่องพวกนี้หรอก สัญญากับข้า ต่อไปอย่าพูดกับพวกเขาอีก มีอะไรให้ข้าเป็นคนพูดเอง”

หากไม่ใช่เพราะเด็กโง่คนนี้เอ่ยปากข่มขู่ ไม่แน่ว่านางอาจจะโดนตบน้อยลงไปหนึ่งฉาดก็ได้ แต่เมื่อมองเห็นขอบตาที่แดงก่ำของเสี่ยวเจา เจียงหวนก็ไม่สามารถเอ่ยคำตำหนิออกมาได้แม้แต่คำเดียว

คงต้องโทษที่นางไร้ประโยชน์เอง หากนางมีตำแหน่งสูงส่ง มีอำนาจบาตรใหญ่ ต่อให้เสี่ยวเจาจะด่าทอใครข้างนอก ก็คงไม่มีใครกล้าว่าอะไร

...

ณ ตำหนักหย่างซิน

กองฎีกาที่สูงเป็นภูเขา ทำให้ฮั่วหลินที่ตอนแรกยังกระปรี้กระเปร่า บัดนี้กลับมีสายพระเนตรว่างเปล่า

ขนมดอกซิ่งสองสามชิ้นที่เจียงหวนยัดใส่มือให้เมื่อเช้าทรงเสวยหมดไปนานแล้ว พระกระยาหารเช้าคือข้าวเย็นชืดหนึ่งมื้อ กลางวันก็เป็นข้าวต้มขาวกับผักอีก มื้อค่ำก็คงหนีไม่พ้นอาหารเพื่อสุขภาพเหล่านี้

พอคิดว่าวันนี้ท้องของตนจะต้องทนทุกข์อีกครั้ง สีพระพักตร์ของฮั่วหลินก็ยิ่งดูย่ำแย่มากขึ้น

“จวงฉางไจ้ยังไม่มาหรือ?”

ฮั่วหลินเหลือบมองสีของท้องฟ้าข้างนอก ก็ใกล้จะถึงเวลาเสวยมื้อค่ำแล้ว เจียงหวนผู้นี้ช่างไม่มีไหวพริบเอาเสียเลย ป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักเอาของกินมาส่งให้เขาอีก

หวังเต๋อกุ้ยที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “หากฝ่าบาททรงมีพระประสงค์จะพบจวงฉางไจ้ บ่าวไปตามนางมาให้ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ต้อง” ฮั่วหลินตอบด้วยสีพระพักตร์เย็นชา น้ำเสียงฟังดูน่าขนลุกยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก

รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังเต๋อกุ้ยแข็งค้าง ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ อีก ติดตามฝ่าบาทมานานขนาดนี้ เขายังคงเดาอารมณ์ไม่ถูกแม้แต่น้อย

เมื่อครู่ยังทรงคิดถึงคนอยู่เลย พออีกครู่ก็ไม่อยากพบเสียแล้ว

ฮั่วหลินทรงลูบพระอุทรของตนเองผ่านชุดคลุมมังกร รู้สึกว่าแม้แต่เรี่ยวแรงจะพิโรธก็ยังไม่มี ในยามนี้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพระเนตรไม่ใช่ฎีกาอีกต่อไป แต่เป็นบัวลอยสีขาวนวลอันอวบอิ่มลูกแล้วลูกเล่า

น้ำสาโทเข้มข้น บัวลอยหวานสดชื่น หนึ่งถ้วยลงท้องรสชาติกลมกล่อมละมุนลิ้น

ให้ตายเถอะ คืนนี้ต้องสั่งลดตำแหน่งเจียงหวน!

“ฝ่าบาท อวี๋ผินมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ตอนนี้สีพระพักตร์ของฮั่วหลินดูไม่ดีนัก หวังเต๋อกุ้ยที่เข้าไปทูลรายงานยังรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง

“ไล่นางไป”

หวังเต๋อกุ้ยกลืนน้ำลาย เอ่ยปากอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ อีกครั้ง “อวี๋ผินทูลว่า จวงฉางไจ้รู้สึกไม่สบาย วันนี้นางจึงมาส่งของแทนจวงฉางไจ้พ่ะย่ะค่ะ”

พระกรรณของฮั่วหลินกระดิกทันที ทรงวางพู่กันชาดลง แต่ยังคงทำสีพระพักตร์เย็นชาเช่นเดิม “ให้นางเข้ามา”

หวังเต๋อกุ้ยเผยรอยยิ้มออกมาทันที “ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”

ขณะที่หันหลังกลับไป หวังเต๋อกุ้ยก็แอบจดจำไว้ในใจเงียบ ๆ ว่า ตอนนี้จวงฉางไจ้คือผู้ที่ได้รับพระกรุณาเป็นอันดับหนึ่ง เพียงแค่เอ่ยชื่อของนางขึ้นมาก็ได้ผลดีเป็นพิเศษ!

“อวี๋ผิน ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านเข้าไป”

ใบหน้าของอวี๋ผินแสดงความดีใจ ก่อนจะเรียกให้ชุ่ยอิงถือกล่องอาหารตามเข้าไปในตำหนักหย่างซิน

ก็แค่ส่งของกินมิใช่หรือ? ใครบอกว่ามีแต่เจียงหวนเท่านั้นที่ส่งได้? นางส่งก็เหมือนกัน!

ก่อนที่จะเข้าไป นางจัดเสื้อผ้าของตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลัวว่าจะทำให้ฮั่วหลินไม่พอพระทัย

อย่างไรเสียเมื่อหนึ่งปีก่อน นางยังเป็นถึงอวี๋เฟย

ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนระอุ นางตั้งใจทำข้าวต้มมะระเพื่อดับร้อนถวายฝ่าบาท ส่งติดต่อกันหลายวัน แต่กลับไม่ได้รับความโปรดปรานใด ๆ ตรงกันข้าม กลับได้รับข่าวการลดตำแหน่งของนางลงมาเป็นอวี๋ผิน

ครั้งนี้ จะต้องไม่มีข้อผิดพลาดอีกเด็ดขาด!

“ฝ่าบาท คืนนี้หม่อมฉันได้ต้มบัวลอย เมื่อคิดว่าพระองค์ทรงมีราชกิจมากมาย จึงรีบนำมาถวายทันทีเพคะ”

อวี๋ผินดัดเสียงจนอ่อนหวานเย้ายวน ฟังแล้วแทบจะทำให้อ่อนระทวย สายพระเนตรของฮั่วหลินเหม่อลอยไปชั่วขณะ ก่อนจะพยายามเบือนหนีจากกล่องอาหารนั้นอย่างสุดความสามารถ

บัวลอย!

บัวลอย!

“เชิญฝ่าบาทเสวยเพคะ”

ถ้วยใบเล็กถูกยื่นมาถึงพระหัตถ์ของฮั่วหลิน สายพระเนตรฉายแววผิดหวัง ในถ้วยมีแต่น้ำเป็นส่วนใหญ่ บัวลอยมีเพียงสี่ลูก ทั้งยังเล็กกว่าลูกตาเสียอีก

เจียงหวนเสียดายวัตถุดิบหรืออย่างไร?

บัวลอยของเมื่อวานยังใหญ่เกือบครึ่งกำปั้นเลยนี่นา

บัวลอยหนึ่งลูกเข้าพระโอษฐ์ พระขนงที่ขมวดแน่นของฮั่วหลินไม่ได้คลายลงเลยแม้แต่น้อย รสชาติไม่ใช่ ไม่เหมือนกับที่เจียงหวนส่งมาเมื่อวานเลยแม้แต่น้อย

แต่ถึงแม้จะไม่อร่อยเท่าที่ควร ฮั่วหลินที่กำลังหิวโซก็ยังคงอดทน แสร้งทำเป็นเสวยอย่างช้า ๆ จนหมด

“พอใช้ได้ เรายังมีราชกิจต้องจัดการ อวี๋ผินกลับไปก่อนเถิด”

อวี๋ผินประสานมือทั้งสองข้างที่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น จ้องมองฮั่วหลินด้วยสายตาที่ร้อนแรงจนแทบจะละลาย

“ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าเมื่อวานนี้จวงฉางไจ้ทำให้ฝ่าบาททรงสบายพระทัยหรือไม่เพคะ นางเข้าวังมายังไม่นาน ฝีมือของหม่อมฉัน นางยังเรียนรู้ได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบ หม่อมฉันได้เตรียมเรื่องน่าประหลาดใจบางอย่างไว้ที่ตำหนัก ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะ...”

ฮั่วหลินทรงฟังพลางใช้นิ้วพระหัตถ์หมุนเล่นบนฎีกาไปมา ที่แท้ฝีมือของเจียงหวน ก็เรียนมาจากอวี๋ผินหรอกหรือ?

เช่นนั้นบัวลอยถ้วยนี้ ก็จงใจทำมาเพื่อยั่วให้อยากแล้วจากไป?

“ได้ กลับไปรอเถิด”

แม้ว่าน้ำเสียงของฮั่วหลินจะไม่นุ่มนวล แต่ก็ยังทำให้อวี๋ผินดีใจจนเนื้อเต้น

ฟังจากความหมายของฝ่าบาทแล้ว คืนนี้จะเสด็จไปหาที่ตำหนักของนางหรือ?

หากไม่ติดว่าต้องรักษากิริยาในวัง อวี๋ผินคงอยากจะกระโดดโลดเต้นกลับตำหนักไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าเจียงหวนจะเดาถูกว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานบัวลอย!

ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าแค่ส่งบัวลอยก็จะได้ถวายตัว ปีที่แล้วนางคงไม่ลำบากทำข้าวต้มมะระอะไรนั่น จนทำให้ต้องถูกลดตำแหน่ง!

“นายหญิงน้อย ฝ่าบาทเสด็จไปที่ตำหนักของอวี๋ผินแล้วเจ้าค่ะ”

เสี่ยวเจาทายาที่แก้มให้เจียงหวน พลางเบะปากเล็ก ๆ ด้วยความโมโห

“เขาจะไปไหนก็เรื่องของเขา เกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย”

เจียงหวนพูดอย่างไม่มีเรี่ยวแรง อวี๋ผินไปส่งของกินให้ฝ่าบาทแทนนาง ตอนค่ำก็ได้ถวายตัวอีก ไม่รู้ว่าต้องเตรียมอาหารเลิศรสจากทั่วทุกสารทิศไว้มากมายเพียงใด สนมคนโปรดคนใหม่อย่างนางคงเป็นได้แค่ดอกไม้ที่เบ่งบานชั่วครู่ พรุ่งนี้ก็คงไม่เห็นแสงตะวันแล้ว

มีเวลาไปอิจฉาอวี๋ผิน สู้เอาเวลามาคิดว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรดีกว่า

“เสี่ยวเจา หม้อเหล็กที่ข้าเคยให้เจ้าไปซื้อ ซื้อกลับมาแล้วหรือยัง? ข้าหิวแล้ว”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 191

    “สกปรกแล้ว” น้ำเสียงพลันแหบแห้งการเคลื่อนไหวของอายีน่าถึงกับหยุดชะงักไปในทันที ราวกับถูกน้ำร้อนลวกมือ ก่อนจะรีบชักมือกลับมาทันควัน แก้มทั้งสองข้างพลันแดงก่ำขึ้นมาโดยมิอาจควบคุมได้“ก็แค่อาภรณ์ชุดหนึ่งเท่านั้น...”อายีน่าเบือนหน้าหนี ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ทว่า หัวใจกลับเต้นรัวราวกับเสียงกลองที่ดังกระทบแก้วหูฮั่วอวิ๋นสิงเพียงส่งหัวเราะออกมาเบา ๆ หากแต่เขาเคลื่อนตัวไปโดนบาดแผลเข้าทำเอาเจ็บเสียจนสะดุ้งเฮือกออกมา“จิ๊ ๆ... เจ้าหน้าแดงหรือ?”“ใคร... ผู้ใดหน้าแดงกัน เป็นเพราะแดดส่องลงมาต่างหาก!”ท่าทางของอายีน่าคล้ายกับลูกแมวถูกเหยียบหางก็ปาน พลางลุกขึ้นมาด้วยความเร็วไว ก่อนจะกรูถอยหลังไปสองก้าว“เจ้า... เจ้าใส่ยาเอาเองเถิด ข้าไปล่ะ”อายีน่าพลันหยิบตลับยายัดใส่เข้าไปในมือของฮั่วอวิ๋นสิง ก่อนจะพาสาวใช้อีกสองคนวิ่งหนีไปอย่างสุดชีวิตยามที่นั่งรถม้ากลับวังหลวงนั้น หัวใจของอายีน่าที่เต้นระรัวก็คล้ายกับว่าจะค่อย ๆ สงบลงม่านรถม้าที่กั้นเสียงความวุ่นวายจากภายนอกเอาไว้นั้น หลงเหลือเอาไว้แต่เพียงเสียงลมหายใจของอายีน่าที่หอบหืด พร้อมทั้งกลิ่นคาวเลือดที่ติดอยู่บนแขนเสื้อนา

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 190

    ฮั่วอวิ๋นสิงส่งเสียงร้องในลำคอ รอยแผลอาบเลือดพลันปรากฏบนขมับเลือดสีแดงสดทะลักออกมา ไหลอาบไปตามแนวแก้มราวกับห้วงเวลาได้หยุดนิ่งลง ณ วินาทีนี้ เสียงคำรามด่าทอมากมายเงียบหายไปทันทีผู้ติดตามสองคนของฮั่วอวิ๋นสิงรีบชักกระบี่ออกมาทันที พวกเขายืนคุ้มกันอยู่ด้านหน้าฮั่วอวิ๋นสิง พร้อมกับตะโกนเสียงกร้าว“พวกอันธพาลสามหาว ท่านนี้คือเซียวเหยาอ๋องของต้าเหลียงเรา พวกเจ้ากล้าทำร้ายท่านอ๋อง ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่?”เหล่าผู้ลี้ภัยตื่นตะลึงเมื่อได้ยินว่าฮั่วอวิ๋นสิงเป็นท่านอ๋อง พวกเขาเริ่มร่นถอยกลับไป ชายฉกรรจ์ที่เป็นผู้นำตกใจจนหน้าซีด รีบคุกเข่าลงไปทันทีแต่ทว่า อายีน่าไม่มีเวลาสนใจเรื่องเหล่านี้โลกทั้งใบของนางราวกับเหลือเพียงแผ่นหลังของคนที่ยืนบังอยู่ตรงหน้านาง และเลือดสีแดงสดที่ไหลอาบขมับเขาเท่านั้นเลือดสีแดงสดนั่น ช่างบาดตานางเหลือเกินหัวใจของอายีน่าราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดไว้แน่น รู้สึกปวดแปลบไปหมด“ฮั่วอวิ๋นสิง!”เสียงของนางทั้งสั่นเทาและแตกตื่นโดยที่แม้แต่นางก็ยังไม่รู้ตัว นางยกแขนเสื้อของตนขึ้นปิดมาแผลที่ขมับของเขาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย“ท่านเป็นเช่นไรบ้าง? เจ็บห

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 189

    “โอ๊ย” ขอทานน้อยล้มลงไปบนพื้น ถ้วยเก่าๆ ในมือกลิ้งไปอีกทางอายีน่ายันกิ่งไม้ด้านข้างโดยสัญชาตญาณ จึงค่อยหยัดยืนได้อย่างมั่นคงเหตุการณ์นี้มิได้เอิกเกริกมากนัก ทว่ากลับเสียงดังมากพอที่จะทำให้กลุ่มคนหน้าวัดแตกตื่นฮั่วอวิ๋นสิงเงยหน้ามองมา สายตาคมปราบ เขามองเห็นเงาร่างอันคุ้นเคยที่อยู่หลังต้นไม้ใหญ่ได้ในพริบตาสายตาสองคู่สบประสานกันอายีน่ามีสีหน้าแตกตื่นลนลาน ฮั่วอวิ๋นสิงตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานดวงตาดอกท้อก็มีรอยยิ้มเบ่งบานขึ้นมาเขาตักข้าวต้มให้ผู้ลี้ภัยที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะวางตะหลิวและเดินตรงมาทางอายีน่า“โอ้ นี่มิใช่…”ฮั่วอวิ๋นสิงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า จงใจลากเสียงยาวๆ สายตามองวนเวียนอยู่ที่การแต่งกายด้วยอาภรณ์ธรรมดาของอายีน่าหนึ่งรอบ“คุณหนูน้อยจากตระกูลใดกัน หลงทางมาหรือ?”อายีน่ารู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว นางฝืนทำเป็นเชิดคางขึ้น“ขะ… ข้าออกมาเดินเล่น มิได้หรือ? กลับเป็นท่านอ๋อง ไม่อยู่ท่องกลอนวาดรูปฟังดนตรีอยู่ในจวน วิ่งมาทำตัวเป็นพ่อครัวอยู่หน้าวัดร้างเช่นนี้ หาดูได้ยากยิ่ง”ฮั่วอวิ๋นสิงไม่โกรธ กลับยิ้มอย่างใจกว้าง“ข้าออกท่องเที่ยวไปทั่วทุกหนแห่ง จะออกมาสำรวจความเป็นอ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 188

    พยับเมฆจากเหตุสงครามทางทิศใต้มิพียงแต่แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งราชสำนัก แต่ยังค่อยๆ ลุกลามไปถึงเมืองหลวงด้วยข่าวที่พ่ายสงครามโบยบินไปสู่ครัวเรือนของราษฎรราวกับติดปีก ปลุกปั่นจิตใจผู้คนให้อกสั่นขวัญหายสิ่งที่ตามมาก็คือ มีผู้ลี้ภัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คนเหล่านั้นสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง พาคนในครอบครัวมาด้วย พวกเขาหลบหนีมาจากอำเภอข้างเคียงที่ถูกเพลิงสงครามแผดเผา บ้างก็มารวมตัวกันที่นอกเมืองหลวง บ้างก็รวมตัวอยู่ในวัดร้างที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงประตูเมืองอายีน่าถูกขังไว้ในเมืองหลวง เส้นทางกลับแคว้นถูกตัดขาดเพราะเพลิงสงคราม ข่าวสารจากทางราชวงศ์โม่เป่ยก็น้อยลงทุกวัน เนื้อความในจดหมายล้วนบอกให้นางลี้ภัยและรออย่างสบายใจอยู่ที่นี่ไปก่อนชีวิตในวังแม้สุขสบายไร้กังวล ทว่าก็ไม่ต่างจากกรงทองคำที่ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดใจครั้นยามบ่ายคล้อยของวันนี้ผ่านไป ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหว เปลี่ยนไปใส่อาภรณ์รัดรูปสีพื้นที่ไม่สะดุดตา พาหญิงรับใช้โม่เป่ยที่แต่งกายแบบเดียวกันออกจากวังไปด้วยสองคน ตั้งใจว่าจะออกไปสูดอากาศที่ตลาดทัศนียภาพนอกเมืองแตกต่างจากในเมืองซึ่งเป็นระเบียบเรียบร้อยค่อนข้างมากถนนหนทางสกปรกไม่เป็นร

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 187

    “พระสนมโปรดระงับโทสะ บ่าวสืบรู้มาเช่นนี้จริงๆ นะเพคะ เมื่อคืนการหารือในห้องทรงพระอักษรถึงดึกดื่น มีเพียงแม่ทัพหลินและฝ่าบาท ฝ่าบาทมิได้สั่งให้ผู้ใดอยู่ปรนนิบัติจริงๆ เพคะ”“มิได้สั่งให้ผู้ใดอยู่ปรนนิบัติ?” เจียกุ้ยเฟยเอ่ยย้ำคำพูดนี้ด้วยน้ำเสียงรอดไรฟัน แฝงไว้ด้วยแววเย้ยหยันและไม่เชื่อ “เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทในท้องพระโรงช่วงเช้า?”หลานเวยตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง นางก้มหัวต่ำกว่าเดิม“บ่าวยังสืบรู้มาอีกว่าวันนี้ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ท่านผู้นั้นจากตำหนักเว่ยยางได้ถือกล่องอาหารไปรอที่หน้าห้องทรงพระอักษรด้วยตนเอง รอจนกระทั่งแม่ทัพหลินกลับไป”แววตาของเจียกุ้ยเฟยแปรเปลี่ยนเป็นมืดมนน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ราวกับเข็มอาบยาพิษเสียงของหลานเวยสั่นจนแทบพูดไม่เป็นคำ “นางมิได้เข้าไป เป็นหวังกงกงถือกล่องอาหารเข้าไป จากนั้น… จากนั้นฝ่าบาทก็ทรงเสวยมื้อเช้า ยามประชุมช่วงเช้าในท้องพระโรงจึงได้… จึงได้…”นางมิกล้าพูดคำนั้นออกมาจริงๆ“จึงได้อารมณ์เบิกบานยิ่งนัก! ใช่หรือไม่?”เสียงของเจียกุ้ยเฟยแหลมจนแหบแห้ง นางลุกพรวดขึ้นยืน เล็บมือที่ทาน้ำยาทาเล็บสีแดงสดกำขอบโต๊ะเครื่องแป้งไว้แน่น กระดูกข้อต่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 186

    การประชุมช่วงเช้าจบลงอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางความสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเหล่าขุนนางเดินเรียงแถวออกจากท้องพระโรง ใบหน้าแสดงออกถึงความโชคดีราวกับเพิ่งรอดพ้นจากความตายมาได้ ขณะเดียวก็ยังมีความสงสัยที่มิอาจไขข้อข้องใจได้พวกเขากระซิบกระซาบกันถึงเรื่องสีหน้าท่าทางที่แตกต่างจากเดิมของฝ่าบาทในวันนี้ฮั่วหลินมิได้สนใจเสียงกระซิบกระซาบของเหล่าขุนนาง เขาก้าวเท้าออกจากตำหนักจินหลวน เตรียมจะกลับไปสะสางราชกิจที่คั่งค้างในห้องทรงพระอักษรต่อ ทว่าเสียงที่แฝงไว้ด้วยความยียวนอย่างชัดเจนเสียงหนึ่งกลับดังมาจากด้านหลัง“แหม วันนี้พระพักตร์ฝ่าบาทมีสง่าราศีอย่างมากเชียวนะ หรือว่าทรงได้ยาวิเศษใดมาถนอมพระวรกายงั้นหรือพะย่ะค่ะ?”ผู้พูดก็คือฮั่วอวิ๋นสิง เขาแต่งกายด้วยชุดราชการประจำตำแหน่งชินอ๋อง[1] มือโบกพัดพับกระดูกหยกไปมา พลางจ้องพิจารณาฮั่วหลินตั้งแต่หัวจรดเท้า รอยยิ้มเย้าแหย่ฮั่วหลินได้ยินเช่นนั้นฝีเท้าก็ชะงักหยุด ตวัดแววตาเย็นชามองไปที่เขา“เสด็จอาว่างมากหรือ?” น้ำเสียงไม่สูง แต่กลับแสดงถึงบารมีของฮ่องเต้ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถทำให้ขุนนางที่ยังเดินไปได้ไม่ไกลมากนักต่างก็หดคอ และรีบเร่งฝีเท

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status