ค่ำคืนนี้มิ่งขวัญร้อนรุ่มจนเกินจะทานทนเป็นพิเศษกว่าในทุกๆ ค่ำคืน เขานึกถึงวาจา กิริยาเเละคำพูดทุกคำที่นางผู้หญิงนั่นเอื้อนเอ่ยไม่ยอมหลุดออกไปจากหัว “เอาสิ มิ่งขวัญ” “ว่ากระไรนะ?” “น้าจะเล่นกับเจ้ามิ่งด้วยก็ได้นะ เพราะเจ้ามิ่งเองก็รูปงามถูกใจน้าเหมือนกัน” มิใช่ไม่รู้ว่านั่นคือมารยาล่อลวงชายของผู้หญิงเช่นนั้น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกเเต่ก็ขาดความยับยั้งชั่งใจ เมื่อหวนนึกถึงท่าทางยั่วเย้าโดยไม่จริงจังนัก หัวใจของมิ่งขวัญยิ่งเต้นส่ำระรัว เขาไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ เเม้เเต่ทองผินที่เขาบูชาจนสุดดวงใจ ความรู้สึกที่มีต่อบัวงามเเตกต่างจากเจ้าคุณเเม่ เขาเคารพบูชาคุณเเม่ทองผินจนไม่คิดเเม้เเต่จะเเตะต้องเเม้เเต่ปลายเล็บหรือเเม้เเต่เส้นผมของท่าน เเต่มิ่งขวัญเข้าใจว่านั่นคือความรักในเชิงชู้สาวมาโดยตลอด เขาเข้าใจว่าตนเองนั้นหลงใหลจมปลักอยู่กับเสน่ห์ผู้ใหญ่ที่อบอุ่นเเละลึกลับของทองผินอยู่เสมอมา เเต่ครั้นเมื่อโดนยั่วหยอกเเค่เพียงน้อยจากผู้หญิงที่คิดว่าชังหน้าหล่อนตั้งเเต่เเรกเห็น สัญชาตญาณของชายหนุ่มที่กำลังจะเติบโตเต็มวัยร้องบอกว่าเขาปรารถนาในตัวของผู้หญิงคนนั้น จนถึงขนาดหึงหวง พลั้งปากสร้างความ
การมีความคิดไปในเเง่ลบต่อหล่อนอาจไม่ใช่เรื่องที่เเปลกใหม่ อาจเพราะบัวงามย่างเท้าก้าวเเรกเข้ามาในบ้านหลังนี้ในฐานะอนุภรรยาของบิดาเขา หล่อนเเสดงท่าทางยั่วยวนบุตรชายต่อหน้าพ่อของเขาอย่างกล้าหาญ เเถมยังปั่นหัวยั่วประสาทพ่อของเขาได้เป็นอย่างดี เขารู้ว่าหล่อนมันร้ายกาจ… เเต่ก็ไม่คิดว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ร้ายกาจถึงกระทั่งพาชู้รักมากกนอนถึงถิ่นของเรา ขุนหล้ากระตุกยิ้มออกมา เเม้ว่าเขาเองจะเป็นขุนนางเเละเป็นลูกชายคนโตของพระยา หากเเต่สายเลือดโจรป่าที่อยู่ในกายครึ่งหนึ่งนั้นยังเข้มข้น ยิ่งหล่อนมีพิษ มีหนามเเหลมคมก็ยิ่งน่าลิ้มลอง น่าสนใจมากกว่าเดิม เขาเองก็เบื่อพวกคุณหญิงคุณนายที่เเสนเพียบพร้อมเเล้ว มาเอาหญิงร่านสวาทเเถมยังปั่นหัวเก่งคงจะน่าสนุกเเละท้าทายมากกว่า จะเป็นอย่างไรนะ หากได้ครอบครองหล่อน คงรู้สึกว่าไม่ต่างกับการได้รับชัยชนะจากบิดาของตนเองเป็นเเน่ ดูพ่อจะลุ่มหลงราคะร้อนร้ายของหล่อนมาก ถึงขนาดใช้สายตาขุ่นเคืองมองบุตรชายหัวเเก้วหัวเเหวน เเต่ก็คงมิเเปลกนัก การคลุกคลีกับหญิงร่านโลกีย์คงเป็นเรื่องคุ้นเคยของท่านไปเเล้วกระมัง นายกล้าถูกสั่งให้ตามมาบนเรือนทาส ทันทีที่บ่าวรับใช้สาวๆ เห็นร่
“เห็นทีว่าจะเป็นเพราะข้าเอง” แต่สุ้มเสียงเข้มที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้ทั้งบ่าวทั้งนายที่ยืนประจันหน้ากันชะงักไป เมื่อหันกลับไปสบตาจึงเห็นร่างของยอดหล้ายืนจังก้าอยู่ด้านหลัง ดวงหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มมุมปากท่าทางพิกลนัก “นางเปียกเพราะข้า อย่าได้ถือสาเลยหนา” “เจ้าค่ะคุณชาย” ทั้งที่เมื่อกี้เธอคิดหาข้ออ้างแทบตายแต่ยัยบ่าวนี้กลับดึงดันจะคาดคั้นให้จงได้ พอเป็นคุณหนูคนโตที่พูดอะไรส่งเดชไปเรื่อยเปื่อยออกมากลับเชื่อถือโดยไม่มีข้อกังขาเสียอย่างนั้น! เหตุผลก็ไม่มีให้ ไฉนจึงยอมเชื่อมากกว่า ลำเอียงไปไหมวะบ่าวบ้านนี้ คิดแล้วหงุดหงิด แต่ก็ทำเป็นฝืนยิ้มหวานให้กับชายตรงหน้า “ให้ข้าช่วยหรือไม่?” เมื่อเห็นว่าหล่อนทำท่าจะก้าวเข้าห้องหลังจากส่งยิ้มให้เพียงไม่กี่ชั่วครัน ขุนหล้าจึงอาสาเข้าช่วยเหลือ ถึงจะมีนัยยะว่าการช่วยเหลือที่ว่าคือเข้ามาช่วยเธอเปลี่ยนผ้าผ่อน รวมถึงรุ่มร่ามกับตัวเธอก็ตาม “มิเป็นไรดอกจ้ะ เปลี่ยนเสื้อครู่เดียวเอง รอน้าก่อนนะ” บ่าวคนนั้นยืนมองหล่อนลนลานเดินเข้าห้องพร้อมกับตามเข้าไปช่วยเปลี่ยนเสื้อแสงให้ จนเปลี่ยนเสร็จแล้วเปิดประตูออกมาก็พบว่าขุนหล้ายังคงยืนอยู่ที่เดิม “...” “มี
ในความเป็นจริง รูปโฉมของบัวงามที่ทำให้ขุนเเสนคำคนนี้ถึงกับหลงใหลนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพราะหล่อนงดงามเเละดูมีจริตจะก้าน รวมถึงทรวดทรงที่อวบอั๋นเเม้ว่าจะร่างเล็กอรชร ไม่สูงสง่าอย่างสตรีอื่น หากเเต่ดวงตาที่เฉี่ยวคมเเต่กลับกลมโตสุกใสนั่นราวกับเเมวดำที่จ้องมองมา จึงทำให้ชายหนุ่มพากันหลงใหล ไม่ต่างจากไอ้กล้าผู้นี้ที่เเอบลอบตามมาถึงฝั่งเรือนของพระยาสิงขร เเอบลอบมองผ่านคลองกลางกองบัวใต้ตีน เขาเเช่อยู่นานพอดู จนกระทั่งเห็นร่างงามขยับมาเดินไปเดินมาอย่างคิดไม่ตกที่ศาลากลางสระบัว นายกล้านั้นไม่ต่างจากสุนัข อยู่ไม่ได้หากไร้ซึ่งเจ้าของ มันเเอบลอบสะกดรอยตามท้ายเรือของท่านพระยาผู้นั้นมา เเละพลัดหลงกลางคลอง ใช้เวลาว่ายน้ำข้ามวันข้ามคืน ด้วยเเรงกายของชายหนุ่มที่ตรากตรำทำงานหนัก จึงมองเห็นศาลากลางคลองบึงได้ไวๆ ในที่สุด ท่ามกลางซอกดอกบัวที่ขึ้นจับหนาอยู่ริมท่า เขาเเช่อยู่ในน้ำจนหนาวจับใจ เนื้อตัวใหญ่โตกำยำสั่นเทาอยู่ในน้ำ หากเเต่ดวงตากลับไม่อาจละสายตาจากความงดงามที่เขาโหยหาได้ ‘เจ้านายผู้งดงามของเขา’ กำลังกระเเทกก้นลงที่พักศาลา มีสีหน้าหงุดหงิดเหลือเกิน เมื่อไม่มีหล่อน การลำบากตรากตรำทำงานเหมือนต้
ขุนเเสนคำทำได้ทุกอย่าง หากว่านั่นจะเป็นหนทางที่จะสามารถไต่ไปถึงดวงจิตที่หายไปของเมียใจชั่วของเขาได้ เมื่อเสร็จสิ้นกิจรัก ทั้งคู่ตระกองกอดกันบนฟูกนอนราวกับคู่ผัวเมียที่รักกันปานจะกลืนกิน เเต่นั่นคงอยู่ในห้วงภวังค์ของเอื้องน้อยเพียงฝ่ายเดียว หล่อนอายุมากจนมีลูกโตขนาดนั้น เเต่ยังวิ่งโร่หาผู้ชายราวกับเด็กๆ ขุนเเสนคำในร่างสามีของนางที่โอบร่างกายเพรียวบางนั่นไว้รู้ดีอยู่เเก่ใจ ว่าในตอนที่เขามีชีวิตอยู่ พฤติกรรมเรียกร้องความรักของหล่อนมันน่าอดสูขนาดไหน เเต่ก็คงไม่ต่างจากเขาที่พยายามเรียกร้องความรักจากบัวงามสินะ ที่รู้สึกดูเเคลน… อาจเพราะเหมือนเห็นตัวเขาซ้อนทับอยู่ในร่างของเอื้องน้อยก็เป็นได้ “เห็นว่าเเม่เอื้องน้อยเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของพระมเหสี จักว่ากระไรหรือไม่… หากพี่อยากขอเข้าพบท่านผ่านทางน้อง” เเต่เขาก็จำเป็นต้องสลัดความคิดวกวุ่นนั่นทิ้งไปพร้อมกับเข้าเรื่องเข้าราวอย่างจริงจัง ว่ากันว่าพระราชชนนีนั้นมีความถือตัวต่อชายเเปลกหน้าไม่ว่าจะตำเเหน่งยศศักดิ์สูงสักเพียงใด เเละถึงเเม้พระยาสิงขรจะมีความสนิทชิดเชื้อกับองค์กษัตริย์ก็ตาม เเต่เพราะเจ้านางให้ความสำคัญเเละต่อต้านการยึดถือเรื่องอนุ
สุดท้าย หล่อนก็เลือกที่จะทำเช่นนี้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่วิญญาณเร่ร่อนนั้นตัดสินใจถูกต้องเเล้ว ดวงจิตของขุนเเสนคำนั้นตระหนักรู้ขึ้นมาทันที เขารับรู้ได้มาตลอดว่าดวงจิตภายในนั้นทะเยอทะยาน กล้าได้กล้าเสียเพียงใด เเละสิ่งที่เขาตัดสินใจฉีกสัญญาเเละให้หล่อนไปยั่วยวนไอ้ขุนหล้า ก็คิดว่าจะไม่กล้าทำเสียอีก เเต่ดูเหมือนจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นเเล้วสินะ ดูวี่เเววมันเองก็ให้ความสนใจใคร่อยากในร่างเมียของเขาพอตัว ก็สมกับเป็นนางดี เขารู้ตนเองว่าเขาไม่มีวันตัดเยื่อไม่เหลือใยจากบัวงามได้ เเม้มิใช่เมียคนเเรก เเต่หล่อนคือผู้หญิงคนเเรกที่เขาจมปลัก ผูกมัด เเละต้องการครอบครองให้ได้จนยอมทำได้ทุกอย่าง การหลงรักหล่อนไม่ต่างกับตัวเขาที่ค่อยๆ จมลงสู่โคลนตม ไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้นอกจากต้องวนเวียนสะสางบ่วงกรรมเเละความห่วงหาอาทร เเม้ว่าบัวงามจะทรยศเขาจนเหมือนตายซ้ำตายซากกับการกระทำอันเลวระยำของหล่อน ทั้งที่เขาไม่เคยคิดจะนอกกายหาเมียอื่นมาให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองใจเลยสักนิด เเต่เมียที่เขารักมากขนาดนั้นกลับไปเล่นชู้จนท้องโต เเต่เเค้นเคืองไปเเล้วได้อะไร กับทุกเรื่องเขาเด็ดขาดไม่มีอ่อนข้อ เเต่พอเป็นเรื่องเมียตนเอง