แชร์

เล่ม 2 ตอนที่ 14 บงการ

ผู้เขียน: MACARONI/1Millionmilesaway
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-23 19:51:28

          ศิษย์วังธาราเหมันต์ผู้นี้ได้ออกเดินทางเพียงลำพังอีกครั้ง ยามนี้สหายผู้อบอุ่นอ่อนโยนแยกย้ายกลับสำนักของตน ข้างกายว่างเปล่า ไร้เสียงเจื้อยแจ้วคอยถาม จึงรู้สึกเหงาไปบ้างเล็กน้อย ทว่าช่วงเวลาอันแสนมีค่านี้ถูกเก็บไว้เป็นความทรงจำที่คงจะได้หวนระลึกถึง

          เหลียนเฟินเดินทางผ่านเมืองฮวาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขารีบร้อนจนไม่ได้แวะเที่ยวชมเมืองที่มีดอกไม้ผลิบานสะพรั่ง จึงตั้งใจจะเดินเล่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าพักในโรงเตี๊ยม

          กลางดึก

          กลิ่นเลือดคละคลุ้งลอยเข้ามายังห้องของเหลียนเฟิน เขาสะลึมสะลือลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่างดูข้างนอกโรงเตี๊ยมแต่กลับไม่พบสิ่งใด

          บรรยากาศเงียบสงบ ผู้คนต่างนอนหลับใหลในเรือนของตน มีเพียงเสียงสายลมพัดใบไม้สะบัดไหว

          “แปลกนัก” เหลียนเฟินรู้สึกสังหรณ์ใจ เหตุใดอีกาถึงบินวนอยู่ที่ไกลลิบนั่น เขาสวมเสื้อผ้าแล้วรีบออกไปดูให้แน่ใจ

         

          อีกฟากหนึ่งของเมืองฮวา

          จวนขุนนางระดับกลางกำลังเกิดเรื่องโกลาหล ค่ำคืนที่ผู้คนในจวนควรจะนอนหลับกลับต้องพากันกระเสือกกระสนวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว

          เสียงร้องไห้ ขอร้องใครสักคนมาช่วยเหลือดังก้องอยู่ด้านใน ราวกับมีม่านกั้นไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในจวนแห่งนี้

          บนหลังคาใหญ่มีชายผู้หนึ่งยืนดูเหตุการณ์อย่างไม่ทุกข์ร้อน ขณะที่ชายอีกคนตามมาสมทบแล้วแจ้งข่าวเรื่องสำคัญ

          “คนผู้นั้นเป็นลูกศิษย์ของหมิงฮวา เวลานี้นางกักตนปิดด่านสามปีขอรับ”

          รอยยิ้มน่ากลัวปรากฏขึ้น เขาหัวเราะร่าไม่คิดว่าจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้น

          “นายท่าน เขากำลังมาแล้วขอรับ” ซวงเอ่ยปาก ทันทีที่เห็นเหลียนเฟินมุ่งหน้ามาทางนี้ก็รีบมารายงานเจ้านายของเขาในทันที

          “ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ ศิษย์ของหมิงฮวาผู้นี้” หวังเยี่ยนหลงพึมพำ สายตายังคงจ้องมองไปที่หญิงสาวคนหนึ่งในเรือน

          นางเป็นบุตรสาวคนโตของขุนนางผู้นี้ นิสัยใจคอเรียบร้อยเป็นที่รักของทุกคน ไม่มีเรื่องใดในชีวิตที่ต้องดิ้นรนโหยหา

          แต่เวลานี้ นางกลับถือกระบี่หนักเล่มยาวลากดังเคร้ง เคร้ง ไปกับพื้นหินลานบ้าน สายตาเลื่อนลอยว่างเปล่า แต่รอยยิ้มกลับน่ากลัวราวถูกสะกด

          ครั้นเดินผ่านผู้ใดในเรือน นางจะยกกระบี่เล่มนั้นง้างจนสุดแขนวิ่งไล่ต้อนคนเหล่านั้นจนมุมแล้วฟันฉับผ่าครึ่งอย่างไร้ปรานี

          “คุณหนู ไว้ชีวิตบ่าวด้วยเจ้าค่ะ คุณหนู” เสียงอ้อนวอนของแม่นมที่เคยดูแลนางไม่ได้ทำให้นางได้สติแต่อย่างใด  นางยกกระบี่ขึ้นมาแล้วแทงทะลุคนตรงหน้าไร้เยื่อใย

          จากนั้นเดินเอนเอียงไม่มีสติผ่านเรือนเล็ก สวนน้ำจนมาถึงเรือนใหญ่ของใต้เท้าและฮูหยินผู้เป็นบิดามารดาของนาง

          “เสี่ยวลี่อิน เจ้าเป็นอันใด วางกระบี่ลงก่อนดีหรือไม่” บิดาของนางพยายามพูดให้บุตรสาวใจเย็นลง ไฉนเลยไม่รู้ว่านางถูกผู้อื่นควบคุมอยู่

          “ลี่อิน เจ้าได้ยินแม่หรือไม่”

          เสี่ยวลี่อินไม่ได้ยินเสียงผู้ใด ในหัวของนางมีแต่ภาพชุดหนึ่งวนเวียน ภาพที่ทำให้นางเกิดความแค้นจนอยากสังหารทุกคน

          “ชักช้าอยู่ใย เจ้ารอเวลานี้มานานแล้วไม่ใช่หรือ” เสียงของหวังเยี่ยนหลงดังขึ้นในความคิดของนาง

          พลันกระบี่ฟันฉับไปที่ร่างของทั้งสองคนตรงหน้าในพริบตา

          หวังเยี่ยนหลงดีดนิ้วครั้งหนึ่งสลายอาคมของเขาที่ร่ายใส่เสี่ยวลี่อิน

          “ฮึก” ดวงตาของนางเบิกกว้าง เสียงร้องกลืนหายไปในลำคอเมื่อเห็นคนที่นางรักมากที่สุดอยู่ในสภาพเช่นนั้น

          “ทะ...ท่านพ่อ ท่านแม่” น้ำตาเริ่มเอ่อล้น ความรู้สึกต่าง ๆ ประเดประดังเข้ามา

          ขณะจะเอื้อมมือไปหาพวกเขากลับเห็นเลือดมากมายบนมือทั้งสองข้างของตัวเอง ข้างกายมีกระบี่เล่มหนึ่งตกอยู่ สายตาของนางกวาดมองรอบตัวที่เวลานี้มีเพียงร่างโชกเลือดของคนในจวน

          จากนั้น ภาพของเรื่องราวทั้งหมดก็ปรากฏชัด สีหน้าของคนที่หวาดกลัวนาง เลือดที่สาดกระเซ็นเปื้อนหน้า มือคู่นี้ที่ฟาดฟันทุกสิ่งอย่าง เสี่ยวลี่อินได้เห็นแล้วว่าคนที่ทำเรื่องทั้งหมดคือนางเอง

          เพราะเหตุใดกันเล่า ความแค้นเคืองนี้เป็นของผู้ใด ความทรงจำจอมปลอมนี้เป็นของผู้ใดกัน

          หวังเยี่ยนหลงกระโดดลงมาจากบนหลังคา เขามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความพึงพอใจ กระซิบในความคิดของเสี่ยวลี่อินแกมบีบบังคับนาง

          “เจ้าฆ่าทุกคนในจวน เหตุใดจึงยืนทื่ออยู่เล่า มิใช่ว่าเจ้าต้องปาดคอตัวเองแล้วตามไปชดใช้ความผิดนี้ในนรกหรอกหรือ”

          เสี่ยวลี่อินรู้สึกผิดเศร้าเสียใจจนแตกสลาย นางหยิบกระบี่ขึ้นมาอย่างง่ายดายแล้วทำตามที่หวังเยี่ยนหลงบอก “ข้าขอโทษ” คำพูดสุดท้ายของนางหายไปพร้อมลมหายใจ

          ทันใดนั้นประตูบานใหญ่หน้าจวนก็เปิดออก เหลียนเฟินชะงักเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขารีบพุ่งเข้ามาหาเสี่ยวลี่อินแล้วประคองร่างนางเอาไว้ มือข้างหนึ่งกดปากแผลเหวอะที่ลำคอเรียวของนาง

          เขาร่ายอาคมเพื่อจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ หากแต่ไม่ทันการณ์ นางจากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียแล้ว

          เหลียนเฟินวางร่างของนางอย่างแผ่วเบา เดินวุ่นไปรอบจวน ทว่าไม่พบผู้ใดที่รอดชีวิตเลยสักคน

          เรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้มีเงื่อนงำหลายอย่าง เหลียนเฟินจึงร่ายอาคมกันไม่ให้ผู้ใดรู้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรง มิเช่นนั้นแล้วชาวเมืองคงจะตื่นตูมตกใจ

          เขาตรวจสอบรอบจวนใหม่อีกครั้ง พยายามหาว่าสิ่งใดคือสาเหตุที่ทำให้เกิดการสังหารคนในครอบครัวตนเองอย่างเหี้ยมโหด จากนั้นจึงนำเรื่องไปแจ้งที่ศาลาว่าการแล้วให้คนที่นั่นตรวจสอบเรื่องราวให้เงียบเชียบที่สุด

          เช้าวันต่อมา

          เหตุการณ์ในเมืองฮวายังคงดำเนินไปตามปกติ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าคืนที่ผ่านมาเกิดเรื่องร้ายแรงในจวนขุนนาง พวกเขาได้ยินเรื่องนี้จากเหลียนเฟิน ยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่มีทางเป็นไปได้ คุณหนูเสี่ยวลี่อิงไม่มีทางทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน

          เหลียนเฟินพูดคุยกับคนในศาลาว่าการอยู่นาน แต่กลับไม่พบเบาะแสอื่นใดเพิ่มเติม

          “น่ากลัวนักขอรับท่านนักพรต เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ” ชายผู้หนึ่งพูดกับเขา

          “จริงขอรับ มีปีศาจเข้ามาในเมืองหรือ”

          “พวกเจ้าอย่าเพิ่งคิดไปไกล บางทีเรื่องนี้อาจมีเบื้องหลัง ค่อย ๆ สืบสาวหาความเถิด” เหลียนเฟินแนะนำ

          เขาเห็นปราณมารจาง ๆ ในตัวของเสี่ยวลี่อินจึงพอคาดเดาได้ว่านางเป็นผู้ลงมือทำเรื่องทั้งหมด

          เขาทุ่มเทใช้เวลาสองสามวันเพื่อสะสางเรื่องลึกลับนี้จนแทบจะอดหลับอดนอน ช่วงนี้ไม่มีสิ่งใดแปลกไปจึงคิดจะงีบหลับสักครู่หนึ่ง

          ทว่า เสียงกุกกักในห้องก็ทำให้เขางัวเงียตื่นขึ้นมาดู ร่างของคนผู้หนึ่งเต็มไปด้วยปราณมารไหลเวียน กลิ่นอายมันลึกล้ำทำบรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกจนขนลุก

          เหลียนเฟินเรียกกระบี่เงินคู่กายออกมาจ่อไปที่คนผู้นั้น ห้ามไม่ให้เข้าใกล้ ร่ายอาคมแสงสีฟ้าหากสิ่งนั้นเป็นปีศาจ เขาจะสังหารมันในทันที

          คนผู้นั้นเดินเข้าหาเหลียนเฟินอย่างช้า ๆ แสงจันทร์สาดส่องกระทบร่างกายและใบหน้าของเขา แววตาดูไร้สิ้นสติเพราะถูกปราณมารควบคุม

          “เป็นเจ้าเองหรอกหรือ” เหลียนเฟินเอ่ยปาก คนผู้นี้ที่จู่ ๆ ก็โผล่เข้ามาแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหตุใดวันนี้ถึงปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้

          หวังเยี่ยนหลงแสยะยิ้ม ค่ำคืนที่ปราณมารรุนแรงที่สุดกำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ เขาไม่อาจควบคุมมันได้อย่างใจนึก สัญชาตญาณเอาชีวิตรอดเพียงอย่างเดียวที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของเขาคือ ฆ่ามัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   เล่ม 2 ตอนที่ 37 สลักความทรงจำ

    หลายวันต่อมา สตรีที่อยู่ในเรือนดอกโบตั๋นเรียกชายลึกลับเข้าพบเป็นการส่วนตัว นางรู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่จะไม่ได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสองตาของนาง แต่หากมันทำให้เขาเจ็บปวดได้มากเท่าใดก็พอจะหยวน ๆ ไปได้บ้าง “ขอรับ” ชายลึกลับโค้งคำนับเตรียมตัวออกเดินทาง “อื้ม” รอยยิ้มมีเลศนัยผุดขึ้น ริมฝีปากแดงแสยะยิ้มรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว หลังจากรอจนเหลียนเฟินหายดีแล้ว หวังเยี่ยนหลงตัดสินใจพาเขากลับมาอยู่ที่สำนักตระกูลหวังตามเดิม อย่างน้อยที่แห่งนั้นก็ห่างไกลจากพรรคมารและสำนักเซียนอื่น ๆ

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   เล่ม 2 ตอนที่ 36 สอดแนม

    สองสามวันต่อมา หวังเยี่ยนหลงเริ่มจัดการงานทุกอย่างด้วยตัวเองเขาสั่งให้ซวงและหลุนคอยเฝ้าเหลียนเฟินที่เรือน ห้ามให้ผู้ใดเข้ามาก้าวก่าย ส่วนตัวเขาออกไปสะสางพยัคฆ์ดำที่รอดชีวิต แม้ว่าจะสั่งการลูกน้องไปทำเรื่องแทนตัวเองได้ แต่คงไม่อาจดับความโกรธแค้นที่ทำให้เขาควบคุมปราณมารไม่ได้จนคนของเขาหลายคนต้องบาดเจ็บล้มตาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหลียนเฟิน กระนั้นก็กลัวว่าเหลียนเฟินจะรู้ว่าเขาแอบไปทำเรื่องไม่ดีอีกจึงสั่งให้ลูกน้องทั้งสองคนช่วยปิดบังไว้ 

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   เล่ม 2 ตอนที่ 35 รู้สึกผิด

    เช้าวันต่อมา เหลียนเฟินได้สติลืมตาตื่นขึ้นด้วยความอ่อนเพลีย พลันสบสายตากับคนผู้หนึ่งพอดี “เยี่ยนหลง?” เขาพึมพำ หวังเยี่ยนหลงยังคงใส่เสื้อผ้าชุดเดิม บาดแผลบนร่างกายยังไม่ได้รับการรักษา มือข้างหนึ่งยังคงกุมมือของเขาเอาไว้ ดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้นอนทั้งคืน เหลียนเฟินจึงบีบมือหนาเบา ๆ พยายามยันตัวลุกขึ้นมา “อย่าเพิ่งลุก เจ้าบาดเจ็บ” หวังเยี่ยนหลงดันตัวเหลียนเฟินให้กลับไปนอนตามเดิม

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   เล่ม 2 ตอนที่ 34 ไม่ร้องนะ เยี่ยนหลง

    เสียงโหยหวนในยามค่ำคืนยิ่งทำให้บรรยากาศเยือกเย็นจนน่าขนลุก ไอสีดำคละคลุ้งแผ่ขยายโดยรอบ หวังเยี่ยนหลงลุกขึ้นบิดคอไปทางซ้ายขวาอย่างช้า ๆ ใบหน้าขาวซีดไม่แสดงสีหน้าอื่นใดนอกจากความหิวกระหาย ปราณมารส่วนนั้นพุ่งออกไปหาเหยื่อที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยไม่สนว่าเป็นคนของฝ่ายไหน ซวงและหลุนเห็นอาการของเขาเป็นเช่นนั้นพยายามจัดการกับคู่ต่อสู้ของตนเองให้เร็วที่สุดเพื่อมาช่วยเจ้านายของตน ทว่า คนอื่น ๆ นั้น

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   เล่ม 2 ตอนที่ 33 ลอบโจมตี

    เช้าวันต่อมา หวังเยี่ยนหลงและเหลียนเฟินพร้อมกับพรรคพวกที่เหลือเดินทางถึงที่ตั้งของพรรคบุปผาทมิฬ การปรากฏตัวของเขาทำให้คนจากพรรคมารหลายคนได้รับรู้ว่าหวังเยี่ยนหลงเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังพรรคบุปผาทมิฬอย่างแท้จริง หลายคนล่าถอยไปเพราะรู้ว่าไม่ควรด่วนลงมือในเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขาควบคุมปราณมารส่วนนั้นสังหารคนได้ในพริบตา คงจะมีก็แต่คนบางกลุ่มที่คิด

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   เล่ม 2 ตอนที่ 32 ของแทนใจ

    หลายวันก่อน ณ หอสุราแห่งหนึ่งตอนใต้ของแคว้นซีเป่ย ห้องท้ายสุดด้านในกลายเป็นที่ประชุมลับระหว่างสำนักพยัคฆ์ดำกับใครบางคนที่สวมชุดสีทึม ผ้าปิดหน้า สวมหมวกพรางสายตานั่งอยู่หลังม่าน “ทำถึงขนาดนั้นแล้วยังลอบโจมตีไม่สำเร็จ ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าไร้น้ำยากันแล้วหรืออย่างไร” เสียงของคนลึกลับเยาะเย้ยดูถูกกลุ่มคนร่างกายกำยำที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของห้องปึง!เสียงทุบโต๊ะไม่พอใจขอผู

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status