“ขอโทษค่ะ”
สัญชาตญาณสั่งให้รีบพลั้งโพล่งเพราะหล่อนนั้นเป็นฝ่ายผิด แต่กลับต้องชะงักกลางคันหลังเงยหน้าขึ้น เห็นเจ้าของแผงอกแกร่งถูกชนเข้าอย่างจัง เขาคือบุคคลแสนคุ้นเคย แฝงอยู่ในพื้นที่ความทรงจำมากกว่างานที่ทำซะอีก
“ผมไม่เป็นไรครับ แล้วคุณ..”
หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่ทันได้ฟังคำพูด และไม่ทันได้ห้ามเพื่อนชายที่กำลังดึงให้ห่างไปจากจุดนั้น
“ดะ เดี๋ยว”
แน่นอนความไม่ดูจังหวะ ทำให้เธอหงุดหงิด คิ้วคู่ขมวดชนกัน หันค้อนขวับฝ่ายชายทันทีที่มาถึง
ในขณะนักรบไม่ได้ทุกข์ร้อน แค่เลิกคิ้วสูง สีหน้ามึนงง
“อะไร?”
“แกนะแก..” ต่างจากคนตัวเล็กที่ชี้หน้าอยากจะด่ากราด ทว่าด้วยสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย จึงทำได้แค่กัดฟันกรอด “จุ้นจ้านจริงๆ”
“ฮะ?”
“รีบอยู่ได้ ”
มองเข้าไปในร้าน ที่คนอื่นนั่งอยู่ ซึ่งพวกเขากำลังหันหน้าคุยกันอย่างออกรส กว่าจะหันมาเห็นทั้งคู่ก็ตอนที่เดินเข้าไปแล้ว
"อ่าว"
"ดูสิ ใช่เขาจะสนใจเรา"
“เดี๋ยวนะ เธอโมโหอะไรเนี่ย”
“โมโหดิ ก็แก!”
“หืม? ฉัน? ฉันทำไม?”
“เออ ช่างมันเถอะ”
ขนาดมาถึงยังฉุนไม่หาย แต่เมื่อไม่สามารถอธิบายออกมาได้ จึงทำได้แค่โบกมือ แล้วเดินนำเข้าไปหาผู้คนตรงโต๊ะนั้น
“อะไรของเธอวะ”
โซน VIP บรรยากาศแตกต่างกันมากกับพื้นที่ข้างนอก ข้างในแสงไฟน้อยกว่าเป็นไหนๆ แถมไม่แสบตากับแสงเลเซอร์ยิงผสานกันหลากหลายเส้นด้วย เทียบกันไม่ได้กับเสียงเพลงแนวEDM กับข้างในที่เป็นแนวคลาสสิค ข้างนอกเน้นสนุกเฮฮา ในขณะโซนนี้เน้นผ่อนคลาย สบายๆมากกว่า
“โอโหกว่าจะมาถึงกัน”
“รถติดครับพี่”
มาถึงเสียงแหลมของกีรติก็บ่นอุบทันที ทั้งคู่พากันนั่งลงพร้อมฉีกยิ้มกว้างให้ หันไปอวยพรวันเกิดหัวหน้าอีกคน
“สุขสันต์วันเกิดพี่มล ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ”
“ถาก็เหมือนกับรบค่ะพี่ มีความสุขมากๆนะคะ”
เจ้าของวันเกิดยิ้มกว้าง หล่อนเป็นผู้หญิงที่จัดว่าหน้าเด็กคนหนึ่ง หากเปรียบกับผู้หญิงทั่วไปในวัยสี่สิบ และยังรักสนุก เที่ยวกลางคืนประหนึ่งสาวแรกรุ่นเนื่องจากไม่มีพันธะครอบครัว
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากนั้นบางอย่างที่เรียกว่าของขวัญก็ถูกนำมายื่นให้ด้วยมือของเมย์ เพื่อนร่วมงานในแผนกที่ไม่ค่อยกินเส้นกับอินถาสักเท่าไหร่
“นี่เป็นของขวัญจากพวกเราค่ะหัวหน้า”
“ว้าว รู้ใจนะเนี่ย รู้ได้ไงว่าหัวหน้าชอบ ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวขึงตา ด้วยความตกใจเผลอหันมองกีรติ แต่ฝ่ายนั้นกลับทำเป็นไม่เห็น ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นนักรบที่เอาแต่ยิ้มแห้ง
หากไม่ติดว่านั่งกันอยู่หลายคน โดยไม่ได้มีแค่นักรบที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียว เธอจะยอมเสียมารยาทถามว่า จริงหรือ? ที่บอกว่าชอบ และดีใจที่ลูกน้องซื้อให้ ไม่ใช่เพราะมันเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง และมีไม่กี่ใบหรอกเหรอ
พระเจ้า!
มันต้องเอาหน้ากันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แล้วพวกผู้ชายไม่คิดจะคัดค้านบ้างรึไง ให้ตายเถอะ!
“เอาล่ะทุกคน ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ มื้อนี้หัวหน้าเลี้ยงเอง ใครจะเปิดกี่ขวดก็...ลงบิลหัวหน้าได้เลย ไม่อั้นจ้ะ”
“เฮ!!”
รึอาจจะเพื่อสิ่งนี้ แค่อยากสนุกแบบบุฟเฟต์โดยไม่ต้องจ่ายเอง
ช่างมันเถอะ!
อินถาถึงกับหมดสนุกประหนึ่งได้หายไปจากตรงนี้ มีเพียงกายหยาบที่นั่งเสนอหน้า ส่วนวิญญาณโบกแท็กซี่หนีกลับบ้านไปแล้ว ก้มหน้าก้มตาไม่อยากจะเสวนากับใคร รู้สึกเรื่องที่พวกเขายกมาคุยกันมันไม่สนุก โดยเฉพาะการประจบสอพลอ ซึ่งดูท่าทางเมฑิกาฝ่ายขายจะถนัดมากกว่า ยิ่งมีคนซัพพอร์ตทางคำพูดอย่างกีรติแล้วก็ยิ่งเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย การฆ่าเวลาของอินถาจึงกลายเป็นการกระดกเหล้าในแก้ว บรั่นดีสีอำพันที่ลดลงทีละนิด ทีละนิด แล้วถูกเติมใหม่ด้วยพนักงานอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งเริ่มเมา
นักรบที่นั่งอยู่ข้างกันเป็นคนสังเกต เขาเริ่มรู้สึกถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ผ่านแววตาหวานฉ่ำของเพื่อนสาว
“พอๆ”
จำต้องแย่งแก้วเหล้าในมือ ขณะเพิ่งจะเติมใหม่ไปหมาด แล้วกำลังจ่อตรงริมฝีปากพอดิบพอดี
“ฮืม~” เจ้าตัวตะปบคว้าหวังแย่งคืนพร้อมแยกเขี้ยว “อะไรของแกเนี่ย”
“ใจเย็นๆดิ เจ้าของวันเกิดเขายังไม่หนักขนาดนี้เลย นะ”
อินถาไม่ได้คออ่อน แต่ที่เมาเร็วขนาดนี้เพราะดื่มเข้าไปเยอะ ทั้งที่ท้องว่างไม่ได้ทานอะไรมาก่อน
“ไม่หนักตรงไหน ดูดิ พวกเขาก็เมานั้นน่ะ”
เธอโวยวายชี้หน้าทุกคนไม่สนว่าเป็นเจ้านาย นักรบลนลานแทบจะหักนิ้วเรียว จังหวะปลายนิ้วหันทิศไปทางหัวหน้าใหญ่
“แกเมาแล้วถา ลุกไปล้างหน้ากันดีกว่า”
“เรื่องอะไรต้องลุก ไม่เห็นจะเมาตรงไหนเลย ดูดิฉันยังเห็นหน้ายัยเมย์ชัดเจน คนอะไรขี้ประจบชะมัด อุ๊บ!”
“ลุก! ลุกเดี๋ยวนี้ ไปล้างหน้ากัน”
ชายหนุ่มพูดกัดฟันขณะยิ้ม ถึงเวลาจะต้องบังคับ เพื่อนสนิทก็ต้องทำ นาทีนี้ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงได้ลากอินถาจนตัวลอยได้ ไม่สนเสียงโวยวายและการดิ้น สัญชาตญาณบอกเขา ให้คนตัวเล็กข่วนจนเลือดซิบยังดีกว่าไปห้ามตอนตบกัน เผลอๆรอยแผลเป็นที่ได้มาไม่ใช่แค่รอยข่วน
“ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย”
“ไป เข้าไป ไปล้างหน้า”
ร่างบางถูกดันตัวให้เดินเองก็ตอนถึงหน้าห้องน้ำหญิง เป็นจุดสงวนที่ผู้ชายอย่างเขาไม่สามารถเข้าได้ ไม่พอยังยื่นหน้าให้อีก จังหวะหญิงสาวง้างกำปั้นเตรียมจะปล่อยหมัดใส่ แต่กลับเซถอยหลังเกือบจะล้มจนต้องหัวเราะ
“ฮ่าๆๆ ไม่เตรียมตัว ไม่ดูสังขารตัวเองเลย”
ส่ายหัวมองตามสาวเจ้า ขณะยอมเดินเข้าไปแต่โดยดี
หน้ากระจกใสหมดจดบ่งบอกถึงความสะอาดที่แม่บ้านใช้ใจทำ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำม่านตาของอินถาพร่ามัว หญิงสาวแทบมองไม่เห็นใบหน้าของตัวเองในระยะห่างปกติ แต่จะต้องยื่นเข้าไปเกือบชิดกับกระจกและเพ่งเล็งแบบใช้สมาธิถึงจะมองเห็นได้ชัด
“บ้าจริง”
ฝ่ามือร้อนฉ่าทาบหน้าแดงก่ำ กว่าจะได้สติก็ตอนน้ำเย็นฉ่ำลูบแก้ม
“เสร็จรึยัง”
เสียงถามของนักรบดังมาถึงข้างใน ร่างบางตรงหน้ากระจกชะงัก เกือบลืมไปไม่ได้เดินมาคนเดียว
“ยัง” เธอตะโกนกลับ หันมองผู้หญิงข้างกันหลังเดินมาล้างมือพลางยิ้มเจื่อน พยักหน้าให้เป็นการทักทาย แล้วตะโกนกลับไปอีกครั้ง “ไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันกลับเอง”
“ไหวนะ”
“เออ ไปเถอะๆ”
“โอเค”
ยิ้มเจื่อนผ่านกระจกให้กับหล่อนอีกครั้งตอนหล่อนออกไป หุบยิ้มทันควันก็ตอนละสายตากลับมามองหน้าตัวเองใหม่ พลางกัดฟันกรอด
“ขายหน้าชะมัด”
เรียกสติกลับมาจัดการตัวเองต่อ เมื่อล้างหน้าจนหมดจดไม่หลงเหลือเครื่องสำอางแล้วก็ถอนลมหายใจแรงประหนึ่งเรียกกำลังเสริมเป็นตัวช่วยพยุงอีกที ใช้เวลาอยู่นานพอควรกว่าจะเดินออกจากห้องน้ำมาได้
แต่แล้ว..
บริเวณหน้าห้องน้ำผู้ชายก่อนจะถึงโค้งที่จะต้องเดินผ่านกลับทำให้เท้าชะงักหยุด
“ก็ได้ครับ ค้างคอนโดผมก็ได้ แต่เช้าคุณจะต้องกลับเอง ผมจะไม่ไปส่ง”
เพราะเสียงทุ้มที่ได้ยิน เสียงคุ้นเหมือนเสียงของใครบางคน
“บ้าน่า..”
อินถาพึมพำด้วยความตื่นเต้น ชะโงกหน้าออกไปดูพอเห็นแผ่นหลังก็ยิ่งทำให้ตกใจเข้าไปใหญ่ ทั้งที่เมาแทบจะยืนไม่ไหว ยังอุตส่าห์หลบมุมแอบฟังเขา
ดวงตาของเธอดูเลิกลักอย่างเห็นได้ชัด เธอพยายามใช้ความคิด ระหว่างเดินกลับไปยังห้องน้ำรอให้เขาไปก่อน กับเดินผ่านไปทำเป็นไม่รู้จักกัน เลือกอะไรดี ทว่าเพราะมัวแต่ประหม่า จึงไม่ทันได้สังเกต เขานั้นกำลังใกล้เข้ามาแล้ว หลังหันกลับมาเห็นเงาของคนยืนอยู่
แน่นอนจังหวะเดินมาใกล้แล้วทั้งคู่สบตากันคือจังหวะนรก
“ซวยแล้ว จะหาว่าแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์หรือเปล่าเนี่ย..”
อินถาพึมพำ ก้มลงมองพื้นโดยอัตโนมัติ กลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาวไปเลย
“แค่นี้ก่อนนะ”
ที่น่าตื่นเต้นไปมากกว่านั้น คือเขาถึงกับยอมวางสายที่แนบหู สาวเจ้าหายใจไม่ทั่วท้อง ตอนเห็นปลายรองเท้าหนังหุ้มสีดำด้าน
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
โน้มหน้าลงมาถาม เสียงแหบพร่าอยู่ห่างกันแค่นิดเดียว
ในห้องคอนโดขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยอุณหภูมิเย็น ถูกเปิดราวกับต้องการดับร้อนของคนทั้งคู่ ซึ่งกำลังกอดรัดฟันเหวี่ยงกันอย่างเมามันอยู่บนเตียง แน่นอนพวกเขาไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น ชุดชั้นในของฝ่ายหญิงก็ไม่มีเหลือ ตกหล่นกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น ผสานเสียงหอบกระเส่าเป็นอีกหนึ่งของพร็อพประกอบ ให้ฉากโดยรอบดูขลังอีกเท่าตัว ทว่าความร้อนระอุจากการสร้างขึ้นของคนทั้งคู่ ที่มีความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศนั้น ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ไม่พอเหมือนจะหมดประสิทธิภาพไปเลยด้วย“อือ..เบาๆสิคะ”ซ้ำอารมณ์กระสันรัญจวน เมื่อเปรียบเทียบกับเม็ดเหงื่อที่พรั่งพรูเกาะอยู่บนเนื้อตัวทั้งสองฝ่าย ยังเยอะกว่าเลย“ขอโทษครับ..”หน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเจ็บปวดปานใกล้ใจจะขาด แต่มันคือความเร้าใจที่เก็บเอาไว้ไม่ไหวของเขา ผู้ควบคุมชายหนุ่มผงกหัวขึ้นมาเอ่ยเสียงแหบ หลังใช้ปากถูไถเนินเต้าอูมอวบแล้วเผลอลงฟันอย่างมันเขี้ยวอินถาแหงนหน้าขึ้นสุด จนลำคอเห็นเส้นจังหวะคู่กิจกรรมบรรเลงเพลงรักแบบถึงพริกถึงขิง อย่างไร้ความปราณี เธอเสียวซ่าน และสิ่งนั้นทำให้เผลอใช้เล็บจิกลงไปบนแผ่นหลังขาวแข็งแกร่งน่าแปลกหญิงสาวยืนอยู่ตรงนี้ มุมห้องฝ
หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับห้องของตัวเอง ปล่อยให้เธอนอนโดดเดี่ยวอยู่บนฟูกสายเรียกเข้านับร้อยสาย แจ้งเตือนจากข้อความอีกมากมายทำเขาหงุดหงิด หลังเปลี่ยนโหมดห้ามรบกวนหลายชั่วโมง ซึ่งหากเขาติดต่อกลับหรือตอบข้อความทุกแจ้งเตือนมีหวังได้นอนเช้าเป็นแน่ จึงจำต้องเลือกเพียงบุคคลที่สำคัญเท่านั้น(กว่าจะโทรกลับมานะมึง)ความตึงเครียดเกิดขึ้นทันทีนับจากได้ยินเสียงปลายสาย ราล์ฟทิ้งตัวบนโซฟา แผ่นหลังพิงพนักกลับไม่ได้ช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น“เพิ่งจะห่างกันมา”เสียงทุ้มแหบพร่าแสดงให้รู้ถึงความเหนื่อยจากการต้องแบกรับน้ำหนักของคนเมาคนหนึ่งพาดบ่า ทว่าปลายสายไม่ได้คิดเช่นนั้น(อย่าบอกนะ..จัดมาแล้ว?)เขามีความถ่อยเป็นของตัวเอง ที่คนอย่างราล์ฟมักจะหลีกเลี่ยงด้วยการเงียบทุกครั้งไป แล้วเรื่องนั้นจะถูกเปลี่ยนอัตโนมัติ ไม่สนใจผลลัพธ์หรือคำตอบ“มีอะไรหรือเปล่าครับ”(ไม่ได้สำคัญมากหรอก แค่จะเตือนว่าอย่าพาผู้หญิงเข้าห้อง ถ้าจะเที่ยวจะกินไปหาที่อื่น ห่างจากอีนี่สักหน่อย ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ไว้ใจมึง)“ผมรู้ละน่า”(นี่มึงหงุดหงิดกูเรอะ)น้ำเสียงราล์ฟเปลี่ยนไป ห้วนกระด้างจากเดิม อย่างที่ปลายสายว่า อยู่ๆข้างในจิตใจเขานึกฉุนเฉี
แสงไฟอยู่บนทั้งเชิงเทียน และลอยน้ำยิ่งยกระดับความหรูหรามากขึ้น อินถาไม่รู้แสงสว่างตรงจุดนี้เป็นตัวช่วยขับเสน่ห์ให้กับเธอ ทั้งความสวยและสดใสเขย่าใจคนมอง เลี่ยงเปรียบเทียบกับผู้หญิงหลายคนที่เคยผ่านมาและพามาไม่ได้ หากแต่ข้อเปรียบเทียบนี้จะต้องเก็บไว้ในใจ ให้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน ภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบนั้นสีหน้าอินถาแลดูเปลี่ยนทันที หลังได้ยินคำตอบของคำถามที่ตนใคร่รู้ โชคดีบรรยากาศตอนกลางคืนซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด ลับกับเสียงไฟจากดวงกลมรอบๆร้านจงใจจัดแต่งให้ดูดีมีสไตล์มากขึ้น และลมเบาหวิวพัดโชย ทำให้การเกี่ยวเส้นผมมาทัดหู ยามปลิวว่อนปกปิดหน้า ไม่ได้ถูกมองว่าเคอะเขินจนดูแย่ แต่ดูน่าค้นหาไปอีกแบบผู้หญิงตรงหน้า เป็นคนเดียวที่ทำให้เขาเสียอาการ ในความสดใสถึงขนาดพกติดสมองไปด้วยทุกที่ ช่วงไหนที่ว่างช่วงนั้นเรื่องราวของเธอจะมาแทรกแซง“ว่ายังไงคะ ได้ไหม? หนูยังไม่ให้คำตอบพี่เลย”ดวงตาคู่สวยเหลือบขึ้นมาจากจานอาหาร หลังถูกยกเสิร์ฟได้สักพัก พร้อมเม้มริมฝีปากแนบสนิท ในหัวปั่นป่วนพอๆกับท้องน้อย ถ้าสมมุติปฏิเสธเขาจะเป็นอย่างไร?ร่างบางคิดหนัก พยายามทบทวนความเป็นจริงระหว่างระยะเ
ชายหนุ่มในคราบเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาวสีดำ กับกระดุมเสื้อถูกปลดออกไปแล้วสองเม็ด ไม่ได้ทำให้ดูแย่ลง กลับกันทำให้เข้าใจง่ายว่าเขาเหนื่อยมาจากงานที่ทำด้วยซ้ำ และการเผยช่องโหว่ของแผงอกเป็นการคลายความร้อนกับความอึดลงอย่างหนึ่งอินถายิ้มน้อยๆเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า โดยระดับความสูงของเธอเทียมหน้าอกของพอดิบพอดี เพราะระดับต่างกันจึงทำให้ต้องแหงนหน้าขึ้นไปคุย“เอ่อ..” สายตามองผ่านไปยังรถของตัวเองก่อน จึงจะลากกลับมายังใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง “คุณมารออหนูเหรอคะ”“ใช่ค่ะ”ตอบทันควันแบบไม่ได้คิด คนชะงักไปไม่ถูกกลายเป็นคนที่ถาม เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองรอบที่ล้าน!“รอทำไมคะ แล้วรู้ได้ยังไงว่าหนูยังอยู่ที่นี่”“เอาคำถามไหนดี ก่อนหรือหลัง”ต่างจากเขาที่ดูสบายๆ ราวกับช่ำชองเรื่องนี้มานาน ดูไม่ประหม่า ควบคุมสถานการณ์ได้ดีและอยู่หมัดนาทีนี้อินถารู้สึกถึงความเล็กภายในตัวเองที่เล็กยิ่งกว่าอะตอมภายใต้เซลล์ประหนึ่งควาร์ก (Quark)ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี ที่ไม่ได้ดีมากขนาดนั้น เข้าถึงง่ายแต่ไม่เปิดโอกาสให้สนิทเอาเป็นว่า เขาคือผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์และน่าค้นหาคนหนึ่ง หากเปรียบด้วยผู้คนตลอดชีวิตยี่
เช้าตรู่ของการตื่นนอนที่ไม่ปกติ เนื่องจากตื่นก่อนเวลาเป็นชั่วโมง แต่พอเดินออกมายังห้องรับแขกที่มีโซฟา กลับพบว่าอีกคนตื่นเร็วกว่า แถมไม่อยู่ตรงนั้นแล้วอินถาถอนหายใจพรืด หมุนตัวเดินกลับไปที่เดิม เพื่ออาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะกลับออกมาใหม่อีกครั้งก็ตอนฟ้าสว่าง จังหวะนั้นกำลังจะเดินผ่าน เหลือบตามองเห็นกระดาษโน้ตสีเหลืองวางอยู่บนโต๊ะโดยมีรีโมตแอร์ทับไว้'ขอบคุณมากค่ะ ไว้คราวหน้าพี่จะพาไปทานข้าวนะ'สาวเจ้าเลิกคิ้วเอียงคอ ทำไมต้องพาทานข้าว เธอไม่ได้อดอยากสักหน่อย พลางสูดลมหายใจยิ้มกว้าง เตรียมตัวไปทำงานต่อ ก่อนจะเดินมุ่งหน้าสู่กล่องลิฟต์ไม่วายยืนจ้องมองประตูห้องของเขา คิดไปเองว่าชายหนุ่มอาจจะอยู่ในนั้น แต่ต้องขมวดคิ้วภายหลังเมื่อนึกขึ้นได้ว่า..“คีย์การ์ดเขาหายนี่นา..”จึงจะส่ายศีรษะหนีจากความคิด มุ่งสู่ที่ทำงานตามเดิมที่ทำงาน...แปะ!“ฮึ่ย”คนตัวเล็กบนเก้าอี้สำนักงานสะดุ้ง ให้กับฝ่ามือใหญ่ที่จงใจปะทะเข้าหากันเพื่อปลุกให้ตื่นจากการเหม่อลอย"เป็นอะไรเนี่ย"เจ้าของมือคือนักรบ เขาถามก่อนคำตอบของเธอจะเป็นต้นเหตุของรอยยิ้มที่หายไป“รบ เมื่อคืนเขามานอนห้องฉัน”“ฮะ” ไม่พอ แถมหัวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วย “
เสียงร้องมาพร้อมกับเท้าสะดุด ผลของการเดินเร็วจนเกินไป แล้วหยุดชะงักกลางคัน เพราะภาพตรงหน้าคือผู้ชายคนหนึ่งยืนเปลือยล่อนจ้อนอยู่หน้าไม่อาย!สามารถใช้คำนี้ได้เลยอินถาอ้าปากค้างมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนขึงตาโตก็ตอนเห็นตรงนั้นประเจิดประเจ้อ“เหวอ!”เธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่น หลังตั้งสติได้ว่าไม่ควรจ้องนาน กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สาบานเลยว่าสิ่งที่เห็นเต็มสองตาเมื่อครู่ จะไม่มีวันลืม“ขอโทษค่ะ พี่ไม่คิดว่าหนูจะกลับมาเร็ว”แล้วถ้าเดินกลับมาช้าจะเป็นยังไงเล่า จะล่องหนหรือหายตัวไปนะหรือ“คุณมีคาถาหายตัวได้รึไงกัน”ร่างบางกัดฟันกรอดเอ่ยเสียงแผ่ว ยังคงยืนหันหลังให้เขาอยู่ คนถูกถามกระตุกยิ้ม กลั้นขำ“ก็จะหันหลังให้ จะไม่ยืนโจ่งแจ้งแบบนี้”“ห๊า..” ถึงกับลืมตาโพลง คิดตามที่เขาพูด เมื่อคิดยังไงก็ไม่ใช่เหตุผลถึงกับคอตก “คุณก็รอหนูกลับมาก่อนก็ได้นี่ ของสงวนแบบนั้นไม่ควรเอาออกมาให้เห็นกันง่ายๆรู้ไหมคะ”“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่ถือ”What??!อินถากะพริบตาถี่ เขาโดนซ้อมจนสมองตีลังกากลับหลังไปแล้วกระมัง“แต่ถาเป็นผู้หญิงนะคะ”“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอโทษก็แล้วกัน ขอผ้าเช็ดตัวให้พี่ได้หรือยัง”“ยะ อย่าเข้ามานะคะ”สาวเจ้
“เฮ้ยคุณ!”เธอปล่อยถุงอาหารหลุดมือ พร้อมขึงตาขึ้นกว้าง มากกว่าปกติ ความตกใจลืมหมดแม้ความเย็นชื้นจากสายฝนที่กระหน่ำเทลงไม่ขาดสาย ไม่เหลือพื้นที่แห้งบนเสื้อผ้า แล้วนิ่งทำอะไรไม่ถูก จนเห็นร่างนั้นเริ่มขยับเขยื้อนอีกครั้ง ถึงจะถลาเข้าไปช่วยประคองดึงให้ลุกขึ้นมาส่วนเขาพยายามแหงนหน้า ใช้ม่านตาพร่ามัวที่สายฝนเม็ดใหญ่พรั่งพรูใส่ไม่หยุดมอง ก่อนนิ่วหน้าตอนเธอทำเขาเจ็บ บางทีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลก็สำคัญ เสียดายที่ไม่จดจำสมัยได้เรียน“ตัวคุณหนักมาก ฉันคนเดียวไม่ไหวหรอก ไปตามคนมาช่วยดีกว่า”หมับ!แขนเรียวถูกฉุดรั้งทันทีที่พูดจบ ด้วยแรงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเขา“คะ?”ก่อนอ้าปากค้าง หลังเขาส่ายหน้าท้ายที่สุดเป็นเธอที่ต้องพยายาม ดิ้นรนพยุงพาไปยังรถจอดอย่างทุลักทุเล ความหนักของเซลล์ทุกส่วนเป็นอุปสรรคให้ต้องกัดฟันกรอด หลังใช้เท้ายึดพื้นให้มั่นคง เพื่อทรงตัวจังหวะหิ้วปีกเขาลุก“ค่อยๆนะ”“เกิดอะไรขึ้นคะ คนพวกนั้นเป็นใคร มาทำร้ายคุณทำไม”อินถาหันไปถาม ดึงเข็มขัดมาคาดลำตัว เตรียมทำหน้าที่เป็นพลขับ บวกกับความสับสนพยายามไขข้อข้องใจ ให้เหมาะสมไม่คุ้มเสียแก่การตัดสินใจช่วยเหลือเขาด้วยตัวเองแ
ยิ่งใกล้ไตรมาสสุดท้ายงานยิ่งล้นมือ หลายวันมานี้อินถาไม่มีเวลาแม้แต่จะเข้ายิม หรือโผล่หน้าสดไปให้พนักงานร้านกาแฟได้เห็น ชีวิตมีอยู่แค่สองทาง คือทางกลับบ้านกับทางไปทำงาน และสายทุกวัน“ฮ๊าววว~”เสียงหาววอดผสานกับเสียงเสียดสีของก้นแก้วกาแฟเลื่อนผ่านโต๊ะเนื้อไม้มาจอดอยู่ตรงหน้า สาวเจ้าเหลือบมอง พยักหน้ายิ้มบางๆแทนคำขอบคุณ“ขอบใจนะ”“เมื่อคืนดึกหรือ”นักรบทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ในมือก็ถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง“ใช่~ พี่ติ๋วอะดิ แกบ้าจี้อะไรไม่รู้โทรมาสั่งให้แก้งานกะทันหัน กะจะไม่รับสายแล้วนะ แต่ก็กลัวจะเป็นเรื่องด่วนหรือเป็นแกเองที่ขอความช่วยเหลือ”ได้ทีอินถาบ่นใหญ่ ทว่าสายตาไม่ได้จับจ้องคู่สนทนา แต่หรี่ต่ำมองแก้วในมือตัวเอง มองควันที่พวยพุ่งจากความร้อนนั้นอยู่ดีๆในหัวเกิดมีภาพแห่งความทรงจำเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านทำไมกันนะ กับอีแค่ยาไม่กี่แผง ถึงได้มีอิทธิพลทำให้เธอรู้สึกดีได้มากขนาดนี้ ทั้งๆที่เขานั้นก็มีเจ้าของอยู่แล้วอินถาเผลอยิ้ม แอบเข้าข้างตัวเอง แต่ปัจจุบันเขานั้นหายไปเลย ไร้วี่แววแม้แต่เงา เสียงเงียบราวกับไม่มีใครอยู่ในห้องข้างๆในขณะเดียวกันก็ตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อไปด้วย เ
อินถายืนสงบนิ่งให้กับความสับสนของตัวเองที่ได้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว ในมือชูถุงยาขึ้น มองมันราวกับเป็นของวิเศษแวบมาจากทิศทางใดไม่รู้สักแห่ง ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาเขา เจ้าของผู้กระทำนำพา ทว่าทั้งทางเดินพบแต่ความว่างเปล่าความรู้สึกกระดี่ได้น้ำถูกเก็บไว้ในที่ตื้น ชนิดหากไม่รีบทำอะไรสักอย่างอาจโผล่พ้นออกมาให้เห็นได้เนื่องจากยากต่อการควบคุม เธอถึงได้เร่งเปิดประตูแล้วพาตัวเองเข้าไปในห้องนั้น เพื่อกระโดดโลดเต้น ดีใจประหนึ่งถูกรางวัลฉลากกินแบ่งรัฐบาล จิตใต้สำนึกบวกสัญชาตญาณกระซิบบอกให้เข้าข้างตัวเอง สิ่งนี้ที่ถืออยู่อาจเป็นของเขาผู้ชายที่แอบชอบไม่รอช้าหญิงสาวรีบคลี่ปมของมันทันที ก่อนจะหยิบออกมาดูทีละชิ้น เมื่อพบว่าเป็นยารักษาแผลทั้งภายในและภายนอก ก็ขึงตาโต“พระเจ้าคะ..” มือผสานเข้าหากัน แหงนหน้าขึ้น พร้อมยิ้มปลื้มดุจน้ำตาจะไหล ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าจูปิเตอร์ “ทรงได้ยินคำขอของอินถาแล้วสินะคะ อินถาสามารถตัดชุดแต่งงานรอได้เลยใช่ไหม งื้อ..”ความตื่นเต้นถึงขนาดหัวเราะดังลั่นห้องอย่างลืมอาย จากนั้นจึงจะเดินไปทิ้งตัวลงกลางเตียง“เฮ้อ สบายใจจัง...”แล้วเผลอหลับไปเพราะความเพลียในที่สุดด้