เข้าสู่ระบบวรรณนรีมองตาม ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นความเป็นชายของลุคคาตั้งลำแข็งชันตรงหน้า
ใบหูขาวเนียนแดงเถือก ร้อนฉ่าราวกับมีควันไฟระอุพ่นออกมา ทั้งที่ความจริงอากาศภายในห้องออกจะเย็นเฉียบเสียด้วยซ้ำ
“ลุค อ๊า~ อือ...”
“ทำไม”
ลุคคาจ่อส่วนปลายบวมเบ่งกับร่องเนื้อนุ่ม แม้ไฟอารมณ์กำลังลุกท่วมใจจนเหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มแผ่นหลัง แต่ไม่ได้รีบร้อนเอาเข้าไป เพียงซุกไซ้ เสียดสีกับหญิงสาวเบาๆ
“ระร้อน”
วรรณนรีหวิวไหวในอก หน้าท้องยุบพองตามแรงหายใจหอบลึก เหลือบมองแก่นกายที่กำลังถูไถกับร่องสวาทของตัวเอง ใบหน้าร้อนวูบวาบ ไม่อยากเชื่อว่าภาพแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเธอจริงๆ
หัวใจวรรณนรีเต้นกระหน่ำ ลุ้นระทึกในทุกลมหายใจเข้าออก
จนโคนขาด้านในชื้นแฉะเต็มที่ จู่ๆ ลุคคาก็ก้มลงไปค้นเอาบางอย่างออกมาจากกองเสื้อผ้า ไม่นานเขาก็กลับมายืนประจันหน้าเธอเหมือนเดิม อย่าว่าแต่ขาดช่วงเลย วรรณนรียังไม่หายเหม่อด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีก็เห็นเขาฉีกซองอะไรสักอย่าง แล้วความรู้สึกแข็งขึงก็ช่อชิดหว่างขางาม
“อึก!”
วรรณนรีรับรู้ถึงความดุดันที่กำลังแทรกกายเข้ามา
เธอครางหนักๆ ในลำคอ มือผวาคว้าไหล่แกร่งเอาไว้แน่น ลมหายใจติดขัด
ทั่วทั้งร่างเกร็งขมวด เจ็บร้าวจนน้ำตาเอ่อคลอ “ลุ... อ๊า อื้อ”
“หายใจช้าๆ ไม่ต้องเกร็ง” ลุคคาเอาเข้าไปได้หน่อยนึงก็หยุด กระซิบเสียงหวานปลอบโยนข้างในใบหูอ่อน พลางขบกัดเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
วรรณนรีครางเสียงหวานแผ่ว ริมฝีปากสั่นระริก ร่างกายช่วงล่วงปวดหนึบราวกับถูกขึงตึงเอาไว้กับที่แม้แต่จะหุบขาก็ทำไม่ได้ ที่กระดิกได้เห็นจะมีแต่ปลายเท้าและนิ้วที่กำลังจิกงอผิดรูป
ลุคคาลากปลายลิ้นตามขอบหูบาง เล็มเลียตามซอกหลืบเสียงแจ๊ะๆ ดังกระทบเยื่อแก้วหูวรรณนรี จนเธอเอียงหลบด้วยความรู้สึกเสียวปนจั๊กจี้ แต่ลุคคากลับไม่ปล่อยให้เสียจังหวะ เขาตามประกบทว่าเปลี่ยนเป้าหมายจากติ่งหูเป็นซอกคออ่อนแทน ฝ่ามือหนาใหญ่โอบหลังล่างของวรรณนรีดันเข้ามาแนบชิด และเสือกส่งลำกายแข็งขึงส่วนที่เหลือเข้าไปในคราวเดียว
“กรี๊ด! อึก ยะอ๊า... ลุค เจ็บ... อา~”
วรรณนรีเผลอร้องออกมาสุดเสียงก่อนจะนึกได้รีบเอามือปิดปากตัวเองทันควัน กลัวว่าจะมีใครผ่านมาได้ยิน ทว่าลุคคากลับจับมือเธอมาพาดที่คอแทนพร้อมเสียงแหบพร่าที่ทั้งเร้าอารมณ์และให้ความรู้สึกปลอดภัยในคราวเดียวกัน
“กอดผมไว้”
“อือ”
“ไม่ต้องกลั้น ร้องออกมา”
“ตะแต่... ถ้ามีคนได้ยิน”
“ไม่มีใครมา ถ้าไม่เรียก”
เสียงหนักแน่นของลุคคาช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับวรรณนรี เธอโอบแขนรอบลำคอเขาเอาไว้แน่น ขณะที่ด้านล่างปวดหนึบจนแทบทนไม่ไหว เจ็บเหมือนโดนแยกร่างออกเป็นสองซีก แต่ท่ามกลางความทรมานนี้กลับมีอารมณ์ตื่นเต้นเร้าใจปนอยู่ด้วย
ยิ่งคนตรงหน้าคือลุคคา วรรณนรีก็ยิ่งยินดีเจ็บ เพราะเธอแอบชอบเขาอยู่ ถึงเขาจะเป็นเจ้านายจอมโหด ชอบเข้มงวด แต่เธอรู้ว่าเขาทำเพราะหวังดีกับเธอ ประกอบกับใบหน้าที่หล่อเหลาปานเทพสร้างนี้ แม้จะดุแค่ไหน เธอก็โกรธเขาไม่ลงจริงๆ
และสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ก็เกินความฝันของวรรณนรีไปมาก
เมื่อเห็นว่าวรรณนรีหายตระหนก สะโพกสอบก็เริ่มขยับ...
เสียงครางสะท้านหลุดออกจากปากวรรณนรีตามคาด เป็นเสียงที่ทำให้คนฟังคันยุบยิบในหู และเกิดอารมณ์อยากแกล้งหนักกว่าเดิม ทว่าความคับแน่นของเธอที่กำลังโอบรัดเขาอยู่จนแทบหายใจไม่ออกนี้ ทำให้ลุคคาไม่อยากผลีผลาม หรือทำอะไรรุนแรง แม้ว่าความต้องการจะตีตื้นขึ้นมาจนแทบคุมสติไม่ได้แล้วก็ตาม
แก่นลำหนาเคลื่อนเข้าเคลื่อนออกช้าๆ ให้ช่องทางอุ่นชื้นของวรรณนรีค่อยๆ ปรับตัว
“ลุคคา อ๊า... อือ...”
“เจ็บอยู่เหรอ”
“ปะเปล่า แต่... แน่น แน่นมาก ซี้ด... อะ อ๊า อ๊า...”
วรรณนรีกระสับกระส่าย อุ้งเชิงกรานรู้สึกร้าวไปหมด ตรงนั้นเหมือนฉีกขาดจากการแหวกทางของเขา
...พูดเหมือนนานแต่ทั้งหมดนี้กินเวลาเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น
วรรณนรีกลับถึงห้องแบบงงๆ ความอ่อนเพลียและสับสนทำให้เธอรีบอาบน้ำแล้วเข้านอนกระทั่งรุ่งเช้ามาเยือน อารมณ์ยังคงคลุมเครือ หยิบจับอะไรก็ผิดพลาดไปหมด แต่ก็พยายามตั้งสติ บอกตัวเองให้หยุดฟุ้งซ่านแล้วหยิบแผนงานออกมาทบทวนระหว่างทางไปบริษัท“วรรณนรี พร้อมนะ”ริกะมองใบหน้าขาวใสที่เหมือนจะมีออร่าแปลกๆ ของวรรณนรี แต่แววตาของสาวเจ้ากลับเธอเลื่อนลอยเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ค่ะ” วรรณนรีกำลังทำสมาธิอยู่ต่างหาก เมื่อถึงบริษัทเธอก็ไล่ความคิดที่ไม่จำเป็นทั้งหลายออกไปได้สำเร็จ จิตใจมุ่งมั่นอยู่กับงานตรงหน้าเท่านั้นวรรณนรีมองประตูห้องประชุมเบื้องหน้า ก่อนก้าวตามริกะเข้าไปภายในห้องประชุมนอกจากทีมของริกะแ
เสียงเลียแผล็บสลับกับดูดดังจ๊วบสะท้านหู ความเสียวซ่านที่ได้รับก็สะท้านใจไม่น้อย วรรณนรีดิ้นทุรนทุรายไม่เป็นท่า ผมเผ้าถูไถกับโต๊ะทำงานจนยุ่งเหยิง บางครั้งก็ตะเกียกตะกายหนี บางครั้งก็เหมือนแอ่นรับ ลุคคาใช้ปลายลิ้นละเลงเนื้อสาวของเธอราวกับกำลังดื่มด่ำกับอาหารเลิศรส ทั้งดูดทั้งเลียจนเจ้าของร่างหายใจไม่ทัน ช่องทางสวาทกระตุกริกๆ เสียวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ยะอ๊า คุณ... ไม่ อื้อ” วรรณนรีร้องครวญคราง ลมหายใจหอบกระชั้น หน้าท้องยุบพองถี่เร็ว หัวใจเหมือนจะวายให้ได้ ยิ่งเธอร้องเขายิ่งย่ามใจ ไล้ลิ้นไปตามร่องลึก ดูดเม้มติ่งเล็กๆ ประหนึ่งเกสรดอกไม้ที่ผุดขึ้นกลางยอดอ่อน “กรี๊ด อ๊า เสียว ฮือ... ไม่ไหว ยะอย่า ตรงนั้น มะไม่ อื้อ เสียวซี้ด~” วรรณนรีเสียวจนนัยน์ตาพร่ามัว หยาดน้ำตาเอ่อคลอ ดิ้นพรวดพราดมือปัดป่ายชนของบนโต๊ะตกโครมคราม ทว่ากลับไม่มีใครนึกใส่ใจ ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์เสน่หาลึกสุดหยั่ง ลุคคาเล่นกับเนื้อสาวของเธอจนพอใจ เมื่อเขาผละออก หยาดน้ำหวานก็ซึมลงบนโต๊ะหว่างขาวรรณนร
ความตะกละตะกลามของลุคคากัดกินตัวตนวรรณนรีไปเกือบหมดสิ้น เพียงแวบเดียวเธอก็โอนอ่อนผ่อนตามริมฝีปากของเขา เพลิดเพลินไปกับเรียวลิ้นสากที่ซุกไซ้อยู่ในโพรงปากประหนึ่งผู้ล่าที่ไล่ต้อนเหยื่อ พลั่ก! “อ๊ะ” วรรณนรีได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง แผ่นหลังก็กระแทกลงบนโต๊ะทำงาน ทับกับแฟ้มฉบับร่างที่เธอเพิ่งจะนำเสนอเขาเมื่อไม่กี่อึดใจที่แล้ว ทว่าความนึกคิดที่โผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน กลับกระตุ้นอารมณ์ตื่นเต้นและด้านมืดภายในใจได้มากกว่า
ไฟตามทางเดินปิดหมดแล้วเหลือเพียงไฟอัตโนมัติติดผนังที่จะสว่างเฉพาะเวลามีคนผ่าน แต่ละดวงอยู่ห่างกันพอสมควร วรรณนรีก้าวย่างไปตามทางในออฟฟิศที่ทอดยาวสู่ห้องของผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟ หน้าห้องมีโต๊ะทำงานของเลขาซึ่งบัดนี้ว่างเปล่า ไม่มีกระเป๋า ไม่มีเสื้อสูทที่มักจะพาดติดเก้าอี้เอาไว้เวลาที่คนไม่อยู่ เอกสารบนโต๊ะถูกเก็บเรียบร้อย เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าตัวกลับไปแล้ว วรรณนรีแอบใจหายเล็กน้อย มองบานประตูห้องทำงานผู้อำนวยการ รู้สึกสองจิตสองใจ ไม่แน่ว่าลุคคาเองก็อาจจะกลับไปแล้วก็ได้ ก๊อกๆ แต่ในเมื่อมาถึงหน้าห้องแล้ว เธอก็ต้องเคาะประตูเพื่อพิสูจน์ความคิดตัวเอง “เข้ามา” เสียงทุ้มต่ำดังลอดออกมา วรรณนรีขนลุกซู่โดยไม่มีสาเหตุ จากที่กำลังจะหงุดหงิดเพราะคิดว่าเขาหลอกให้เธอทำงานเก้อ กลายเป็นความหวั่นไหวขึ้นมาแทน ไม่คิดว่าเขาจะอยู่รอตรวจงานจากเธอจริงๆ “ขออนุญาตค่ะ” วรรณนรีก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบา แต่ในใจยังอดนึกไม่ได้ว่าเขาคงตั้งใจแกล้งให้เธอนั่งเขียนแผนงานจนดึกดื่นคนเดียว ตอนแรกที่
“วันนี้ขอบคุณมากนะคะ” วรรณนรีก้มหน้าให้ลุคคาจากใจจริง หลังกลับจากทานข้าวเที่ยง ถึงบริษัทก็เกือบบ่ายสองแล้ว พอลงจากรถเสร็จ เธอก็แยกตัวจากเขาทันที ลุคคาอ้าปากจะเอ่ยอะไรสักอย่าง ถึงกับแอบเสียหน้าเล็กน้อยที่เห็นหญิงสาวหนีไปอย่างรวดเร็ว หรือว่าวรรณนรีกำลังหลบหน้าเขาอยู่? ลุคคาหรี่ตามองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั่น มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “เฮ้ กลับมาแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” ริกะเป็นคนแรกที่เอ่ยทักเมื่อเห็นวรรณนรีเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน พลอยทำให้คนอื่นๆ ในทีมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ ทุกคนต่างรู้ว่าวรรณนรีออกไปเจอลูกค้ากับลุคคา แม้จะรู้สึกว่าข้ามหน้าข้ามตาหัวหน้าอย่างริกะไปสักหน่อย แต่เพราะวรรณนรีมีผลงานที่โดดเด่น และเป็นคนที่ทนไม้ทนมือเจ้านายจอมเนี้ยบอย่างลุคคามากที่สุด จึงไม่มีใครคิดอิจฉา หรือบ่นวรรณนรีเลยสักคน ตรงข้ามกลับรู้สึกโล่งใจที่มีวรรณนรีคอยรับหน้าเจ้านายให้ “ยังไม่ได้ข้อสรุปน่ะ” วรรณนรีนึกถึงบทสนทนาบนโต๊ะอาหารแล้วพูดออกมาแบบกลางๆ เธอเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบสปอยด์งาน หรือพูดฟุ้งไปเรื่อย
“นัดกับใครไว้เหรอคะ” วรรณนรีหันกลับไปถามลุคคาระหว่างนั่งรถออกจากหน้าบริษัท ตอนนี้เธออยู่บนรถของเขา โดยมีคนขับรถประจำตำแหน่ง และวรรณนรีนั่งเบาะหน้า ส่วนลุคคานั่งเบาะหลัง ไม่ได้มากันตามลำพัง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะดูไม่ดี หญิงสาวทำตัวปกติทุกอย่าง ไม่เผยพิรุธเลยสักนิด กระทั่งริกะที่คอยเชียร์ทั้งคู่อยู่ในใจก็ยังเดาไม่ออกว่าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งวรรณนรีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น







