เข้าสู่ระบบ
“ออกไป!”
เพล้ง!
จานรองแก้วน้ำใบหนึ่งถูกขว้างออกมาอย่างแรง พุ่งเฉียดแก้มเนียนระเรื่อของหญิงสาวไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เสียงแตกละเอียดก้องกระจายไปทั่วห้อง
“คุณไล่ฉันเหรอ ลุคคา นี่คุณกล้าไล่ฉันเหรอ”
“หูตึงหรือไง ไสหัวไป”
“....” วรรณนรียืนอึ้ง เข่าอ่อนไปทั้งตัว น้ำตาร่วงเผลาะ กำลังจะอ้าปากพูด เสียงเหี้ยมเกรียมจากคนตรงหน้าก็ตะโกนขึ้นมาอีก
“รปภ! ใครก็ได้ ลากผู้หญิงคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้”
ไม่นานฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็กรูเข้ามาในห้องราวกับเตี้ยมกันเอาไว้
“ไม่ต้อง! ฉันไปเองได้” วรรณนรีสะบัดมือรปภ.ออกอย่างไม่สะทกสะท้าน ทว่าสายตาที่เธอมองไปยัง ‘ลุคคา’ กลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง “คนอย่างคุณ... ฉันไม่น่าตาบอดเลยจริงๆ”
วรรณนรีเดินออกจากห้องทำงานของผู้บริหาร ผ่านแผนกต่างๆ ของบริษัท กระชากป้ายชื่อที่ระบุตำแหน่งผู้อำนวยการบนอกเสื้อทิ้งขยะท่ามกลางสายตาของพนักงานมากมาย
ร่างบางก้าวออกจากบริษัทซางเหมยฯ ราวกับพายุ
“ให้ไปส่งที่ไหนครับคุณผู้หญิง”
“....”
หลังจากแจ้งจุดหมายกับคนขับเสร็จ วรรณนรีหยิบแหวนเพชรที่ใส่เป็นจี้ห้อยคอขึ้นมาคลำเล่น
...ภาพวันวานทอวาบเข้ามาในหัว
ตอนนั้นเธอเป็นเพียงพนักงานใหม่ เริ่มต้นจาก AE ตัวเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟด้วยความสามารถของตัวเอง และอยู่ภายใต้การสนับสนุนของลุคคา ...คนที่เธอรักอย่างหมดหัวใจ
เธอเคยคิดว่าที่เขาไม่เปิดเผยความสัมพันธ์เป็นเพราะกลัวเพื่อนร่วมงานจะอคติกับเธอ
เธอเชื่อ เชื่อสุดหัวใจว่าเขาหวังดีกับเธอจริงๆ
“เอาอะไรมามั่นใจว่าเขาทำเพื่อเธอ น่าขำสิ้นดี!”
วรรณนรีหัวเราะให้กับความโง่เขลาของตัวเองในอดีต
“เขาทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น”
“คนเห็นแก่ตัว”
วรรณนรีกระตุกสร้อยที่คอกำไว้ในมือแน่น
หลับตาทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา จนมั่นใจแล้วว่าเธอจะยอมปล่อยมือ
ทิ้งความสัมพันธ์ที่เธออุตส่าห์ทะนุถนอมมา 5 ปี แต่กลับมองไม่เห็นปลายทางนี้ไป
เธอชื่นชมลุคคามาก มากซะจนยอมกลืนศักดิ์ศรีของตัวเอง ยอมเป็นคนรักลับๆ ของเขา
เด็กสาวใสซื่อคนนั้นที่เขาเพียงเลี้ยงเอาไว้ดูเล่น เหมือนแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่ง
...ทว่าตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว
น้ำตาไหลซึมผ่านแก้มข้างหนึ่งโดยไร้เสียงสะอื้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาฝ่ายบุคคล เพื่อแจ้งเรื่อง ‘ลาออก’
วรรณนรีกลับถึงห้องแบบงงๆ ความอ่อนเพลียและสับสนทำให้เธอรีบอาบน้ำแล้วเข้านอนกระทั่งรุ่งเช้ามาเยือน อารมณ์ยังคงคลุมเครือ หยิบจับอะไรก็ผิดพลาดไปหมด แต่ก็พยายามตั้งสติ บอกตัวเองให้หยุดฟุ้งซ่านแล้วหยิบแผนงานออกมาทบทวนระหว่างทางไปบริษัท“วรรณนรี พร้อมนะ”ริกะมองใบหน้าขาวใสที่เหมือนจะมีออร่าแปลกๆ ของวรรณนรี แต่แววตาของสาวเจ้ากลับเธอเลื่อนลอยเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ค่ะ” วรรณนรีกำลังทำสมาธิอยู่ต่างหาก เมื่อถึงบริษัทเธอก็ไล่ความคิดที่ไม่จำเป็นทั้งหลายออกไปได้สำเร็จ จิตใจมุ่งมั่นอยู่กับงานตรงหน้าเท่านั้นวรรณนรีมองประตูห้องประชุมเบื้องหน้า ก่อนก้าวตามริกะเข้าไปภายในห้องประชุมนอกจากทีมของริกะแ
เสียงเลียแผล็บสลับกับดูดดังจ๊วบสะท้านหู ความเสียวซ่านที่ได้รับก็สะท้านใจไม่น้อย วรรณนรีดิ้นทุรนทุรายไม่เป็นท่า ผมเผ้าถูไถกับโต๊ะทำงานจนยุ่งเหยิง บางครั้งก็ตะเกียกตะกายหนี บางครั้งก็เหมือนแอ่นรับ ลุคคาใช้ปลายลิ้นละเลงเนื้อสาวของเธอราวกับกำลังดื่มด่ำกับอาหารเลิศรส ทั้งดูดทั้งเลียจนเจ้าของร่างหายใจไม่ทัน ช่องทางสวาทกระตุกริกๆ เสียวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ยะอ๊า คุณ... ไม่ อื้อ” วรรณนรีร้องครวญคราง ลมหายใจหอบกระชั้น หน้าท้องยุบพองถี่เร็ว หัวใจเหมือนจะวายให้ได้ ยิ่งเธอร้องเขายิ่งย่ามใจ ไล้ลิ้นไปตามร่องลึก ดูดเม้มติ่งเล็กๆ ประหนึ่งเกสรดอกไม้ที่ผุดขึ้นกลางยอดอ่อน “กรี๊ด อ๊า เสียว ฮือ... ไม่ไหว ยะอย่า ตรงนั้น มะไม่ อื้อ เสียวซี้ด~” วรรณนรีเสียวจนนัยน์ตาพร่ามัว หยาดน้ำตาเอ่อคลอ ดิ้นพรวดพราดมือปัดป่ายชนของบนโต๊ะตกโครมคราม ทว่ากลับไม่มีใครนึกใส่ใจ ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์เสน่หาลึกสุดหยั่ง ลุคคาเล่นกับเนื้อสาวของเธอจนพอใจ เมื่อเขาผละออก หยาดน้ำหวานก็ซึมลงบนโต๊ะหว่างขาวรรณนร
ความตะกละตะกลามของลุคคากัดกินตัวตนวรรณนรีไปเกือบหมดสิ้น เพียงแวบเดียวเธอก็โอนอ่อนผ่อนตามริมฝีปากของเขา เพลิดเพลินไปกับเรียวลิ้นสากที่ซุกไซ้อยู่ในโพรงปากประหนึ่งผู้ล่าที่ไล่ต้อนเหยื่อ พลั่ก! “อ๊ะ” วรรณนรีได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง แผ่นหลังก็กระแทกลงบนโต๊ะทำงาน ทับกับแฟ้มฉบับร่างที่เธอเพิ่งจะนำเสนอเขาเมื่อไม่กี่อึดใจที่แล้ว ทว่าความนึกคิดที่โผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน กลับกระตุ้นอารมณ์ตื่นเต้นและด้านมืดภายในใจได้มากกว่า
ไฟตามทางเดินปิดหมดแล้วเหลือเพียงไฟอัตโนมัติติดผนังที่จะสว่างเฉพาะเวลามีคนผ่าน แต่ละดวงอยู่ห่างกันพอสมควร วรรณนรีก้าวย่างไปตามทางในออฟฟิศที่ทอดยาวสู่ห้องของผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟ หน้าห้องมีโต๊ะทำงานของเลขาซึ่งบัดนี้ว่างเปล่า ไม่มีกระเป๋า ไม่มีเสื้อสูทที่มักจะพาดติดเก้าอี้เอาไว้เวลาที่คนไม่อยู่ เอกสารบนโต๊ะถูกเก็บเรียบร้อย เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าตัวกลับไปแล้ว วรรณนรีแอบใจหายเล็กน้อย มองบานประตูห้องทำงานผู้อำนวยการ รู้สึกสองจิตสองใจ ไม่แน่ว่าลุคคาเองก็อาจจะกลับไปแล้วก็ได้ ก๊อกๆ แต่ในเมื่อมาถึงหน้าห้องแล้ว เธอก็ต้องเคาะประตูเพื่อพิสูจน์ความคิดตัวเอง “เข้ามา” เสียงทุ้มต่ำดังลอดออกมา วรรณนรีขนลุกซู่โดยไม่มีสาเหตุ จากที่กำลังจะหงุดหงิดเพราะคิดว่าเขาหลอกให้เธอทำงานเก้อ กลายเป็นความหวั่นไหวขึ้นมาแทน ไม่คิดว่าเขาจะอยู่รอตรวจงานจากเธอจริงๆ “ขออนุญาตค่ะ” วรรณนรีก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบา แต่ในใจยังอดนึกไม่ได้ว่าเขาคงตั้งใจแกล้งให้เธอนั่งเขียนแผนงานจนดึกดื่นคนเดียว ตอนแรกที่
“วันนี้ขอบคุณมากนะคะ” วรรณนรีก้มหน้าให้ลุคคาจากใจจริง หลังกลับจากทานข้าวเที่ยง ถึงบริษัทก็เกือบบ่ายสองแล้ว พอลงจากรถเสร็จ เธอก็แยกตัวจากเขาทันที ลุคคาอ้าปากจะเอ่ยอะไรสักอย่าง ถึงกับแอบเสียหน้าเล็กน้อยที่เห็นหญิงสาวหนีไปอย่างรวดเร็ว หรือว่าวรรณนรีกำลังหลบหน้าเขาอยู่? ลุคคาหรี่ตามองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั่น มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “เฮ้ กลับมาแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” ริกะเป็นคนแรกที่เอ่ยทักเมื่อเห็นวรรณนรีเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน พลอยทำให้คนอื่นๆ ในทีมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ ทุกคนต่างรู้ว่าวรรณนรีออกไปเจอลูกค้ากับลุคคา แม้จะรู้สึกว่าข้ามหน้าข้ามตาหัวหน้าอย่างริกะไปสักหน่อย แต่เพราะวรรณนรีมีผลงานที่โดดเด่น และเป็นคนที่ทนไม้ทนมือเจ้านายจอมเนี้ยบอย่างลุคคามากที่สุด จึงไม่มีใครคิดอิจฉา หรือบ่นวรรณนรีเลยสักคน ตรงข้ามกลับรู้สึกโล่งใจที่มีวรรณนรีคอยรับหน้าเจ้านายให้ “ยังไม่ได้ข้อสรุปน่ะ” วรรณนรีนึกถึงบทสนทนาบนโต๊ะอาหารแล้วพูดออกมาแบบกลางๆ เธอเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบสปอยด์งาน หรือพูดฟุ้งไปเรื่อย
“นัดกับใครไว้เหรอคะ” วรรณนรีหันกลับไปถามลุคคาระหว่างนั่งรถออกจากหน้าบริษัท ตอนนี้เธออยู่บนรถของเขา โดยมีคนขับรถประจำตำแหน่ง และวรรณนรีนั่งเบาะหน้า ส่วนลุคคานั่งเบาะหลัง ไม่ได้มากันตามลำพัง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะดูไม่ดี หญิงสาวทำตัวปกติทุกอย่าง ไม่เผยพิรุธเลยสักนิด กระทั่งริกะที่คอยเชียร์ทั้งคู่อยู่ในใจก็ยังเดาไม่ออกว่าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งวรรณนรีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น







