LOGIN“ญาติของคนเจ็บหรือเปล่าครับ...ตอนนี้คนเจ็บปลอดภัยแล้วนะครับ”
ทั้งกมิตตรากับคุณอรรดายิ้มออกมาอย่างยินดี ดวงตาของคุณอรรดาชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความปีติ มือของนางจับกอบกุมจับมือบางของกมิตตราแน่น
“เห็นไหมคะ...แก้มบอกแล้วว่าคุณลุงต้องปลอดภัย คุณหมอกำลังย้ายคุณลุงไปห้องพักฟื้น เราไปรอที่ห้องกันก่อนดีกว่าไหมคะ...คุณป้าจะได้พักด้วย”
คุณอรรดามองหน้ากมิตตราด้วยแววตาขอบคุณก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ทั้งสองประคองกันไปยังห้องพักในขณะที่คนไข้ยังมาไม่ถึง กมิตตราประคองร่างของคุณอรรดาลงนั่ง เพียงครู่ร่างของคนป่วยก็ถูกบุรุษพยาบาลเข็นเข้ามาก่อนที่ทุกอย่างจะชุลมุนเล็กน้อย ในที่สุดร่างของคุณคริสก็นอนบนเตียงคนป่วยรอบศีรษะถูกพันด้วยผ้าพันแผล สายน้ำเกลือระโยงระยางยิ่งทำให้คู่ชีวิตอย่างคุณอรรดาสงสารผู้เป็นสามีจับใจ
กมิตตรามองภาพคุณอรรดาจับมือหนาของสามีไว้แน่นยิ่งสะท้อนในหัวใจ ถ้าเธอมีพ่อกับแม่อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ก็คงอบอุ่น ดวงตากลมโตของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อคิดถึงเรื่องรันทดของตัวเองถึงแม้เธอจะพยายามบอกตัวเองว่าเธอมีความสุขที่มีคุณแม่อธิการทั้งสองดูแล และมีคุณพ่ออาเธอร์ที่เปรียบเสมือนบิดาของเธอเลี้ยงดู แต่ส่วนลึกของหัวใจแล้วมันกลับโหยหาอ้อมกอดของผู้บังเกิดเกล้า
เปลือกตาบางกะพริบถี่ ๆ เพื่อขับไล่หยาดน้ำตาที่วิ่งมาขังคลอหน่วยตาของเธอออกไปให้พ้น สายตาของหญิงสาวทอดมองภาพคู่ชีวิตของคนตรงหน้าอย่างชื่นชม อิจฉาคนที่เกิดมาเป็นลูกของทั้งสองคนนี่เหลือเกิน นั่นสิ...ตั้งแต่เธอมาอยู่ตรงนี้หลายชั่วโมงยังไม่เห็นหน้าคนเป็นลูกของคุณอรรดาเลย หรือว่าทั้งคู่ไม่มีลูก
“คุณป้าอยู่เป็นเพื่อนคุณลุงก่อนนะคะ เดี๋ยวแก้มลงไปซื้อของใช้ส่วนตัวกับอาหารมาให้นะคะ”
ไม่ได้รอคำตอบรับจากคุณอรรดาทั้งสิ้นเมื่อร่างบางลุกออกไปจากห้องพักฟื้นคนป่วยอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คุณอรรดามองตามอย่างอ่อนใจ นางอยากบอกเหลือเกินว่าไม่จำเป็นต้องไปซื้อของพวกนั้นเองหรอก คนของนางก็อยู่เดี๋ยวใช้ให้พวกนั้นไปซื้อก็ได้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว คุณอรรดาส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยสายตามองตามหลังกมิตตราอย่างเอ็นดู
ร่างบางของกมิตตราหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อกลับมายังห้องพักของคุณคริส คิ้วเรียวของหญิงสาวขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นชายสองคนยืนอยู่หน้าห้องคนป่วย เธอมองของในมืออย่างครุ่นคิด ปล่อยให้คุณอรรดาอยู่กับสามีของเธอจะดีกว่า คนนอกอย่างเธอควรกลับไปยังที่ของตัวเองได้แล้ว ร่างบางเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับฝากของในมือให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องพักของคริส ก่อนจะเดินออกไปไม่ฟังเสียงเรียกของบุรุษผู้นั้นแม้แต่น้อย
กมิตตรารีบเดินเข้าไปในโบสถ์อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นคุณแม่อธิการเภตรายืนชะเง้อด้วยสีหน้ากังวล พอเห็นเธอเข้าเท่านั้นรอยยิ้มของคุณแม่อธิการก็แย้มออกมาอย่างโล่งใจ
“แก้ม...แม่นึกกังวลอยู่”
กมิตตรายกมือขึ้นไหว้คุณแม่อธิการอย่างสำนึกผิด
“แก้มขอโทษค่ะที่ทำให้คุณแม่อธิการเป็นห่วง”
คุณแม่อธิการเภตรายิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเอื้อมมือไปจูงมือกมิตตราเดินเข้าไปด้านในอันเป็นส่วนของบ้านพักของเด็กกำพร้า
“ไม่เป็นไรลูก...กินอะไรมาหรือยัง”
คำถามของคุณแม่อธิการเรียกรอยยิ้มของกมิตตราออกมาทันที แววตาชุ่มน้ำของหญิงสาวมองคุณแม่อธิการด้วยแววตาขอบคุณ
“แก้มดีใจที่สุดเลยค่ะ...นึกขอบคุณพ่อกับแม่ที่แท้จริงของแก้มทุกครั้งที่ทิ้งแก้มไว้ที่หน้าโบสถ์แห่งนี้ ทำให้แก้มได้มาเจอคุณแม่อธิการเภตราและคุณแม่อธิการจันดา”
คิ้วที่ค่อนข้างบางของคุณแม่อธิการเภตราขมวดมุ่นเล็กน้อย นางไม่ได้ยินกมิตตราพูดแบบนี้นานแล้ว นางยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี ท่ามกลางอากาศที่เริ่มหนาวเสียงเด็กน้อยคนหนึ่งร้องเสียงดังอยู่หน้าประตูโบสถ์ ทั้งบาทหลวงและพวกเธอต่างวิ่งเข้าไปดูจึงเห็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักคนนี้ นางจำได้ว่าตัวของเด็กน้อยในตอนนั้นเย็นเฉียบก่อนจะอุ้มเด็กน้อยมากอดเอาไว้ให้ความอุบอุ่น นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็กินเวลานับหลายสิบปี
“อย่าโกรธพ่อกับแม่ของหนูนะแก้ม อย่างน้อยพวกท่านก็มีบุญคุณทำให้แก้มได้เกิดมาลืมตาดูโลก แก้มควรดีใจที่เกิดมาอวัยวะครบสามสิบสอง ชีวิตของเราดีกว่าคนอื่น ๆ อีกนับร้อยนับพัน มองในทางที่เป็นบวก ชีวิตเราจะได้มีสุข”
น้ำเสียงโอบอ้อมอารีของคุณแม่อธิการเภตราเรียกหยาดน้ำตาให้วิ่งมาคลอหน่วยตาทั้งสองข้างของเธอ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะคิดโกรธจะเกลียดผู้ให้กำเนิด แต่ก็มีบางครั้งที่นึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง ยามที่คิดว่าเธอเกิดมาโดยที่ไม่มีใครรักแม้กระทั่งผู้ให้กำเนิด
“แก้มเข้าใจค่ะ...แต่บางครั้งแก้มก็อดคิดไม่ได้ว่าไม่มีใครรักแก้ม แม้กระทั่งพ่อกับแม่ของตัวเอง”
น้ำเสียงสั่นเครือของกมิตตราทำให้คุณแม่อธิการยกมือขึ้นลูบศีรษะของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“มีน้อง ๆ เพื่อน ๆ มีคุณแม่อธิการทั้งสองคน คุณพ่อบาทหลวงอีกหนึ่งคน พวกเรารักแก้มทั้งนั้น แค่นี้ยังไม่พออีกหรือลูก”
คำพูดของคุณแม่อธิการเภตราทำให้กมิตตราเงยหน้าขึ้นมองด้วยใบหน้าที่มีน้ำตาคลอหน่วยตาทั้งสองข้าง
“พอแล้วค่ะ...แค่นี้ก็พอแล้ว”
หยาดน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มแต่กมิตตราก็ยังยิ้มออกมาได้เมื่อคิดถึงคำพูดของคุณแม่อธิการเภตรา เธอยังมีน้อง ๆ ที่น่ารักอีกหลายคน คุณแม่อธิการที่เธอรักมากและคุณพ่อบาทหลวงที่เธอนับถืออีกหนึ่งคน เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เธอไม่ต้องการอะไรอีก
“แล้ววันนี้เป็นไงบ้างลูก...แก้มยังไม่ได้เล่าให้แม่ฟังเลย คนที่หนูไปช่วยเอาไว้ปลอดภัยหรือเปล่า”
สีหน้าคุณแม่อธิการเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่อถามถึงคนเจ็บที่ประสบอุบัติเหตุและกมิตตราช่วยพาส่งโรงพยาบาล
“ปลอดภัยแล้วค่ะ...แต่น่าสงสารคุณลุงกับคุณป้าคู่นั้นนะคะ แก้มอยู่เป็นเพื่อนตั้งนานยังไม่เห็นลูกหลานแกมาเลย หรือแกไม่มีลูกก็ไม่รู้...แต่ถ้ามี เขาก็ใจร้ายมากที่ปล่อยให้แม่เฝ้าพ่อเพียงลำพัง ในขณะที่แม่ต้องการกำลังใจเป็นอย่างมาก...แก้มเห็นแกหน้าซีดมาก ชวนให้กินอะไรก็ไม่กิน”
“ตายจริง...ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าสงสาร แก้มก็ไปเยี่ยมคุณลุงคนนั้นบ้างก็ได้นะ ไปเป็นกำลังใจให้แกถือว่าเอาบุญ”
กมิตตราพยักหน้าเร็ว ๆ สีหน้าของหญิงสาวฉายแววครุ่นคิดออกมาเมื่อคิดว่าเธอจะเล่าเรื่องที่เพิ่งเผชิญมาให้คุณแม่อธิการฟังดีหรือไม่...เรื่องที่เธอรู้ว่าคุณลุงคนนั้นไม่ได้ประสบอุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะมีคนตั้งใจคิดจะฆ่าแก และเธอก็ได้ยินคนร้ายคุยกัน แต่ถ้าบอกไปคุณแม่อธิการคงต้องเป็นห่วงและคิดมาก เธอไม่อยากเพิ่มเรื่องหนักใจให้คุณแม่อธิการอีก กมิตตราตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
สีหน้าหงุดหงิดของอนรรฆไม่อาจรอดพ้นสายตาของแดนไทยได้เลย บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวจึงหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่เก็บอารมณ์จนคนเป็นเจ้านายตวัดสายตาคมกริบไปมองลูกน้องตัวเองเขม็ง“แกจะหัวเราะอะไรไอ้แดน”“เอ๊า...ก็หัวเราะอะไรเน่า ๆ แถวนี้ เจ้านายดมหัวแดนนี่หน่อยได้ไหม พักนี้แดนนี่รู้สึกตัวเองหัวเหม็น ๆ เน่า ๆ ยังไงก็ไม่รู้”เมื่อสบตาวาววับของคนเป็นเจ้านายบอดี้การ์ดหัวใจสาวก็วิ่งปนหัวเราะไปหากันต์กับกมิตตราพลางกระซิบอะไรบางอย่างกับหญิงสาวจนหญิงสาวหันมามองอนรรฆด้วยสีหน้าร้อนรน ยิ่งเมื่อเห็นร่างสูงของอนรรฆเดินหนีไปแบบนั้น กมิตตราถึงกับหันไปมองกันต์อย่างขอความคิดเห็นว่าเธอควรจะทำอย่างไร“ไปง้อหน่อยเถอะ...คนแก่งอนง้อยากหน่อยนะ”นับเป็นครั้งแรกที่ได้ยินกันต์พูดออกมาแบบนั้น แดนไทยถึงกับมองเพื่อนหนุ่มอย่างอึ้ง ๆ ปกติเห็นกันต์เงียบขรึมตลอดเวลา“แกพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอวะกันต์”“ฉันฟังแกมาเยอะไง...แดนนี่”พูดจบกันต์ก็เดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้แดนนี่ยืนทบทวนคำพูดของเพื่อนรักว่ามันด่าหรือว่าชมเขากันแน่ กว่าจะนึกออกกันต์ก็เดินหายไปแล้วทิ้งให้แดนไทยก่นด่าเพื่อนรักอยู่ในใจ“โกรธอะไรคะ”“เปล่า”กมิตตราย
ทั้งอนรรฆและแดนไทยเดินออกมาห่าง ปล่อยให้พี่น้องได้มีโอกาสคุยกันหลังจากที่พลัดพรากจากกันมานาน แต่ทั้งคู่ก็ยังอยู่ในสายตาของอนรรฆตลอดเวลา บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวมองภาพประทับใจนั้นด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเต็มสองตา ในที่สุด...กันต์ก็ได้หัวใจตัวเองกลับคืนมา ต่อไปนี้เพื่อนหนุ่มของเขาคงยิ้มได้เต็มหน้าเสียที ไม่ต่างอะไรกับอนรรฆ นับตั้งแต่ได้กันต์มาทำงานด้วยกัน เขาไม่เคยเห็นลูกน้องคนนี้มีความสุขจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง รอยยิ้มที่มีก็เป็นแค่การแยกเรียวปากออกจากกัน มันไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุข ไม่ใช่รอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ แต่ว่า...สองคนนี้จะกอดกันอีกนานไหม ถึงแม้จะเป็นพี่น้องก็เถอะ หัวใจของเขามันคัน ๆ ชอบกล อนรรฆรีบหลับตาพึมพำนิด ๆ ราวกับสวดมนต์บอกกับตัวเองว่าพี่น้อง...พี่น้อง ไอ้อาการหึงหวงนี่เขาก็ห้ามมันไม่ได้เสียด้วย และอาการทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของแดนไทยถนัดตา“เจ้านายเป็นอะไรฮะ ทำปากขมุบขมิบเหมือนจะแช่งใคร หรือว่า...”คำพูดของแดนไทยหยุดเพียงแค่นั้น เมื่อหันไปมองกันต์กับกมิตตราที่กอดกันแน่น พอจะเดาอาการของคนเป็นเจ้านายถูก เขาก็อยากจะหัวเราะออกมาให้ดังลั่น แต่ก็หวั่นใจว่าปลายเท้าของเจ้านายจะตวัด
กันต์พยักหน้าก่อนจะมองแหวนอีกวงหนึ่งซึ่งอยู่ในมือของอนรรฆราวกับว่ามันคือสิ่งประหลาด หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก“นายดูแหวนวงนี้สิ...ว่าเหมือนของนายหรือเปล่า”อนรรฆยื่นแหวนอีกวงที่เขาถือเอาไว้ให้กันต์ทันที มือที่ยื่นไปรับแหวนจากอนรรฆสั่นเล็กน้อย หัวใจแทบจะหยุดเต้น นับเป็นครั้งแรกที่เขานึกวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ขอให้เรื่องที่เขารอคอยมานานเป็นจริงเสียทีเถอะกันต์มองแหวนวงน้อยในมือก่อนจะพลิกดูด้านใน ดวงตาของกันต์เบิกกว้างมองอนรรฆอย่างดีใจ รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าเคร่งขรึม นับเป็นรอยยิ้มอย่างดีใจรอยยิ้มแรกที่อนรรฆเห็นจากใบหน้าของกันต์ก็ว่าได้“เจ้านายได้แหวนวงนี้มาจากใครครับ เขาอยู่ที่ไหน...บอกผมเถอะครับ”น้ำเสียงกับสีหน้ายินดีของกันต์ ทำให้หญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงมองหน้ากันต์อย่างพิจารณาเป็นครั้งแรก“มันเป็นของแก้มเองค่ะ”สิ้นเสียงสั่น ๆ ของกมิตตราสายตาของกันต์หันไปมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างตกตะลึงและคาดไม่ถึง“มะ...หมายความว่ายังไง...แก้มเป็นเจ้าของแหวนวงนี้หรือ”“ค่ะ...คุณแม่อธิการบอกว่ามันห้อยคอแก้มมาตั้งแต่เด็ก”กมิตตราตอบออกไปอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมโตคลอค
บทส่งท้ายสายตาเหม่อลอยของหญิงสาวทอดมองไปยังท้องทะเลด้านหน้า ความฝันเมื่อคืนยังคงติดตาติดใจของเธอจนถึงตอนนี้ กระบอกตาของหญิงสาวร้อนผ่าวยามที่คิดถึงคนเป็นพี่...ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ ป่านนี้เขาจะอยู่ที่ไหนจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร“หนีพี่ออกมาแบบนี้...คืนนี้จะลงโทษให้ครางทั้งคืนเลยคอยดูเถอะ”ร่างสูงเดินเข้ามากอดหญิงสาวทางด้านหลัง ใบหน้าคมเข้มก้มลงจุมพิตหัวไหล่บอบบางของกมิตตราหนึ่งทีก่อนจะกระชับวงแขนที่รัดเอวบางของหญิงสาวให้แน่นขึ้นอีกนิด“คิดเรื่องอะไร...เรื่องฝันร้ายเมื่อคืนนี้เหรอ”กมิตตราพยักหน้าหงึก ๆ ยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำตาที่ซึมออกมา“พี่ช่วยตามหาพี่ชายให้เอาไหม เรื่องยุ่ง ๆ ทุกอย่างมันจบลงไปหมดแล้ว ทีนี้คงมีเวลาที่จะตามหาพี่ชายของแก้มได้”ร่างบางหันขวับมามองคนตัวสูงทันทีอย่างดีใจ“จริงนะคะ”อนรรฆพยักหน้าอย่างหนักแน่น ก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากกลมมนของหญิงสาวคนรักเบา ๆ“จริงสิจ๊ะ”สายตาของอนรรฆทอดมองไปยังชายหาดด้านล่าง เมื่อเห็นร่างสูงของกันต์ คิ้วหนาของชายหนุ่มก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง“โน่นก็อีกคน...น้องหาย ถ้าเอาแก้มกับกันต์มาอยู่ด้วยกันคงเหมือนพี่น้องกันเลย อีกคนตามหาพี่ อี
ประโยคแรกหญิงสาวตะโกนหมายจะบอกให้เขาทั้งสองได้รับรู้ในสิ่งที่เธอพูดไป ในขณะที่ประโยคถัดมาเธอตะโกนเสียงดังเพื่อให้อนรรฆตอบเธอมาเสียงดังด้วยเช่นเดียวกัน อนรรฆหลับตาลงพลางนึกสีหน้าของลูกน้องทั้งสองคนออกเลยทีเดียวโดยเฉพาะแดนไทย“เร็ว ๆ สิฮะคุณเอียน แดนนี่รอเป็นพยานอยู่นะ”เมื่ออนรรฆยังไม่ตอบออกมาแดนไทยจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเสียก่อน“รัก”“อะไรนะ...รัก...รักใคร...รักแดนนี่หรือฮะ”อนรรฆหลับตาลงนิดพลางนึกคาดแค้นแดนไทยในใจ อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะแดนนี่ ฉันจะซัดแกให้น่วม ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าปอดพลางมองหญิงสาวที่รอคอยคำตอบจากเขาด้วยความหวัง“พี่รักแก้ม...รักที่สุด”เสียงหัวเราะของแดนนี่ดังออกมาทันทีที่เขาพูดจบ ในขณะที่กันต์ยิ้มออกมาอย่างดีใจ ในที่สุดอนรรฆก็พูดออกมาเสียที ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นปล่อยให้คนทั้งคู่ได้อยู่กันตามลำพัง“แสบนักนะ...ยัยตัวร้าย”“เอาคืนนิดหน่อยเอง โทษฐานที่พี่เอียนหลอกแก้มก่อน...เล่นน้ำทะเลกันดีกว่า”หญิงสาวตัวเล็กจูงมืออนรรฆลงเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนาน กมิตตรากวักน้ำใส่หน้าอนรรฆจนอีกฝ่ายหลบไม่ทัน เสียงเข้มห้ามปรามหญิงสาวแล้วแต่อีกฝ่ายหาเชื่อไม่ มือหนาของ
กมิตตรามองหน้าอนรรฆอย่างยั่วเย้า หญิงสาวถอยหลังลงไปในทะเลอีกนิดก่อนจะตัดสินใจปลดกางเกงขาสั้นที่สวมออก มือหนาของอนรรฆกำที่วางแขนบนรถเข็นแน่น มองไปรอบด้านว่ามีใครนอกเหนือจากเขาอีกหรือเปล่าที่จะเห็นภาพกมิตตราในตอนนี้อนรรฆพยายามนับหนึ่งถึงร้อยไม่ให้ตัวเองวิ่งถลาเข้าไปโอบร่างบางของกมิตตราเอาไว้เมื่อคิดว่าจะมีใครเห็นเนื้อนวลขาวที่ตัดกับชุดว่ายน้ำสีส้มนั้นอีกนอกจากเขา“แต่แก้มว่า...เล่นแบบไม่ใส่อะไรเลยดีกว่า”นิ้วเรียวของกมิตตราปลดสายชุดว่ายน้ำออกจากหัวไหล่บอบบางของตัวเองออกจนมันหล่นลงไปกองกับต้นแขนเพียงเท่านั้นอนรรฆก็ทนมองอีกไม่ไหว ร่างสูงวิ่งเข้าไปกอดรัดร่างบางของกมิตตราไว้แน่น พร้อมกับต่อว่าหญิงสาวเสียงขรม“ผู้หญิงบ้าอะไร ไม่อายคนอื่นหรือยังไง”“จะอายทำไม แก้มใส่ชุดว่ายน้ำอยู่นะคะ”อนรรฆมองซ้ายมองขวาก่อนจะรัดร่างบางไว้แน่น พยายามใช้ร่างหนาของตัวเองบดบังไม่ให้ใครได้เห็นสาวน้อยคนนี้ในชุดที่เรียกอารมณ์หนุ่มของเขาให้สูงขึ้น“แดน กันต์ ออกไปไกล ๆ เลย ไม่ต้องอยู่ตรงนี้”เสียงดังลั่นของอนรรฆเรียกรอยยิ้มจากกมิตตราได้ทันที ดูเหมือนอนรรฆจะลืมตัวแล้วว่ากำลังเล่นบทคนพิการกับเธออยู่ ถึงได้ถลาเข้ามาบั







