"อะไรกันนักหนาวะ โรงแรมห้าดาวหรือโรงแรมจิ้งหรีด วุ่นวายฉิบหาย" เสียงโวยวายทันทีที่ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออก เธอได้ยินคำบ่นแกมด่านั้นเต็มสองหูอย่างชัดเจน แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าน้ำเสียงคุ้นหู จนเมื่อประตูเปิดออกเห็นใบหน้า
"พี่ธร" เสียงอุทานแผ่วเบา ใบหน้าหล่อเหลายืนหน้าตึงขวางประตูเอาไว้ ยิ่งเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเคาะเขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหงุดหงิด "แห่กันมาทั้งโรงแรมหรือยัง แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ" เสียงถามอย่างไม่พอใจทำให้เธอได้สติ "เอ่อ..ทางโรงแรมต้องขออภัยด้วยนะคะ ความไม่พอใจทั้งหมดเราจะรับไว้เองค่ะ ขออนุญาตให้รดาเข้าไปดูช่างด้านในหน่อยนะคะ" เขาไม่ตอบได้แต่เบี่ยงตัวหลบให้เธอเดินผ่านประตูเข้ามาได้ เธอรีบเดินตรงไปทางห้องน้ำแต่เมื่อเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อเห็นสาวสวยผมบอร์นทองเดินออกมาจากห้องนอนด้วยชุดคลุมสีขาวเช่นเดียวกับเขา เธอเหลือบสายตามองเพียงแวบเดียว ทีแรกนึกว่าสาวฝรั่งเสียอีก แต่กลับไม่ใช่ ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือผู้หญิงคนนี้เธอเคยเห็นใบหน้าสวยๆ อยู่ตามสื่อโซเชียลบ่อยครั้งในฐานะดาราหน้าใหม่ของช่องที่กำลังได้รับการโปรโมตเพราะละครที่กำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้ เธอคนนั้นเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาด้วยท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์เช่นเดียวกับคนที่เดินตามเธอมาด้านหลัง เมื่อรู้สึกว่าตัวเองหยุดชะงักจนคนที่ปิดประตูเสร็จแล้วเดินตามมาจนทัน เธอจึงรีบเร่งฝีเท้าอีกเพียงไม่กี่ก้าวเพื่อเข้าไปที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าของห้องไม่พอใจ "คุณรดา" เสียงช่างที่กำลังเปลี่ยนฝักบัวอันหรูเอ่ยทักพลางก้มหน้าให้ เธอก็ก้มหน้ารับ "เป็นยังไงบ้างคะ" "เปลี่ยนอันใหม่ให้แล้วครับ" เธอพยักหน้ารับคำตอบของช่างเสร็จแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบฝักบัวสเตนเลสอันหรูที่อยู่ตรงจุดที่ปรับได้และสามารถดึงสายออกมาใช้ได้ ไม่ใช่อันใหญ่ที่อยู่ตรงกลางห้องอาบน้ำ อันนั้นคงจะไม่สามารถจับได้ถึง "ทำไมมันถึงหักได้ล่ะคะ ไม่ได้ตรวจทานกันหรือ" "เอ่อ...ของไม่ได้ชำรุดครับ" น้ำเสียงตะกุกตะกักของช่างทำให้เธอขมวดคิ้วรอฟังคำตอบที่เหลือ แต่ก็ไม่ได้รับ ได้เพียงสายตาเหมือนไม่รู้จะพูดอย่างไร เธอจึงไม่คาดคั้นต่อ เพราะเห็นสายตานั่นแล้วคงจะพูดตรงนี้ไม่สะดวกแน่นอน "โอเคค่ะ" เธอรับคำแค่นั้น พลางใช้สายตาแม่บ้านตรวจความเรียบร้อยพร้อมทั้งความสะอาดอีกครั้งจนแน่ใจ จึงได้เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอกลับออกมาอีกครั้งเห็นคนทั้งสองนั่งอยู่ที่โซฟาใบหน้ายังคงบึ้งตึงอยู่เช่นเดิม "ทางโรงแรมต้องขออภัยอีกครั้งนะคะ" เธอก้มตัวโค้งจนเกือบเก้าสิบองศาเป็นการขอโทษ "โรงแรมจิ้งหรีดยังดีกว่านี้เลย นี่อะไร ค่าห้องตั้งเป็นหมื่น บริการก็งั้นๆ" เสียงหวานของคุณดาราทำให้เธอต้องแอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา "ถ้าอย่างไร ทางเราจะจัดของสมนาคุณมาให้เป็นการขอโทษอีกครั้งนะคะ" "มันน่าเอาไปรีวิวเหลือเกิน แย่ขนาดนี้ เมื่อกี้แน็ตก็ลืมถ่ายรูปเสียด้วย พี่ธรได้ถ่ายไว้ไหมคะ" คนถูกถามได้แต่ส่ายหน้า ดูเหมือนคุณดาราจะยังไม่พอใจ เสียงต่อว่าอีกหลายคำที่เอ่ยออกมาช่างผิดกับภาพลักษณ์อ่อนหวานในทีวี เธอได้แต่ก้มหน้าเอ่ยขอโทษอยู่อีกหลายครั้งเช่นกัน จนเขาคงจะรำคาญถึงได้ตัดบทลง แล้วก็เอ่ยเป็นเชิงไล่เธอออกมา "มันน่าเอาไปรีวิวจริงๆ แหละ บริหารงานกันยังไง" เสียงบ่นของคนที่เดินนำหน้ามาเปิดประตูห้องให้ แม้จะเอ่ยเบาๆ แต่ก็ทำให้เธอที่เดินตามหลังมาได้ยิน แต่คงไม่ได้ยินไปถึงคนที่ยังนั่งรออยู่ที่โซฟานั่น "ช่างเปลี่ยนอันใหม่ให้แล้ว ก็หวังว่าพี่ธรจะใช้มันให้ถูกวิธี อย่าโลดโผนนักสิคะ" ที่จริงเธอนึกอยากจะพูดคำนี้ต่อหน้าแม่ดาราสาวนั่นด้วยซ้ำ แต่เพราะยังเกรงใจคำว่าลูกค้า คิดจะให้จบๆ ไปแค่นั้น แต่เขากลับยังไม่ยอมจบกับเธอง่ายๆ จะเอาผิดกันไปถึงไหน ทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำน่าจะรู้ดี "ยายรดา" เสียงเข้มกดต่ำเรียกชื่อเธอ น้อยนักที่เธอจะได้ยินเขาเรียก ครั้งนี้เขาคงเหลืออดละมั้ง ก็ช่วยไม่ได้ไม่จบเองนี่น่า น้ำเสียงที่ดูน่ากลัว ยังไม่เท่าสายตาคมที่หันหน้ามามองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออย่างนั้นแหละ "กล้าต่อปากต่อคำแล้วนะเรา" "รดาพูดความจริงนี่คะ" "โรงแรมเธอใช้ของไม่ได้มาตรฐานหรือเปล่า" "ถ้าพี่ธรจะเล่นเป็นทาร์ซานแบบนั้น ก็คงต้องใช้ท่อเหล็กแทนล่ะมั้ง" เผลอพูดไปอย่างที่ใจคิด แต่เมื่อเห็นใบหน้าเขาเธอก็ต้องเม้มปากแน่น ใจเต้นรัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ "อยากพิสูจน์ไหมล่ะ ว่าของเธอมันได้มาตรฐานจริงหรือเปล่า" ขายาวก้าวเข้าหาหนึ่งก้าว เธอก็ต้องถอยกรูดไปเสียหลายก้าว แต่ก็ไม่กล้าถอยห่างออกไปนัก เพราะกลัวคนที่นั่งอยู่โซฟาจะมาเห็นหรือได้ยินเรื่องที่เธอกำลังแอบเถียงกับเขาแม้จะตกใจที่ถูกไล่เสียงดัง แต่ก็ยังไม่กล้าทิ้งเขาไว้ เธอจึงได้เอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากเขาเบาๆ หวังจะดูว่าเขาตัวร้อนไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า แต่มือเล็กยังไม่ทันได้ถึงตัว ก็ถูกเขาจับข้อมือไว้แน่น สบตาเขาครั้งแรกถึงรู้ว่าใบหน้าหล่อของเขาแดงก่ำขนาดดวงตายังแดงจนน่าตกใจ เธอเผลอมองสายตาคมอยู่ครู่ แม้มันจะแดงจนดูน่ากลัว แต่ดวงตาเขาตอนนี้ดูมันแตกต่างจากทุกครั้ง แม้จะดุแต่มันก็ดูหวานกว่าทุกครั้ง "ไปหาหมอ ไหมคะ" มือเล็กยิ่งถูกเขาบีบแรงขึ้น "โอ๊ย เจ็บ" เสียงร้องของเธอทำเขาถอนหายใจหนักๆ ทำท่าคล้ายกำลังรวบรวมสมาธิอย่างนั้นแหละ "อื้อ" เสียงอื้ออึงในลำคอที่ร้องด้วยความตกใจ เมื่อเธอถูกเขารั้งข้อมืออย่างแรงจนร่างอรชรที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายไว้ ถลาลงไปนั่งที่ตักเขา ริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะร้อง ก็ถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากได้รูป ดวงตาหวานเบิกกว้างอยู่ครู่ตอนที่ถูกบดจูบอย่างแรง ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนเพียงนิดแทบไร้สิ้น เมื่อริมฝีปากที่ถูกประกบไว้แนบชิดจนแทบไร้ช่องว่าง ข้อมือที่ถูกเขาจับไว้แน่นยังไม่ปล่อยแม้จะดึงรั้งตัวเองอย่างไรก็ดูจะไม่เป็นผล จนเมื่อเรียวขาเธอตั้งหลักได้หวังใช้หั
"ยายรดา..." "ไม่ต้องพูด" พอยายจ๋าวางสาย เอ่ยเรียกเธอเสียงอ่อย เธอก็เดาได้ทันที แต่กระนั้นก็ได้แต่ยิ้มพลางทำหน้างอนๆ ใส่เพื่อน "เดี๋ยวเช้าจะซื้อโจ๊กร้านโปรดมาฝาก" "ฉันกลับไปกินโจ๊กที่โรงแรมดีกว่า" "นอนนี่แหละ กลับโรงแรมไปอันตราย ไม่อยากให้นั่งแท็กซี่กลางคืนแบบนี้ ยิ่งแต่งตัวโป๊ๆ ด้วย" พอมองชุดที่ตัวเองใส่มาก็เห็นจะจริง ชุดเซ็กซี่ที่ยายจ๋าเคยพาไปซื้อเพื่อให้เขากับสีผมใหม่นั่นแหละ และนั่นก็หมายความว่ายายจ๋ารีบมากจนไปส่งเธอที่โรงแรมไม่ได้ด้วย "โอเค นอนนี่ก็ได้ หวังว่าตอนเช้าฉันจะได้กินโจ๊กนะ" "แก่แดดใหญ่แล้ว ลงไปเลย" ยายจ๋าได้แต่เอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อนด้วยความหมั่นไส้เพราะถูกรู้ทัน พอเธอลงรถยายจ๋าก็รีบขับรถคันหรูออกไปทันที เธอรีบค้นหาคีย์การ์ดในกระเป๋าสตางค์ที่ยายจ๋าเคยให้ไว้ เพราะต่างก็มีของกันและกัน ห้องขนาดไม่ใหญ่นักที่ถูกตกแต่งไว้ด้วยสไตล์โมเดิร์น ขนาดที่ว่าไม่ใหญ่ก็ยังใหญ่กว่าห้องเธอสองเท่าได้มั้ง ของธรรมดาอยู่แล้วเพราะความรวยระดับเจ้าสัวของบ้านยายจ๋า ขึ้นมาถึงห้องเธอก็รีบเปิดน้ำอุ่นที่อ่างอาบน้ำทิ้งไว้ทันที เพราะเหนื่อยเมื่อยล้ามาทั้งวัน ที่ว่าจะออกมาผ่อน
ยายจ๋าหันมามองหน้าเธอตาโต คล้ายจะเป็นเชิงถาม แต่เธอยังไม่ทันได้ตกลงด้วยสักหน่อย ยายเพื่อนตัวดีก็จูงมือให้เดินตามพี่ณัฐกรไปกลุ่มด้านในนั่นแล้ว เดินมาถึงเธอจึงได้สังเกตเห็นว่าหลายคนที่คุ้นหน้า แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าคนคุ้นหน้าอีกคนที่นั่งอยู่ข้างเขาออกจะแนบชิดแม้จะเว้นระยะห่างแต่ก็ไม่มากพอ จนทำให้คนที่เห็นเผลอคิดไปไกลได้ พิมพ์พิมล ใบหน้าสวยเก๋แม้จะผ่านเวลามาหลายปีแล้วแต่พี่พิมพ์ก็ยังสวย เปรี้ยว เฉี่ยวตามสไตล์ของเขา คนที่นั่งข้างๆ ก็ดูจะพูดคุยเทกแคร์ไม่ห่าง จนเธอเผลอคิดถึงผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในห้องเขาเมื่อเช้า และคุณดาราคนนั้นคงจะอยู่มาทั้งคืนนั่นแหละ เธอแอบคิดว่าวันนี้อาจจะไม่ได้เจอเขาก็ได้ เพราะไอ้ของสมนาคุณดินเนอร์สุดหรูพร้อมไวน์ราคาแพงที่นำไปเสิร์ฟให้ถึงห้องนอน คงจะทำให้เขาชื่นมื่นอยู่ในห้องจนไม่อยากออกมาสังสรรค์ข้างนอก "อ้าว น้องรดา มาด้วยหรือคะ" เสียงทักทายของพี่พิมพ์เรียกสายตาของใครบางคนข้างๆ ให้หันมามองด้วย เธอจึงได้แต่ยกมือขึ้นสวัสดี ยายจ๋าดึงเธอให้ไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามพี่ชายตัวเอง ส่วนพี่ณัฐกรก็มานั่งโซฟาเดี่ยวข้างๆ เรียกพนักงานมาช่วยบริการเครื่องดื่มให้เธอสองคน "สบายดีห
คนตัวสูงไม่เพียงสาวเท้าเข้าหาเท่านั้น มือเขายังดึงเชือกชุดคลุมอาบน้ำที่มัดเอวไว้ออก เผยให้เห็นแผงอกล่ำสัน สะดุดตากับรอยสักรูปงูที่หน้าอกจนเผลอร้องตกใจออกมาเบาๆ "พี่ธรคะ" เสียงหวานของคุณดาราสาวที่เอ่ยเรียก ทำให้เธอได้สติอีกครั้ง รีบผลักเขาให้พ้นทางเดินอีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูนั้น แล้วก็รีบออกไปทันที เรื่องเมื่อตอนเช้าบนห้องพักชั้น VIP ถูกนำเข้าที่ประชุมในช่วงสายของวัน เธอคือผู้อยู่ในเหตุการณ์จึงได้เข้าร่วมด้วย เรื่องนี้จึงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปโดยปริยาย นับว่ายังโชคดีที่เจ้าของห้องไม่ได้ถูกพูดถึง คงเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร มีเพียงคุณดาราที่ถูกกล่าวถึง แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ในที่ประชุมออกจะกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะกลัวเธอจะเอาเรื่องไปรีวิวตามสื่อต่างๆ อย่างที่ว่าจริงๆ และนั่นคงทำให้ชื่อเสียงของโรงแรมเสียหายไม่น้อย เธอเผลอนึกไปถึงถ้าเกิดพี่รุตรู้ว่าคนในห้องนั้นเป็นชลันธร พี่ชายเธอจะมีสีหน้าแบบไหนกันแน่ เพราะห้องพักนั้นถูกจองในชื่อของบริษัทเครือราชศิริโสภณ และห้องพักชั้นหรูห้องนั้นจะยังได้รับดินเนอร์สุดหรู พร้อมไวน์ขวดละหลายหมื่นนั่นเป็นการขอโทษหรือเปล่า จบเรื่องวุ่นวายในห้
"อะไรกันนักหนาวะ โรงแรมห้าดาวหรือโรงแรมจิ้งหรีด วุ่นวายฉิบหาย" เสียงโวยวายทันทีที่ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออก เธอได้ยินคำบ่นแกมด่านั้นเต็มสองหูอย่างชัดเจน แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าน้ำเสียงคุ้นหู จนเมื่อประตูเปิดออกเห็นใบหน้า "พี่ธร" เสียงอุทานแผ่วเบา ใบหน้าหล่อเหลายืนหน้าตึงขวางประตูเอาไว้ ยิ่งเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเคาะเขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหงุดหงิด "แห่กันมาทั้งโรงแรมหรือยัง แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ" เสียงถามอย่างไม่พอใจทำให้เธอได้สติ "เอ่อ..ทางโรงแรมต้องขออภัยด้วยนะคะ ความไม่พอใจทั้งหมดเราจะรับไว้เองค่ะ ขออนุญาตให้รดาเข้าไปดูช่างด้านในหน่อยนะคะ" เขาไม่ตอบได้แต่เบี่ยงตัวหลบให้เธอเดินผ่านประตูเข้ามาได้ เธอรีบเดินตรงไปทางห้องน้ำแต่เมื่อเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อเห็นสาวสวยผมบอร์นทองเดินออกมาจากห้องนอนด้วยชุดคลุมสีขาวเช่นเดียวกับเขา เธอเหลือบสายตามองเพียงแวบเดียว ทีแรกนึกว่าสาวฝรั่งเสียอีก แต่กลับไม่ใช่ ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือผู้หญิงคนนี้เธอเคยเห็นใบหน้าสวยๆ อยู่ตามสื่อโซเชียลบ่อยครั้งในฐานะดาราหน้าใหม่ของช่องที่กำลังได้รับการโปรโมตเพราะละครที่กำลังออกอากา
"โห ทำไมมันยากขนาดนี้เนี่ย" "คุณรดา ต้องทำให้ได้นะคะ พี่นภาย้ำมาเรื่องผ้าปูเตียงเลยค่ะ แอบบอกว่าคุณวรุตจะทดสอบด้วยนะคะ" "ฮะ! พี่รุตจะมาทดสอบด้วย" "ใช่ค่ะ" คำตอบของพี่อารีไม่ได้ทำให้เธอมีแรงลุกขึ้นสู้สักนิด นอกจากจะทิ้งตัวนอนหงายลงกับพื้นไปทั้งอย่างนั้น "ตายแล้ว คุณรดา นอนแบบนี้ได้ไงคะ" "ทำไมล่ะ" "เอ่อ.." เสียงอ้ำอึ้งของพี่อารี เธอพอจะเข้าใจบ้าง คงเพราะคิดว่าเธอจะไม่กล้านอนพื้นห้องแบบนี้ "ทำความสะอาดซะเอี่ยมอ่อง ฆ่าเชื้ออย่างดี ทำไมจะนอนไม่ได้" เสียงใสที่เอ่ยตอบ พร้อมมือที่ตบลงที่พื้นข้างตัวเป็นสัญญาณให้พี่อารีที่นั่งอยู่ข้างๆ เอนตัวนอนตาม "พี่คิดว่าคุณรดา จะเป็นคุณหนูเรื่องมากซะอีก ไม่คิดว่าจะติดดินขนาดนี้" พี่อารีที่นอนเอนตัวตามมาข้างๆ เอ่ยอย่างที่คิดไว้ตอนแรก เธอจึงได้แต่หัวเราะชอบใจ "ใครว่ารดาติดดิน ติดพื้นต่างหาก" เมื่อได้พูดคุยกันมากขึ้น พี่อารีก็เริ่มเป็นกันเองกับเธอขึ้นเยอะกว่าตอนแรกที่เกร็งจนแทบจะไม่กล้าสอนงาน ผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง แม้เตียงจะยังไม่เรียบตึงจนพี่อารีต้องเป็นคนปูผ้าเองอีกครั้ง แต่ก็ถือว่าเธอทำได้ดีกว่าตอนแรกมากนัก ถ้าขืนรอจนเธอ
HouseKeeping ศิรดาเงยหน้ามองป้ายภาษาอังกฤษที่ผนังข้างประตูไม้บานใหญ่ ก่อนจะเคาะเป็นสัญญาณให้คนด้านใน คุณนภาที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานด้านในรีบลุกมาต้อนรับ เพราะเป็นผู้มากวัยกว่าเธอจึงยกมือขึ้นสวัสดี แม้จะต้องมาฝึกงานแต่ในฐานะลูกสาวเจ้าของโรงแรมก็ทำให้คุณนภาอดจะเกรงใจไม่ได้ แม้จะได้รับการกำชับจากพี่ชายเธอแล้วก็ตาม 'ให้ฝึกเหมือนเป็นพนักงานอีกคน และต้องเป็นงาน ห้ามเกรงใจเด็ดขาด' "สวัสดีค่ะ คุณนภา" "สวัสดีค่ะ คุณรดาไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยเริ่มงานกัน" ศิรดารับเสื้อผ้าชุดแม่บ้านของโรงแรมมาแล้วก็เดินหายไปที่ห้องน้ำ ตลอดทางที่เจอพนักงานบางคนที่รู้จักเธอต่างก็ยกมือสวัสดี พร้อมสายตาที่มองมาทางเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ คงเพราะที่หน้าผากเธอมีคำว่าลูกสาวเจ้าของโรงแรมติดอยู่นั่นกระมัง ศิรดาจึงได้แต่ฉีกยิ้มหวานส่งให้ หวังให้พนักงานในแผนกจะไม่มองเธอแปลกแยกจนเธอเกร็งไม่สามารถทำงานได้ กลับเข้ามาที่แผนกอีกครั้ง พอเปิดประตูมาก็ต้องตกใจ เพราะพนักงานในแผนกแม่บ้านมารวมตัวกันอยู่ในห้องนี้ทั้งหมด เธอได้รับการแนะนำจากคุณนภา ถึงเรื่องการมาฝึกงานแต่สายตาของทุกคนที่มองมา ยังดูไม่ไว้วางใ
แต่วันนี้พี่รุตพาเธอไปทำความรู้จักกับพนักงานในหลายแผนกที่บางคนยังไม่เคยแม้จะเห็นหน้ากันสักครั้ง รอยยิ้มหวานที่ส่งยิ้มให้พนักงานยามเมื่อถูกแนะนำ เธอฉีกยิ้มจนปากแห้ง กว่าจะครบทุกแผนก มันไม่ง่ายสักนิดเลยนะเนี่ยไอ้การเริ่มงานเนี่ย เธอแทบลากสังขารกลับบ้านด้วยความเมื่อยล้า เดินวนในโรงแรมอยู่หลายรอบขึ้นลิฟต์ลงลิฟต์อยู่หลายเที่ยว กลับมาถึงก็ทิ้งตัวนอนด้วยความหมดแรง JaJa : เป็นไงบ้าง พี่รุตกลับยัง เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า พร้อมข้อความที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความของใคร เธอก็รีบเปิดอ่านทันที Sirada : ยังเลย Sirada : (สติกเกอร์รูปหมาหมดแรง นอนลิ้นห้อย) JaJa : ขนาดนั้นเลย Sirada : เมื่อยขามาก แถมพรุ่งนี้ต้องเข้าไปทำงานที่โรงแรมด้วย JaJa : ว่าจะชวนเที่ยวสักหน่อย งั้นพักผ่อนเถอะ สู้ๆ นะ แม้จะไม่อยากตื่นเช้าเพื่อมาเริ่มงานที่โรงแรมสักเท่าไร แต่เพราะคำขู่ของพี่ชายเมื่อวานหลังอาหารค่ำ ทำให้เธอต้องลุกขึ้นแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย และต้องให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถืออีกด้วย เมื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองจนดูดีแล้ว เธอก็ต้องรีบลงมาที่ห้องอาหารให้ทันพี่ชา
"องุ่นหวานจังครับ แม่ซื้อจากไหนเนี่ย" เสียงทุ้มคุ้นหูที่ดังอยู่ในห้องอาหาร แทบจะทำให้เธอนึกอยากปฏิเสธยายจ๋าขึ้นมาเสียตอนนี้ เมื่อกี้ไม่น่ารับปากเลย กลับไปให้พี่รุตดุซะยังจะดีกว่า "หนูรดาเอามาให้น่ะ ตารุตกลับมาจากเชียงใหม่" เสียงตอบของคุณพรรณีที่เธอได้ยินอยู่ในห้องอาหาร จนนึกอยากจะเห็นสีหน้าของคนถามเหลือเกิน แต่ก็ไม่ทันได้เห็น พอเธอกับยายจ๋าเดินมาถึงห้องอาหารเห็นเพียงเขากำลังโยนผลไม้ในมือลงตะกร้าหวายอย่างเดิม แต่สายตาที่หันมามองคนที่เดินเข้ามา จนมองเลยมาถึงเธอ ก็แทบไม่ต้องคิดหรอกว่าเมื่อครู่เขาจะทำหน้าอย่างไร ก็คงทำหน้าอย่างนี้แหละ ใบหน้าบึ้งตึงดูหงุดหงิดขึ้นทันตาแค่ได้ยินชื่อเธอหรือพี่ชาย และยิ่งเห็นหน้าเธอด้วย เขาคงยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นอีกเท่าตัว "อ้าว ยายจ๋า มาพอดี มาหนูรดา มาทานข้าวพร้อมกันลูก" เธอจึงได้แต่เดินตามยายจ๋าเข้าไปนั่งข้างๆ อย่างเงียบๆ แต่พอเหลือบสายตามองคนตรงข้ามเห็นสายตาที่เขามองผมสีแปลกตาของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกไปเองแน่นอน คล้ายเขายิ้มเยาะด้วยมุมปาก ทำเอาเธอประหม่าถึงกับยกมือขึ้นลูบผมตรงท้ายทอยตัวเองเบาๆ มันดูน่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรือ ก็ช่างบอกว่าสีนี้สวย