คฤหาสน์หลังใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้สดที่ประดับไว้รอบบ้านอย่างประณีต พรพระพายก้าวลงจากรถด้วยหัวใจที่เต้นแรง ไม่ใช่เพราะความร้อนจากแดด แต่เป็นเพราะความรู้สึกประหม่าเมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีจะต้องเผชิญหน้ากับแม่ของว่าที่เจ้าบ่าว
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้า ก่อนเดินเข้าไปในห้องรับรองของบ้านหลังนั้น
อัญญากำลังนั่งจิบชารออยู่บนโซฟาไม้สัก แววตาเฉียบคมแต่นิ่งสงบพรพระพายเดินเข้าไปหา ก่อนจะยกมือไหว้อย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะคุณป้าพายขอโทษด้วยนะคะที่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้มาด้วย” พรพระพายส่งยิ้มให้แม่ของเขา ซึ่งแววตาของอีกฝ่ายนั้นดูอ่อนโยนมาก ซึ่งแตกต่างกับไทเกอร์
อัญญารับไหว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ ใบหน้าหญิงสูงวัยดูเคร่งขรึมในตอนแรก แต่แววตาไม่ได้แฝงความรังเกียจแม้แต่น้อย
“ไม่เป็นไรลูกเรียกแม่ว่าคุณแม่ก็ได้ ถ้าไม่รังเกียจ”
“ค่ะคุณแม่” พรพระพายยิ้มเก้อ ๆ นิดหน่อย แต่ก็พยักหน้า
เสียงฝีเท้าเล็กๆ ดังมาจากด้านหลัง ก่อนหญิงสาววัยรุ่นร่างโปร่งจะวิ่งเข้ามาแล้วโผเข้ากอดแม่อัญญาอย่างสนิทสนม
“ขอโทษค่ะเอวาไปเปลี่ยนเสื้อช้านิดหน่อย พี่เอวาค่ะยินดีที่ได้รู้จักว่าที่พี่สะใภ้”
พรพระพายหันไปมองยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า เอวารินทร์หน้าตาจิ้มลิ้ม มีรอยยิ้มสดใสเหมือนไม่มีพิษภัย เธอกลัวว่าจะเจอเขาในวันนี้
“มองหาพี่ไทเกอร์เหรอคะ รายนั้นไม่ค่อยกลับบ้านหรอกไปนอนกกสาวที่กาสิโน”
“เอวาลูก” อัญญาห้ามปรามลูกสาว
“น้องพายเจอกับพี่ไทเกอร์บ้างหรือยัง” เอวารินทร์พูดคุยอย่างเป็นกันเอง
“เจอแล้วค่ะ”
“เสียดายคุณพ่อของพี่ติดงานไม่งั้นคงได้เจอกัน”
“เจอกันครั้งแรกพี่ไทเกอร์พูดอะไรบ้างคะ ทั้งสวยทั้งน่ารัก พี่ไทเกอร์ตกตะลึงตาค้างแน่ๆ เลย” เอวารินทร์หันไปพูดกับแม่แล้วขำ
“แบบนี้พี่ไทเกอร์ต้องรักหัวปักหัวปำแน่ๆ”
“แม่จองร้านลองชุดแต่งงานไว้ หนูพายว่างวันไหนบ้างจ๊ะ” อัญญาคิดถึงเรื่องเมื่อวานแล้วยิ้ม ไทเกอร์จะเริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้ว
“ทำไมต้องลองชุดไวขนาดนั้นคะ” เธอแปลกใจเพราะยังไม่ได้คุยเรื่องแต่งงานแบบจริงจัง
เมื่อวานตอนเย็น
ไทเกอร์เดินเข้าบ้านโดยไม่สนใจคนรับใช้ที่กำลังก้มหน้ายกของ พลางก้าวขึ้นบันไดอย่างเร็ว จนคนที่นั่งจิบชาอยู่บนโซฟาชั้นล่างถึงกับขมวดคิ้ว
“ไทเกอร์ กลับมาเร็วนะวันนี้ลมอะไรหอบมา” อัญญาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบหรู
“คุณแม่ครับ” ชายหนุ่มหยุดเท้า หันกลับมาหาแม่ของตนด้วยสีหน้าจริงจัง
“ว่ามาสิลูก” อัญญาวางถ้วยชา ดวงตาเริ่มจับสังเกตได้ว่าลูกชายของเธอกำลังคิดการใหญ่ ไทเกอร์เดินมาหยุดตรงหน้าแม่
“ผมจะแต่งงานกับพรพระพาย”
อัญญาชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าประหลาดใจแวบผ่านวูบหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ไทเกอร์พูดต่อด้วยเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม
“แต่ผมจะเลื่อนให้เร็วขึ้นกว่ากำหนด”
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้น?” เรื่องที่จะให้ลูกชายแต่งงาน ยังไม่คุยเรื่องกำหนดวันแต่งงานด้วยซ้ำ
“...” ไทเกอร์ไม่ตอบในทันที เขาหลุบตาลงต่ำเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะพูดเรียบๆ
“คุณพ่ออยากให้แต่งผมก็จะแต่ง”
“แต่เรื่องนี้เรายังไม่พูดกันแบบจริงจังเลยนะลูก”
“สุดท้ายคุณพ่อก็ต้องช่วยฝั่งนั้นอยู่ดี เงินห้าร้อยล้านให้ตายก็หาไม่ทันหรอกครับ”
“พูดเหมือนวางแผนมาแล้ว?” อัญญาจ้องหน้าลูกชาย ไทเกอร์พอโตขึ้นกลับเจ้าเล่ห์มากกว่าคนเป็นพ่อเสียอีก แต่เธอดีใจที่ลูกชายพูดแบบนี้
“คุณแม่จัดงานให้แล้วกันครับ 2 สัปดาห์ ขอจัดแบบไม่ต้องเชิญใคร ผมไม่อยากให้คนรู้”
“ทำไมละลูกน้องน่ารักมากเลยนะ”
“คุณแม่เลือกเอาแล้วกันจะจัดงานแบบเงียบๆ หรือจะไม่จัดแต่จดทะเบียนสมรสเลย” เขายื่นข้อเสนอแบบจริงจัง เขาจะไม่เอาชีวิตมาผูกไว้กับพรพระพาย
“ทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกันเลยเหมือนไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย” อัญญาหนักใจไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นจะยอมหรือไม่
“เขาไม่มีเกียรติตั้งแต่ขายลูกใช้หนี้แล้วครับ” เขายืนยันด้วยความเอาแต่ใจ และเดินขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องส่วนตัว ทำให้คนเป็นแม่หนักใจว่าจะทำอย่างไรต่อ
“ก็พี่ไทเกอร์รับมาก สงสัยคงหวงน้องพายมั้ง” เอวารินทร์เป็นฝ่ายตอบเพราะเมื่อวานเธอก็ได้ยินที่พี่ชายพูด
พรพระพายคิดหนักหากมีข่าวว่าเธอแต่งงาน งานโฆษณาคงเงียบหายไปหมด แล้วแบบนี้จะช่วยครอบครัวหาเงินมาใช้หนี้ได้ยังไง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงไทเกอร์ก็กลับมาถึงบ้าน แต่แทนที่จะเข้าไปรอด้านใน เขากลับเลือกจะยืนพิงรถอยู่ที่เดิม รอจนกว่าพรพระพายจะออกมา
ชายหนุ่มใส่แว่นกันแดดทรงเข้ม เสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก เผยท่อนแขนแข็งแรง และปลดกระดุมเม็ดบนเผยช่วงคออย่างไม่แยแส เขายังคีบบุหรี่ไว้ในมือหนาปลายนิ้วปล่อยควันลอยคลุ้งในอากาศอย่างเฉื่อยชา
“ฉันจะแต่งงานกับเธอเพราะหน้าที่ และเพื่อช่วยเธอใช้หนี้” เขาสบตาเธอตรง ๆ ดวงตาแข็งกร้าวไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย
“พายทราบค่ะ” ไม่เห็นต้องย้ำกันเลย
“ไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง และห้ามบอกเรื่องนี้กับใครโดยเฉพาะสื่อหรือคนในวงการ” เขาเน้นย้ำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พายไม่อยากให้ใครรู้เหมือนกัน”
“ปากเก่งแบบนี้ให้ได้ตลอดอย่าหลงรักฉันก็พอ วันแต่งงานจะมีแค่พ่อกับแม่เอเท่านั้น และจดทะเบียนสมรสครบ 1 ปีเราจะหย่ากัน”
พรพระพายชะงักหัวใจเหมือนโดนบีบแรงๆ ใบหน้าที่พยายามวางเฉยเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย เธอเป็นที่รักของเพื่อนของครอบครัว ทำไมถึงต้องยอมให้ผู้ชายที่ไหนไม่รู้มากดขี่เหยียบย่ำศักดิ์ศรี
“และอีกเรื่องหวังว่าเธอจะใจกว้างพอ ที่จะรับรู้ไว้ว่าฉันจะมีผู้หญิงคนอื่นเข้าใจไหม ผู้ชายแบบฉันหยุดที่ผู้หญิงคนเดียวไม่ได้หรอก”
“ถ้าคุณมีคนอื่นได้พายก็มีได้เหมือนกันใช่ไหมคะ?”
“ไม่ได้! เกิดว่าใครรู้เข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” เขารู้สึกไม่พอใจ เมื่อคิดถึงตอนที่พรพระพายมีคนอื่นซึ่งเขารับไม่ได้
“เห็นแก่ตัวผู้หญิงหรือผู้ชายก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกันนั่นแหละ”
“เท่าเทียมงั้นเหรอ? แค่ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วต้องลุกให้ผู้หญิงนั่งตรงไหนที่เรียกว่าเท่าเทียม อีกอย่างฉันเป็นผู้ชายไม่เสียหายสักหน่อย” เขาหัวเราะเยาะอย่างไม่แยแส
“หยุดพูดสักที!” พรพระพายตวาดลั่น ดวงตาแดงก่ำทั้งโกรธทั้งเจ็บ
“หรือรักศักดิ์ศรีมาก ฉันจะบอกให้ศักดิ์ศรีของเธอมันหมดไปตั้งแต่วันที่พ่อแม่เธอยัดเยียดเธอมาให้ฉันแล้ว” เขาเลื่อนสายตากระแทกใส่เธอเหมือนคมมีด
เพี้ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังทำเอาทั้งบริเวณเงียบกริบ พรพระพายตบหน้าไทเกอร์เต็มแรงจนใบหน้าของเขาหันไปตามแรงปะทะ ท่ามกลางสายตาของลูกน้องที่ยืนอยู่รอบด้าน ทุกคนพร้อมใจกันก้มหน้าหลบสายตา ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรง
“นี่เธอ!” เขาลูบแก้มตัวเองเบาๆ แววตาขุ่นเคืองที่โดนคนตัวเล็กตบหน้าต่อหน้าลูกน้อง
“คนอย่างคุณน่ะไม่สมควรจะมีใครรักด้วยซ้ำ! หล่อแต่หน้าถ้าคุณไม่มีเงินไม่มีอำนาจแม้แต่หมามันก็ไม่มองหรอก” เธอกัดฟันกรอด เสียงสั่นพร่าด้วยความเจ็บปวดและโกรธจัด
พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวเดินไปขึ้นรถ ปิดประตูเสียงดังปัง ทิ้งไทเกอร์ไว้กลางแดดร้อนจัด เขายืนนิ่งใช้หลังมือเช็ดมุมปากตัวเองที่มีเลือดซึมเล็กน้อย ดวงตาคมกริบลุกวาบด้วยความโกรธแต่กลับไม่ขยับเข้าไปหาเธอแม้ครึ่งก้าว
ไทเกอร์ไม่เคยยอมให้ใครมาทำแบบนี้แต่กับผู้หญิงตรงหน้าเขากลับไม่คิดจะตอบโต้ ไม่ใช่เพราะเขาอ่อนแอแต่เพราะเขาไม่เคยลงมือกับผู้หญิง
“หึ ปากดีให้ได้แบบนี้ตลอด” ไทเกอร์ยิ้มเหี้ยมทั้งที่แววตานั้นแทบจะแผดเผาโลก มองหน้าลูกน้องแล้วเดินขึ้นรถตามพรพระพายไปติดๆ
สุดท้ายเธอก็หนีเขาไม่พ้นหรอกจากที่คิดว่าหนึ่งปีจะหย่า แต่เห็นความอวดดีของหญิงสาวแล้วเขาอยากทรมานเธอเล่นๆ เขาเชื่อว่ายังไงแล้วผู้หญิงรักเงินมากกว่าศักดิ์ศรี
เสียงร้องไห้ลั่นบ้านดังแข่งกันราวกับวงดนตรีประสานเสียงยามบ่าย เสียงเด็กน้อยร้องลั่นพร้อมกันจนทำให้คนเป็นพ่อที่ได้ยินถึงกับตกใจ“แง๊งงงงงงงงงงง!!”“อ๊าาาาาาาา!!”ไทเกอร์รีบวิ่งพรวดเข้ามาในห้องนอนลูก เห็นภาพลูกชายฝาแฝดวัยหนึ่งขวบร้องพร้อมกันจนหน้าแดงก่ำ เขารีบอุ้มคนพี่ขึ้นมาก่อน น้องไทก้าตัวโยนเกาะคอพ่อไว้แน่นร้องเสียงดังไม่ยอมเงียบแม้แต่วินาทีเดียว“โอ๋ๆๆๆ ไทก้าใจเย็นลูก ใจเย็นนะครับ” ไทเกอร์พยายามกล่อม แต่เสียงร้องกลับยิ่งดังขึ้นเหมือนตั้งใจแข่งกับพ่อขณะเดียวกัน น้องจากัวร์ที่นอนอยู่ในเปลก็ไม่ยอมแพ้ ร้องจ้าตามพี่ชายน้ำตาคลอจนแก้มเปียกชุ่มไปหมดเขาถึงกับปวดขมับยกมืออีกข้างกุมหัวตัวเอง นี่มันนรกดนตรีเสียงเด็กเวอร์ชันฝาแฝดชัดๆ ไม่น่าอยากได้ลูกหลายคนเลย เหมือนสวรรค์จะได้ยินในสิ่งที่เขาพูดส่งลูกชายมาพร้อมกันถึงสองคน“โธ่เมียจ๋าช่วยพี่ที!!” เสียงทุ้มตะโกนลั่นบ้านเหมือนขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน เขาพยายามโยกตัวปลอบ แต่ยิ่งอุ้มไทก้าเสียงก็ยิ่งแหลมสูงขึ้น ส่วนจากัวร์ก็กระแทกเปลเหมือนประท้วงว่า ไม่ยอมให้พ่ออุ้มแต่พี่คนเดียว สุดท้ายไทเกอร์ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนบ่นเสียงอ่อย “ให้ตายเถอะจะไปทำหมันเ
บนโซฟาหนังสีเข้มกลางห้องรับแขก ชายหนุ่มร่างสูงที่เคยชินกับการเป็นมาเฟีย กลับต้องนอนพาดแขนอย่างหมดแรงเพราะกำลังถูกเจ้านายตัวน้อยเล่นงานอยู่“อื้อออ ทิกเกอร์...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาแผ่วๆ พร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อร่างเล็กวัย 10 เดือนของน้องทิกเกอร์ กำลังปีนป่ายจากท้องพ่อขึ้นไปบนอกอย่างเอาเป็นเอาตายสองมือเล็กเกาะเสื้อพ่ออย่างมั่นคง ก่อนจะหัวเราะคิกคัก แล้วลงไปนั่งเต็มแรงบนหน้าไทเกอร์พอดี“โอ๊ยยย ลูกกก! นั่นหน้าป๊านะไม่ใช่เบาะเด้งดึ๋งสักหน่อย” แต่เจ้าเด็กน้อยกลับหัวเราะลั่น น้ำลายยืดเล็กๆ หยดลงบนแก้มพ่อเหมือนของฝากพิเศษไทเกอร์นอนตัวเกร็งไม่กล้าขยับแรง กลัวลูกจะหงายหลังตกไป เจ็บแค่ไหนก็ต้องทน ทั้งที่ในใจได้แต่พร่ำบ่นเรียกชื่อภรรยาซ้ำๆ“พายเมื่อไหร่จะกลับมา ซื้อของนี่นานจังเลยใจพี่จะขาดแล้วเนี่ย” เขายอมรับคนที่เลี้ยงลูกเองยี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นคนที่เกร็งมากทิกเกอร์ยังคงหัวเราะคิกๆ พลางกระดึ๊บตัวขึ้นไปนั่งคร่อมหน้าพ่ออีกครั้ง คราวนี้ถึงกับดีดขาเล็กๆ เหมือนจะกระโดดต่อย้ำๆ“โธ่เว้ยป๊าเป็นมาเฟียที่ใครๆ ก็เกรงขาม ทำไมวันนี้ถึงต้องมาถูกลูกชายจับกดอยู่บนหน้าแบบนี้นะ” เขาพึมพำในใจอย่างปลงตกสุดท้าย
เมื่อกลับมาถึงบ้านพรพระพายสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเดินเข้าไปแล้วโผกอดเขาแน่นเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยมือความรู้สึกนี้จะหายไป“หายไม่คิดเลยว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย แขนแข็งแรงของเขาคลายความเกร็งลง กอดตอบเธอแน่นขึ้น ความเงียบแผ่วผ่านไปชั่วอึดใจ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้นข้างหู“ต้องเป็นพี่มากกว่าที่ต้องพูดประโยคนั้น” เขาเอ่ยช้าๆ ราวกับกลั่นออกมาจากหัวใจ พรพระพายเงยหน้ามองเขา ดวงตาคู่สวยพราวด้วยน้ำตาแต่เต็มไปด้วยความสุข“พี่จะไม่สัญญา เพราะสัญญามันอาจไม่มีค่าอะไรเลย แต่พี่จะทำให้พายเห็นด้วยตาของพายเอง ว่าพี่รักพายมากแค่ไหน และพี่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้พายเสียใจอีก” ไทเกอร์ยกมือขึ้นลูบแก้มเธอเบาๆ ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากอย่างแผ่วอ่อน“พายรักพี่ไทเกอร์นะคะ”ไทเกอร์โน้มตัวลงช้าๆ ปลายนิ้วสากประคองใบหน้าหญิงสาวให้แหงนรับสัมผัส ก่อนริมฝีปากร้อนจะกดลงบนกลีบปากนุ่มของพรพระพายจูบครั้งนี้ไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น เขาต้องการบอกทุกสิ่งผ่านสัมผัสเดียวว่ารักและหวงแค่ไหน เธอเผลอหลับตารับความอบอุ่นนั้นอย่างเต็มหัวใจ“เอ่อ...นายน้อยครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหว
พรพระพายนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงมาตลอดทั้งคืน ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องไห้และไม่ได้นอน แต่เธอไม่แม้แต่จะกะพริบตานานๆ เพราะกลัวจะพลาดช่วงเวลาที่เขาฟื้นกระทั่งนิ้วมือหนาที่วางอยู่บนเตียงขยับเล็กน้อย เปลือกตาของไทเกอร์ค่อยๆ เปิดขึ้นดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งแม้จะอ่อนแรงจากบาดแผลก็ยังคงเหมือนเดิม“พาย” เสียงแหบพร่าดังขึ้นแผ่วเบาพรพระพายชะงักหันขวับไปมอง พอเห็นเขาลืมตา น้ำตาก็ไหลพรากทันทีร่างบางโผเข้าหา จับมือหนาขึ้นมากุมแน่น“พี่ไทเกอร์! ฮึก พี่ฟื้นแล้วพายกลัวเหลือเกิน กลัวว่าพี่จะไม่ตื่นขึ้นมาอีก” เสียงของเธอสะอื้นปนสั่น เธอก้มลงซบอกเขาอย่างไม่อายใครน้ำตาเปียกซึมเสื้อคนเจ็บแม้ร่างกายยังอ่อนแรง แต่ไทเกอร์ก็พยายามยกมืออีกข้างขึ้นลูบเส้นผมของเธอช้าๆ สายตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความห่วงใย“ไม่ร้องนะ พี่ไม่เป็นอะไรแล้วพี่อยู่ตรงนี้แล้วพายทำไมไม่กลับบ้านแล้วเจ้าตัวเล็กเป็นยังไงบ้าง”“ลูกปลอดภัยดีค่ะ”“ทุกอย่างเป็นเพราะพาย ถ้าไม่ใช่เพราะพายพี่คงไม่ต้องมาเจ็บหนักแบบนี้”ไทเกอร์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนบีบมือเธอเบาๆ ดวงตาคมแน่วแน่เต็มไปด้วยความจริงจัง“ฟังพี่นะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพาย คนที่ผิดคือไอ้พว
แสงอาทิตย์ยามเย็นคล้อยต่ำท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจาก ถนนที่พรพระพายขับรถกลับบ้านมีเพียงรถวิ่งสวนมาเป็นระยะๆ หญิงสาวเพิ่งแยกจากเพื่อนสนิทและตั้งใจจะรีบกลับไปพักผ่อน แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็รู้สึกถึงสายตาที่มองตามมาเธอสังเกตผ่านกระจกมองหลัง รถกระบะสีดำคันหนึ่งขับตามมาติดๆ ระยะห่างไม่มากนักหัวใจของพรพระพายเริ่มเต้นแรงขึ้น“หรือเราคิดไปเอง” เธอพยายามปลอบตัวเอง แต่เมื่อเลี้ยวเข้าซอยรถคันนั้นก็เลี้ยวตามเธอใจหายวาบ ความรู้สึกไม่ปลอดภัยท่วมท้นพรพระพายเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว พยายามหาทางหนี แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถอีกคันพุ่งตัดหน้าอย่างจงใจ เธอตกใจจนแทบหยุดหายใจรีบเหยียบเบรกสุดแรง ล้อเสียดสีกับพื้นถนนดังเอี๊ยดกลิ่นไหม้ลอยขึ้นมา รถหยุดลงได้อย่างหวุดหวิดมือเรียวสั่นเทากำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด หัวใจเต้นโครมครามพรพระพายพยายามตั้งสติ ก่อนรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไปหาเพียงคนเดียวที่เธอไว้ใจ“คุณไทเกอร์ ฮึก ช่วยพายด้วย...” เสียงของเธอสั่นเครือแทบขาดใจ“อยู่ไหน ตอนนี้พายอยู่ตรงไหน บอกมาเดี๋ยวนี้!” ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนตามมาด้วยเสียงทุ้มจริงจังเธอรีบแจ้งตำแหน่งด้วยเสียงสะอื้น ไ
ค่ำคืนที่เงียบสงัดบรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง ไทเกอร์นั่งอยู่หน้าบ้านไม่ยอมไปไหน ดวงตาคมจับจ้องไปยังประตูเหมือนเฝ้ารอใครบางคนอย่างไม่ยอมแพ้พรพระพายยืนนิ่งอยู่หลังบานประตูไม้ เธอสูดหายใจเข้าลึก ความลังเลปนความเจ็บปวดกดทับอยู่เต็มอก สุดท้ายก็ตัดสินใจบิดกลอนออกมา เธอก้าวออกไปช้าๆ แววตานิ่งสงบแต่ภายในกลับสั่นคลอน “พาย...”“ที่พายขอหย่า มันแปลว่าพายไม่ต้องการความรับผิดชอบอะไรจากคุณอีกแล้ว ขอแค่คุณยอมปล่อยพายไปโดยดีแค่นั้นพอ” เธอเอ่ยเสียงเรียบแต่ภายในหัวใจนั้นเจ็บปวดแค่ไหนหัวใจของไทเกอร์สะท้านเขาก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว ดวงตาสั่นไหวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน เขาคุกเข่าลงต่อหน้าหญิงสาว“พายพี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม ที่ผ่านพี่มันละ...” เสียงทุ้มต่ำแฝงความสั่นเครือ พูดไม่ทันถูกหญิงสาวเอ่ยขึ้นเสียก่อน“พายไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว พายไม่เข้าใจทำไมต้องรักผู้ชายแบบคุณด้วย” คำตอบของเธอเหมือนคมมีดกรีดลึกลงในหัวใจไทเกอร์ พรพระพายหลับตาแน่นหยดน้ำใสเอ่อคลอ เธอส่ายหน้าเบาๆ“พายพี่...”“คุณอย่าทำเหมือนรักได้ไหมพายเจ็บ ฮือ” เธอร้องไห้โฮ เพราะการกระทำของเขาเขานิ่งร