“ก็กว่าจะรอแกมีเมียเองอีกกี่ปีกว่าจะมีหลานให้ฉันอุ้มอีก ฉันก็แก่ขึ้นไปทุกปี ฉันรอแกอย่างไม่มีกำหนดไม่ได้หรอก แกต้องมีเมียตามที่ฉันบอก แกจะได้มีหลานให้ฉันกับแม่แกเลี้ยง”
เถ้าแก่สันต์ไม่เคยบังคับลูกชาย เขาปล่อยให้ทำตามใจอิสระมาตลอด แต่คราวนี้เขารอต่อไปไม่ได้จึงต้องบังคับให้ทำตามความต้องการของตนบ้าง
“ไม่ ผมไม่ทำตามที่พ่อบอกแน่นอน ยังไงผมก็ไม่มีเมีย ถ้าเมียคนนั้นผมไม่ได้เป็นคนเลือกเอง”
น้ำเสียงสิงหนาทแข็งขึงไม่ต่างกับบิดา ตามองตาอย่างไม่มีใครยอมใคร
“สิงห์ลูก ทำเพื่อแม่สักครั้งไม่ได้เหรอลูก แม่ไม่เคยขอร้องอะไรสิงห์เลยนะ ตามใจมาตลอด แต่ครั้งนี้แม่ขอนะลูก แม่อยากมีหลาน แม่อยากเลี้ยงหลาน...ฮือ” ปานวาดที่นั่งฟังอยู่นานพูดขึ้นบ้าง พูดไปน้ำตาไหลไป สิงหนาทใจอ่อนยวบเมื่อเห็นมารดาร้องไห้ และยิ่งได้ยินคำขอร้องของมารดาด้วยแล้ว เขาใจไม่ดีเอาเสียเลย “แล้วหลานที่แม่อยากได้ก็ต้องเกิดกับผู้หญิงที่พ่อหาให้ด้วย แกก็รู้นี่ว่า ถ้าพ่อไม่เลือกเองผลจะเป็นยังไง”
ประโยคนี้เองที่ทำให้สิงหนาทสะอึกไปคำโต
“ดูสิดู แม่แกเคยร้องไห้ไหม แต่ต้องมาร้องไห้ขอร้องแกเนี่ยนะ” เถ้าแก่สันต์เห็นเมียร้องไห้ก็โวยใส่ลูกชาย โอบบ่าภรรยาสุดที่รักแล้วปลอบโยน “ไม่ต้องร้องไห้นะคุณ มันไม่ทำตามก็ช่างหัวมัน ถือว่าเราบุญน้อยคงไม่มีโอกาสเลี้ยงหลาน อีกปีสองปีเราไปบวชกันดีกว่า ปลงซะใจจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ปล่อยให้มันอยู่คนเดียว”
“ฮือ...พี่สันต์...ฮือ...ฉันไม่อยากบวช ฉันอยากเลี้ยงหลาน...ฮือ” ปานวาดร้องไห้โฮกอดและซบหน้ากับอกของสามี
“โธ่วาด...เราคงไม่มีบุญเลี้ยงหลานแน่ๆ ลูกของเราไม่ยอมมีเมีย ไม่ยอมเป็นผัวผู้หญิงที่เราหาให้ แล้วจะมีหลานได้ยังไง ปลงเถอะนะวาด ปลงซะ”
เถ้าแก่สันต์น้ำตาไหล มือเหี่ยวย่นตามวัยเช็ดน้ำตาตนเอง ก่อนไปเช็ดน้ำตาของเมียรัก
“ฮือ...พี่สันต์” ปานวาดร้องไห้หนักขึ้น สิงหนาทเห็นบิดามารดากอดกันร้องไห้ก็ได้แต่ถอนหายใจพรืดยาว รู้สึกว่าตนเองเป็นคนอกตัญญูไปในทันที “ฮือ...ฮือ ฉันคงมีบุญมาแค่นี้ แค่ได้เลี้ยงลูก แต่ไม่ได้เลี้ยงหลานเหมือนคนอื่นเขา...ฮือ...ช้ำใจเหลือเกิน...ฮือ”
เสียงร้องไห้ของปานวาดดังมากขึ้น กรีดหัวใจคนเป็นลูกเหลือเกิน
“ไม่เอาน่าปาน ไม่ร้องไห้นะ เราเข้าวัดทำใจและปลงเรื่องนี้ดีกว่า กว่าจะได้อุ้มหลานเราคงเลี้ยงหลานไม่ได้แล้ว เพราะแก่หงำเหงือก” เถ้าแก่สันต์พูดต่อ ร้องไห้ตามเมีย สิงหนาทยิ่งได้ยินและเห็นน้ำตาพ่อกับแม่ก็ยิ่งสำนึกผิด
“พี่สันต์...ฮือ”
“โอเคครับ มีก็มีเมียน่ะ” สิงหนาทจำยอมและจำใจ
“จริงนะ” ปานวาดหยุดร้องไห้ดีดตัวนั่งหลังตั้งตรง ถามลูกชายด้วยรอยยิ้มสีหน้าต่างกับก่อนหน้านี้ลิบลับ
“จริงครับ” สิงหนาทตอบ
“ไม่หลอกแม่นะสิงห์” คนเป็นแม่ถามไม่เลิก
“ไม่หลอกครับ” คนเป็นลูกตอบย้ำ “แต่ต้องมีข้อแม้นะครับ”
“ข้อแม้อะไร” สองสามีภรรยาถามขึ้นพร้อมกัน
“จะไม่มีงานแต่งงาน ไม่มีการป่าวประกาศให้ใครรู้ทั้งนั้นว่า ผมกับผู้หญิงคนนั้นเป็นผัวเมียกัน ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแค่เมียลับของผมเท่านั้น พอเธอท้องแล้วคลอดลูกออกมา พ่อก็ให้เงินเธอไปตั้งตัวสักก้อน ผมจะเลี้ยงลูกของผมเอง แล้วต่อจากนั้นพ่อกับแม่ก็ไม่มีสิทธิ์บงการชีวิตของผมอีกต่อไป ตกลงไหมครับ” สิงหนาทยอมอ่อนให้บิดามารดามากแล้วก็ต้องมีข้อแม้กันบ้าง จะได้ไม่รู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้ย่อยยับ
“ได้สิ ไม่มีปัญหา ขอแค่แกยอมก็พอ” เถ้าแก่สันต์ตกลง ปานวาดมองหน้าสามีที่หยักคิ้วให้ “เอาตามนี้นะ วันมะรืนคือวันส่งตัว แกเตรียมตัวเป็นพ่อพันธ์ได้เลย”
“พ่อทำไมมันเร็วจัง บอกปุ๊บมีปั๊บ” ลูกชายทำเสียงตกใจ
“ก็พ่อใจร้อน จะว่าไปมีวันไหนแกก็ต้องมีเมียเหมือนกัน”
“ตามใจพ่อล่ะกัน งั้นผมไปทำงานต่อนะครับพ่อ”
สิงหนาทลุกขึ้นยืนก่อนเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปอย่างไม่สบอารมณ์ ทันทีที่ประตูห้องนั่งเล่นปิดสนิท ปานวาดรีบพูดในเรื่องที่ตนอยากพูดแทรกใจแทบขาด
“มันจะดีหรือพี่สันต์ไปตกลงกับสิงห์แบบนั้น”
“เอาน่า ตกลงไปก่อนแล้วค่อยตลบหลังทีหลัง” เถ้าแก่สันต์กระหยิ่มยิ้ม
“แน่ใจนะพี่” ปานวาดถามซ้ำ
“เชื่อหัวเถ้าแก่สันต์เถอะทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคิดไว้แน่นอน” เขาพูดอย่างมั่นใจ “อ้อ...แล้วอย่าลืมล่ะ เดี๋ยวแพรมา ทำตามแผนด้วยนะ สิงห์ยอมแล้วเราก็ต้องทำให้แพรยอมด้วย”
ก่อนหน้าสิงหนาทจะเข้ามาในห้องนั่งเล่นหนึ่งนาที พจน์โทรศัพท์มาหาเขาว่า กัญญาภรณ์กำลังมาหาตนที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันมากพอสมควร กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง สองสามีภรรยาจึงพูดคุยกันว่า อย่างไรเสียวันนี้ก็ต้องทำให้สิงหนาทยอมตกลงมีเมียให้ได้ ผลออกมาคือทั้งสองทำได้
“จ้ะพี่ เชื่อฝีมือฉันเถอะ”
ปานวาดรีบเช็ดน้ำตา หยิบทิชชู่เปียกออกมาหนึ่งแผ่นแล้วเช็ดหน้าเช็ดตา หยิบตลับแป้งมาซับตามใบหน้าให้ดูเป็นปกติ กลบคราบน้ำตาก่อนหน้าจนสิ้น แล้วนั่งรอการมาของกัญญาภรณ์
Chapter71“ถ้ามึงไม่อยากตายก็อยู่แต่ในห้อง อย่าคิดหนีไปไหน จะมีคนเอาข้าวเอาน้ำมาให้กินสามมื้อ รอจนกว่าเถ้าแก่สันต์จะจัดการเรื่องนี้เสร็จ มึงสองตัวก็จะไปจากที่นี่ได้ แต่ถ้ามึงคิดหนี กูไม่รับรองความปลอดภัยมึงนะ”สุชาติย้ำบอกโย่งกับดำ ที่พร้อมทำตามอย่างคนกลัวตาย เมื่อจัดการทางนี้เรียบร้อย สุชาติเดินไปนั่งรถยนต์คันเดียวกับเถ้าแก่สันต์ ก่อนที่เขาจะขับรถพาเถ้าแก่สันต์กลับบ้านงานวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว งานวันพรุ่งนี้คืองานใหญ่ที่เถ้าแก่สันต์ต้องรีบเร่งจัดการ ก่อนที่พวกนั้นจะคิดแผนชั่วทำลายทายาทตัวน้อยๆ ในท้องกัญญาภรณ์ทำใครทำได้ แต่อย่าคิดทำลูกสะใภ้ของเถ้าแก่สันต์...ใครคิดแตะ...ตายอริยะทำหน้าแปลกใจและตกใจเมื่อรู้จากลูกน้องว่า เถ้าแก่สันต์มาหาถึงบ้าน เขามองหน้าประดิษฐ์ พี่ชายที่มาค้างบ้านตนตั้งแต่เมื่อวาน สงสัยว่าเถ้าแก่สันต์มาหาตนทำไม “หรือว่ามันจะรู้เรื่องเมื่อวานนี้” ประดิษฐ์คาดเดา “คงไม่รู้หรอก ไอ้สองตัวมันทำงานกับฉันมานาน มันรู้ดีว่าต้องทำยังไง อีกอย่างมันหนีออกจากโรงบาลตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ป่านนี้ไปไกลแล้วมั้ง”อริยะได้ข่าวมาว่า โย่งกับดำสองลูกน้องที่ให้ไปทำงานเมื่อวาน
Chapter70 “คุณสิงห์ระวังค่ะ” กัญญาภรณ์ตะโกนดังลั่นรถ สิงหนาทที่ขับรถไม่เร็วรีบเหยียบเบรก ความที่รถยนต์ของเขาเป็นขึ้นชื่อเรื่องระบบความปลอดภัย และมีระบบเบรก ABS หรือ Anti-lock Brake System นั้น เป็นระบบที่ใช้การผสมผสานระหว่างระบบกลไกลและระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยหน้าที่มันคือป้องกันล้อไม่ให้เกิดการล็อคเมื่อมีการใช้เบรกหนัก ทำให้สามารถมีโอกาสในการหลบสิ่งกีดขวางช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ ก่อนจะหักรถหลบเข้าข้างทาง โครม!...เสียงดังโครมใหญ่ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันกับที่สิงหนาทเหยียบเบรก รถคันที่แซงหน้าสิงหนาทไป ได้ชนรถอีกคันหนึ่งที่วิ่งสวนเลนมาคล้ายกับว่าจะวิ่งมาชนรถยนต์ของสิงหนาท ทำให้เกิดเสียงโครมใหญ่ “เป็นอะไรไหมแพร” สิงหนาทห่วงคนข้างกายมาก เขารีบถาม “ไม่เป็นไรค่ะ คุณสิงห์ขับรถไม่เร็วเลยประคองรถได้” เธอตอบ “แน่นะว่าไม่เป็นอะไร ท้องโดนกระแทกหรือเปล่า ฉันว่าไปหาหมอให้หมอตรวจร่างกายดีกว่านะ” สิงหนาทบอกเสียงรัว ใจเขาเป็นห่วงเธอที่สุด “ไม่ต้องค่ะ แพรไม่เป็นอะไรค่ะ” กัญญาภรณ์ยืนยันเสียงแข็ง “คุณสิงห์ลงไปดูรถที่เกิดอุบัติเหต
Chapter69ส่วนสิงหนาททำงานอยู่ในโรงงาน เขากำลังพาตัวแทนจากเมืองจีนดูไม้ที่สั่งไว้ โดยมีสุชาติเป็นผู้ช่วยอธิบายเรื่องไม้ ทว่าสิบห้านาทีต่อมาเขาปลีกตัวเดินห่างจากกลุ่มลูกค้า โทรศัพท์หากัญญาภรณ์ผ่านทางไลน์ โทรแบบเห็นหน้ากัน ก่อนถามว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง จะเอาอะไรเพิ่มไหม เมื่อแน่ใจว่ากัญญาภรณ์สบายดี เขาจึงยุติการสนทนา และทำเช่นนี้ทุกสิบห้านาที ในขณะเดียวกัน คนงานชื่อเต้ยวัยยี่สิบสองปี คนงานที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ยี่สิบวันกำลังโทรศัพท์ถึงใครบางคน ก่อนรายงานบางอย่างให้ปลายสายรับรู้ จากนั้นก็เดินไปทำงานกับเพื่อนตามปกติราวสี่โมงเย็นสิงหนาทพากัญญาภรณ์กลับบ้าน แต่ก่อนกลับเขาแวะไปที่ร้านป้านิด ร้านขายของสดติดแอร์ที่มีทุกอย่างให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ หมู ไก่ เนื้อ กุ้ง ปลาหมึก และปลาหลายชนิด ผักสดก็มีให้เลือกซื้อมากกว่ายี่สิบรายการ ของแห้งก็มีครบถ้วน กะปิ น้ำปลา ของที่ต้องใช้ในการปรุงอาหารก็มี ที่สำคัญมีปลาร้ารสชาติเยี่ยมที่ส่งตรงมาจากบ้านลูกสะใภ้ของป้านิดที่รับรองความอร่อยและสะอาด เหตุผลที่เขาแวะร้านป้านิดเพราะโทรมาสั่งปูจืดไว้เพื่อทำส้มตำไทยใส่ปูให้กัญญาภรณ์กินในวั
Chapter68หนึ่งเดือนต่อมา สิงหนาทเอาอกเอาใจกัญญาภรณ์เต็มที่ เขาทำตามที่แพทย์ทุกอย่าง ระมัดระวังตัวกัญญาภรณ์เต็มที่ จะลุกจะนั่งจะเดินก็ต้องมีเขาคอยประคอง สิงหนาทแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย ขลุกอยู่กับกัญญาภรณ์ทั้งวัน หากมีงานด่วนจึงออกไปทำงาน อีกหน้าที่หนึ่งคือ ทำอาหารให้เธอกินทุกวัน ความอยากกินปลาร้าของกัญญาภรณ์คือหนึ่งในอาการแพ้ท้อง และเป็นอาหารที่ขาดไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก สิงหนาทสรรหาเมนูที่ทำจากปลาร้ามาให้เธอกินทุกวัน ที่โปรดปรานที่สุดก็คงจะเป็นปลาร้าสับผัดกับต้มยำน้ำปลาร้า สองอย่างนี้กัญญาภรณ์กินได้ทุกวัน ทว่าสิงหนาทกลัวเมียจะเบื่อจึงเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องมีสองอย่างนี้บนโต๊ะอาหาร เรื่องข้อตกลงระหว่างสิงหนาทกับกัญภาภรณ์ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่พูดถึง หลังจากรู้ว่ากัญญาภรณ์ท้อง สิงหนาทห่างกับพรรณนาราไปโดยปริยาย จะมีเพียงการโทรพูดกันเท่านั้น เพราะเขาทุ่มเวลาดูแลภรรยาที่กำลังตั้งท้อง ที่ทำไม่ใช่เพราะเถ้าแก่สันต์บอก ทว่าสิงหนาททำเพราะอยากทำ ทำตามหน้าที่สามีที่ดี ซึ่งเขาก็มีความสุขในทุกเรื่องที่ทำให้กัญญาภรณ์ “เสร็จแล้วครับคุณแม่ ตำถาดแซ่บนั
Chapter67 สิงหนาทพยายามทำใจเย็น เขาตั้งใจว่าอีกห้านาทีถ้าไม่มีใครออกมาบอกอะไร เขาจะเข้าไปหาคำตอบด้วยตัวเองว่า กัญญาภรณ์เป็นอะไรมากหรือไม่ แต่รออีกแค่หนึ่งนาที กัญญาภรณ์นั่งรถวีนแชร์ออกมาจากห้องฉุกเฉิน “เธอเป็นไงบ้าง” สิงหนาทรีบเดินไปถามกัญญาภรณ์ที่นั่งยิ้มอยู่บนรถวีนแชร์ เธอไม่ตอบแต่กลับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา “อะไร” “ฉันท้องค่ะประมาณสี่สัปดาห์”สิงหนาทอ้าปากค้างมองหน้ากัญญาภรณ์ที่ส่งยิ้มให้ ความรู้สึกของเขาตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวคือ ดีใจ สิงหนาทดีใจมากที่กัญญาภรณ์ท้อง ใบหน้าเขาเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม ทรุดกายนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ ก่อนสวมกอดกัญญาภรณ์ไว้แน่น “ฉันดีใจที่สุดที่เรามีลูกด้วยกัน” กัญญาภรณ์ยิ้ม สวมกอดกลับร่างหนา “ฉันก็ดีใจค่ะ” เป็นความรู้สึกจากใจเธอเช่นกัน “แล้วฉันต้องทำไงต่อ ต้องทำอะไรบ้าง” สิงหนาททำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน “ก่อนอื่นต้องพาคุณแม่ไปฝากท้องค่ะ” คนตอบคือพยาบาล “ใช่ๆ ไปฝากท้อง ไปกันเลยนะ” สิงหนาทยิ้มไม่หุบ เป็นฝ่ายเข็นรถวีนแชร์ไปยังแผนกสุตินารีที่อยู่ชั้นสี่ของโรงพยาบาล
Chapter66น้อมร้องเรียกคนให้ช่วย เพราะตัวเองคงช่วยไม่ได้แน่ มั่นเป็นผู้ชายร่างสูงโปร่ง ผลักตนเมื่อกี้ยังกระเด็น น้อมหันไปมองคนงานอีกสองคนที่ตอนนี้นอนหลับเพราะฤทธิ์เหล้าคงช่วยอะไรไม่ได้ น้อมจึงตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ขณะที่น้อมวิ่งไปตามคนมาช่วย กัญญภรณ์ก็ปล่อยแม่ไม้มวยไทยใส่ร่างมั่นสิงหนาทกับสุชาติเดินมาหยุดตรงคอกม้าที่อยู่ห่างจากบ้านพักคนงานหนึ่งร้อยเมตร ทั้งสองมาดูคอกม้าเพื่อปรับปรุงใหม่หลังจากไม่ได้จัดการมาหลายปี ทั้งสองได้ยินเสียงแว่วๆ ว่าช่วยด้วย ช่วยด้วย สองเจ้านายลูกน้องจึงหันไปมองต้นเสียงที่วิ่งกระหืดกระหอบ ราวกับหนีใครมา“เป็นอะไรน้อม แล้ววิ่งหนีใครมา” สุชาติถาม “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“ไม่ได้วิ่งหนีจ้ะ วิ่งมาตามให้ไปช่วยคุณแพร ตอนนี้มั่นทำร้ายคุณแพรจ้ะที่บ้านพักคนงาน”น้อมตอบ ยังไม่ทันที่น้อมจะตอบจบประโยค สิงหนาทก้าวเท้าวิ่งไปยังบ้านพักคนงานเป็นคนแรก ตามด้วยสุชาติและลูกน้องที่อยู่ตรงคอกม้า รั้งท้ายด้วยน้อมที่วิ่งแทบไม่ไหว“ไอ้มั่น...”สิงหนาทตะโกนชื่อมั่นดังลั่น หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากปากน้อม เขาวิ่งมาที่นี่ด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี พอมาถึงก็ต้องหยุด