เข้าสู่ระบบ"ได้สิลูก กินเยอะๆเลย แล้วนั่นทำอะไรกันล่ะลูก" แม่ของพี่ฮ่องเต้ตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงข้อมือ ไม่ทันที่ฉันจะอธิบายคนที่หงุดหงิดอยู่แล้วก็โวยวายทันที
"เล่นบ้าอะไรก็ไม่รู้ แม่จัดการดิ น่ารำคาญ"
"ชาจะให้เฮียติวหนังสือค่ะ กลัวโดนเฮียทิ้งเหมือนคราวก่อนนี่นา"
"ออ งั้นแกก็ช่วยติวให้น้องสิ อย่าโวยวายนัก ว่างอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ"
"ไม่ว่าง"
"เฮียบอกจะเล่นเกมกับเพื่อน" เฮียตวัดสายตามามองทันทีเมื่อฉันฟ้องแม่จ๋า หลังจากนั้นฝ่ามือก็ฟาดลงไปยังแผ่นหลังของเขาเสียงดัง เพี๊ยะ!
"ติวหนังสือให้น้อง เกมน่ะเล่นเมื่อไหร่ก็ได้" แม่จ๋าบ่น
"ถามจริงเถอะ แม่เก็บผมมาเลี้ยงปะ!" คนถูกบ่นรีบโวยวายอีกครั้งพร้อมกับปรายตามามองฉันที่นั่งทำหน้าใสซื่ออยู่
"อะไรของแก"
"ก็รักลูกคนข้างบ้านมากกว่าผมอีก"
"ก็น้องอยากสอบได้แกก็ติวให้ หัดทำตัวให้มันดีหน่อย โตแล้วนะ"
ให้เดาตอนนี้พี่ฮ่องเต้คงอยากจะจับฉันฟาดเต็มทนแต่ที่ทำไม่ได้เพราะกลัวแม่ด่า อีกเหตุผลคือเกรงใจพ่อฉันเพราะใครๆก็บอกว่าพ่อฉันดูโหดมาก หากใครมาทำฉันร้องไห้ล่ะก็มันคนนั้นต้องไม่ได้ตายดีแน่
จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่ฉันร้องไห้เพราะเฮียเต้ไม่ยอมรับดอกกุหลาบวันวาเลนไทน์ พ่อมาขู่ถามจากเฮียเต้ว่าใครทำฉันเสียใจขนาดนั้น คนถูกถามถึงกับแข้งขาสั่นไปเลย จนฉันต้องโกหกไปว่าทำข้อสอบไม่ได้ถึงร้องไห้ พ่อถึงยอมล้มเลิกความคิดที่จะไปถลกหนังหัวคนคนนั้น
เพราะรักเฮียหรอกนะถึงช่วย ต่อให้เฮียทำชาเสียใจก็รักอยู่ดี
"เอากุญแจมา ปวดฉี่จะเข้าห้องน้ำ" หลังจากพี่ฮ่องเต้นั่งทานข้าวด้วยกันเสร็จเขาก็ยังคงทำหน้าบึ้งเหมือนเดิม ไม่รู้ทำไมยิ่งเห็นยิ่งอยากแกล้ง
"เดี๋ยวชาไปส่งเอง อย่าคิดนะว่าไม่รู้ เฮียจะหนีล่ะสิท่า"
"หนีอะไรวะนี่บ้านเฮียนะโว้ย! เอากุญแจมา!"
"ไม่" ชิ คิดจะหลอกคนอย่างใบชาเหรอ ไม่มีทางทำได้หรอก
"ได้ งั้นก็ไปส่งเข้าห้องน้ำนะ" ว่าแล้วเฮียเต้ก็ลากแขนฉันเข้ามาในห้องน้ำ ขยับมือยุกยิกอยู่ตรงขอบกางเกงขายาวใส่สบายๆของเขา
"กรี๊ด!! เฮียจะทำอะไรวะ" ฉันรีบหลับตาปี๋ทันทีเมื่อเฮียเต้กระชากขอบกาวเกงลงไป อีกนิดเดียวเท่านั้นฉันก็จะเห็นของดีแล้ว!!
"บอกละไม่เชื่อ อยากจะมาส่งนัก" แล้วเสียงน้ำที่ตกกระทบลงไปเจอน้ำในชักโครกก็ดังขึ้นมา เฮียเต้กล้าทำแบบนี้กับฉันได้ไงเนี่ยทุเรศเกินคน
จอก~
แต่คนมันชอบไปแล้วจะให้ทำไง นี่อาจเป็นแผนเฮียที่ทำตัวน่าเกลียดให้ฉันตัดใจอยู่ก็ได้ ใบชารับได้ รับได้อยู่แล้ว...
"หะ...เฮียไม่กลัวชาแอบดูเหรอชาเป็นผู้หญิงนะ"
"ฮึ คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอยู่อีกเหรอ" เฮียไม่สนใจ จัดการทำธุระของตัวเองเสร็จก็จัดกางเกงไว้ที่เดิม ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยความรู้สึกโล่งในอก
"เล่นอะไรน่ารำคาญ เอากุญแจออกแล้วจะติวให้" แล้วเขาก็ลากฉันมาหยุดอยู่กลางบ้านอีกรอบ ตอนนี้เหลือแต่เราสองคนเพราะป๊าเฮียทำงานต่างจังหวัดไม่ได้กลับบ้านอาทิตย์นี้ ส่วนแม่จ๋าออกไปชอปปิ้งกับเพื่อนแล้ว
"ก็ได้ อย่าเล่นตุกติกนะ" ว่าแล้วฉันก็ขยับมือมือล้วงเข้าไปควานหาลูกกุญแจมือในกระเป๋ากางเกงขาสั้นเอวสูงของตัวเอง "โอ๊ะ!"
"อะไร" คิ้วเข้มขยับเข้าหากัน ค่อยๆเลื่อนสายตาไปมองมือของฉันที่โผล่ทะลุชายกางเกงออกมา เป็นการอธิบายกลายๆว่าตอนนี้ลูกกุญแจได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วเพราะกระเป๋าของฉันมันขาเป็นรูโบ๋ขนาดเท่าฝ่ามือสอดผ่านได้
ต่อให้ลูกกุญแจใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีทางอาศัยอยู่ตรงนี้ได้อย่างแน่นอน
"เชี่ย!...อะไรอีกวะเนี่ย!"
"แฮ่ๆ มันน่าจะตกอยู่แถวๆห้องชาแหละเฮีย อย่าตกใจไปน่า มันไปไหนไม่รอดหรอก" ฉันรีบพูดแก้ตัวเพื่อไม่ให้เฮียหงุดหงิดไปมากกว่าเดิม ยังไงมันก็ไม่หายไปจากบริเวณบ้านของเราสองคนหรอกน่า ใบชาคนนี้ขอเอาหัวเป็นประกันเลย
"งั้นก็ไปหา!" จะทำเสียงดุทำไมกันเนี่ย ก็แค่ลูกกุญแจหายเอง ดีซะอีกเราจะได้อยู่ใกล้กันตลอดเวลา แต่ดูเหมือนจะมีแต่ฉันที่อยากให้เป็นอย่างนั้นเพราะตอนนี้หน้าเฮียเครียดยิ่งกว่าโดนล้อว่าฉี่ใส่กางเกงตอนประถมอีก "ฉันอยากจะบ้าตายกับเธอจริงๆ หัดทำตัวเป็นผู้หญิงบ้างเถอะ"
"ไงมึง วางแผนกันดิบดีสุดท้ายก็แพ้เมีย" เสียงของพี่ฮ้องเต้ดังขึ้น น้ำเสียงปนหัวเราะของเขาบ่งบอกว่ากำลังเยาะเย้ยพี่ทศกัณฑ์อยู่ตอนนี้ฉันยืนแอบอยู่ตรงมุมตึกซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะที่พวกเขานั่งไม่กี่เมตร ทำให้ได้ยินบทสนทนาชัดเจน"…" พี่ทศกัณฑ์เงียบกริบไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่รู้ว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นแบบนี้มั้ยอาจจะคุยโม้ก็ได้ใครจะไปรู้"มึงมันไม่ได้เรื่อง เป็นพี่ว้ากจนน้องปีหนึ่งปีสองกลัวแต่มาแพ้ให้เด็กอักษรคนเดียว เหอะ" พี่คิวพูดออกมาเหมือนเสียอารมณ์เพราะเป็นคนคิดแผนทั้งที"มึงก็รอรับชะตากรรมแบบกูได้เลย" พี่ทศกัณฑ์พูดเสียงเบาหวิว จนฉันแอบสงสารจับใจ"กูไม่มีทางกลัวเมียแบบมึงแน่นอน ผู้หญิงก็แค่ลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด""มึงไม่กลัวเตยเลยเหรอ" พี่ทศกัณฐ์ถามซ้ำ"กลัวทำไม ยัยนั่นดิต้องกลัวฉันขาดฉันไปซักคนเตยคงอยู่ไม่ได้ ร้องไห้แงๆ"โอ้อวดนักนะ เดี๋ยวโดนดีแน่พี่คิว!"พี่ทศกัณฑ์!" ฉันเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วเรียกพี่ทศกัณฑ์เสียงดัง จนพี่ๆ หันมามองกันพรึบ ส่วนพี่นธีขมวดคิ้วมองฉันอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายทั้งคนอ่านออกแน่ๆ"ยะ…ญานิน มาได้ไง" เก่งมากคุณแฟน เสียงสั่นแบบไม่ต้องซ้อมมา"เดินมาค่ะ""น้องญาน
"…" เงียบอยู่นั่นแหละไม่คิดจะพูดอะไรเลยใช่มั้ย หรือว่าเขาไม่อยากคบฉันแล้ว แววตาของเขาที่มองเหมือนกำลังลังเลบางอย่างอยู่เลย"นินทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมพี่ไม่บอกถ้านินผิดก็พร้อมจะแก้ไข แต่พี่ทศกัณฑ์ไม่ให้โอกาสนินได้รับรู้เลย อึก...อยู่ๆ ก็ไม่เห็นค่ากันแบบนี้""ญานิน…" เขาเรียกชื่อฉันเบาๆ ขณะที่ฉันเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้"พี่เบื่อนินแล้วใช่มั้ย พี่ทศกัณฐ์ไม่รักนินแล้วใช่มั้ย...ฮึก""ไม่ใช่" เขาตอบแล้วค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือฉันพร้อมกับถอนหายใจเขาดันตัวฉันลงกับเตียงอีกรอบ ใช้นิ้วเรียวยาวลูบปัดน้ำตาออกจากพวงแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน"ที่จริงแล้วแค่อยากจะทดสอบ แต่ตอนนี้พี่คงแพ้อีกแล้ว" เขาพูดแล้วจ้องตาฉันนิ่ง"หมายความว่ายังไง" คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างแล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วชนกัน"…" เขาพ่นลมหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนีเหมือนกำลังลำบากใจที่จะพูด "เพราะคิดว่าช่วงนี้เราชอบเอาแต่ใจ ก็เลยอยากดัดนิสัยนิดหน่อย จะได้หันมาง้อพี่บ้างไม่ใช่ตัวเองถูกทุกอย่าง" เขาอธิบายแบบเหนี่ยมอายนิดหน่อยนี่มันอะไรกันเนี่ย…"อย่าบอกว่าที่แกล้งยุ่งกับงานก็เพราะอยากลองดูการกระทำของนินด้วย""…" พยักหน้าเป็นคำตอบ"แล้
Tossakan talk"ไอ้เชี่ยมึงใจเย็น นิ่งไว้ๆ""ฮ่าๆ มึงท่องไว้พุทธโธๆ เดี๋ยวแม่งเสียแผนหมด"เสียงของไอ้เต้กับไอ้คิวที่เกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็น ทั้งที่ภาพตรงหน้าคือผู้ชายกำลังเกาะแกะแฟนผมอยู่แล้วพวกมันก็มาฉุดรั้งตัวผมที่แทบจะพุ่งตัวไปหาญานิน ขณะที่ไอ้นธีเอาแต่นั่งยิ้มน้อยๆ มองผมเหมือนดูหนังตลกตลกเชี่ยไรเดี๋ยวเมียมันเจอมั่งจะรู้สึก"ถ้ามึงเข้าไปตอนนี้น้องมันรู้แน่ว่ามึงไม่ได้ยุ่งกับโปรเจ็ค แต่มาตามดูน้องมันอะ" ไอ้คิวบอกแต่กลับยิ้มขำ "แล้วที่มึงทำมาทั้งหมดน้องก็จะคิดว่ามึงโกหก""เออ มึงต้องนั่งดูอย่างใจเย็น"ใจเย็นอะไรของมันวะ ตอนนี้เหมือนกองไฟในอกผมมันกำลังจะปะทุออกมาอยู่แล้ว"มึงจะทำเสียแผนนะเว่ย จากที่จะดัดนิสัยน้องกลายเป็นน้องได้ดัดนิสัยมึงแทน"'แผน' ที่ว่านั้นมันเริ่มจากปัญหาของผมนี่แหละเรื่องมันมีอยู่ว่าอาทิตย์ก่อนเราทะเลาะกันเรื่องญานินลืมมือถือไว้ในห้องก่อนออกไปเรียน โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย เราเลยทะเลาะกันใหญ่โตแต่สุดท้ายผมก็เป็นคนง้อญานินเพราะเรื่องมันมักจะจบแบบเดิมคือน้องมันถูกเสมอไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คนที่เป็นฝ่ายผิดสุดท้ายแล้วต้องเป็นผมเพราะญานินจะไม่ยอมง้อผมเลย
หลายเดือนต่อมาหลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดตอนนั้นจบลง ชีวิตของฉันก็กลับมาสงบสุขและคบกับพี่ทศกัณฐ์อย่างแฮปปี้ใช่ซะที่ไหนกัน!การคบกันมันก็ต้องมีทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาและทุกครั้งที่ทะเลาะกันนั้นพี่ทศกัณฐ์มักจะเป็นฝ่ายยอมฉันเสมอไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะพี่ทศกัณฐ์รักฉันมากๆ ยังไงล่ะ!"เป็นอะไรหน้าบูดเป็นตูดหมามาเลย" เสียงของนิเนยทักขึ้นตอนที่ฉันกำลังเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆ พอใบเฟิร์นได้ยินคำพูดของนิเนยก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสนใจตอนนี้เราอยู่ปีสองกันแล้วนะ เป็นรุ่นพี่แล้วและช่วงนี้ก็เป็นช่วงรับน้องทำให้ค่อนข้างเหนื่อยกับการจัดเตรียมกิจกรรมให้น้องๆ ทำส่วนพี่ทศกัณฐ์ก็อยู่ปีสี่แล้วเขาก็วุ่นวายกับการทำโปรเจ็คหลังจากที่เพิ่งฝึกงานสามเดือนจบแล้วก็เหลือเวลาอีกแค่เทอมกว่าในรั้วมหาวิทยาลัยทำให้ช่วงนี้เราแทบจะไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดกัน"ไม่มีอะไร" ฉันตอบนิเนยแล้วหยิบเอกสารสำหรับวิชานี้ขึ้นมาเตรียมไว้บนโต๊ะเลคเชอร์"ทะเลาะกับพี่ยักษ์เหรอ" นิเนยถามแล้วกอดอกมองฉัน"..." พยักหน้าเป็นคำตอบ"เรื่อง?""เมื่อวานฉันเข้าคอนโดก่อน เพราะเขาบอกว่าจะเลิกดึก พอถามว่าจะให้ไปนั่งทำงานด้วยมั้ยก็
เช้าวันต่อมา"ได้เรื่องมั้ยครับ"เสียงของพี่ทศกัณฐ์ดังขึ้นจากปลายเตียงเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครซักคนฉันจึงค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นมอง"มีหลักฐานครบแล้วใช่มั้ย""ดีเลย งั้นรบกวนคุณลุงจัดการให้ผมหน่อย""น้องดีขึ้นแล้วครับ ตรวจแล้วไม่เป็นอะไร มีรอยช้ำที่โดนตีนั่นแหละ...ผมรู้แล้วน่า ว่าที่หลานสะใภ้ลุงทั้งคนจะไม่ดูแลได้ไง"นี่กำลังพูดถึงฉันอยู่ใช่มั้ย แอบฟังเองก็เขินเองแล้วนะ"ครับ ขอบคุณครับ รอชมผลงานนะแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทางนี้เอง" แล้วพี่ทศกัณฐ์ก็กดวางสายก่อนจะหันมามองทางฉันที่แกล้งขยับเปือกตาขึ้นมาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน "เช้าอยู่เลยรีบตื่นทำไม""นินปวดหัวค่ะ" ฉันตอบแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง "เหมือนจะเป็นไข้""..." พี่ทศกัณฐ์ลุกขึ้นจากปลายเตียงขยับมานั่งขอบเตียงข้างฉันแล้วเอาหลังมือมาอังหน้าผากไว้ "นอนพักก่อนเดี๋ยวกินข้าวกินยา""ค่ะ" ฉันพยักหน้าทำตามคำสั่งแล้วเขาก็หายออกไปจากห้องตอนนั้นทันทีไม่นานนักก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวต้ม ยาและน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว แกล้งป่วยซักเดือนดีมั้ยเนี่ยมีบุรุษพยาบาลส่วนตัวซะด้วย"เมื่อกี้คุยกับใครเหรอ" ฉันเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยเพราะนอนคิดคนเดียวก็คงไม่รู้คำตอ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ฉันตรวจ ใส่เฝือกอ่อนที่เท้าและรับยาเสร็จก็มาแจ้งความที่สถานีตำรวจกับพี่เนย์ต่อ มีรุ่นพี่ปีสองและพวกนิเนยอยู่เป็นเพื่อนรอให้พี่ทศกัณฑ์และพี่นธีมารับ"เป็นไงบ้าง" พี่นธีถามทันทีที่มาถึงส่วนพี่ทศกัณฑ์กำลังเดินเข้ามาท่าทางเงียบครึมเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่"ให้รายละเอียดกับตำรวจไว้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องมาอีก""เอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะเว้ย ต้องไม่ยอมมันรอบนี้ต้องเอาให้มันจมดิน!" ใบเฟิร์นพูดและกำหมัดแน่นหมับ!อยู่ๆ ร่างของฉันถูกดึงไปกอดไว้ในอ้อมแขนขณะที่เจ้าของการกระทำนั้นไม่พูดอะไรเลยซักคำ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนและรุ่นพี่รวมไปถึง...พี่เนย์ยังดีที่ตอนนี้นิเนยมันเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนแล้วไม่อย่างนั้นคงดูตลกน่าดูหนุ่มวิศวะกอดกับหญิงสาวในชุดโบราณ"กลับเลยมั้ย" พี่ทศกัณฑ์ปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระซะทีเดียวเขายังโอบฉันไว้อย่างหลวมๆ"ค่ะ อยากอาบน้ำพักผ่อนแล้ว" ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปขอบคุณพี่ๆพี่ทศกัณฐ์อุ้มฉันขึ้นออกมาจากตรงนั้นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเลยไม่รู้ว่าทำไม พอมานั่งในรถเขาก็ติดเครื่องแต่ก็ไม่ยอมขับออกไป สายตาของเขาหันไปมองพี่เนย์ที่กำ







