แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
ฮ่องเต้ทรราชจะเสด็จมา เฟิ่งจิ่วเหยียนได้แต่บอกให้เหลียนซวงทำทรงผมกลับไปตามเดิม แต่มือของเหลียนซวงสั่นเทิ้ม คิดว่าคงเป็นเพราะหวาดกลัวฮ่องเต้ทรราชที่กำลังจะมาเยือนผู้นั้น

นางมือสั่น ย่อมทำผิดพลาดอย่างไม่อาจเลี่ยง

เมื่อถูกถอนผมเป็นเส้นที่สาม เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ทนไม่ไหว เอ่ยเสียงเย็นชาว่า

“ถอยไป ข้าจัดการเอง” นางเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉม การฝึกฝนทำผมทรงต่าง ๆ ให้ได้อย่างคล่องแคล่วจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ด้วยเหตุนี้ นางจัดแจงเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้ทรงผมกลับไปเหมือนตอนแรกได้แล้ว เหลียนซวงเห็นแล้วก็ตกตะลึงเหลือล้น

“ฮองเฮา ท่านมีฝีมือยอดเยี่ยมนักเพคะ!”

แต่ขณะที่ฝั่งพวกนางเตรียมความพร้อมต้อนรับฮ่องเต้ คนจากนอกตำหนักก็มารายงานอีกครั้งว่า

“ฮองเฮา โรคปวดศีรษะของหวงกุ้ยเฟยกำเริบ ฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ”

เหลียนซวงเผยอปาก รู้สึกโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมา

หวงกุ้ยเฟยจะต้องแกล้งป่วยเป็นแน่ โรคปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาตอนนี้ จะเหมาะเจาะขนาดนี้ได้อย่างไร

คงเห็นว่าฝ่าบาทเสด็จกลับวังมาแล้วจึงให้คนไปเชิญน่ะสิ

พอเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินคำว่าหวงกุ้ยเฟยก็คิดถึงเวยเฉียงน้องสาว

เวยเฉียงถูกทำร้ายแสนสาหัสจนถึงแก่ความตาย แค้นนี้ต้องชำระ!

ทว่า รู้เขารู้เรา จึงจะชนะอย่างยั่งยืน

หวงกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปรานไม่เสื่อมคลาย ข้างกายจะต้องมีองครักษ์ยอดฝีมืออยู่เป็นแน่

นางไม่อาจบุ่มบ่ามลงมือ

……

ตำหนักฉือหนิง

ไทเฮาหมุนสร้อยลูกประคำในมือ แต่ยังคงยากจะระงับโทสะในใจได้

นางเอ่ยถามทุกคนว่า

“พิธีอภิเษกสมรสในวันนี้ ฮ่องเต้กลับให้รุ่ยอ๋องเข้าพิธีแทนเขา! พวกเจ้าไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยรึ!”

คนในตำหนักที่ยืนอยู่ตรงหน้านางต่างก้มศีรษะ

“บ่าวมิทราบ”

ฮ่องเต้กระทำตามอำเภอใจมาแต่ไหนแต่ไร ไทเฮายังทำอันใดเขาไม่ได้

แต่คนทั้งใต้หล้ามีแต่จะคิดว่านางล้มเหลวในการอบรมบุตร

ดวงเนตรไทเฮาฉายแววเศร้าโศก ราวมีความเจ็บช้ำใจเหลือแสนเอ่อคลออยู่ในนั้น

“ถึงข้าจะไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของเขา แต่ก็เลี้ยงดูเขาด้วยความเอาใจใส่ทุ่มเทมาจนโต ไฉนโตมาแล้วจึงมีแต่เรื่องให้กลุ้มใจแบบนี้...”

เหล่าข้ารับใช้เห็นเช่นนั้นก็เข้าข้างไทเฮาไปโดยไม่รู้ตัว คิดว่าฮ่องเต้อกตัญญู

ดุจจะราดน้ำมันลงบนกองเพลิง มีคนในวังมารายงานว่า

“ไทเฮา ฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้ว แต่ทรง ทรงไปตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ”

“เหลวไหล!” ไทเฮาตบโต๊ะน้ำชาดังปัง

หลิงเยี่ยนเอ๋อร์นางคนต่ำช้านั่น วันแบบนี้ก็ยังกล้าก่อเรื่อง ได้รับความโปรดปรานจนเหิมเกริมไร้ขอบเขต ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำไปหมดแล้ว!

เฟิ่งเวยเฉียงก็เหมือนกัน เป็นบุตรีตระกูลเฟิ่งแท้ ๆ ไม่มีฝีมือสักนิดเลยหรือไร? รึจะยอมให้คนเหยียบบนศีรษะเอาเช่นนี้?

เดิมยังหวังว่าฮองเฮาจะสามารถข่มหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ไว้ได้ ยามนี้เห็นทีคงเป็นคนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเหมือนกัน

ไม่เพียงแต่ไทเฮา เหล่าสนมคนอื่น ๆ ก็คิดเช่นนี้

นางสนมหลายคนที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาจับกลุ่มพูดคุยกันในสถานที่แห่งหนึ่ง

“คืนอภิเษกสมรสยังรั้งตัวฝ่าบาทไว้ไม่ได้ เห็นทีคงพ่ายแพ้ให้กุ้ยเฟยแน่แล้ว”

สนมชุดเขียวคนหนึ่งนึกเห็นใจเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกัน “ฮองเฮาก็เป็นคนอาภัพคนหนึ่ง ตงเซี่ย พรุ่งนี้ให้เตรียมพัดหยกเซียงจวินของข้าเอาไว้ ข้าจะนำไปมอบให้ฮองเฮา”

“เพคะ พระสนม”

หนึ่งในคนที่นั่งอยู่ด้วยกันถอนหายใจออกมา “หวงกุ้ยเฟยหน้าตาเหมือนหรงเฟยจึงได้รับความโปรดปราน หากฮองเฮาเป็นคนฉลาดก็ควรคล้อยตามพระประสงค์ของฝ่าบาท อย่าให้มีเรื่องขัดแย้งกัน...”

สิ้นเสียงก็มีคนในวังมารายงานว่า

“เรียนพระสนม ได้ยินว่าฮองเฮาเสด็จไปที่ตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ!”

คนทั้งหลายมองหน้ากัน แล้วส่ายศีรษะน้อย ๆ

“ฮองเฮาทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมเลย”

“ไม่เหมาะสมอย่างมากเลยต่างหาก! ระงับโทสะไม่อยู่เช่นนี้ มิทำให้ฝ่าบาทรำคาญพระทัยหรอกรึ?”

“ถ้ามีเรื่องกัน ฝ่าบาทก็ต้องลำเอียงเข้าข้างหวงกุ้ยเฟยอยู่แล้ว ฮองเฮาไม่น่าทำเช่นนี้เลย”

พวกนางเฝ้ารอจะมีฮองเฮาผู้เก่งกาจมากคุณธรรม เหมือนกับบรรดาฮองเฮาที่ผ่านมาของตระกูลเฟิ่ง ที่สามารถปกครองให้วังหลังอยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดอง เหล่าสนมร่วมใจกันปรนนิบัติฝ่าบาท หลีกเลี่ยงการต่อสู้แย่งชิงความโปรดปรานอย่างสุดโต่งชนิดตายกันไปข้างหนึ่ง

ตอนนี้เห็นที ฮองเฮาผู้นี้คงหวังพึ่งไม่ได้แล้ว

หวงกุ้ยเฟยยังไม่ได้งัดฝีมือที่ร้ายกาจกว่านี้ออกมา ฮองเฮาก็รับมือไม่ไหวเสียแล้ว

นอกตำหนักหลิงเซียว

เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมชุดเจ้าสาว มงกุฎหงส์บนศีรษะเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงฐานันดรอันสูงศักดิ์ของนาง

ฮองเฮาที่ถูกสนมคนโปรดทำลายคืนเข้าหอผู้หนึ่ง คนในวังไม่เพียงไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่ยังดูแคลนอีกด้วย

ถูกฮ่องเต้ทอดทิ้งไว้ในห้องหอก็น่าอับอายมากอยู่แล้ว ไฉนยังมีหน้ามาที่นี่อีก?

องครักษ์ที่อารักขาตำหนักอยู่เข้าใจว่านางมาขอให้ฮ่องเต้กลับห้องหอ ไม่รอให้นางเอ่ยปากก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า

“ฮองเฮา ฮ่องเต้กำชับไว้ว่า หมอหลวงกำลังตรวจอาการให้หวงกุ้ยเฟย ไม่อนุญาตให้ใครรบกวน โปรดอภัยที่กระหม่อมไม่อาจเข้าไปรายงานให้ท่านได้”

เวลานั้นเอง หัวหน้าหมัวมัวที่มีหน้าที่ปรนนิบัตินางก็เตือนว่า

“ฮองเฮา ไม่มีประโยชน์หรอกเพคะ ทุกเรื่องในวังหลังล้วนยกให้หวงกุ้ยเฟยมาก่อนเสมอ ถ้าท่านอยากพบฝ่าบาทตอนนี้ ฝ่าบาทคงไม่...”

ภายใต้แสงจันทร์ แต้มบุปผาตรงหว่างคิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนงดงามหยาดเยิ้ม ใช้หางตากวาดมองรอบหนึ่ง แววตาก็พลันมืดครึ้มลง

นางถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ใครว่าข้ามาพบฝ่าบาท?”

ทุกคนเงียบไป

แล้วนางจะมาทำไมเล่า?

มาชมวิวทิวทัศน์? มาดูว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานหวงกุ้ยเฟยเพียงไหน?

เฟิ่งจิ่วเหยียนส่งสายตา สาวใช้เหลียนซวงก็ก้าวออกมาข้างหน้า ยื่นกล่องไม้ใบหนึ่งให้องครักษ์ที่เฝ้าหน้าตำหนักผู้นั้น

“ข้าได้ยินว่าหวงกุ้ยเฟยเป็นโรคปวดศีรษะ ยานี้พี่ชายข้าได้มาจากชายแดน รักษาโรคปวดศีรษะได้ชะงัดนัก จึงนำมาให้หวงกุ้ยเฟยลองใช้ดู”

ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ฮองเฮาเพียงนำยามาให้?

นางใจกว้างขนาดนั้นเสียที่ไหน จะต้องเสแสร้งแกล้งเป็นคนดีแน่นอน!

องครักษ์ลังเลเล็กน้อย แล้วเข้าไปขอคำปรึกษาในตำหนัก

จากนั้น หมอหลวงท่านหนึ่งก็ออกมารับยานั้น หลังพิศดูอย่างละเอียดก็เอ่ยชมเชยพลางประคองราวกับเป็นของล้ำค่า

“นี่คือยาวิเศษที่หายากยิ่งนัก!”

หลังเขาเข้าไปข้างใน ผ่านไปไม่นานก็มีขันทีผู้หนึ่งออกมากล่าวกับเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยท่าทีนอบน้อม

“ฮองเฮา หวงกุ้ยเฟยรับประทานยานี้ก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ฝ่าบาทตรัสว่าท่านมีน้ำใจนัก ให้ท่านกลับไปเตรียมปรนนิบัติบรรทมพ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีเข้าใจว่าฮองเฮาได้ยินคำกล่าวนี้แล้วจะต้องดีพระทัยมากเป็นแน่

หากความจริง เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ดีใจเลยสักนิด

ฮ่องเต้ทรราชผู้นี้จะต้องมีใบหน้าใหญ่โตเหมือนขนมปังอบที่ชายแดนใต้เป็นแน่แท้

ปรนนิบัติบรรทม ฟังดูราวกับว่าพระราชทานรางวัลให้นางอย่างนั้นแหละ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (20)
goodnovel comment avatar
Ilada Zenlee
สนุกมากค่ะ
goodnovel comment avatar
Joom
I cannot wait for the next episodes.
goodnovel comment avatar
Atitan Srikul
สนุกมากค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1653

    เพื่อความไม่ประมาท ตงฟางซื่อจึงตรวจสอบแมงมุมยักษ์ตัวนั้นอย่างละเอียดเดิมทีเขาแค่พูดเล่นเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าภายในจุดศูนย์กลางค่ายกล กลับมีเจ้าสิ่งนี้อยู่จริง ๆเมื่อครู่คนอื่นถือคบไฟอยู่ เขายืนดูอยู่ข้าง ๆ จึงไม่ได้สังเกตอย่างละเอียดตอนนี้เข้ามาใกล้แล้ว ถึงเห็นชัดว่า แมงมุมยักษ์ตัวนี้มีเปลือกนอกทำจากโลหะ ส่วน “อวัยวะภายใน” ที่อยู่ด้านในทำจากไม้ส่วน “ปาก” ที่ซ่อนสมุดบันทึกไว้นั้น ตอนนี้ยังมองไม่เห็นกลไกหลังจากตงฟางซื่อหยิบสมุดบันทึกออกมา ก็ส่งให้เฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วหันไปตรวจดูแมงมุมยักษ์ตัวนั้นด้วยตัวเองต่อโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดหน้าแรกของสมุดบันทึก มีอักษรสามตัวเขียนไว้ว่า “ถานไถหมิ่น”คิดว่า นี่คงเป็นชื่อของเจ้าของสมุดบันทึก และก็คือหญิงสาวในภาพวาดฝาผนังนั่นด้วยผ่านทางสมุดบันทึกเล่มนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงได้เข้าใจที่มาที่ไปทั้งหมดเมื่อห้าร้อยกว่าปีก่อน ในยุคสงครามและความวุ่นวายตระกูลถานไถในเวลานั้น ยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง ทว่ากลับถูกสังหารกวาดล้าง เหลือเพียงเด็กไม่กี่คนที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบของตระกูลถานไถหมิ่นก็คือหนึ่งในนั้นนางได้รู้จักกับฮ่อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1652

    กลุ่มคณะเดินผ่านทางเดินยาว ด้านหน้าก็ปรากฏประตูอีกบานหนึ่งประตูนี้ไม่ได้สูงใหญ่เท่าประตูสำริดด้านนอก แค่มีขนาดเท่ากับประตูทั่วไป บนประตูมีสลักกลไกอยู่สามอัน ซึ่งถูกเปิดไว้หมดแล้วเห็นชัดว่า เป็นถานไถเหยี่ยนที่เคยมาก่อนหน้านี้และเปิดไว้เขาเดินอยู่ข้างหน้า และผลักประตูบานนั้นเปิดออกไปทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนยังคาดเดาอยู่ว่า หลังประตูคงจะเป็นหลุมบริวารอีกหลุมหนึ่ง แต่กลับพบว่า หลังประตูคือโลกอีกใบหนึ่งโลกที่สว่างเจิดจ้าราวกับกลางวัน...นอกจากถานไถเหยี่ยนแล้ว คนอื่น ๆ ก็เผยให้เห็นสีหน้าตกตะลึงไม่มากก็น้อยเมื่อก้าวเข้าประตูบานนี้ ราวกับเข้าสู่อีกห้วงมิติหนึ่งท้องฟ้าสีครามก้อนเมฆสีขาวมองดูสุดลูกหูลูกตา เบื้องล่างเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ไม่ไกลนัก ก็เป็นบ้านไม้หลังหนึ่งทุกสิ่งที่ตามองเห็น ล้วนดูเหมือนจริงอย่างมากทว่าหากดูอย่างละเอียดจะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นภาพลวงตาท้องฟ้าคือหลังคาโค้งที่สร้างขึ้นภายในห้อง ซึ่งถูกวาดขึ้นด้วยปลายพู่กันอันประณีตของจิตรกรส่วนที่ไกลออกไปดูเหมือนมองดูสุดลูกหูลูกตา แท้จริงแล้วก็คือภาพวาดบนผนังทั้งสี่ด้านบางทีอาจจะใช้ผงสีที่เรืองแสง ทำให้ทั่วทั้งสถานที่สว่าง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1651

    ขณะที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะเอ่ยบางอย่าง เซียวอวี้จับมือนางไว้ทันที เพื่อห้ามไว้อย่างเงียบ ๆเซียวอวี้ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว มองตรงไปยังถานไถเหยี่ยน“ถานไถเหยี่ยน เจ้าไม่จำเป็นต้องยุยงให้เรากับฮองเฮาผิดใจกัน“ตอนนี้เราไม่ฆ่าเจ้า ไม่ใช่เพื่อมาฟังคำพูดเหลวไหลไร้ประโยชน์ที่เจ้าพูดเหล่านี้“จุดศูนย์กลางค่ายกลของ ‘ใยแมงมุม’ หาเจอแล้วหรือไม่”“ใยแมงมุม” นี้เป็นทั้งโชคและหายนะเซียวอวี้ไม่ต้องการให้มันกลายเป็นอาวุธตอบโต้ของแคว้นอื่นดังนั้น เขาจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับมัน หากสามารถควบคุม และใช้มันได้เพียงคนเดียว ก็จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่หากทำไม่ได้ เช่นนั้นเขายอมทำลายมันทิ้งดีกว่า!ส่วนเรื่องการหา “จุดศูนย์กลางค่ายกล” บางทีก็ยังต้องการตัวถานไถเหยี่ยนเพราะถึงอย่างไร “ใยแมงมุม” ก็เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของตระกูลถานไถสร้างขึ้นมาถานไถเหยี่ยนเป็นคนที่คุ้นเคยกับ “ใยแมงมุม” มากที่สุดในใต้หล้านี้เสียวอู่กระจ่างในทันทีไม่แปลกใจที่ศิษย์พี่นำกองกำลังนับหมื่นเข้ามา รวมถึงเรื่องการยิงธนูเมื่อครู่ ก็ไม่ได้สังหารถานไถเหยี่ยนในทันทีถานไถเหยี่ยนพลันยกยิ้มมุมปากเขามองมายังเซียวอวี้กับเฟิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1650

    ด้านหลังของเซียวอวี้คือกองกำลังนับหมื่นเฟิ่งจิ่วเหยียนชะงักไปชั่วครู่นี่จะยกทัพกลับราชสำนักแล้วหรือ?ถานไถเหยี่ยนมองมาที่เซียวอวี้ ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับเย้ยหยัน“ฮ่องเต้ฉี หรือว่าในใจของท่าน ทั้งใต้หล้านี้ ยังไม่สำคัญเท่าสตรีผู้หนึ่งหรือ?“ท่านไม่ควรมาปรากฏตัวที่นี่“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ...”เซียวอวี้ยิงธนูออกไปดอกหนึ่งด้วยความแน่วแน่ถานไถเหยี่ยนไม่ได้หลบ ธนูดอกนั้นปักลงข้างหน้าเท้าของเขา ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ชุ่นเขามองเซียวอวี้อย่างเย็นชา และชี้กระบี่ไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮ่องเต้ฉี ท่านเทียบฮ่องเต้ซวี่หยางไม่ได้จริง ๆ“ข้าควรจะตัดสินใจเรื่องนี้ให้ท่านแต่แรก”เฟิ่งจิ่วเหยียนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “เจ้าอยากฆ่าข้า ก็เพื่อฝ่าบาทงั้นหรือ?”สายตาของถานไถเหยี่ยนเปลี่ยนเป็นมืดมน“ยังต้องถามอีกหรือ?“เมื่อเห็นฮ่องเต้ฉีปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เจ้ายังไม่เข้าใจหรือว่า สำหรับเขาแล้ว เจ้าคืออุปสรรคที่ใหญ่หลวงเพียงใด!”เสียวอู่ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาขวางด้านหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน“ศิษย์พี่สะใภ้ ท่านถอยไปยืนข้างหลัง ระวังคนบ้าผู้นี้!”ตงฟางซื่อก็ลืมตาขึ้นจากตาที่เคยหรี่ “วา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1649

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ไม่ว่าจะเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่หรือความลวงที่ยิ่งใหญ่ ล้วนทำเพื่อกษัตริย์ที่ตนภักดีทั้งสิ้น“ที่ถานไถเหยี่ยนกำหนดตนเองว่าเป็น ‘ความลวงที่ยิ่งใหญ่’ คือการแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ไม่ต่างจากการบอกฝ่าบาทว่า ‘ข้าคือขุนนางของท่าน จะวางแผนครองใต้หล้าเพื่อท่าน”เสียวอู่รู้สึกเหมือนกระจ่างขึ้นมาในทันทีไม่คิดเลยว่า คำกล่าวง่าย ๆ และสั้น ๆ เพียงไม่กี่ตัวอักษร กลับซ่อนความหมายลึกซึ้งไว้มากมายเพียงนี้!“ทว่า... คำพูดนั้นมาจากใจจริงหรือไม่?“ถานไถเหยี่ยนจะทำเพื่อศิษย์พี่ได้อย่างไร?”“นี่ต้องเป็นแผนล่อศัตรูของเขาเป็นแน่!”เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น“ดังนั้นข้าถึงบอกว่า ฝ่าบาททรงกำลังเดิมพัน”ตงฟางซื่อบอกความคิดเห็นของเขา“ข้าเชื่อคำพูดนั้น”เสียวอู่เบิกตากว้าง คล้ายกับจะบอกว่าเขาบ้าไปแล้ว ถึงเชื่อคำพูดหลอกลวงของถานไถเหยี่ยนตงฟางซื่อเอ่ยอย่างช้า ๆ“เมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน เคยมีคนผู้หนึ่งนามว่าจางจื่อที่ทำงานรับใช้แคว้นฉิน ช่วยแคว้นฉินเตรียมพร้อมกำลังพล ก่อนจะพิชิตแคว้นอื่นทีละแคว้น“เรื่องที่ถานไถเหยี่ยนทำ โดยพื้นฐานแล้ว ก็ไม่แตกต่างจากเขา“หากปฏิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1648

    เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบาย: “ในวลี ‘อยู่เหนือกว่าคน’ ตัวอักษร ‘ซ่าง’ หมายถึง ด้านบน หรือตำแหน่งข้างหน้า หากนำขีดแรกของตัวอักษรสามตัวคือ ‘ไจ้[1]’ ‘เหริน[2]’ และ ‘จือ[3]’ มารวมกัน ก็จะได้ตัวอักษรหนึ่งตัว” เสียวอู่ได้ยินดังนั้น จึงรีบใช้กิ่งไม้ เขียนลงบนพื้นทันทีขีดขวาง ขีดลากซ้าย และจุด...แต่เขายังไม่ค่อยเข้าใจว่า จะได้เป็นตัวอักษรใดในเวลานั้น ตงฟางซื่อก็ใช้กระบี่ ลากออกมาเป็นตัวอักษรหนึ่ง“คือตัว ‘ต้า[4]’”เสียวอู่มองดูแล้ว พลันกระจ่างในทันทีใช่จริงด้วย!“ศิษย์พี่สะใภ้ แล้ววลีที่ว่า ‘มองคนเป็นคน’ล่ะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉยยังไม่ทันรอให้นางเอ่ย ตงฟางซื่อก็เดาได้แล้วเขาถาม: “คือตัว ‘เหว่ย[5]’ ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ข้าก็เดาว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”“ตัว ‘เหริน’ กับ ‘เหวย[6]’ รวมกัน ก็จะกลายเป็นตัวอักษร ‘เหว่ย’”เสียวอู่ถึงกับนิ่งงัน“ศิษย์พี่สะใภ้ ตัว ‘ต้า’ ข้าพอเข้าใจ แต่ตัว ‘เหว่ย’ ได้มาจากที่ใดกัน? มันดูไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรือ?”ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็ไม่อาจโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อได้เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะขับเข็มพิษออกมา ร่างกายยังคงพักฟื้น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status