แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
กลับถึงห้องหอ หัวหน้าหมัวมัวที่ตอนแรกก้มหน้าก้มตาท่าทางเข้มงวดก็สั่งให้คนเตรียมน้ำมาปรนนิบัติฮองเฮาอาบน้ำ

นางเบียดเหลียนซวงออก เข้ามายิ้มกว้างให้เฟิ่งจิ่วเหยียน

“ฮองเฮา หลายปีมานี้ นอกจากหวงกุ้ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทยังไม่เคยโปรดปรานสนมคนอื่นมาก่อนเลยนะเพคะ ท่านนับเป็นคนแรก!”

เหลียนซวงยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่ใคร่พอใจหมัวมัวผู้นี้

ตอนแรกยังไม่เห็นว่านางจะปรนนิบัติด้วยความกระตือรือร้นปานนี้ ช่างเป็นพวกประจบผู้มีอำนาจเหยียบย่ำคนฐานะต่ำกว่าโดยแท้

ในวังหลวงแห่งนี้ ฐานะของสตรีล้วนพึ่งพาความโปรดปรานของฮ่องเต้ดังคาด มิฉะนั้น ต่อให้สูงส่งเป็นฮองเฮาก็ยังถูกเมินเฉยไม่ได้รับการเหลียวแล

หัวหน้าหมัวมัวพูดอะไรไปมากมาย เฟิ่งจิ่วเหยียนล้วนไม่ตอบ

นางสั่งความอย่างเย็นชา “ออกไปให้หมด ให้เหลียนซวงปรนนิบัติในตำหนักคนเดียวก็พอ”

……

หลังจากในตำหนักเงียบลงแล้ว เหลียนซวงก็ถามอย่างกังวลใจ

“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จมาย่อมเป็นเรื่องดี

“แต่ท่านทำเช่นนี้ จะมิเป็นการขัดแย้งกับหวงกุ้ยเฟยหรือเพคะ?

“นายหญิงบอกให้พวกเราอยู่ในวังหลวงอย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างศัตรู โดยเฉพาะหวงกุ้ยเฟย...”

“ท่านแม่ก็สอนเวยเฉียงเช่นนี้หรือ” เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเอ่ยขึ้นมา น้ำเสียงเย็นชา แววตาคมปลาบ

นางไม่เห็นด้วยกับวิธีอบรมสั่งสอนเช่นนี้

เพราะสิ่งที่อาจารย์และอาจารย์หญิงสอนนางมาคือมีคุณต้องตอบแทน มีแค้นต้องชำระ ชีวิตนี้มีหนเดียวก็ต้องใช้ให้เต็มที่ จะได้ไม่นึกเสียดาย

ความจริง มารดาก็เพียงแต่อบรมสั่งสอนบุตรีตามแนวทางของตระกูลเฟิ่ง

ตระกูลเฟิ่งหวังให้บุตรีเป็นหงส์จึงอบรมอย่างเข้มงวดกวดขัน

ความสำเร็จด้านดนตรี การเดินหมาก วิชาความรู้และการวาดภาพของสตรีในตระกูลล้วนไม่แพ้คนนอก

ทั้งยังต้องรักษาคุณธรรมอันดีงาม มีชื่อเสียงอันดีงามอยู่ข้างนอก

เวยเฉียงเขียนจดหมายมาระบายความในใจมากกว่าหนึ่งครั้งว่า นางอิจฉาตนเองมากที่ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี นางไม่อยากเข้าวังไปเป็นฮองเฮา

ยามนี้มาคิดดูแล้ว หากเวยเฉียงได้เข้าวังมาเป็นฮองเฮาจริง จะทนรับการเคี่ยวกรำจากผู้คนในวังเหล่านี้ได้อย่างไร?

เหลียนซวงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในจวนตระกูลเฟิ่งที่ทราบตัวตนที่แท้จริงของเฟิ่งจิ่วเหยียน

นางมีไหวพริบยิ่งนัก ไปปิดหน้าต่างโดยไม่ต้องหยุดคิดเลยสักนิด

“ฮองเฮา! กำแพงมีหู สิ่งที่ควรลืม ท่านก็ลืมไปเถิดเพคะ อย่าพูดถึงอีกเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงสงบเยือกเย็น

“พวกเขาอยู่ไกล ไม่ได้ยินหรอก”

นางเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ สามารถสัมผัสได้ถึงเสียงลมหายใจของคนอื่น

ถ้าความสามารถเล็กน้อยแค่นี้ยังไม่มี ช่วงเวลาสองปีที่ไปท่องยุทธภพก่อนจะเข้าร่วมกองทัพไม่รู้ว่าตายไปกี่ครั้งแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนมีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่ถนัดพูดจาอ้อมค้อม

“วันนี้ที่ข้าไปตำหนักหลิงเซียว อ้างว่าไปส่งยา แท้จริงคือไปสำรวจการอารักขาของที่นั่น”

เหลียนซวงถามอย่างระมัดระวัง “การอารักขา? ฮองเฮา ท่านคิดจะทำอะไรเพคะ?”

“ข้าจะสังหารนางด้วยมือตัวเอง”

“อะไรนะ!” เหลียนซวงยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ ป้องกันไม่ให้ตนเองพลุ่งพล่านใจจนหลุดร้องเสียงดังออกมา

ฮองเฮาคิดจะลอบสังหารหวงกุ้ยเฟย!

หลังสงบสติได้แล้ว เหลียนซวงก็รีบเกลี้ยกล่อมนาง “ไม่ได้นะเพคะ ฮองเฮา แบบนั้นเสี่ยงเกินไป!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง

“เสี่ยงจริง ๆ นั่นแหละ สมกับที่เป็นสนมคนโปรด การอารักขาของตำหนักหลิงเซียวแน่นหนามาก สองฝั่งของชายคาทางเดินยังติดตั้งกลไกเอาไว้ ตอนนี้ยังหาจุดบอดไม่เจอ ข้าต้องไปอีกหลายรอบถึงจะหาพบ”

เหลียนซวงกลืนน้ำลายอย่างตื่นเต้น

“แต่ฮองเฮาเพคะ นายหญิงบอกว่า...”

แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา “คำพูดก่อนหน้านี้ของเจ้ากล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก สิ่งที่ควรลืมก็ต้องลืมไปเสีย”

เหลียนซวงคิด : ฮองเฮาของข้า บ่าวไม่ได้หมายความเช่นนั้นนะเพคะ!

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองมาที่นาง

“ข้าไม่บังคับเจ้า ถ้าเจ้าอยากแก้แค้นให้เวยเฉียงก็มาร่วมมือกับข้า

“ถ้าเจ้ากลัว ไม่กล้าร่วมมือกับข้า ก็ทำเสมือนว่าข้าไม่เคยพูดมาก่อน แต่สิ่งที่ข้าต้องการทำ เจ้าก็ไม่อาจแพร่งพรายต่อคนอื่น ไม่อย่างนั้น ข้าจะฆ่าเจ้า”

คนข้างกายนางสามารถไม่ช่วยเหลือได้ แต่ไม่อาจเป็นตัวถ่วงนางได้

หน้าผากของเหลียนซวงมีเหงื่อผุดพราย หัวใจเต้นรัว

ต่อสู้กับตัวเองอยู่นาน ภาพใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยนของเฟิ่งเวยเฉียงปรากฏขึ้นในหัว นางหลับตาลง

“ฮองเฮา คุณหนูเวยเฉียงปฏิบัติต่อบ่าวเสมือนพี่สาวน้องสาว นางถูกทำร้ายแสนสาหัสเช่นนั้น บ่าวเองก็เจ็บปวดใจเหมือนกัน ถ้าสามารถทำอะไรเพื่อนางได้ บ่าวก็ไม่เสียดายเพคะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนเก็บสายตากลับมา แววตายังคงสงบดุจน้ำนิ่ง

“ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็อย่าเสียใจทีหลัง”

หลังเหลียนซวงปรับสภาพอารมณ์ได้แล้วก็มีความกังวลใหม่ผุดขึ้นมา

“ฮองเฮา คืนเข้าหอคืนนี้ ฝ่าบาทจะต้องทราบแน่ว่าท่านยังบริสุทธิ์อยู่ หลังจากนั้นหวงกุ้ยเฟยก็คงจะได้รู้เช่นกัน แล้วก็คงจะสงสัยในตัวท่าน ควรทำเช่นไรดีเพคะ?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ข้อแรก ฝ่าบาทเป็นราชาของแว่นแคว้น ย่อมไม่พูดเรื่องบนแท่นบรรทมออกไปอยู่แล้ว โดยเฉพาะการพูดให้สนมคนโปรดของตัวเองฟัง มีแต่จะทำให้นางไม่พอใจเปล่า ๆ

“ข้อสอง ต่อให้ฝ่าบาทพูด กุ้ยเฟยก็ไม่มีทางเชื่อ มีแต่จะคิดว่าบุรุษรักศักดิ์ศรี ต่อให้ภรรยาไม่ใช่หญิงพรหมจารีก็จะต้องกล้ำกลืนความอัปยศนี้ลงไป หรือมิฉะนั้นก็คงจะสงสัยว่าพวกเราใช้เล่ห์กลอันใด

“ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด หวงกุ้ยเฟยก็ไม่มีทางสืบเรื่องนี้อย่างเอิกเกริก เพราะนั่นจะเป็นการตบหน้าฝ่าบาทอย่างเปิดเผย”

เหลียนซวงกล่าว “แต่ก่อนพิธีอภิเษกสมรส หวงกุ้ยเฟยก็...”

“ก่อนพิธีอภิเษกสมรส ข้ายังไม่ใช่ฮองเฮา หลังพิธีอภิเษกสมรส ฐานะของข้าก็เปลี่ยนไปแล้ว”

เหลียนซวงพลันเข้าใจถ่องแท้

“ถ้าแบบนี้ก็ไม่กลัวว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาแล้วเพคะ”

ทว่าพวกนางรออยู่นานมาก เห็นว่าใกล้จะถึงยามจื่อ[1]แล้ว ฮ่องเต้ก็ยังไม่เสด็จมา

เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมชุดนอนผ้าไหมสีแดงเข้ม นั่งอยู่บนขอบเตียงในห้องหอ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นจนจบ

“เขาคงไม่มาแล้ว พวกเราเข้านอนกันเถอะ”

“เพคะ ฮองเฮา” เหลียนซวงรู้สึกไม่พอใจ ฮ่องเต้ไม่รักษาคำพูดนี่!

เฟิ่งจิ่วเหยียนปรับตัวตามสถานการณ์มาจนชิน จึงนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว

ช่วงครึ่งคืนหลัง คนผู้หนึ่งพลันทับโถมลงมา ลมหายใจหนักหน่วง สัมผัสหยาบกระด้าง หมายจะปลดสายรัดเอวของนาง

นางรู้สึกตัวตื่นขึ้นทันที ชักกริชออกมาจากใต้หมอนโดยสัญชาตญาณ...

ท่ามกลางความมืด คนผู้นั้นกดข้อมือนางไว้

นางกำลังจะตอบโต้ น้ำเสียงทุ้มต่ำดุร้ายเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น

“ฮองเฮา คิดจะปลงพระชนม์สวามีงั้นรึ?”

----------------------------------------------

[1] ยามจื่อ คือ ช่วงเวลาระหว่าง 23:00-01:00 น.
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (14)
goodnovel comment avatar
Joom
I love this novel.
goodnovel comment avatar
Atitan Srikul
สนุกมากน่าอ่านมาก
goodnovel comment avatar
เจนจิลา
สนุกครับ อยากอ่านต่อ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1653

    เพื่อความไม่ประมาท ตงฟางซื่อจึงตรวจสอบแมงมุมยักษ์ตัวนั้นอย่างละเอียดเดิมทีเขาแค่พูดเล่นเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าภายในจุดศูนย์กลางค่ายกล กลับมีเจ้าสิ่งนี้อยู่จริง ๆเมื่อครู่คนอื่นถือคบไฟอยู่ เขายืนดูอยู่ข้าง ๆ จึงไม่ได้สังเกตอย่างละเอียดตอนนี้เข้ามาใกล้แล้ว ถึงเห็นชัดว่า แมงมุมยักษ์ตัวนี้มีเปลือกนอกทำจากโลหะ ส่วน “อวัยวะภายใน” ที่อยู่ด้านในทำจากไม้ส่วน “ปาก” ที่ซ่อนสมุดบันทึกไว้นั้น ตอนนี้ยังมองไม่เห็นกลไกหลังจากตงฟางซื่อหยิบสมุดบันทึกออกมา ก็ส่งให้เฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วหันไปตรวจดูแมงมุมยักษ์ตัวนั้นด้วยตัวเองต่อโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดหน้าแรกของสมุดบันทึก มีอักษรสามตัวเขียนไว้ว่า “ถานไถหมิ่น”คิดว่า นี่คงเป็นชื่อของเจ้าของสมุดบันทึก และก็คือหญิงสาวในภาพวาดฝาผนังนั่นด้วยผ่านทางสมุดบันทึกเล่มนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงได้เข้าใจที่มาที่ไปทั้งหมดเมื่อห้าร้อยกว่าปีก่อน ในยุคสงครามและความวุ่นวายตระกูลถานไถในเวลานั้น ยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง ทว่ากลับถูกสังหารกวาดล้าง เหลือเพียงเด็กไม่กี่คนที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบของตระกูลถานไถหมิ่นก็คือหนึ่งในนั้นนางได้รู้จักกับฮ่อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1652

    กลุ่มคณะเดินผ่านทางเดินยาว ด้านหน้าก็ปรากฏประตูอีกบานหนึ่งประตูนี้ไม่ได้สูงใหญ่เท่าประตูสำริดด้านนอก แค่มีขนาดเท่ากับประตูทั่วไป บนประตูมีสลักกลไกอยู่สามอัน ซึ่งถูกเปิดไว้หมดแล้วเห็นชัดว่า เป็นถานไถเหยี่ยนที่เคยมาก่อนหน้านี้และเปิดไว้เขาเดินอยู่ข้างหน้า และผลักประตูบานนั้นเปิดออกไปทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนยังคาดเดาอยู่ว่า หลังประตูคงจะเป็นหลุมบริวารอีกหลุมหนึ่ง แต่กลับพบว่า หลังประตูคือโลกอีกใบหนึ่งโลกที่สว่างเจิดจ้าราวกับกลางวัน...นอกจากถานไถเหยี่ยนแล้ว คนอื่น ๆ ก็เผยให้เห็นสีหน้าตกตะลึงไม่มากก็น้อยเมื่อก้าวเข้าประตูบานนี้ ราวกับเข้าสู่อีกห้วงมิติหนึ่งท้องฟ้าสีครามก้อนเมฆสีขาวมองดูสุดลูกหูลูกตา เบื้องล่างเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ไม่ไกลนัก ก็เป็นบ้านไม้หลังหนึ่งทุกสิ่งที่ตามองเห็น ล้วนดูเหมือนจริงอย่างมากทว่าหากดูอย่างละเอียดจะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นภาพลวงตาท้องฟ้าคือหลังคาโค้งที่สร้างขึ้นภายในห้อง ซึ่งถูกวาดขึ้นด้วยปลายพู่กันอันประณีตของจิตรกรส่วนที่ไกลออกไปดูเหมือนมองดูสุดลูกหูลูกตา แท้จริงแล้วก็คือภาพวาดบนผนังทั้งสี่ด้านบางทีอาจจะใช้ผงสีที่เรืองแสง ทำให้ทั่วทั้งสถานที่สว่าง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1651

    ขณะที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะเอ่ยบางอย่าง เซียวอวี้จับมือนางไว้ทันที เพื่อห้ามไว้อย่างเงียบ ๆเซียวอวี้ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว มองตรงไปยังถานไถเหยี่ยน“ถานไถเหยี่ยน เจ้าไม่จำเป็นต้องยุยงให้เรากับฮองเฮาผิดใจกัน“ตอนนี้เราไม่ฆ่าเจ้า ไม่ใช่เพื่อมาฟังคำพูดเหลวไหลไร้ประโยชน์ที่เจ้าพูดเหล่านี้“จุดศูนย์กลางค่ายกลของ ‘ใยแมงมุม’ หาเจอแล้วหรือไม่”“ใยแมงมุม” นี้เป็นทั้งโชคและหายนะเซียวอวี้ไม่ต้องการให้มันกลายเป็นอาวุธตอบโต้ของแคว้นอื่นดังนั้น เขาจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับมัน หากสามารถควบคุม และใช้มันได้เพียงคนเดียว ก็จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่หากทำไม่ได้ เช่นนั้นเขายอมทำลายมันทิ้งดีกว่า!ส่วนเรื่องการหา “จุดศูนย์กลางค่ายกล” บางทีก็ยังต้องการตัวถานไถเหยี่ยนเพราะถึงอย่างไร “ใยแมงมุม” ก็เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของตระกูลถานไถสร้างขึ้นมาถานไถเหยี่ยนเป็นคนที่คุ้นเคยกับ “ใยแมงมุม” มากที่สุดในใต้หล้านี้เสียวอู่กระจ่างในทันทีไม่แปลกใจที่ศิษย์พี่นำกองกำลังนับหมื่นเข้ามา รวมถึงเรื่องการยิงธนูเมื่อครู่ ก็ไม่ได้สังหารถานไถเหยี่ยนในทันทีถานไถเหยี่ยนพลันยกยิ้มมุมปากเขามองมายังเซียวอวี้กับเฟิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1650

    ด้านหลังของเซียวอวี้คือกองกำลังนับหมื่นเฟิ่งจิ่วเหยียนชะงักไปชั่วครู่นี่จะยกทัพกลับราชสำนักแล้วหรือ?ถานไถเหยี่ยนมองมาที่เซียวอวี้ ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับเย้ยหยัน“ฮ่องเต้ฉี หรือว่าในใจของท่าน ทั้งใต้หล้านี้ ยังไม่สำคัญเท่าสตรีผู้หนึ่งหรือ?“ท่านไม่ควรมาปรากฏตัวที่นี่“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ...”เซียวอวี้ยิงธนูออกไปดอกหนึ่งด้วยความแน่วแน่ถานไถเหยี่ยนไม่ได้หลบ ธนูดอกนั้นปักลงข้างหน้าเท้าของเขา ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ชุ่นเขามองเซียวอวี้อย่างเย็นชา และชี้กระบี่ไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮ่องเต้ฉี ท่านเทียบฮ่องเต้ซวี่หยางไม่ได้จริง ๆ“ข้าควรจะตัดสินใจเรื่องนี้ให้ท่านแต่แรก”เฟิ่งจิ่วเหยียนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “เจ้าอยากฆ่าข้า ก็เพื่อฝ่าบาทงั้นหรือ?”สายตาของถานไถเหยี่ยนเปลี่ยนเป็นมืดมน“ยังต้องถามอีกหรือ?“เมื่อเห็นฮ่องเต้ฉีปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เจ้ายังไม่เข้าใจหรือว่า สำหรับเขาแล้ว เจ้าคืออุปสรรคที่ใหญ่หลวงเพียงใด!”เสียวอู่ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาขวางด้านหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน“ศิษย์พี่สะใภ้ ท่านถอยไปยืนข้างหลัง ระวังคนบ้าผู้นี้!”ตงฟางซื่อก็ลืมตาขึ้นจากตาที่เคยหรี่ “วา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1649

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ไม่ว่าจะเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่หรือความลวงที่ยิ่งใหญ่ ล้วนทำเพื่อกษัตริย์ที่ตนภักดีทั้งสิ้น“ที่ถานไถเหยี่ยนกำหนดตนเองว่าเป็น ‘ความลวงที่ยิ่งใหญ่’ คือการแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ไม่ต่างจากการบอกฝ่าบาทว่า ‘ข้าคือขุนนางของท่าน จะวางแผนครองใต้หล้าเพื่อท่าน”เสียวอู่รู้สึกเหมือนกระจ่างขึ้นมาในทันทีไม่คิดเลยว่า คำกล่าวง่าย ๆ และสั้น ๆ เพียงไม่กี่ตัวอักษร กลับซ่อนความหมายลึกซึ้งไว้มากมายเพียงนี้!“ทว่า... คำพูดนั้นมาจากใจจริงหรือไม่?“ถานไถเหยี่ยนจะทำเพื่อศิษย์พี่ได้อย่างไร?”“นี่ต้องเป็นแผนล่อศัตรูของเขาเป็นแน่!”เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น“ดังนั้นข้าถึงบอกว่า ฝ่าบาททรงกำลังเดิมพัน”ตงฟางซื่อบอกความคิดเห็นของเขา“ข้าเชื่อคำพูดนั้น”เสียวอู่เบิกตากว้าง คล้ายกับจะบอกว่าเขาบ้าไปแล้ว ถึงเชื่อคำพูดหลอกลวงของถานไถเหยี่ยนตงฟางซื่อเอ่ยอย่างช้า ๆ“เมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน เคยมีคนผู้หนึ่งนามว่าจางจื่อที่ทำงานรับใช้แคว้นฉิน ช่วยแคว้นฉินเตรียมพร้อมกำลังพล ก่อนจะพิชิตแคว้นอื่นทีละแคว้น“เรื่องที่ถานไถเหยี่ยนทำ โดยพื้นฐานแล้ว ก็ไม่แตกต่างจากเขา“หากปฏิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1648

    เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบาย: “ในวลี ‘อยู่เหนือกว่าคน’ ตัวอักษร ‘ซ่าง’ หมายถึง ด้านบน หรือตำแหน่งข้างหน้า หากนำขีดแรกของตัวอักษรสามตัวคือ ‘ไจ้[1]’ ‘เหริน[2]’ และ ‘จือ[3]’ มารวมกัน ก็จะได้ตัวอักษรหนึ่งตัว” เสียวอู่ได้ยินดังนั้น จึงรีบใช้กิ่งไม้ เขียนลงบนพื้นทันทีขีดขวาง ขีดลากซ้าย และจุด...แต่เขายังไม่ค่อยเข้าใจว่า จะได้เป็นตัวอักษรใดในเวลานั้น ตงฟางซื่อก็ใช้กระบี่ ลากออกมาเป็นตัวอักษรหนึ่ง“คือตัว ‘ต้า[4]’”เสียวอู่มองดูแล้ว พลันกระจ่างในทันทีใช่จริงด้วย!“ศิษย์พี่สะใภ้ แล้ววลีที่ว่า ‘มองคนเป็นคน’ล่ะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉยยังไม่ทันรอให้นางเอ่ย ตงฟางซื่อก็เดาได้แล้วเขาถาม: “คือตัว ‘เหว่ย[5]’ ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ข้าก็เดาว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”“ตัว ‘เหริน’ กับ ‘เหวย[6]’ รวมกัน ก็จะกลายเป็นตัวอักษร ‘เหว่ย’”เสียวอู่ถึงกับนิ่งงัน“ศิษย์พี่สะใภ้ ตัว ‘ต้า’ ข้าพอเข้าใจ แต่ตัว ‘เหว่ย’ ได้มาจากที่ใดกัน? มันดูไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรือ?”ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็ไม่อาจโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อได้เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะขับเข็มพิษออกมา ร่างกายยังคงพักฟื้น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status