ความเงียบงันครอบคลุมภายในรถยนต์คันงาม ราวกับว่ามันได้สิงสถิตในนั้น กระทั่งเข้าเขตเมือง หญิงสาวจึงขยับยืดตัวตรงแล้วกล่าวกับเขาในที่สุด
“จอดหน้าห้างก็ได้ค่ะ” เธอบอกสั้นๆ หยิบกระเป๋าถือมาแนบกาย ไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อย
วาคิมจอดรถตามคำขอ นึกสงสัยว่าบ้านของหล่อนอยู่แถวนี้หรืออย่างไร ในประวัติของพนักงานบอกว่าไม่ใช่แถวนี้นี่นา เขาไม่ได้เอ่ยถามในสิ่งที่ข้องใจ เมื่อหล่อนลงจากรถ เขาก็หมุนพวงมาลัย ขับรถต่อไปในทันที
เกล็ดมุกถอนใจเฮือกใหญ่ เธออยากให้เขาออกปากว่าจะไปส่ง แต่ว่าคงฝันเฟื่องเกินไป เธอหันซ้ายแลขวา ก่อนจะเดินเข้าไปหลบแดดใต้ต้นไม้ใกล้ๆ มือเรียวล้วงเอาสมาร์ตโฟนออกมากดเบอร์ที่บ้าน ไม่นานนักรถยุโรปคันหรูก็วิ่งมาเทียบริมฟุตบาท
เกล็ดมุกก้าวขึ้นไปนั่งด้วยท่าทีของนางพญา บ่าตั้งหลังตรง ใบหน้าเนียนเชิดน้อยๆ ไม่ได้ใกล้เคียงท่าทางของเกล็ดมุกคนเมื่อสักครู่สักกระผีก และหากใครทันสังเกตก็จะเห็นว่าที่ด้านข้างของตัวรถนั้น มีสัญลักษณ์อย่างหนึ่งสามารถการันตีฐานะความมั่งคั่งของคนที่เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ‘เพิร์ล’
วาคิมกลับถึงคฤหาสน์กิติบวร ในตอนใกล้ค่ำ น้องสาวคนสวยร่างบอบบาง ยืนชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟอยู่ที่หน้าประตู เหมือนว่ากำลังรอคอยบางอย่างด้วยใจจดจ่อ เขามั่นใจทีเดียวว่า วารินทร์ ไม่ได้รอเขาอย่างแน่นอน หล่อนรอคอยขนมเค้กเจ้าประจำ ที่เขากำลังหิ้วมันอยู่ต่างหาก
“มาช้าตั้งชั่วโมง น้องวางอนพี่วาแล้ว” สาวสวยค้อนขวับทำแก้มป่อง เหมือนเมื่อครั้งเด็กๆ ผิดกับความเป็นจริงที่หล่อนเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว บริสุทธิ์และงดงามปานดอกไม้แรกแย้ม
“ว้า...น่าเสียดายจัง คนสั่งมาเค้างอนไม่อยากกินแกแล้วล่ะ เจ้าขนมเค้กตกกระป๋อง เรารึก็ไม่ชอบกินของหวานซะด้วย อืม ถ้าอย่างนั้น ให้จิ๋วไปก็แล้วกัน” ชายหนุ่มรู้ทัน หยิบถุงขนมยี่ห้อดังออกมาแกว่งไปมายั่วน้ำลายคนยืนรอ
สาวใช้นามว่าจิ๋วยิ้มแป้นหน้าบานรอรับลาภปาก ทว่าก็ต้องรอเก้อ เมื่อคุณหนูคนงามของบ้านตรงรี่เข้าไปคว้าถุงนั้นไปต่อหน้าต่อตา
“บ้าน่าพี่วา น้องล้อเล่นหรอกน่า” วารินทร์แก้ตัว รีบคล้องแขนตนเองเข้ากับแขนของพี่ชายอย่างประจบ วาคิมส่ายหน้าระอา น้องสาวเขาไม่รู้จักโตเสียที ทั้งที่ตอนนี้เรียนจบ ป.โท มาได้เกือบปีแล้ว
“เข้าบ้านดีกว่าค่ะ คุณหญิงกำลังรอทานข้าว ท่านเข้าครัวเองเลยนะจะบอกให้”
วาคิมตาโตกับคำบอกเล่าของน้องสาว มารดาคงดีใจมากถึงขนาดเข้าครัวเอง ทั้งที่ท่านบอกเสมอว่าไม่ถนัดด้านนี้
ที่โต๊ะอาหาร
มารดาผู้แสนดีลุกขึ้นมาสวมกอดบุตรชายอย่างแสนรัก ท่านกุลีกุจอเรียกเด็กๆ ในบ้านมาเสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำวาคิมจ้าละหวั่น บรรยากาศของครอบครัวอบอวลไปด้วยความรัก วูบหนึ่งที่วาคิมรู้สึกผิดอยู่ในใจ ครึ่งปีมานี้ข้ออ้างที่เขาไม่ค่อยกลับบ้านในวันหยุดก็คืองานยุ่ง ทั้งที่ความจริงเป็นเพราะผู้หญิงอีกคน หล่อนทำให้เขาไม่อยากออกไปไหนนอกจากสวรรค์ส่วนตัวที่ชั้นบนสุดของตึก GB เท่านั้น
“ยิ้มจะฉีกถึงติ่งหูแล้วค่ะคุณหญิง เป็นปลื้มเชียวนะคะที่ลูกชายคนโปรดกลับบ้านได้” น้องน้อยของบ้านค่อนขอดมารดาพร้อมรอยยิ้ม มือของหล่อนเพียรตักขนมเค้กสุดโปรดเข้าปากไม่ยอมหยุด
“เอ๊ะ! ยัยวา นี่แม่นะ ประเดี๋ยวเหอะ”
คุณหญิงวารี เอ็ดบุตรสาวแต่กลั้วหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายรู้ทัน
“นี่ก็ลูกนะคะคุณแม่ขา....”
วาคิมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นการหยอกล้อของน้องสาวกับมารดา นางยิ้มแก้มแทบปริตอนที่เขาเติมข้าวสวยอีกจาน พานให้คิดถึงใครอีกคนที่พาใบหน้าหวานๆ มาวนเวียนอยู่ในความคิดคำนึงอยู่ร่ำไป เกล็ดมุกหล่อนจะรู้สึกอย่างไรนะเวลาที่ทำอาหารไว้รอท่า แต่เขาไม่เคยเหลียวแล
คฤหาสน์เฉิน เวลาเดียวกัน
‘ขอให้ความรักครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายของลูก พบเจอแต่สิ่งสวยงามมีแต่สุขสมหวังด้วยเถิด’
เกล็ดมุกพนมมือหลับตาอธิษฐานในใจ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อออกแรงเป่าเทียนบนเค้กก้อนสวยให้มันดับพร้อมกันทั้งยี่สิบห้าเล่ม เสียงปรบมือเปาะแปะของผู้ชายที่สำคัญที่สุดในชีวิตทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมๆ กับแสงไฟสีนวลตาถูกเปิดสวิตช์อีกครั้ง บิดาผู้แสนดีลูบกระหม่อมเธออย่างเอ็นดู ก่อนจะพูดว่า
“ลูกสาวป๋าโตขึ้นอีกปีแล้วนะ แต่ไม่รู้จะโตแต่ตัวหรือเปล่า”
ท่านค่อนขอดเล็กน้อยในเรื่องที่ทั้งสามรู้ดี
“โธ่...คุณป๋าคะ ไหนว่าจะไม่คุยเรื่องนี้ไง เดี๋ยวเฮียก็เอ็ดหนูเล็กหรอก” เตือนบิดาเสียงอ่อย ใบหน้างอง้ำช่างน่าเอ็นดู หันไปรับมีดพลาสติกจากมือแม่นมร่างท้วม มาตัดเค้กแบ่งให้ทุกๆ คน ไม่เว้นแม้แต่บรรดาบอดี้การ์ดหน้าเหี้ยมของบิดา พวกเขาต่างได้รับน้ำใจจากนายน้อยคนงามกันถ้วนหน้า
งานเลี้ยงเล็กๆ ยังดำเนินต่อไป มีเพียงคนในครอบครัวที่มาร่วมยินดีในคราวนี้ ความจริง เจ้าสัวเมฆินทร์ อยากประกาศให้ใครๆ ได้รับรู้ว่าท่านยังมีบุตรสาวแสนสวยอีกหนึ่งคน ถ้าไม่ติดว่าเจ้าของวันเกิดห้ามไว้วันนี้คงมีแขกเหรื่อมาร่วมยินดีมากกว่านี้เป็นร้อยเท่า
“ที่เหมืองเป็นยังไงบ้างลูก ช่วงนี้ป๋าไม่ได้แวะไปดูเลย” เอ่ยถามบุตรชายที่วันนี้เอาแต่นั่งเงียบจนผิดปกติ
“ก็...เรียบร้อยดีครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราได้สายแร่ดี คงทำเงินได้อีกมาก ยิ่งถ้าเจ้าของที่ดินผืนข้างๆ ยอมขายที่ให้เรา คุณป๋าคงได้นั่งนับเงินอย่างเดียวไม่ต้องตะลอนๆ ขึ้นเหนือลงใต้เป็นว่าเล่นอย่างนี้”
เมฆาตอบนิ่มๆ จงใจว่ากระทบเจ้าของวันเกิดที่มัวแต่ทำเรื่องไร้สาระไม่ยอมเข้าไปดูงานที่บริษัทเสียที
“ดีแล้ว ไม่เสียแรงที่เสียสัมปทานไปมากโข” เจ้าสัวเปรยยิ้มๆ เมื่อนึกถึงเม็ดเงินที่จะงอกเงยจากการทำเหมืองที่กาญจนบุรี
“แล้วเราล่ะหนูเล็ก เมื่อไหร่จะเลิกเล่นซะที มาช่วยงานคุณป๋าได้แล้ว ฟาร์มไข่มุกนั่นของตัวเองไม่ใช่เหรอ” นายเหมืองหน้าเหี้ยมประชดน้องสาวกลายๆ
“หนูเล็กไม่ได้เล่นนะเฮีย หนูเล็กเอาจริง”
คนเป็นน้องค้านเสียงดังฟังชัด คนเป็นพี่เบะปากหมั่นไส้ในความรักบ้าๆ บอๆ ของน้องสาว
“ระวังจะโดนเขี่ยทิ้งไม่รู้ตัว” ชายหนุ่มซ้ำอีกรอบ
“เฮีย! คุณป๋าดูเฮียสิ ไม่ให้กำลังใจกันเลย”
“เอาน่าๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน เฮียเขาเป็นห่วงหรอก หนูก็รู้ดี ป๋าเองก็ได้ยินได้ฟังอะไรมาไม่ใช่น้อย พวกคุณหญิงคุณนายที่สมาคมลือกันให้แซด เรื่องที่คุณหญิงวารีจะดองกับเพื่อนตัวเองที่ลูกสาวเขาเป็นนางแบบน่ะ ชื่ออะไรนะ อ้อๆ แพรวรุ้ง ใช่ๆ ป๋าอยากให้หนูทำใจไว้บ้างนะลูกนะ เวลาผิดหวังหนูจะได้มีภูมิคุ้มกัน ถ้าจะให้ดีละก็รีบตัดใจแล้วกลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า”
อดีตเจ้าพ่อตะล่อมบุตรสาวอย่างใจเย็น การสูญเสียสตรีอันเป็นที่รักอย่างมารดาของลูกๆ ทำให้ท่านล้างมือจากวงการนักเลงอย่างจริงจัง หันมาเอาดีทางด้านเพชรพลอย กระทั่งชื่อของเจ้าพ่อเมฆินทร์เลือนหายไปตามกาลเวลา เหลือเพียงเจ้าสัวเมฆินทร์แห่งเพิร์ลคนนี้
คนสวยฟังคำสอนของบิดาเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว และมันก็ทำให้เธอสะเทือนใจได้ทุกครั้ง การเป็นลูกอกตัญญูที่บิดาแสนรักกำลังบีบคั้นในหัวใจอย่างแรง
ในที่สุดเกล็ดมุกก็ไม่อาจฝืนทนได้อีก เธอต้องขอตัวขึ้นห้องโดยอ้างว่าไม่ค่อยสบายและต้องการพักผ่อน
“ป๋าครับ น้องคงเสียใจและกำลังรู้สึกผิด”
เมฆาเอ่ยตามที่เห็น น้องสาวเดินซึมขึ้นห้องไปทั้งที่งานเลี้ยงวันเกิดของตัวเองยังไม่เลิกราด้วยซ้ำ
“ป๋ารู้ ลื้อเองก็เจ็บปวดที่น้องสาวลื้อรักผู้ชายคนนั้นตั้งมากมาย ป๋าใจดีกับน้องมามากแล้ว มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าเราช่วยน้องออกมาจากวังวนแห่งความลุ่มหลง แทนที่จะเห็นดีเห็นงามอย่างที่ผ่านมา ลูกสาวอดีตเจ้าพ่อต้องเข้มแข็งกล้ายอมรับความจริง ไม่ใช่หลอกตัวเองว่ายังมีหวังไปวันๆ เหมือนคนขี้ขลาด”
“จริงครับ”
“ลื้อเองก็เหมือนกัน คุณชายใหญ่แห่งเพิร์ล อย่าทิ้งลายนักเลงที่มีอยู่ในสายเลือด อย่าให้คนอื่นมารังแกเราฝ่ายเดียว ถ้าวันใดมันทำน้องลื้อเจ็บ ลื้อต้องชำระแค้นให้สาสม แม้ว่าบางครั้งวิธีการที่เราทำจะผิดวิสัยชายชาตรี แต่ถ้ามันจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บเจียนตายได้ ลื้อก็อย่ารอ!”
หน่วยตาคู่เดิมของบิดาที่ทอดมองน้องสาวเขาอยู่เมื่อครู่นี้ ไม่มีอีกแล้วซึ่งความอ่อนโยน มันฉายชัดเพียงความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นที่เขาได้เห็นจนชินเมื่อครั้งยังเด็ก บิดาที่รักไม่เคยทิ้งลายเจ้าพ่อได้เลยสักวัน น้ำเสียงเด็ดขาด แววตาเย็นเฉียบ ยังคงฉายชัดบนใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งวัย
เมฆาพยักหน้ารับคำแทนสัจจะวาจา ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าลุกโชนดั่งเปลวเพลิงในหัวใจเขา
สักวันเถอะ มันจะต้องเจ็บเหมือนอย่างที่เขาเจ็บ มันจะได้รู้ว่าการที่น้องสาวที่รัก ถูกเด็ดดมแล้วเขี่ยทิ้งเหมือนดอกไม้รายทาง มันน่าอดสูสักเพียงใด สักวันวาคิม และวันนั้นใกล้เข้ามาเต็มที!
“อย่าเถียงสิ” คนเป็นพี่ว่ากลับ ดีใจเหลือเกินเมื่อเห็นน้องสาวต่อปากต่อคำได้เหมือนเคย“เถียงที่ไหนล่ะ เฮียอย่ามาหาเรื่องนะ หนูเล็กอยู่ดีๆ”“โอเคๆ ยอมๆๆ”คนเป็นพี่ยกมือยอมแพ้ด้วยว่าขี้เกียจต่อความกับน้องสาว เวลาเดียวกันนั้น บิดาของคนทั้งสองก็เดินเข้ามาสมทบ“เอ้า? คุณชายใหญ่ขอรับ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณชายใหญ่จะให้เกียรติไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนกระผมได้หรือเปล่าขอรับ อุตส่าห์ตามหาเสียทั่วบ้าน ที่แท้มาอยู่กับคุณหนูเล็กนี่เอง แกล้งคนแก่ให้เดินหาจนเหงื่อท่วม มันน่าจะให้โทนี่ตัดนิ้วลงโทษดีไหมฮึ” ผู้เป็นบิดาบ่นแกมประชด นึกเคืองเจ้าลูกชายตัวดีขึ้นมาตงิดๆ มันเล่นตัวยิ่งกว่าสาวๆ ขนาดใกล้เวลาเตรียมตัวไปงานแล้วก็ยังไม่ยอมตกปากรับคำเมฆาเบะปากให้น้องสาวเมื่อได้ฟังคำขู่ของบิดา เกล็ดมุกหัวเราะร่า อวดฟันเรียงสวยเมื่อเห็นสีหน้าปุเลี่ยนของพี่ชาย“ป๋าเลือกเลยว่าจะเอานิ้วไหน แต่ถ้าไม่มีใครเอาลูกชายป๋าไปทำพันธุ์ละก็ อดเลี้ยงหลานปู่ไม่รู้ด้วยนะ” เมฆาว่าอย่างเป็นต่อ ลูบคางที่รกไปด้วยหนวดเคราอย่างพออกพอใจเจ
ครืดดด!!! ตึง!!!เมฆาลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ มันล้มหงายบนพื้นอย่างแรง เกล็ดมุกสะดุ้งเฮือก หลับตาแน่นหนึบ รอคอยถ้อยวาจาที่พี่ชายจะกล่าวออกมาเพื่อสั่งสอนเหมือนทุกครั้ง ทว่าทุกสรรพสิ่งยังเงียบงัน หลายนาทีผ่านไปจึงได้ลืมตาขึ้นมาดูอีกครั้ง ดวงตาที่รื้นด้วยหยาดน้ำใสจึงทันเห็นแผ่นหลังกว้างของพี่ชายหายลับไปหลังบานประตูเกล็ดมุกหันมาหาบิดา เพียงชั่ววินาทีคำสารภาพของเธอก็เปลี่ยนฝ่ามืออุ่นๆ ของท่านให้เย็นเฉียบ เธอรับรู้ถึงความอบอุ่นที่จางหายบนฝ่ามือนั้น รีบทรุดตัวลงไปนั่งบนพรมผืนหนา คลานเข่าเข้าหาบิดาเหมือนครั้งที่ยังเล็กๆ มือเรียวพนมขึ้นมาแล้วก้มศีรษะลงกราบงามๆ แทบฝ่าเท้าของท่าน นิ่งนาน...เกล็ดมุกรู้ดี ความผิดครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก แต่ก็ยังหวังลึกๆ ว่าบิดาจะให้อภัย ให้เธอได้มีโอกาสอุ้มท้องลูกคนนี้ ลูกไม่มีพ่อ“ความจริง...บ้านเรา มันก็เงียบเหงาเกินไปนะ ถ้ามีเด็กเล็กๆ มาวิ่งเล่นบ้างจะเป็นไรไป” เจ้าสัวใหญ่น้ำตาซึม เสียงแหบสั่นกลั่นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก ไร้ประโยชน์หากท่านจะถือโทษโกรธเคืองบุตรสาว หล่อนเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว และรู้ดีแก่ใจว่าได้ละเมิดข
“แน่ใจหรือว่าผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของคุณ เจ้านายผมฝากมาบอกพวกคุณว่าถ้ายังไม่อยากตาย เลิกยุ่งกับคุณหนูเล็กซะ ไม่อยากนั้นจะได้กิน ‘ลูกปืน’ แทนข้าว” พ่อหมียักษ์ส่งสารตามที่เจ้านายสั่งไว้จนจบ เขาอุ้มร่างของคุณหนูเล็กขึ้นแนบอกแล้วก้าวยาวๆ ออกไปจากห้อง ตามด้วยชายชุดดำรั้งท้ายอีกเป็นขบวน“โธ่เว้ย! พวกมันเป็นใครกวิน ฉันต้องการรู้ในสิบนาที มันกล้าทำขนาดนี้หยามกันชัดๆ สารเลวเอ๊ย!” ก่นด่าด้วยแรงอารมณ์ ของที่อยู่ใกล้มือที่สุดมีอันต้องลอยละลิ่วด้วยถูกปาจากมือเจ้าของวาคิมกลับเข้าไปในห้องนอน ระบายความโกรธแค้นที่โหมแรงราวพายุน้ำแข็งลงกับข้าวของในนั้น ยี่สิบนาทีต่อมาพายุลูกใหญ่ก็พัดผ่านเหลือเพียงเศษซากอารมณ์ที่พังยับ มันเกลื่อนกระจายบนพื้นห้อง อาจจะกองรวมกับเศษแจกันหรือไม่ก็โคมไฟทรงพระจันทร์สีนวลที่ตอนนี้เว้าแหว่งเหลือเพียงครึ่งเสี้ยวกวินกวาดสายตามองไปรอบห้อง พายุอารมณ์เริ่มอ่อนแรงแล้ว เขาเองก็อยากระบายอารมณ์ให้หายแค้นกับอะไรสักอย่าง แต่เจ้านายที่เคารพคงไม่อาจอยู่ได้ลำพังในสภาพนี้“ไม่ต้องรอถึงสิบนาทีหรอก ถ้าเป็นไอ้หมียักษ์นั่น
[5]ลูกสาวเจ้าพ่อขอทวงบัลลังก์_____________________________“เดี๋ยว! เธอยังไปไหนไม่ได้ ฉันยังไม่อนุญาต”เขาประกาศก้อง กวินยิ้มกว้างเต็มวงหน้า หลีกทางให้เจ้านายสาวเท้าเข้าไปหาหญิงสาวเกล็ดมุกหันกลับมามองเขาด้วยแววตาสมเพช วาคิมก็ยังเป็นวาคิมวันยังค่ำ หัวใจน้ำแข็งที่เย็นเยือกและแข็งกระด้างยังคงทระนงอยู่เช่นเดิม ไม่ยอมอ่อนไหวละลายลงให้ใครเลยแม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง หากเขาบอกสักนิดว่า ‘รัก’ เธออาจจะเปลี่ยนใจ แต่...ไม่ละ ไม่ดีกว่า เธอทำให้บิดาและพี่ชายเสียใจมามากพอแล้ว“คุณเคยบอกว่าไม่ต้องขออนุญาต อย่าลืม!”เกล็ดมุกเปล่งน้ำเสียงเฉียบขาดประกาศจุดยืนอีกครั้ง เธอเดินหน้าก้าวต่อแม้ว่าพื้นห้องจะโคลงเคลงเหมือนเพิ่งลงจากรถไฟเหาะหมับ!“อย่าแตะฉัน! ปล่อย!” เธอร้องลั่นเมื่อมือที่หมายจะเอื้อมไปเปิดประตูถูกเขาคว้าเอาไว้ เธอพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ไม่สำเร็จ เขาตวัดแขนรอบเดียวก็เกี่ยวเธอมาแนบชิดติดอกแกร่ง ช่างง่ายดายเหลือเกิน
วาคิมร้องชื่อหญิงสาวลั่นห้อง ไอ้ท่าทางบ่าตั้งหลังตรง คอแข็งเป็นนางพญา แถมวาจาเชือดเฉือนไม่มีลดราวาศอกของหล่อนนี่มันสุดจะทนจริงๆเกล็ดมุกเดินเข้าห้องนอนอีกครั้ง ชายหนุ่มทั้งสองไม่เข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวกระทำ กระทั่งผ่านไปอีกหลายนาทีเจ้าหล่อนก็เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับข้าวของหลายอย่างในอ้อมแขน หล่อนปล่อยทุกอย่างให้หล่นโครมบนโต๊ะตรงหน้าพวกเขาวาคิมพูดไม่ออกเมื่อกล่องกระดาษใบเล็กกระเด็นมากระดอนมาโดนขา เขาต้องรีบรับมันไว้ก่อนที่มันจะร่วงลงไปใต้โต๊ะ เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แน่ละเพราะของทุกอย่างที่เขาสั่งให้หล่อน กวินเป็นคนจัดการทั้งสิ้นหัวคิ้วของบอดี้การ์ดหนุ่มขมวดมุ่นเมื่อแลเห็นของในมือเจ้านาย เกล็ดมุกกำลังจะทำอะไรกัน“นั่นของขวัญปลอบใจ” เธอบอกเบาๆ ขมขื่นใจเหลือเกินเมื่อแลไปที่กล่องของขวัญใบเล็กในมือเขา “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างในมันคืออะไร คุณเป็นคนให้เอง บอกฉันได้หรือเปล่าว่ามันคืออะไร”วาคิมนิ่งอึ้ง รู้สึกว่าอากาศภายในห้องมีไม่เพียงพอสำหรับเขา มันอึดอัดหายใจลำบาก ที่สำคัญปากของเขาเหมือนถูกถ่วงไว้ด้วยลูกตุ้มยักษ์ ไม่อาจแก้ต่างใ
หญิงสาวหยุดยืนที่กลางห้องเป็นครั้งสุดท้าย หน่วยตาหม่นเศร้ามีหยดน้ำใสคลออยู่ กวาดไล้ไปทั่วทุกตารางนิ้ว ซึมซับเอาความสุข ความทุกข์ ที่เขาและเธอมีร่วมกัน กลิ่นอายความสุขยังอบอวลอยู่ในนี้ มันมีมากพอๆ กับละอองของหยดน้ำตา“วาคิมคะ มุกมาอยู่ที่นี่เพราะว่ามุกรักคุณ แต่ที่มุกต้องไปก็เพราะมุกรักคุณเช่นกัน” เอ่ยกับห้องนอนอันว่างเปล่า ค่อยๆ ก้าวมาที่ประตูอย่างช้าๆ บิดลูกบิดสีเงินด้วยหัวใจอันห่อเหี่ยว แต่ยังไม่ทันได้ผลักมันออกไป เสียงประตูใหญ่ด้านนอกก็ถูกผลักเข้ามา มือเรียวสวยหยุดชะงัก ประตูห้องนอนถูกแง้มไว้มิได้เปิดออกจนสุด“ฉันกำลังโมโหมากเลยกวิน! เกล็ดมุกกำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้า!”วาคิมตะโกนบอกบอดี้การ์ดทั้งที่กวินก็เดินตามหลังมา ใช่! เขากำลังจะบ้าเพราะไม่รู้จะจัดการกับน้ำตาของเกล็ดมุกอย่างไรดี หล่อนชอบประชดประชันแล้วก็เอาแต่ร้องไห้ เขาพยายามไม่ใส่ใจ ไม่แคร์ แต่หัวจิตหัวใจกลับเจ็บปวดเหลือทนเกล็ดมุกยืนนิ่งหลังประตูห้องนอน ไม่ได้จะแอบฟัง แต่ชื่อของตัวเองที่ถูกกล่าวถึงทำให้อดใจไม่ไหว“เจ้านายน่าจะคุยกับคุณมุกอีกที เธอกำลังไม่ส