ความเงียบงันครอบคลุมภายในรถยนต์คันงาม ราวกับว่ามันได้สิงสถิตในนั้น กระทั่งเข้าเขตเมือง หญิงสาวจึงขยับยืดตัวตรงแล้วกล่าวกับเขาในที่สุด
“จอดหน้าห้างก็ได้ค่ะ” เธอบอกสั้นๆ หยิบกระเป๋าถือมาแนบกาย ไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อย
วาคิมจอดรถตามคำขอ นึกสงสัยว่าบ้านของหล่อนอยู่แถวนี้หรืออย่างไร ในประวัติของพนักงานบอกว่าไม่ใช่แถวนี้นี่นา เขาไม่ได้เอ่ยถามในสิ่งที่ข้องใจ เมื่อหล่อนลงจากรถ เขาก็หมุนพวงมาลัย ขับรถต่อไปในทันที
เกล็ดมุกถอนใจเฮือกใหญ่ เธออยากให้เขาออกปากว่าจะไปส่ง แต่ว่าคงฝันเฟื่องเกินไป เธอหันซ้ายแลขวา ก่อนจะเดินเข้าไปหลบแดดใต้ต้นไม้ใกล้ๆ มือเรียวล้วงเอาสมาร์ตโฟนออกมากดเบอร์ที่บ้าน ไม่นานนักรถยุโรปคันหรูก็วิ่งมาเทียบริมฟุตบาท
เกล็ดมุกก้าวขึ้นไปนั่งด้วยท่าทีของนางพญา บ่าตั้งหลังตรง ใบหน้าเนียนเชิดน้อยๆ ไม่ได้ใกล้เคียงท่าทางของเกล็ดมุกคนเมื่อสักครู่สักกระผีก และหากใครทันสังเกตก็จะเห็นว่าที่ด้านข้างของตัวรถนั้น มีสัญลักษณ์อย่างหนึ่งสามารถการันตีฐานะความมั่งคั่งของคนที่เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ‘เพิร์ล’
วาคิมกลับถึงคฤหาสน์กิติบวร ในตอนใกล้ค่ำ น้องสาวคนสวยร่างบอบบาง ยืนชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟอยู่ที่หน้าประตู เหมือนว่ากำลังรอคอยบางอย่างด้วยใจจดจ่อ เขามั่นใจทีเดียวว่า วารินทร์ ไม่ได้รอเขาอย่างแน่นอน หล่อนรอคอยขนมเค้กเจ้าประจำ ที่เขากำลังหิ้วมันอยู่ต่างหาก
“มาช้าตั้งชั่วโมง น้องวางอนพี่วาแล้ว” สาวสวยค้อนขวับทำแก้มป่อง เหมือนเมื่อครั้งเด็กๆ ผิดกับความเป็นจริงที่หล่อนเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว บริสุทธิ์และงดงามปานดอกไม้แรกแย้ม
“ว้า...น่าเสียดายจัง คนสั่งมาเค้างอนไม่อยากกินแกแล้วล่ะ เจ้าขนมเค้กตกกระป๋อง เรารึก็ไม่ชอบกินของหวานซะด้วย อืม ถ้าอย่างนั้น ให้จิ๋วไปก็แล้วกัน” ชายหนุ่มรู้ทัน หยิบถุงขนมยี่ห้อดังออกมาแกว่งไปมายั่วน้ำลายคนยืนรอ
สาวใช้นามว่าจิ๋วยิ้มแป้นหน้าบานรอรับลาภปาก ทว่าก็ต้องรอเก้อ เมื่อคุณหนูคนงามของบ้านตรงรี่เข้าไปคว้าถุงนั้นไปต่อหน้าต่อตา
“บ้าน่าพี่วา น้องล้อเล่นหรอกน่า” วารินทร์แก้ตัว รีบคล้องแขนตนเองเข้ากับแขนของพี่ชายอย่างประจบ วาคิมส่ายหน้าระอา น้องสาวเขาไม่รู้จักโตเสียที ทั้งที่ตอนนี้เรียนจบ ป.โท มาได้เกือบปีแล้ว
“เข้าบ้านดีกว่าค่ะ คุณหญิงกำลังรอทานข้าว ท่านเข้าครัวเองเลยนะจะบอกให้”
วาคิมตาโตกับคำบอกเล่าของน้องสาว มารดาคงดีใจมากถึงขนาดเข้าครัวเอง ทั้งที่ท่านบอกเสมอว่าไม่ถนัดด้านนี้
ที่โต๊ะอาหาร
มารดาผู้แสนดีลุกขึ้นมาสวมกอดบุตรชายอย่างแสนรัก ท่านกุลีกุจอเรียกเด็กๆ ในบ้านมาเสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำวาคิมจ้าละหวั่น บรรยากาศของครอบครัวอบอวลไปด้วยความรัก วูบหนึ่งที่วาคิมรู้สึกผิดอยู่ในใจ ครึ่งปีมานี้ข้ออ้างที่เขาไม่ค่อยกลับบ้านในวันหยุดก็คืองานยุ่ง ทั้งที่ความจริงเป็นเพราะผู้หญิงอีกคน หล่อนทำให้เขาไม่อยากออกไปไหนนอกจากสวรรค์ส่วนตัวที่ชั้นบนสุดของตึก GB เท่านั้น
“ยิ้มจะฉีกถึงติ่งหูแล้วค่ะคุณหญิง เป็นปลื้มเชียวนะคะที่ลูกชายคนโปรดกลับบ้านได้” น้องน้อยของบ้านค่อนขอดมารดาพร้อมรอยยิ้ม มือของหล่อนเพียรตักขนมเค้กสุดโปรดเข้าปากไม่ยอมหยุด
“เอ๊ะ! ยัยวา นี่แม่นะ ประเดี๋ยวเหอะ”
คุณหญิงวารี เอ็ดบุตรสาวแต่กลั้วหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายรู้ทัน
“นี่ก็ลูกนะคะคุณแม่ขา....”
วาคิมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นการหยอกล้อของน้องสาวกับมารดา นางยิ้มแก้มแทบปริตอนที่เขาเติมข้าวสวยอีกจาน พานให้คิดถึงใครอีกคนที่พาใบหน้าหวานๆ มาวนเวียนอยู่ในความคิดคำนึงอยู่ร่ำไป เกล็ดมุกหล่อนจะรู้สึกอย่างไรนะเวลาที่ทำอาหารไว้รอท่า แต่เขาไม่เคยเหลียวแล
คฤหาสน์เฉิน เวลาเดียวกัน
‘ขอให้ความรักครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายของลูก พบเจอแต่สิ่งสวยงามมีแต่สุขสมหวังด้วยเถิด’
เกล็ดมุกพนมมือหลับตาอธิษฐานในใจ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อออกแรงเป่าเทียนบนเค้กก้อนสวยให้มันดับพร้อมกันทั้งยี่สิบห้าเล่ม เสียงปรบมือเปาะแปะของผู้ชายที่สำคัญที่สุดในชีวิตทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมๆ กับแสงไฟสีนวลตาถูกเปิดสวิตช์อีกครั้ง บิดาผู้แสนดีลูบกระหม่อมเธออย่างเอ็นดู ก่อนจะพูดว่า
“ลูกสาวป๋าโตขึ้นอีกปีแล้วนะ แต่ไม่รู้จะโตแต่ตัวหรือเปล่า”
ท่านค่อนขอดเล็กน้อยในเรื่องที่ทั้งสามรู้ดี
“โธ่...คุณป๋าคะ ไหนว่าจะไม่คุยเรื่องนี้ไง เดี๋ยวเฮียก็เอ็ดหนูเล็กหรอก” เตือนบิดาเสียงอ่อย ใบหน้างอง้ำช่างน่าเอ็นดู หันไปรับมีดพลาสติกจากมือแม่นมร่างท้วม มาตัดเค้กแบ่งให้ทุกๆ คน ไม่เว้นแม้แต่บรรดาบอดี้การ์ดหน้าเหี้ยมของบิดา พวกเขาต่างได้รับน้ำใจจากนายน้อยคนงามกันถ้วนหน้า
งานเลี้ยงเล็กๆ ยังดำเนินต่อไป มีเพียงคนในครอบครัวที่มาร่วมยินดีในคราวนี้ ความจริง เจ้าสัวเมฆินทร์ อยากประกาศให้ใครๆ ได้รับรู้ว่าท่านยังมีบุตรสาวแสนสวยอีกหนึ่งคน ถ้าไม่ติดว่าเจ้าของวันเกิดห้ามไว้วันนี้คงมีแขกเหรื่อมาร่วมยินดีมากกว่านี้เป็นร้อยเท่า
“ที่เหมืองเป็นยังไงบ้างลูก ช่วงนี้ป๋าไม่ได้แวะไปดูเลย” เอ่ยถามบุตรชายที่วันนี้เอาแต่นั่งเงียบจนผิดปกติ
“ก็...เรียบร้อยดีครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราได้สายแร่ดี คงทำเงินได้อีกมาก ยิ่งถ้าเจ้าของที่ดินผืนข้างๆ ยอมขายที่ให้เรา คุณป๋าคงได้นั่งนับเงินอย่างเดียวไม่ต้องตะลอนๆ ขึ้นเหนือลงใต้เป็นว่าเล่นอย่างนี้”
เมฆาตอบนิ่มๆ จงใจว่ากระทบเจ้าของวันเกิดที่มัวแต่ทำเรื่องไร้สาระไม่ยอมเข้าไปดูงานที่บริษัทเสียที
“ดีแล้ว ไม่เสียแรงที่เสียสัมปทานไปมากโข” เจ้าสัวเปรยยิ้มๆ เมื่อนึกถึงเม็ดเงินที่จะงอกเงยจากการทำเหมืองที่กาญจนบุรี
“แล้วเราล่ะหนูเล็ก เมื่อไหร่จะเลิกเล่นซะที มาช่วยงานคุณป๋าได้แล้ว ฟาร์มไข่มุกนั่นของตัวเองไม่ใช่เหรอ” นายเหมืองหน้าเหี้ยมประชดน้องสาวกลายๆ
“หนูเล็กไม่ได้เล่นนะเฮีย หนูเล็กเอาจริง”
คนเป็นน้องค้านเสียงดังฟังชัด คนเป็นพี่เบะปากหมั่นไส้ในความรักบ้าๆ บอๆ ของน้องสาว
“ระวังจะโดนเขี่ยทิ้งไม่รู้ตัว” ชายหนุ่มซ้ำอีกรอบ
“เฮีย! คุณป๋าดูเฮียสิ ไม่ให้กำลังใจกันเลย”
“เอาน่าๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน เฮียเขาเป็นห่วงหรอก หนูก็รู้ดี ป๋าเองก็ได้ยินได้ฟังอะไรมาไม่ใช่น้อย พวกคุณหญิงคุณนายที่สมาคมลือกันให้แซด เรื่องที่คุณหญิงวารีจะดองกับเพื่อนตัวเองที่ลูกสาวเขาเป็นนางแบบน่ะ ชื่ออะไรนะ อ้อๆ แพรวรุ้ง ใช่ๆ ป๋าอยากให้หนูทำใจไว้บ้างนะลูกนะ เวลาผิดหวังหนูจะได้มีภูมิคุ้มกัน ถ้าจะให้ดีละก็รีบตัดใจแล้วกลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า”
อดีตเจ้าพ่อตะล่อมบุตรสาวอย่างใจเย็น การสูญเสียสตรีอันเป็นที่รักอย่างมารดาของลูกๆ ทำให้ท่านล้างมือจากวงการนักเลงอย่างจริงจัง หันมาเอาดีทางด้านเพชรพลอย กระทั่งชื่อของเจ้าพ่อเมฆินทร์เลือนหายไปตามกาลเวลา เหลือเพียงเจ้าสัวเมฆินทร์แห่งเพิร์ลคนนี้
คนสวยฟังคำสอนของบิดาเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว และมันก็ทำให้เธอสะเทือนใจได้ทุกครั้ง การเป็นลูกอกตัญญูที่บิดาแสนรักกำลังบีบคั้นในหัวใจอย่างแรง
ในที่สุดเกล็ดมุกก็ไม่อาจฝืนทนได้อีก เธอต้องขอตัวขึ้นห้องโดยอ้างว่าไม่ค่อยสบายและต้องการพักผ่อน
“ป๋าครับ น้องคงเสียใจและกำลังรู้สึกผิด”
เมฆาเอ่ยตามที่เห็น น้องสาวเดินซึมขึ้นห้องไปทั้งที่งานเลี้ยงวันเกิดของตัวเองยังไม่เลิกราด้วยซ้ำ
“ป๋ารู้ ลื้อเองก็เจ็บปวดที่น้องสาวลื้อรักผู้ชายคนนั้นตั้งมากมาย ป๋าใจดีกับน้องมามากแล้ว มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าเราช่วยน้องออกมาจากวังวนแห่งความลุ่มหลง แทนที่จะเห็นดีเห็นงามอย่างที่ผ่านมา ลูกสาวอดีตเจ้าพ่อต้องเข้มแข็งกล้ายอมรับความจริง ไม่ใช่หลอกตัวเองว่ายังมีหวังไปวันๆ เหมือนคนขี้ขลาด”
“จริงครับ”
“ลื้อเองก็เหมือนกัน คุณชายใหญ่แห่งเพิร์ล อย่าทิ้งลายนักเลงที่มีอยู่ในสายเลือด อย่าให้คนอื่นมารังแกเราฝ่ายเดียว ถ้าวันใดมันทำน้องลื้อเจ็บ ลื้อต้องชำระแค้นให้สาสม แม้ว่าบางครั้งวิธีการที่เราทำจะผิดวิสัยชายชาตรี แต่ถ้ามันจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บเจียนตายได้ ลื้อก็อย่ารอ!”
หน่วยตาคู่เดิมของบิดาที่ทอดมองน้องสาวเขาอยู่เมื่อครู่นี้ ไม่มีอีกแล้วซึ่งความอ่อนโยน มันฉายชัดเพียงความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นที่เขาได้เห็นจนชินเมื่อครั้งยังเด็ก บิดาที่รักไม่เคยทิ้งลายเจ้าพ่อได้เลยสักวัน น้ำเสียงเด็ดขาด แววตาเย็นเฉียบ ยังคงฉายชัดบนใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งวัย
เมฆาพยักหน้ารับคำแทนสัจจะวาจา ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าลุกโชนดั่งเปลวเพลิงในหัวใจเขา
สักวันเถอะ มันจะต้องเจ็บเหมือนอย่างที่เขาเจ็บ มันจะได้รู้ว่าการที่น้องสาวที่รัก ถูกเด็ดดมแล้วเขี่ยทิ้งเหมือนดอกไม้รายทาง มันน่าอดสูสักเพียงใด สักวันวาคิม และวันนั้นใกล้เข้ามาเต็มที!
ส่งท้ายบ่ายโมงวันอาทิตย์ฝนกำลังตกกระหน่ำอยู่นอกตัวตึกบริษัทเพิร์ล กวินถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย เฝ้ามองหยาดพิรุณที่ตกกระทบผนังกระจกอย่างเหนื่อยหน่าย เขาอยู่ในห้องทำงานของวาคิม กำลังรอการมาถึงของใครบางคนด้วยใจจดจ่อ เอกสารแฟ้มไม่หนาไม่บางกำลังรอลายเซ็นของคนสำคัญ เขาจะไม่เหนื่อยหน่ายหากว่าไม่ได้นั่งรอเจ้าหล่อนมาตั้งแต่เช้าถ้าเจ้านายที่เคารพไม่สั่งไว้ก่อนพาเจ้าสาวหมาดๆ ไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันอีกรอบที่ต่างประเทศละก็ จ้างให้เขาก็ไม่มารอเจ้าหล่อนหรอก นี่มันวันอาทิตย์นะ เขาควรจะได้พาลูกกลับบ้านที่ ‘เกาะปันรัก’ ไม่ใช่มาอยู่โยงรอคนที่ไม่รักษาเวลา“ปะป๊า! มีนอยากกินชูชิ” หนูน้อยวัยสี่ขวบหน้าตาน่ารักน่าชังบอกบิดาด้วยสำเนียงที่คิดว่าชัดเจนที่สุด“ขออีกห้านาทีลูก ถ้าเธอยังไม่มาปะป๊าจะพาไป”กวินบอกบุตรชาย ‘มีนา’ ติดอยู่ที่นี่กับเขาตั้งแต่เช้า เขาน่าจะฝากลูกไว้กับคุณหญิงวารี ไม่น่าพามาด้วยเลย“ป๊าลอใค?” หนูน้อยถามอีก“รอคุณแพรวรุ้ง” กวินตอบวาคิมเห็นว่าฝ่ายแพรวรุ้งเสียหน้าที่เขาแต่งงานกับเกล็ดมุก ทั้งที่ข่าวก่อนหน้านั้นออกไปว่าเขาและแพรวรุ้งกำลังจะหมั้นกัน วาคิมเลยขอไถ่โทษด้วยการเสนอให้สาวเจ้ามาเป็
[24]ด้วยรักและเข้าใจ____________“นายเหมือง! อย่ามาผิดคำพูดนะ ไหนบอกว่าจะพาไปเที่ยวไง!”วารินทร์ค้อนฟ้าค้อนลมไปหลายยก เมื่อสามีผู้เอาแต่ใจผูกขาดการอยู่บนเตียงมาตั้งครึ่งค่อนวัน แทนที่วันหยุดจะได้เที่ยวบ้างอะไรบ้าง“อือ...ขอพักเหนื่อยหน่อยจ้ะเมียจ๋า เมื่อคืนนายเหมืองใช้แรงงานมากเกินไปเลยหมดแรง” ตอบกลับหน้าทะเล้น แต่ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ“จะไปไหนฮึ ท้องฟ้ามันเป็นใจให้น่านอนขนาดนี้” เขาว่าแล้วรวบร่างน้อยไปล้มตัวลงนอนอีกครั้ง“แดดเปรี้ยงอย่างนี้เหรอที่ว่าเป็นใจ อย่ามาล้างสมองนะ น้องวาอยากว่ายน้ำจะตาย มันร้อน น่านะ พาไปหน่อย”“ฮั่นแน่ เมียเราอยากไปรำลึกความหลังหรือจ๊ะ”เมฆาแกล้งเย้า“บ้า! ใครเขาจะอยากนึกถึงความหลังบ้าบอ”ใบหน้าสวยจืดเจื่อน เมื่อความหลังที่ว่ามันไม่ได้มีเพียงเรื่องชวนวาบหวิวเพียงเรื่องเดียว แต่มันมีทั้งคราบน้ำตาและวาจาที่เชือดเฉือนจิตใจให้เจ็บช้ำครั้งแล้วครั้งเล่า“โอ...ไม่นะวารินทร์ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นนะที่รัก ฉันไม่อยากให้เธอคิดถึงมันอีก ฉันขอโทษ ฉันสำนึกผิดแล้ว อย่าจมอยู่กับอดีตเลย ฉันขอร้อง ได้โปรดอยู่กับฉัน อยู่กับปัจจุบัน อย่าคิดถึงมันอีกเลย อย่าลงโทษฉั
[23]เพราะเรารักกัน______________วาคิมเร่งฝีเท้าเข้ามาด้านในเพียงเพื่อจะพบต้นตอที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่กำยำของบอดี้การ์ดหัวทองกำลังโอบประคองภรรยาของเขาอย่างถือสิทธิ์“วางเธอลงเดี๋ยวนี้โทนี่ คราวหน้าฉันจะตัดมือแกทิ้ง ถ้ากล้าแตะคุณหนูของแกอีก”เสียงกร้าวร้องสั่ง โทนี่ตีหน้าขรึมใส่ เขาอยากจะปล่อยร่างนายสาวลงเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็เกรงว่าสาวใช้ร่างบอบบางจะทานน้ำหนักไม่ไหวเลยต้องประคองเอาไว้“เกรงว่าตอนนี้คุณหนูคงอยากให้ผมแตะมากกว่าคุณ” โทนี่ประชดวาคิมตีหน้ายักษ์ใส่เพราะจนใจในการโต้เถียง เขาช้อนร่างอ่อนปวกเปียกให้พ้นจากวงแขนของบอดี้การ์ดมาดเข้ม ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดของเกล็ดมุกช่างบีบคั้นหัวใจอย่างที่สุด หล่อนคงเสียใจที่เขาก้าวออกไปพร้อมๆ กับฟ้ารุ่ง แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขาอยากให้หล่อนรับรู้เหตุผลที่เขาต้องทำอย่างนั้นว่าที่คุณพ่ออุ้มว่าที่คุณแม่ขึ้นห้องนอน เขาวางหล่อนลงบนเตียงอย่างเบามือ สั่งสาวใช้ให้หาผ้าชุบน้ำเย็นมาให้ ก่อนจะไล่ทุกคนออกไป ด้วยต้องการอยู่กับหล่อนตามลำพัง“ได้โปรดเถอะมุก ช่วยตื่นขึ้นมาฟังผมที ผมขอร้อง”วาคิมพึมพำขณะไล้ผ้าหมาดๆ เช็ดแก้มนวลอย่างทะนุถนอมครื
ฟ้ารุ่งเดินอ้อมโต๊ะไปหาเกล็ดมุก วาคิมมัวแต่นั่งอึ้งเมื่อเห็นอดีตแฟนเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ เมื่อก่อนหล่อนออกจะเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ตอนนี้ทำไม...“โทนี่!” เกล็ดมุกร้องเรียกบอดี้การ์ดของบิดาที่ยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆบอดี้การ์ดมาดเข้มวิ่งมาอย่างไว พริบตาเดียวก็ควักปืน .357 ออกมาวางใส่มือให้เจ้านาย เป็นจังหวะเดียวกับที่ฟ้ารุ่งกำลังจะฟาดฝ่ามือใส่แก้มของเกล็ดมุก ซึ่งผลของมันนั้นทุกคนย่อมรู้ดี แขนเรียวของเจ้าหล่อนค้างเติ่งกลางอากาศ เกล็ดมุกจ่อปืนเข้าที่กลางหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างคล่องมือวาคิมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขารู้ดีกว่าใครว่าเกล็ดมุกใช้ปืนเป็น!เกล็ดมุกยิ้มเยาะ รู้ว่าตัวเองเหนือกว่าเห็นๆ“มาหยามกันถึงถิ่นขนาดนี้ จะให้กลับไปแบบตอนขามามันก็ยังไงๆ อยู่ วันนี้ให้แกงจืดเป็นของฝาก ถ้ากล้ามาอีกละก็ ฉันจะให้ลูกตะกั่ว สนไหมล่ะ คุณฟ้ารั่ว!”“กรี๊ด! อีบ้า! อีโรคจิต! วา! ช่วยฟ้าด้วยเมียคุณจะฆ่าฟ้า ฮือออ...”ฟ้ารุ่งตะเบ็งเสียงแปดหลอดร่ำร้องขอความช่วยเหลือจากวาคิม ชายหนุ่มลุกมาหาสองสาว ใจคอไม่ดี ไม่อยากให้เกล็ดมุกถือปืน หล่อนท้องอยู่นะ ปืนผาหน้าไม้ไว้ใจได้ที่ไหนปัง!กระเบื้องปูพื้นลายสวยเป็นรูโบ๋ตรงกลา
คฤหาสน์หลังงามดูเงียบเหงาเมื่อเธอโดนคำสั่งข้ามประเทศจากเจ้าสัวว่าให้งดการเข้าบริษัท หากยังไม่หายแพ้ท้องดี นั่นทำให้เธอต้องมานั่งจับเจ่าอยู่บนเตียงกว้าง ทั้งนอนเกลือกกลิ้งมากว่าสองชั่วโมงแล้วก๊อกๆๆ“คุณหนูเล็กคะ อาหารเที่ยงเสร็จแล้วค่า”เสียงสาวใช้บอกมาที่หน้าประตู เกล็ดมุกลุกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ เนื่องจากว่าเธอยังอยู่ในชุดนอนตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้สามีเจ้าปัญหาบอกว่าจะมาทานข้าวเที่ยงด้วย แต่ตอนนี้ปาเข้าไปจะบ่ายโมงแล้ว เธอคงจะหิ้วท้องรอหรอกเกล็ดมุกเดินลงมาชั้นล่างด้วยความกระปรี้กระเปร่า การได้อาบน้ำเย็นๆ ช่วยให้เธอสดชื่นขึ้นทันตา เธอเดินมาถึงโต๊ะอาหาร วินาทีเดียวกันนั้น เสียงรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้านก็ทำให้เธอต้องชะเง้อคอมองผ่านหน้าต่างกระจกด้วยความใคร่รู้“เสียงรถใครน่ะ ไปดูทีซิ ใช่รถคุณวาหรือเปล่า”สาวใช้ยังไม่ทันได้ออกไปพ้นประตูดี เจ้าของรถยนต์เสียงแปลกหูก็เดินนวยนาดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ“สวัสดีค่ะคุณมุก แหมๆๆ กลับมาไม่บอกกันบ้างเลยนะคะ”เสียงหวานหยดเอ่ยถามแกมหยอกเย้า ราวกับว่าสนิทกันมาแรมปี เกล็ดมุกหน้าตึง นี่ถ้าเธอไม่รู้ว่าหล่อนคนนี้เป็นใคร ป่านนี้คงยังโดนหลอกไม่เลิก ก็สาว
[22]ปรับความเข้าใจ__________วาคิมใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงในการขับรถกลับจากหัวหิน และตอนนี้เขาก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์ของตระกูลเฉินเป็นที่เรียบร้อย เขาพ่นลมหายใจทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างกังวล ไม่รู้จะแก้ตัวเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรดี หรือว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการพูดความจริงเสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ สะกิดใจเกล็ดมุก เธออยู่ในห้องอาหาร มีสาวใช้คอยปรนนิบัติพัดวีราวเจ้าหญิง เธอเพิ่งกลับมาถึงที่นี่ไม่ถึงชั่วโมงและยังไม่มีแก่ใจจะรับแขก“ไปดูทีว่าใครมา ถ้าแขกของป๊าบอกให้เขามาวันหลังนะ”เกล็ดมุกสั่งสาวใช้ ปากน้อยๆ กำลังแทะเล็มเม็ดมะม่วงที่ตอนนี้เหลือแต่แกนเปล่าๆ“ค่ะ คุณหนูเล็ก” สาวใช้ร่างผอมขานรับ รีบเดินแกมวิ่งไปที่หน้าคฤหาสน์ แต่ยังไปไม่ถึงด้านหน้าดีด้วยซ้ำ ผู้มาเยือนก็เข้ามาถึงด้านในเสียก่อน“มีอะไรก็ไปทำเถอะ”คุณหนูเล็กสั่งอีกครั้ง สาวใช้รีบหลบฉากเข้าครัว“กลับมาทำไมไม่บอกผมบ้าง รู้หรือเปล่าว่าทำให้ผมเป็นห่วงแค่ไหน”เกล็ดมุกไม่อนาทรร้อนใจต่อคำกล่าวหานั้น ยังคงนั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานต่อไปไม่รู้ร้อนรู้หนาว“ผมถามทำไมไม่ตอบ!” วาคิมขึ้นเสียง อารมณ์เดือดปุดๆ เขาอุตส่าห์เป็นห