บรรยากาศในห้องเรียนยังคงอึมครึมภายใต้แสงไฟสลัว ๆ ที่กะพริบไม่หยุด เสียงคำรามของปีศาจเงาจากภายนอกประตูยังคงดังก้องเป็นระยะ ๆ แต่ความสนใจของนักเรียนทุกคนกลับพุ่งตรงไปยัง ลุงภารโรง และเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่ท่านเพิ่งเปิดเผย ทุกคนยังคงตกตะลึงกับความจริงที่ว่าโรงเรียนแห่งนี้คือสถานที่แห่งตำนาน และพวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมันโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ในกลุ่มนักเรียนเหล่านั้น มีเพียงคนเดียวที่กำลังจมดิ่งสู่ความรู้สึกผิดอย่างหนัก นั่นคือ เก็น ใบหน้าของเขามีสีหน้าซีดเผือด ดวงตาแดงก่ำจากการข่มความรู้สึกไว้ เขาจ้องมองหีบไม้ที่ลุงภารโรงวางลงบนโต๊ะด้วยความรู้สึกผิดบาป เสียงของลุงภารโรงที่ว่า "พวกเธอได้ไปเปิดหีบต้องสาปเข้าหนะสิ" ยังคงดังก้องอยู่ในหัว ไอโกะ ที่สังเกตเห็นความผิดปกติของรองหัวหน้าห้อง เธอเดินเข้าไปใกล้เก็นอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เก็น... นายเป็นอะไรไป?" เก็นเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาฉายแววเจ็บปวด "ก็เพราะฉัน... เพราะฉันเปิดหีบใบนั้นออก พวกปีศาจพวกนั้นถึงได้หลุดออกมา..." เสียงของเขาสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้า เขาพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ไหลออกมา ยูเมะ รีบเดินเข้ามาข้าง ๆ ไอโกะ เธอกุมมือเก็นเบา ๆ "ไม่ใช่นายคนเดียวนะเก็น พวกเราก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยกันหมดนั่นแหละ" โช พยักหน้าเห็นด้วย "ใช่แล้วเก็น! เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นนี่หว่า" ฟูมิโกะ เสริม "เรื่องนี้มันต้องมีทางแก้ไขได้แน่ ๆ นายอย่าโทษตัวเองเลยนะ" เคนตะ ตบไหล่เก็นเบา ๆ "เราจะหาทางรับผิดชอบร่วมกัน" คำพูดของเพื่อน ๆ ทำให้เก็นรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่ความรู้สึกผิดยังคงเกาะกินใจเขาอยู่ ลุงภารโรงที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ตลอด ค่อย ๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เก็น... พวกเธอทุกคนฟังลุงให้ดีนะ" ท่านลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางห้อง เหล่านักเรียนต่างเงียบเสียงลงและหันไปมองลุงภารโรงอย่างพร้อมเพรียง "หีบต้องสาปใบนี้... มันไม่ใช่แค่หีบธรรมดาที่ใครจะเปิดได้ง่าย ๆ" ลุงภารโรงเริ่มอธิบาย "มันถูกสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์โบราณและถูกผนึกไว้ด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นก็คือ 'เลือดบริสุทธิ์ของเหล่านักเวทย์สายขาว' เอง" ทุกคนต่างเงียบกริบ รอฟังคำอธิบายต่อไป "คำสาปของเลือดบริสุทธิ์นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจแห่งความมืดหลุดรอดออกมาโดยง่าย... และนั่นหมายความว่า มีเพียงคนที่มี 'สายเลือดนักเวทย์สายขาว' เท่านั้น ที่จะสามารถเปิดมันได้!" สิ้นคำพูดของลุงภารโรง ห้องเรียนก็ตกอยู่ในความเงียบงันชั่วขณะ ทุกคนต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงกับความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ เก็น ตัวแข็งทื่อ ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างตกใจที่สุด ราวกับโดนฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ไม่ใช่แค่เก็นเท่านั้น แต่เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ด้วย ต่างก็หันไปมองเก็นเป็นตาเดียว ใบหน้าของพวกเขามีทั้งความประหลาดใจ ความสงสัย และความไม่เชื่อ "หมายความว่า... เก็น... นายคือ...?" ไอโกะ พูดไม่ออก เธอชี้ไปที่เก็นด้วยมือที่สั่นเทา ยูเมะ อ้าปากค้าง "งั้นแสดงว่า... เก็นมีสายเลือดนักเวทย์เหรอคะ?!" เก็นเองก็ยังคงอยู่ในอาการช็อก เขาพึมพำเสียงแผ่ว "งั้นแสดงว่า... ผมมีสายเลือดนักเวทย์เหรอครับ..." ลุงภารโรงมองไปยังเก็น ดวงตาของท่านฉายแววแห่งความเข้าใจและเห็นใจ "ใช่... ไม่ผิดแน่" ท่านเอ่ยยืนยันคำตอบอย่างหนักแน่น พลางมองไปยังนอกหน้าต่างที่เมฆฝนเริ่มเคลื่อนตัวเผยให้เห็นแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาสลัว ๆ ราวกับกำลังบอกใบ้ถึงการเริ่มต้นของบางสิ่งบางอย่าง "สายเลือดของนักเวทย์สายขาวได้หลับใหลอยู่ในตัวเจ้ามานานนับศตวรรษ เก็น... จนกระทั่งหีบใบนี้ถูกเจ้าเปิดออก พลังที่แท้จริงจึงได้ตื่นขึ้น" ลุงภารโรงกล่าวอย่างจริงจัง ก่อนที่เขาจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมตัวเก่าที่สวมอยู่ และหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมา สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของทุกคนคือ มีดสั้นสีเงินวาวเล่มหนึ่ง ลวดลายบนด้ามจับและใบมีดดูแปลกตา ไม่เหมือนมีดทั่วไปที่เคยเห็น มันมีประกายแสงสีเงินเรืองรองอ่อน ๆ เปล่งออกมา ท่ามกลางความมืดสลัวของห้องเรียน มีดเล่มนั้นดูราวกับของวิเศษจากเทพนิยาย ทุกคนต่างเบิกตากว้าง ต่างพากันยื่นหน้าเข้าไปมองใกล้ ๆ ด้วยความสงสัยระคนตื่นเต้น "นี่... นี่มันคืออะไรครับลุง?" โช ถามขึ้นเป็นคนแรก เสียงของเขาเต็มไปด้วยความทึ่ง ฟูมิโกะ เพ่งมองลวดลายบนใบมีด "ลวดลายสวยจังเลยค่ะ... มันคืออะไรคะ?" ไดชิ พึมพำ "เหมือนของในเกมเลยว่ะ" ลุงภารโรงยื่นมีดสั้นเล่มนั้นออกไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ แสงจากมีดสีเงินส่องกระทบใบหน้าของท่าน เผยให้เห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก "นี่คือ 'มีดลงอาคม'" ลุงภารโรงตอบ เสียงของท่านเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและจริงจัง "มันถูกร่ายเวทย์ไว้ด้วยพลังของนักเวทย์สายขาวเมื่อหลายร้อยปีก่อน สำหรับจัดการกับพวกปีศาจเงาโดยเฉพาะ!" คำพูดของลุงภารโรงสร้างความหวังครั้งใหม่ขึ้นในใจของเหล่านักเรียนที่กำลังสิ้นหวัง ถ้ามีอาวุธที่สามารถจัดการกับปีศาจเงาได้ นั่นหมายความว่าพวกเขายังมีโอกาส! แต่ความสงสัยยังคงเกาะกินใจพวกเขาอยู่... ทำไมลุงภารโรงถึงได้มีอาวุธวิเศษนี้อยู่ในครอบครอง?เสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง