ภายในห้องเรียนที่มืดสลัวและเต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้นของไม้เก่า ๆ เหล่านักเรียนห้อง ม.5/B ทั้ง 20 คนต่างนั่งเงียบกริบ แสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่กะพริบอยู่ด้านบนยิ่งเพิ่มความลึกลับให้กับบรรยากาศ เสียงคำรามเกรี้ยวกราดของปีศาจเงาที่ยังคงกระทบประตูห้องเป็นระยะ ๆ ราวกับจะย้ำเตือนถึงภัยคุกคามที่อยู่ภายนอก ทว่าตอนนี้ทุกคนต่างจดจ่ออยู่กับชายชราตรงหน้า ลุงภารโรง ผู้ซึ่งกำลังจะเปิดเผยเรื่องราวที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ผนังโรงเรียนแห่งนี้มานานแสนนาน
ลุงภารโรงถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ดวงตาของท่านทอดมองไปยังแผ่นยันต์สีแดงสดที่ยังคงติดแน่นอยู่บนประตูห้องอย่างพินิจพิจารณา ราวกับกำลังย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตอันไกลโพ้น "เรื่องมันเริ่มจาก... เมื่อหลายร้อยปีก่อน" ท่านเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เนิบนาบ แต่เต็มไปด้วยความจริงจังและเจ็บปวด "ในยุคสมัยที่เวทมนตร์ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนานอย่างทุกวันนี้... มีเหล่านักเวทย์ผู้ชั่วร้ายกลุ่มหนึ่ง พวกเขาหลงมัวเมาในอำนาจมืด และได้ทำความผิดมหันต์" ลุงภารโรงเว้นจังหวะเล็กน้อย ดวงตาของท่านฉายแววหม่นหมอง "พวกเขาได้ประกอบพิธีต้องห้าม อัญเชิญ 'ปีศาจแห่งความมืด' ออกมาจากห้วงลึกของความว่างเปล่า" เสียงฮือฮาเบาๆ ดังขึ้นจากเหล่านักเรียน ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ เรื่องราวที่กำลังได้ยินช่างเหลือเชื่อราวกับหลุดออกมาจากหนังสือนิทานแฟนตาซี แต่ประสบการณ์ที่เพิ่งเผชิญหน้ากับปีศาจเงาเมื่อครู่ทำให้พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันคือความจริง "เมื่อปีศาจแห่งความมืดปรากฏตัว โลกของเราก็ตกอยู่ในหายนะทันที" ลุงภารโรงเล่าต่อ เสียงของท่านเคร่งขรึมขึ้น "พวกมันไม่ได้มีรูปร่างที่ชัดเจน แต่เป็นเพียงกลุ่มเงาดำที่แผ่ขยายปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ความมืดมิดกัดกินผืนแผ่นดิน สัตว์ป่าล้มตาย ต้นไม้เหี่ยวเฉา ผู้คนล้มป่วย และที่เลวร้ายที่สุดคือ... พวกมันเริ่มกัดกิน 'ดวงวิญญาณ' ของสิ่งมีชีวิต ทำให้ผู้คนที่ถูกกัดกินกลายเป็นเพียงร่างไร้ชีวิตที่เดินได้ ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความคิด ไม่มีความหวัง..." เสียงสะอื้นเบาๆ ดังขึ้นจากมุมห้อง ยูเมะ กำลังใช้มือปิดปากแน่น น้ำตาคลอเบ้าด้วยความหวาดกลัวต่อภาพที่ลุงภารโรงบรรยาย ไอโกะ รีบถามขึ้น "แล้ว... แล้วไม่มีใครทำอะไรได้เลยเหรอคะ? ปล่อยให้พวกมันกัดกินวิญญาณไปเรื่อยๆ อย่างนั้นหรือ?" "ไม่หรอก..." ลุงภารโรงส่ายหน้าช้า ๆ "ในขณะนั้นเอง ก็มีเหล่านักเวทย์ผู้พิทักษ์... พวกเราเรียกพวกเขาว่า 'นักเวทย์สายขาว' ที่พยายามจะยับยั้งหายนะครั้งนั้น พวกเขารวมตัวกัน ใช้พลังเวทมนตร์ที่บริสุทธิ์ที่สุดเพื่อต่อสู้กับปีศาจแห่งความมืด" "แล้วพวกเขาชนะไหมครับ?" โช ถามขึ้นอย่างมีความหวัง ลุงภารโรงถอนหายใจอีกครั้ง "น่าเสียดาย... ในตอนแรก พวกเขาสังหารปีศาจแห่งความมืดได้จริง แต่แล้วความจริงอันน่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้น" ท่านหยุดชั่วครู่ มองตรงไปยังดวงตาของเหล่านักเรียน "ยิ่งพวกมันถูกฆ่ามากเท่าไหร่... เลือดของพวกมันที่หยดลงพื้นก็ยิ่งแตกตัวกลายเป็นปีศาจตนใหม่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ! ราวกับว่าความมืดมิดนั้นไม่มีที่สิ้นสุด" คำพูดของลุงภารโรงทำให้บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที นักเรียนหลายคนถึงกับตัวสั่นงันงก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แล้วพวกเขาจะต่อสู้กับปีศาจที่ไม่มีวันตายได้อย่างไร? "หมายความว่า... พวกเราไม่มีทางสู้กับมันได้เลยเหรอครับ?" เคนตะ ถามเสียงสั่นเครือ เก็น ซึ่งเงียบมานาน เอ่ยปากถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "แล้วทำไมลุงถึงรู้เรื่องพวกนี้ครับ? แล้วทำไมพวกมันถึงอยู่ในหีบนั้น?" ลุงภารโรงมองไปที่เก็น ดวงตาของท่านเต็มไปด้วยความเข้าใจ "คำถามที่ดีเก็น... ใช่แล้ว ลุงรู้เรื่องพวกนี้ดี เพราะลุง... เป็นหนึ่งในทายาทของนักเวทย์สายขาวเหล่านั้น" คำสารภาพของลุงภารโรงทำให้ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่เคยมีใครคิดว่าชายชราผู้ดูแลโรงเรียนธรรมดา ๆ คนนี้จะมีความลับที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ซ่อนอยู่ "จริงเหรอครับลุง!?" คิชิโระ แทบจะกระโดดจากเก้าอี้ด้วยความตื่นเต้น "เป็นไปได้ยังไงคะ?" ฮานา อุทาน ลุงภารโรงยิ้มเล็กน้อย "เอาละ...ฟังต่อเถอะ" ท่านหันกลับไปมองแผ่นยันต์บนประตูอีกครั้ง "เมื่อเหล่านักเวทย์สายขาวรู้ว่าไม่สามารถสังหารปีศาจแห่งความมืดได้ พวกเขาก็ต้องคิดค้นวิธีใหม่... วิธีที่จะหยุดยั้งพวกมันได้โดยไม่เพิ่มจำนวนให้มากขึ้น" "แล้ววิธีนั้นคืออะไรครับ?" โกฮัน ถามขึ้นอย่างกระหายใคร่รู้ "พวกเขาจึงใช้ 'พลังเวทย์ขั้นสูง' ที่ต้องใช้ชีวิตของนักเวทย์หลายคนเป็นเดิมพัน เพื่อที่จะ 'ทำให้พวกมันกลายเป็นเงา'" ลุงภารโรงอธิบาย "ไม่ใช่เงาธรรมดา... แต่เป็นเงาที่ไร้ซึ่งร่างกายที่แท้จริง ไม่สามารถถูกทำลายด้วยวิธีการทางกายภาพได้อีกต่อไป อย่างที่พวกเธอเห็นเมื่อครู่" ทุกคนพยักหน้าหงึกหงัก พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมจอบและเสียมของพวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรปีศาจเงาได้เลย "แต่แค่ทำให้เป็นเงา พวกมันก็ยังอันตรายไม่ใช่เหรอครับ?" ไดชิ ถามด้วยความสงสัย ดาอิ แฝดน้องสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย "ถูกต้อง" ลุงภารโรงตอบรับ "พวกเขาไม่ได้หยุดแค่นั้น หลังจากที่ทำให้ปีศาจแห่งความมืดกลายเป็นเงาแล้ว เหล่านักเวทย์สายขาวก็ยังได้ 'สร้างอาวุธพิเศษที่สามารถปราบพวกมันได้' ขึ้นมา" "อาวุธเหรอครับ!?" เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง แววตาของนักเรียนหลายคนเริ่มมีประกายความหวัง "อาวุธเหล่านั้นไม่ได้เป็นอาวุธปกติ แต่เป็นสิ่งที่ผูกพันกับพลังเวทมนตร์ของโลกนี้... ซึ่งหายสาบสูญไปนานแล้ว" ลุงภารโรงกล่าวอย่างเศร้าสร้อย "แต่ถึงแม้จะสร้างอาวุธขึ้นมาได้ พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้พวกปีศาจเงาหายไปได้อย่างถาวร เพราะพวกมันคือพลังงานด้านลบที่แท้จริง ไม่มีทางกำจัดให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้ได้" "ถ้าอย่างนั้น... แล้วหีบใบนั้นล่ะครับ?" เร็น ถามขึ้น พลางมองไปที่หีบไม้ที่เก็นทำหล่นลงพื้น ลุงภารโรงหันไปมองหีบนั้นอีกครั้ง "ถูกต้อง... หลังจากที่ต่อสู้กันอย่างยาวนาน และใช้พลังเวทย์มหาศาลเพื่อทำให้พวกมันอ่อนแอลง... เหล่านักเวทย์สายขาวก็ได้ใช้พลังเฮือกสุดท้ายเพื่อ 'กักเก็บดวงจิตที่แท้จริงของปีศาจแห่งความมืดทั้งหมดไว้ในกล่องคำสาปนี้ตลอดกาล' หรือที่พวกเธอเรียกว่าหีบต้องสาปนั่นแหละ" "นี่มัน... เรื่องที่เกินความจริงไปแล้ว..." เทนชิ พึมพำกับตัวเอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ อิจิ ขยับเข้ามาใกล้ลุงภารโรงมากขึ้น "แล้วทำไมหีบมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับลุง? ทำไมถึงถูกฝังอยู่ใต้สวนผักของโรงเรียน?" ลุงภารโรงเหลือบมองออกไปยังหน้าต่าง ที่ซึ่งเมฆฝนกำลังเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ เผยให้เห็นแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาสลัวๆ "สถานที่แห่งนี้... โรงเรียนริโอะ... มันถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่านักเวทย์สายขาวเคยใช้เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายในการต่อสู้กับปีศาจแห่งความมืด และหีบใบนั้น... ก็ถูกผนึกไว้ใต้ดินของสถานที่แห่งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมาปลดปล่อยมันได้อีก" "แต่ตอนนี้พวกเราดันไปปลดปล่อยมันออกมาแล้วนี่ครับ..." มายู เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ลุงภารโรงลุกขึ้นยืนช้า ๆ ดวงตาของท่านเต็มไปด้วยความจริงจังที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน "ใช่... และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเธอถึงต้องอยู่ที่นี่ในตอนนี้" ท่านเดินไปหยิบหีบไม้ที่ตกอยู่ขึ้นมาปัดฝุ่นเบา ๆ "หีบใบนี้... มันไม่ได้มีแค่ปีศาจที่ถูกกักเก็บไว้ แต่มันยังเป็น กุญแจสำคัญ ในการจะยับยั้งหายนะครั้งนี้ได้อีกด้วย" ทุกคนต่างเงียบกริบ แววตาเต็มไปด้วยคำถามและชะตากรรมที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน โรงเรียนริโอะที่เคยเป็นสถานที่อันสงบสุขบัดนี้ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งใหม่... สงครามที่เหล่านักเรียนมัธยมธรรมดาอย่างพวกเขาจะต้องเผชิญหน้าเสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง