บรรยากาศในห้องเรียนยังคงตึงเครียดอย่างหนัก แม้เสียงคำรามจากปีศาจเงาภายนอกจะเบาลงไปบ้าง แต่ความรู้สึกอึดอัดก็ยังคงคุกคามอยู่ภายในใจของเหล่านักเรียนทุกคน พวกเขายังคงตกตะลึงกับความจริงที่ว่า ลุงภารโรง ไม่ใช่แค่ภารโรงธรรมดา แต่เป็นทายาทของเหล่านักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ และตอนนี้ เก็น เพื่อนของพวกเขาเองก็มีสายเลือดเวทย์สายขาวไหลเวียนอยู่ในตัวเช่นกัน
โอกิ ซึ่งเป็นคนเงียบๆ และชอบสังเกตการณ์ ค่อยๆ เอ่ยปากถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยระคนประหลาดใจ "งั้นหรือว่าคุณลุง... คุณลุงก็เป็นทายาทนักเวทย์ด้วยอย่างนั้นเหรอครับ?" ลุงภารโรงเงยหน้าขึ้นมองโอกิ ดวงตาของท่านทอประกายบางอย่างที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง "ใช่แล้ว" ท่านตอบรับอย่างหนักแน่น ไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย "ฉันก็คือหนึ่งในทายาทสายเลือดนักเวทย์สายขาว" สิ้นคำตอบของลุงภารโรง เหล่านักเรียนที่ยืนมุงอยู่ต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ปะปนกัน ทั้งความประหลาดใจ ความไม่เชื่อ และความหวังที่ริบหรี่ แต่ก็มีบางคนอย่าง คิชิโระ ที่แทบจะกระโดดด้วยความตื่นเต้น ราวกับกำลังอยู่ในฉากของภาพยนตร์แอ็คชั่นแฟนตาซี "ไม่จริงน่า!" โช อุทานเสียงดัง "ลุงภารโรงเนี่ยนะ... เป็นนักเวทย์?" ยูเมะ ที่ปกติจะมองโลกในแง่ดี ตอนนี้ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความสับสน "ถ้าอย่างนั้น... ที่ลุงอยู่ในโรงเรียนมาตลอด... นี่ก็คือ..." ลุงภารโรงถอนหายใจเล็กน้อย "มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนนักเด็กๆ" ท่านกล่าวพร้อมกับมองไปยังมีดสั้นสีเงินในมือ "หน้าที่ของทายาทสายขาวคือการเฝ้าระวังไม่ให้หายนะครั้งเก่ากลับมาอีก และสถานที่แห่งนี้... โรงเรียนริโอะ... มันเป็นจุดศูนย์กลางของการผนึกพลังทั้งหมดไว้" แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เอ่ยอะไรต่อ หรือลุงภารโรงจะได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม... เพล้งงงง! เสียงกระจกแตกละเอียดดังสนั่นหวั่นไหว เศษแก้วคมกริวกระเด็นเข้ามาในห้องราวกับห่าฝน ทุกคนร้องกรี๊ด! อย่างตกใจสุดขีด หันขวับไปมองยังทิศทางที่เสียงนั้นมาจากหน้าต่างบานใหญ่ของห้อง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ที่มองเห็นท้องฟ้ายามวิกาลที่มืดมิด นอกหน้าต่างที่แตกละเอียดนั้น ร่างของเงาปีศาจตนหนึ่งกำลังยืนตระหง่าน ร่างของมันสูงใหญ่จนเกือบจะชนเพดานห้อง ดวงตาแดงก่ำราวถ่านไฟฉายแสงจ้องมองเข้ามาในห้องด้วยความกระหาย มันไม่ได้เข้ามาเอง แต่ใช้ ก้อนหินขนาดใหญ่ ที่มันคงคว้ามาจากไหนสักแห่ง โยนเข้าใส่กระจกห้องเรียนอย่างรุนแรง "ทุกคนหลบอยู่ข้างหลังฉัน!!" ลุงภารโรง ตะโกนเสียงดัง สีหน้าของท่านเปลี่ยนเป็นจริงจังและเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน นักเรียนทุกคนไม่รอช้า พวกเขารีบวิ่งกรูกันไปหลบอยู่ด้านหลังลุงภารโรงที่ยืนขวางอยู่กลางห้องเรียน แม้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด แต่สัญชาตญาณเอาชีวิตรอดก็บอกให้เชื่อฟังชายชราผู้นี้ที่เพิ่งเปิดเผยความลับอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง ลุงภารโรงยืนนิ่ง ดวงตาจับจ้องไปยังเงาปีศาจที่กำลังส่งเสียงคำรามขู่คำรามอยู่ด้านนอก ท่านกำ มีดสั้นสีเงินวาววับ ในมือแน่น แสงเรืองรองสีเงินจากมีดส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิดของห้องเรียน ราวกับเป็นแสงแห่งความหวังเดียวที่พวกเขามีในตอนนี้ "มัน... มันเข้ามาไม่ได้ใช่ไหมคะลุง?" ไอโกะ ถามด้วยเสียงสั่นเครือ เธอกุมมือเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้างๆ อย่างแน่นหนา ลุงภารโรงไม่ตอบคำถามนั้นทันที ท่านหันกลับมามองไอโกะ แววตาของท่านเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจริงจัง ท่านล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ และหยิบ ขวดแก้วเล็กๆ ใสๆ ใบหนึ่ง ที่มีของเหลวสีดำคล้ายหมึกบรรจุอยู่เต็มออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็โยนมันไปให้ไอโกะอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไอโกะรับขวดแก้วนั้นไว้ในมือด้วยความประหลาดใจ ขวดแก้วเย็นเฉียบในอุ้งมือของเธอ "นี่คืออะไรคะ?" ไอโกะถามด้วยความสงสัย ลุงภารโรงไม่เสียเวลาอธิบายรายละเอียดมากนัก สีหน้าของท่านแสดงออกถึงความเร่งรีบ "มันคือ 'ขวดใส่ดวงจิตเงาปีศาจ'" ท่านตอบเสียงดังฟังชัด "เมื่อฉันจัดการพวกมันได้แล้ว... เธอจะต้อง เปิดฝาออก แล้วตั้งจิตให้นิ่ง" ทุกคนต่างงุนงง แต่ก็พยายามตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ "เธอจะได้ยิน 'เสียงคาถา' บางอย่างที่ถูกบรรจุไว้ในนั้น" ลุงภารโรงกล่าวต่อ ดวงตาของท่านจับจ้องไปยังดวงตาของไอโกะอย่างจริงจังและเด็ดขาด "จง ร่ายคาถาตามนั้น โดยห้ามผิดเพี้ยนแม้แต่คำเดียว... เข้าใจไหม?!" คำสั่งของลุงภารโรงนั้นชัดเจนและหนักแน่นราวกับคำบัญชาจากผู้ที่รับรู้ถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่ ไอโกะมองขวดแก้วในมือสลับกับมองใบหน้าเปื้อนฝุ่นของลุงภารโรง เธอรับรู้ได้ถึงความสำคัญของหน้าที่ที่กำลังจะได้รับ "เข้าใจค่ะ!" ไอโกะตอบรับเสียงดังฟังชัด แม้ในใจจะยังคงหวาดกลัว แต่ความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าห้องก็ทำให้เธอพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเพื่อนๆ และแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น ลุงภารโรงพยักหน้าเล็กน้อยอย่างพอใจกับคำตอบของไอโกะ ท่านหันกลับไปเผชิญหน้ากับช่องหน้าต่างที่แตกละเอียด ที่ซึ่งเงาปีศาจตนมหึมากำลังยืนจ้องมองเข้ามาด้วยดวงตาแดงก่ำ "พวกเธอทุกคน... หลบให้ดีล่ะ" ลุงภารโรงเอ่ยเสียงเบา แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยพลัง ท่านกำมีดสั้นสีเงินในมือแน่น ประกายแสงเรืองรองจากมีดส่องสว่างขึ้นราวกับตอบรับเจตจำนงของท่าน เสียงคำรามของปีศาจเงาดังขึ้นอีกครั้ง และมันก็ง้างกรงเล็บขนาดมหึมาเตรียมพุ่งเข้าใส่ห้องเรียนอีกครั้ง ทุกคนต่างเงียบกริบ กอดกันแน่นด้วยความกลัว จ้องมองไปยังร่างของลุงภารโรงที่ยืนเผชิญหน้ากับความมืดมิดเพียงลำพัง ราวกับเป็นปราการด่านสุดท้ายที่จะปกป้องพวกเขาจากหายนะครั้งนี้เสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง