เสียงลมหวีดหวิวปะทะใบหน้าของ ฮานา อย่างรุนแรง ขณะที่เธอก้าวเท้าแรกขึ้นสู่โครงสร้างโลหะสนิมเขรอะของ ชิงช้าสวรรค์ ยามราตรีที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมสวนสนุกร้าง แสงจันทร์ทาบทาโครงสร้างเหล็กให้ดูมืดมิดและน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก เสียงเอี๊ยดอ๊าดของโลหะที่บดเสียดสีกันดังลั่นราวกับเสียงครางของสัตว์ร้ายที่กำลังจะขาดใจ ฮานาเงยหน้ามองยอดชิงช้าสวรรค์ที่สูงเสียดฟ้า มันดูห่างไกลเหลือเกิน แต่แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“บททดสอบแรก… ความกล้าหาญ” ฮานาพึมพำกับตัวเอง เธอรวบรวมสติทั้งหมดไว้ในมือ แล้วเริ่มปีนขึ้นไปบนบันไดเหล็กที่ผุกร่อนอย่างระมัดระวัง แม้จะกลัวความสูงจนใจเต้นระรัว แต่ภาพของ โกฮัน ที่กำลังต่อสู้อย่างยากลำบากกับเงาปีศาจยักษ์ก็ผุดขึ้นมาในหัว ทำให้เธอต้องก้าวต่อไป ลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เธอปีนสูงขึ้นไป หอบหายใจอย่างหนัก ตัวของเธอสั่นสะท้านด้วยความหนาวและเหนื่อยล้า แต่เธอก็ยังคงปีนต่อไปอย่างไม่ลดละ ดวงตาจ้องมองขึ้นไปเบื้องบน หวังว่าจะพบ “เสียงกระซิบแห่งความจริง” ที่ภูติแห่งวารีกล่าวถึง ยิ่งสูงขึ้นไปเท่าไหร่ ความมืดมิดก็ยิ่งปกคลุมเธอมากขึ้นเท่านั้น เสียงกระซิบแผ่วเบาเริ่มดังเข้ามาในโสตประสาทของเธอ มันเป็นเสียงโหยหวนเหมือนเสียงคร่ำครวญของวิญญาณที่ถูกกักขัง ฮานากัดฟันแน่น พยายามตั้งใจฟังอย่างละเอียด “ความมืด… ความสิ้นหวัง… ถูกทอดทิ้ง…” เสียงกระซิบเหล่านั้นวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ราวกับพยายามจะฉุดดึงเธอให้จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวัง “ไม่!” ฮานาตะโกนตอบเสียงดัง “พวกแกไม่มีทางทำอะไรฉันได้หรอก! ฉันจะต้องนำความจริงกลับไป!” เธอใช้พลังใจทั้งหมดที่มีรวบรวมสมาธิ พยายามแยกแยะเสียงกระซิบเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วน จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงหนึ่งที่แตกต่างออกไป เสียงนั้นแผ่วเบา แต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าและความปรารถนา “ความทรงจำ… ที่ถูกลืม… ความสุข… ที่ถูกพรากไป… เสียงหัวเราะ… ที่ถูกสาป…” ฮานารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกระแทกเข้ามาในหัวใจของเธอ นี่คือ “ความจริง” ที่ภูติแห่งวารีกล่าวถึง… มันคือความทรงจำของสวนสนุกแห่งนี้ ความทรงจำที่เคยเต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ ก่อนที่จะถูกสาปให้กลายเป็นสถานที่แห่งความสิ้นหวัง “ความทรงจำแห่งความสุข… ที่ถูกพรากไป… คือความจริง!” ฮานาตะโกนก้อง เธอหยิบหินก้อนเล็กๆ ที่พบระหว่างทางขึ้นมา แล้วจารึกความจริงนั้นลงบนหินด้วยคาถาจากหนังสืออาคมที่ลุงภารโรงให้มา แสงสีขาวจางๆ เปล่งออกมาจากหินเป็นการยืนยันว่าเธอได้ “ความจริง” มาครอบครองแล้ว บททดสอบที่ 2: เขาวงกตแห่งภาพลวงตา (สติปัญญา) หลังจากปีนลงมาจากชิงช้าสวรรค์ด้วยความยากลำบาก ฮานารู้สึกได้ว่าร่างกายของเธออ่อนล้าเต็มที แต่เธอก็ไม่มีเวลาพักผ่อน เธอรีบมุ่งหน้าไปยัง เขาวงกตกระจก ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของสวนสนุกตามคำบอกของภูติแห่งวารี เขาวงกตกระจกตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด กระจกทุกบานสะท้อนภาพบิดเบี้ยวของเธอและบรรยากาศรอบๆ ทำให้เกิดภาพลวงตาที่ซับซ้อนและน่าเวียนหัว กลิ่นอับชื้นและกลิ่นเหม็นไหม้ลอยอวลในอากาศ ราวกับมีบางสิ่งกำลังรอคอยเธออยู่ภายใน “บททดสอบแห่งสติปัญญา…” ฮานาพึมพำกับตัวเอง เธอก้าวเข้าไปในเขาวงกตอย่างระมัดระวัง ทันทีที่เธอเข้ามา ภาพลวงตาก็พลันปรากฏขึ้นรอบตัวเธอ เธอเห็นโกฮันยืนรอเธออยู่ตรงหน้า เขาเรียกชื่อเธอด้วยรอยยิ้ม ฮานาเกือบจะวิ่งเข้าไปหา แต่เธอจำคำเตือนของภูติแห่งวารีได้ว่า “ภาพลวงตาที่ร้ายกาจที่สุดคือภาพลวงตาที่มาจากความปรารถนาในใจของเจ้าเอง” เธอหลับตาลง แล้วใช้สมาธิในการสัมผัสถึงพลังงานรอบตัว “นี่ไม่ใช่โกฮันตัวจริง!” ฮานาตะโกน เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพโกฮันที่กำลังจางหายไป ภาพลวงตาแรกถูกทำลายลงแล้ว หลังจากนั้น ภาพลวงตาต่างๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้นไม่หยุดหย่อน บางครั้งเธอเห็นพ่อแม่ของเธอยืนรออยู่ข้างหน้า บางครั้งเห็นเพื่อนๆ ในห้อง B ยิ้มให้เธอ บางครั้งเธอก็เห็นตัวเองได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่ฮานาก็พยายามตั้งสติ เธอใช้มือลูบคลำไปตามกระจกทุกบาน เพื่อสัมผัสถึงความจริงและแยกแยะภาพลวงตา “นี่มัน… ยากกว่าที่คิดเยอะเลย!” ฮานาบ่นกับตัวเอง เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าจากการที่ต้องใช้พลังจิตอย่างหนักในการแยกแยะภาพลวงตา เธอเดินวนไปวนมาอยู่ในเขาวงกตเป็นเวลานานจนรู้สึกเวียนหัวไปหมด ทันใดนั้นเอง! เธอก็เห็น ปริศนา ปรากฏอยู่บนกระจกบานหนึ่ง มันเป็นอักขระโบราณที่ส่องแสงสีฟ้าอ่อนจางๆ ฮานาหยิบหนังสืออาคมขึ้นมาดู พยายามถอดรหัสปริศนานั้นอย่างตั้งใจ “อักขระเหล่านี้… มันบอกว่า… ‘แสงจะนำทาง… ผู้ที่กล้าเผชิญหน้ากับความมืดมิด… จงตามเสียงกระซิบของสายลม… สู่เส้นทางที่ไม่เคยมีใครเห็น’” ฮานาอ่านออกเสียงอย่างแผ่วเบา “เสียงกระซิบของสายลม… เส้นทางที่ไม่เคยมีใครเห็น…” ฮานาพึมพำ เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดานของเขาวงกตซึ่งเป็นกระจกทั้งหมด แล้วเธอก็นึกขึ้นได้! “ทางที่แท้จริง!” ฮานาตะโกน เธอรู้แล้ว! เขาวงกตกระจกแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ทางเดินบนพื้น แต่ยังมีช่องว่างเล็กๆ ระหว่างแผ่นกระจกที่ถูกบดบังด้วยภาพลวงตา! ฮานาใช้มือลูบคลำไปตามแผ่นกระจกอย่างละเอียด จนกระทั่งเธอพบช่องว่างเล็กๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ เธอพยายามเบียดตัวเข้าไปในช่องว่างนั้นอย่างยากลำบาก เมื่อเธอผ่านช่องว่างนั้นไปได้ เธอก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องลับขนาดเล็กใจกลางเขาวงกต ที่นั่นมีแท่นบูชาหินตั้งอยู่ และบนแท่นบูชานั้นมี คัมภีร์เก่าแก่ เล่มหนึ่งวางอยู่! คัมภีร์นั้นเปล่งแสงสีม่วงอ่อนๆ ราวกับมีพลังเวทมนตร์บางอย่างซ่อนอยู่ “นี่คือ ‘สิ่งของที่ซ่อนอยู่’ สินะ” ฮานาเอ่ยด้วยความโล่งใจ เธอเอื้อมมือไปหยิบคัมภีร์เก่าแก่เล่มนั้นขึ้นมา รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ไหลผ่านเข้าสู่ตัวเธอ มันไม่ใช่พลังงานที่มืดมิด แต่เป็นพลังงานที่บริสุทธิ์และเก่าแก่ บททดสอบที่ 3: ห้วงลึกแห่งการเสียสละ (ความเสียสละ) ฮานาออกจากเขาวงกตกระจกพร้อมกับคัมภีร์เก่าแก่ในมือ เธอรีบมุ่งหน้าไปยัง บ้านผีสิง ที่ตั้งอยู่ใจกลางสวนสนุก บ้านผีสิงนั้นดูเก่าแก่และน่ากลัวกว่าที่คิดมาก มันเป็นโครงสร้างไม้ที่ผุกร่อน หน้าต่างแตกเป็นเสี่ยงๆ และมีเถาวัลย์ปกคลุมไปทั่ว กลิ่นอับชื้นและกลิ่นศพลอยคละคลุ้งออกมาจากภายใน “บททดสอบสุดท้าย… ความเสียสละ” ฮานาพึมพำ เธอรู้สึกตื่นเต้นระคนกับความหวาดกลัว เธอเหลือบมองนาฬิกาอาคมบนข้อมือ สัญญาณยังคงกะพริบถี่รัว และเธอรู้ว่าโกฮันกำลังต่อสู้อย่างหนักอยู่คนเดียว เธอไม่มีเวลาจะลังเลอีกแล้ว ฮานาก้าวเข้าไปในบ้านผีสิงอย่างระมัดระวัง ภายในมืดมิดและเงียบสงัด มีเพียงแสงสว่างเลือนรางจากภายนอกที่ส่องลอดหน้าต่างที่แตกเข้ามาให้เห็นทาง เธอเดินผ่านทางเดินแคบๆ ที่เต็มไปด้วยหยากไย่และเศษซากเฟอร์นิเจอร์ที่พังทลาย ทันใดนั้นเอง! เธอก็มาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ ที่นั่นมี ทางแยก สองทางปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ ทางหนึ่งเป็นอุโมงค์มืดมิดที่ปลายทางมีแสงสีแดงก่ำส่องออกมา ดูน่ากลัวและเต็มไปด้วยพลังงานด้านลบ อีกทางหนึ่งเป็นทางเดินแคบๆ ที่ปลายทางมีแสงสีขาวนวลส่องออกมา ดูสงบและบริสุทธิ์ “ทางแยกสองทาง…” ฮานาพึมพำ เธอจำคำพูดของภูติแห่งวารีได้ “ทางหนึ่งคือทางแห่งการได้มาซึ่งพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่แลกมาด้วยการสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง อีกทางหนึ่งคือทางแห่งการมอบบางสิ่งที่มีค่าที่สุดของเจ้า เพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณที่ถูกกักขังให้เป็นอิสระ” ฮานารู้สึกสับสน เธอต้องการพลังเพื่อช่วยโกฮันและกำจัดเงาปีศาจ แต่การได้มาซึ่งพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นต้องแลกมาด้วยการสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง… เธอไม่แน่ใจว่าเธอจะรับไหวหรือไม่ ในขณะที่เธอกำลังตัดสินใจ คัมภีร์เก่าแก่ในมือของเธอก็พลันเรืองแสงสีม่วงอ่อนๆ พลางส่งเสียงกระซิบแผ่วเบาเข้ามาในหัวของเธอ “พลังที่แท้จริง… มิได้อยู่ที่การครอบครอง… แต่อยู่ที่การมอบให้…” ฮานาหลับตาลง เธอคิดถึงโกฮัน คิดถึงเพื่อนๆ ในห้อง B คิดถึงความหวังที่พวกเขามอบให้เธอ เธอรู้แล้วว่าเธอควรเลือกทางไหน “ข้าเลือกทางแห่งการมอบให้!” ฮานาประกาศเสียงดัง เธอเลือกที่จะเดินเข้าสู่ทางเดินแคบๆ ที่มีแสงสีขาวนวลส่องออกมา ทันทีที่เธอก้าวเท้าเข้าไปในทางเดินนั้น แสงสว่างก็พลันส่องจ้าขึ้นมาจนตาพร่า เสียงวิญญาณที่ถูกกักขังนับร้อยนับพันดวงเริ่มส่งเสียงคร่ำครวญและโหยหวนรอบตัวเธอ ฮานาหยิบคัมภีร์เก่าแก่ขึ้นมาเปิดออก แล้วเริ่มร่ายคาถาจากหน้าสุดท้ายของคัมภีร์นั้น มันเป็นคาถาแห่งการปลดปล่อยวิญญาณ “โอ้ เหล่าวิญญาณที่ถูกจองจำ… จงรับการปลดปล่อย… จงเป็นอิสระ… จากพันธนาการแห่งความมืดมิด… ด้วยพลังแห่งความเมตตา จงคืนสู่แสงสว่าง…” ขณะที่ฮานาร่ายคาถา แสงสีขาวนวลก็พลันส่องสว่างออกมาจากคัมภีร์อย่างรุนแรง มันแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้องโถง ปกคลุมดวงวิญญาณที่กำลังส่งเสียงคร่ำครวญเหล่านั้น แสงสว่างนั้นดูเหมือนจะชำระล้างความมืดมิดออกจากดวงวิญญาณ ทำให้พวกมันค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเทาหมองหม่นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เสียงคร่ำครวญแปรเปลี่ยนเป็นเสียงขอบคุณที่แผ่วเบา ก่อนที่ดวงวิญญาณเหล่านั้นจะค่อยๆ ลอยขึ้นสู่เบื้องบน หายลับไปในแสงสว่างที่ส่องมาจากเพดาน ราวกับว่าพวกมันได้พบกับอิสรภาพที่แท้จริงแล้ว พลังงานที่บริสุทธิ์และสงบเงียบแผ่ซ่านเข้ามาในตัวฮานา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นและมีพลังงานกลับคืนมาอย่างน่าอัศจรรย์ ความอ่อนล้าจากการต่อสู้และการร่ายคาถาก่อนหน้านี้พลันหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ติ๊ดๆๆ นาฬิกาอาคมบนข้อมือของฮานาพลันส่งเสียงเตือนอีกครั้ง! สัญญาณสีแดงไม่ได้กะพริบถี่รัวอีกต่อไป แต่กลับเรืองแสงสีขาวนวลจางๆ พร้อมกับที่ ผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ผืนที่สาม ก็พลันปรากฏขึ้นบนแท่นบูชาที่อยู่ตรงหน้าเธอ มันเปล่งแสงสีขาวนวลอย่างเจิดจ้า และดูทรงพลังกว่าผ้ายันต์ผืนแรกที่เธอได้มาเสียอีก “ผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ผืนที่สาม… สำเร็จแล้ว!” ฮานาอุทานด้วยความยินดี เธอเอื้อมมือไปหยิบผ้ายันต์ขึ้นมา ถือมันไว้ในมืออย่างระมัดระวัง รู้สึกถึงพลังงานที่บริสุทธิ์และอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากมัน แต่ในขณะนั้นเอง! เสียงคำรามกึกก้องของเงาปีศาจยักษ์ก็พลันดังขึ้นมาจากด้านนอกบ้านผีสิง มันดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนพื้นดินสั่นสะเทือน “โกฮัน!” ฮานาอุทาน เธอรู้ว่าเธอไม่มีเวลาจะพักอีกแล้ว เธอต้องรีบไปช่วยโกฮัน! ฮานารีบวิ่งออกจากบ้านผีสิงตรงไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงโกฮันต่อสู้กับเงาปีศาจยักษ์ เธอกระโดดข้ามซากปรักหักพังและวิ่งฝ่าเถาวัลย์ไปอย่างรวดเร็ว ในมือข้างหนึ่งถือผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งได้มา อีกมือหนึ่งกำขวดเก็บวิญญาณแน่น เมื่อเธอมาถึงลานกว้าง เธอก็เห็นภาพที่ทำให้เธอต้องเบิกตากว้าง โกฮันกำลังถูกเงาปีศาจยักษ์ต้อนเข้ามุม เขาเหนื่อยล้าเต็มที ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยบาดแผล เลือดไหลซึมออกมาจากชุดนักเรียนของเขา มีดอาคมในมือของเขาสั่นเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย “โกฮัน!” ฮานาตะโกนสุดเสียง พลังงานที่บริสุทธิ์จากผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ที่เธอได้มาใหม่พลันไหลเวียนไปทั่วร่างของเธอ ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจและกล้าหาญมากขึ้นกว่าเดิม เงาปีศาจยักษ์หันมามองฮานาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ มันส่งเสียงคำรามอย่างดุร้ายแล้วพุ่งเข้าใส่เธอทันที “ไม่นะฮานา! ถอยไป!” โกฮันตะโกนเสียงแหบพร่า พยายามจะเข้ามาช่วย แต่เขาก็ขยับตัวได้ไม่มากนัก ฮานาไม่กลัว เธอชูผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ในมือขึ้นสูง แสงสีขาวนวลจากผ้ายันต์พลันส่องสว่างจ้าออกไปอย่างรุนแรง พุ่งตรงเข้าใส่เงาปีศาจยักษ์ที่กำลังพุ่งเข้ามา! เปรี้ยง! แสงสีขาวบริสุทธิ์ปะทะเข้ากับร่างของเงาปีศาจยักษ์อย่างจัง ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วลานกว้าง ร่างมหึมาของเงาปีศาจยักษ์ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันพยายามจะถอยหลัง แต่แสงสีขาวก็ยังคงตามติดและเผาผลาญร่างของมัน “กรี๊ดดดด!” เงาปีศาจยักษ์ส่งเสียงกรีดร้องสุดเสียง ร่างของมันเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ และสลายหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงละอองเงามืดที่จางหายไป ทันทีที่เงาปีศาจยักษ์หายไป เงาดำขนาดเล็กที่เคยผุดขึ้นมาจากพื้นดินก็พลันหยุดนิ่ง พวกมันส่งเสียงร้องแหลมสูงอย่างไม่พอใจ ก่อนจะสลายตัวกลับขึ้นท้องฟ้าไปอย่างรวดเร็วราวกับถูกบังคับ “ฮานา…” โกฮันพึมพำ เขาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนได้อย่างทุลักทุเล ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและโล่งอก “เธอ… เธอทำได้!” ฮานาวิ่งเข้าไปหาโกฮัน เธอเห็นรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเขา ทำให้ความเหนื่อยล้าทั้งหมดพลันหายไป เธอรีบตรวจสอบบาดแผลของโกฮันอีกครั้ง และพบว่าบาดแผลที่ขาของเขาดูเหมือนจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว ส่วนบาดแผลที่สีข้างก็เริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว “ผ้ายันต์… มันทรงพลังจริงๆ!” ฮานาอุทานด้วยความยินดี “ใช่… และเธอก็สุดยอดมากฮานา” โกฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ฉัน… ฉันไม่รู้จะขอบคุณเธอยังไงดี” ฮานาส่ายหน้า “เราเป็นเพื่อนกันนะโกฮัน” เธอมองผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ในมือ แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ยังคงมืดมิด “เรายังเหลือผ้ายันต์อีกสี่ผืน” “ใช่… และดูเหมือนว่าการเดินทางของเราจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น” โกฮันกล่าว ดวงตาของเขาฉายแววความมุ่งมั่นอีกครั้ง “แต่ตอนนี้… อย่างน้อยเราก็มีหวังแล้ว”หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดกับบริวารแห่งความมืด ฮานาและโกฮันก็มาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า หอคอยแห่งความมืด ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางสวนสนุกร้าง ตัวหอคอยสูงเสียดฟ้า ปกคลุมไปด้วยเงามืดทะมึนราวกับถูกสร้างขึ้นจากความสิ้นหวัง แสงสลัวๆ รอบๆ ไม่สามารถส่องเข้าไปได้เลยแม้แต่น้อย มันดูดกลืนทุกสิ่งไว้ในความมืดมิด มีเพียงแสงเรืองรองสีแดงฉานจากดวงตาปีศาจที่ประดับอยู่ตามผนังหอคอยเท่านั้นที่กะพริบเป็นจังหวะ ราวกับกำลังจับจ้องพวกเขา กลิ่นอายความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาทำให้รู้สึกอึดอัดและหนาวเหน็บไปถึงกระดูก“นี่แหละ… ที่ที่จอมมารแห่งเงามืดซ่อนผ้ายันต์สองผืนสุดท้ายไว้” ฮานากล่าว เสียงของเธอหนักแน่น แม้จะมีความกังวลฉายแววในดวงตา“มันดูน่ากลัวกว่าที่คิดเยอะเลยนะฮานา” โกฮันพึมพำ เขากำมีดอาคมแน่น แสงสีเทาจากมันส่องสว่างขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านลบมหาศาล“ใช่… แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วโกฮัน” ฮานาตอบ เธอสอดส่องสายตาไปรอบๆ หอคอย “ท่านภูติแห่งวารีบอกว่ามีเงาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดเฝ้าอยู่”“เราพร้อมแล้วฮานา! เราฝึกมาหนักเพื่อวันนี้!” โกฮันประกาศด้วยความมุ่งมั่น ดวงตาของเขาฉายแววกล้าหาญ “ไปกันเถอะ!”พวกเขาเ
แสงสีฟ้าอ่อนนวลตาห่อหุ้มร่างของ ฮานา และ โกฮัน ลอยขึ้นช้าๆ ผ่านโพรงถ้ำที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยเรืองแสง พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานบริสุทธิ์ของโลกใต้บาดาลที่ยังคงไหลเวียนอยู่ในกาย พลังงานที่ได้จากการฝึกฝนอย่างหนักในห้องต่างๆ ภายใต้การชี้แนะของเหล่าวิญญาณภูมิ“เรากลับมาแล้วฮานา…” โกฮันพึมพำ ดวงตาของเขาฉายแววความมุ่งมั่น“ใช่… ถึงเวลาที่เราจะต้องทำในสิ่งที่ต้องทำแล้วโกฮัน” ฮานาตอบ เสียงของเธอหนักแน่น ไม่มีความลังเลอีกต่อไป ผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดผืนในมือของเธอเปล่งแสงสีเทาอ่อนๆ ที่แสดงถึงพลังแห่งแสงและความมืดที่หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อร่างของพวกเขาพ้นจากปากโพรงถ้ำ แสงแดดที่เจิดจ้าก็สาดส่องกระทบดวงตา ทำให้พวกเขาต้องหรี่ตาลง สวนสนุกร้างที่เคยดูมืดมิดและน่ากลัว บัดนี้กลับมีแสงสว่างสลัวๆ ส่องเข้ามาจากด้านบน เผยให้เห็นซากปรักหักพังที่น่าเศร้าและบรรยากาศที่เงียบงันราวกับถูกทิ้งร้างมานานหลายศตวรรษ“พวกเจ้ากลับมาแล้ว…” เสียงใสราวระฆังแก้วของ ภูติแห่งวารี ดังขึ้น เบื้องหน้าพวกเขา ภูติแห่งวารีกำลังลอยอยู่เหนือพื้นดิน รายล้อมด้วยพลังงานแสงสีฟ้าอ่อนโยน“ท่านภูติแห่งวารี!” ฮานาและโกฮันกล่
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งการควบคุม ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว นี่คือบททดสอบสุดท้ายของการฝึกฝนในโลกใต้บาดาล แสงภายในห้องนี้แตกต่างจากทุกห้องที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่แสงสีเดียว แต่เป็นแสงสีขาวดำที่สลับกันไปมาอย่างรวดเร็วราวกับชีพจรของจักรวาล พื้นห้องเป็นเหมือนตารางหมากรุกขนาดใหญ่ที่ช่องสี่เหลี่ยมสีขาวและดำเคลื่อนไหวและสลับตำแหน่งกันไม่หยุด กำแพงห้องทอดยาวขึ้นไปสูงลิบตาจนมองไม่เห็นเพดาน และมีกระแสพลังงานที่มองไม่เห็นไหลวนไปมา ทำให้รู้สึกถึงความสมดุลที่เปราะบางและพร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ บรรยากาศเงียบสงัดไร้เสียงใดๆ มีเพียงเสียงการเคลื่อนไหวของแสงและเงาที่สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดและกดดัน“ห้องนี้… มันดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ฮานา” โกฮันกระซิบเสียงแผ่ว เขากำมีดอาคมแน่น แสงสีเทาที่เปล่งออกมาจากผ้ายันต์และมีดอาคมของพวกเขาส่องสว่างตัดกับแสงขาวดำในห้อง“ใช่… เหมือนมันกำลังเตือนว่าทุกอย่างมันต้องอยู่ในความสมดุล” ฮานาตอบ เธอพยายามตั้งสติ ผ้ายันต์ในมือของเธอกำแน่นทันใดนั้นเอง! แสงสีขาวดำที่สลับกันไปมาก็พลันรวมตัวกันเป็นร่างโปร่งแสงสีเทาอ่อน รูปร่างของเขาดูคล้ายชายชราผู้ทรงภูมิ มีเครายาวส
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งการแยกสมาธิ ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นและความกังวลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แสงภายในห้องนี้แตกต่างออกไปอีกครั้ง ที่นี่มืดมิดเกือบสนิท มีเพียงแสงสลัวๆ สีฟ้าอมเขียวคล้ายแสงออโรร่าที่เต้นระริกบนเพดานและผนังห้อง ทำให้เกิดเงาที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว พื้นห้องเต็มไปด้วยแท่นหินเล็กๆ นับไม่ถ้วนที่เรียงรายอยู่ไม่เป็นระเบียบ แต่ละแท่นมีอักขระโบราณที่ส่องแสงริบหรี่จารึกไว้ เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ไม่สามารถจับใจความได้ดังแว่วมาเป็นระยะๆ ชวนให้รู้สึกรบกวนสมาธิ“ห้องนี้ดูประหลาดกว่าห้องอื่นอีกนะฮานา” โกฮันพึมพำ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง มีดอาคมในมือของเขาส่องแสงสีเทาอ่อนๆ“ใช่… บรรยากาศมันชวนให้รู้สึกสับสนยังไงก็ไม่รู้” ฮานาตอบ เธอพยายามตั้งสติ ผ้ายันต์ในมือของเธอเปล่งแสงสีเทาเช่นกันทันใดนั้นเอง! แสงสลัวๆ บนเพดานก็พลันรวมตัวกันเป็นร่างโปร่งแสงสีม่วงเข้ม รูปร่างของเขาดูสง่างามคล้ายนักปราชญ์โบราณ เขามีผมสีขาวยาวสลวยผูกเป็นมวยไว้ด้านหลัง ดวงตาของเขาสุกใสราวกับดวงดาวที่มองเห็นทะลุปรุโปร่งทุกสิ่ง ในมือถือคัมภีร์เล่มเก่าที่เปล่งแสงเรื
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งการแยกสัมผัส ท่ามกลางความงุนงง แสงสว่างภายในห้องนี้ดูแปลกประหลาด มันเป็นแสงสีรุ้งที่หมุนวนไปมาอย่างช้าๆ ทำให้ภาพที่เห็นบิดเบี้ยวและพร่าเลือน ผนังห้องทำจากวัสดุโปร่งแสงที่ไม่สามารถระบุได้ว่าคืออะไร ทุกอย่างในห้องดูเลือนลางและไม่แน่นอน กลิ่นหอมแปลกๆ ลอยคละคลุ้งในอากาศ ชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มและมึนงง“นี่มัน… ห้องอะไรกันเนี่ย?” ฮานาพึมพำ เธอรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยเมื่อมองแสงสีรุ้งที่หมุนวนไม่หยุด“ฉันก็ไม่แน่ใจฮานา… แต่บรรยากาศมันประหลาดมาก” โกฮันตอบ เสียงของเขามีอาการมึนงงเล็กน้อย เขากำมีดอาคมแน่น พยายามตั้งสติทันใดนั้นเอง! แสงสีรุ้งก็พลันรวมตัวกันเป็นร่างโปร่งแสงสีขาวบริสุทธิ์ รูปร่างคล้ายหญิงสาวงดงามราวกับนางฟ้า เธอมีปีกสีรุ้งโปร่งแสงขนาดใหญ่ ผมยาวสลวยสีเงินระยิบระยับ ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าใสราวกับท้องฟ้าไร้เมฆ และมีรัศมีอ่อนโยนแผ่ออกมาจากตัวเธอ“ยินดีต้อนรับ… ผู้กล้าทั้งสอง” เสียงใสราวกับเสียงกระดิ่งแก้วดังขึ้นในห้อง “ข้าคือ วิญญาณแห่งดารา ผู้พิทักษ์ห้องแห่งการแยกสัมผัส… ข้าจะทดสอบความสามารถในการแยกแยะของพวกเจ้า… ทั้งการแยกแยะประสาทสัมผัส… และการแยกแยะคว
ฮานาและโกฮันก้าวเข้าสู่ ห้องแห่งพละกำลัง ด้วยความตื่นเต้นระคนความเหนื่อยล้าจากการฝึกฝนในห้องแห่งความเร็ว แสงสว่างภายในห้องนี้แตกต่างจากห้องก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ที่นี่สว่างไสวด้วยแสงสีส้มอมแดงที่ดูอบอุ่นและมั่นคง ผนังห้องเป็นหินแกรนิตสีเข้มแข็งแกร่ง มีรอยจารึกรูปค้อนและขวานโบราณประดับอยู่ทั่วไป กลิ่นดินและแร่ธาตุที่คุ้นเคยในโลกใต้บาดาลกลับเข้มข้นขึ้นในห้องนี้ ให้ความรู้สึกดิบและทรงพลัง“ดูเหมือนว่าห้องนี้จะไม่ได้เน้นความเร็วแล้วนะฮานา” โกฮันกล่าว เขากำหมัดแน่น รู้สึกถึงพละกำลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายหลังจากได้รับการเยียวยาจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์“ฉันก็ว่างั้น… บรรยากาศมันต่างกันลิบลับเลย” ฮานาตอบพลางกวาดตามองไปรอบๆ เธอยกผ้ายันต์ในมือขึ้น มันเปล่งแสงสีขาวนวลตัดกับแสงสีส้มอมแดงของห้องทันใดนั้นเอง! เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นราวกับแผ่นดินไหวก็ดังขึ้นมาจากมุมมืดของห้อง ร่างสูงใหญ่กำยำปรากฏตัวขึ้นช้าๆ มันเป็นร่างโปร่งแสงสีน้ำตาลเข้ม มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ผมของเขาสั้นเกรียน ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราดกดำ ดวงตาคมกริบราวกับหินผา ในมือถือค้อนขนาดมหึมาที่ดูหนักอึ้ง“ยินดีต้อนรับ… ผู้กล้าทั้งสอง” เสียงท