Share

เงามืด

last update Last Updated: 2025-06-25 23:07:16

ทันทีที่สองฝาแฝดพุ่งทะยานเข้าสู่ถ้ำมรณะ แสงจากไฟฉายของไดชิสาดส่องกระทบกับดวงตาสีแดงก่ำของเหล่า ร่างเงาที่สมบูรณ์แบบ ที่ยืนรายล้อมแท่นบูชา พวกมันไม่ใช่เงาเลือนรางที่เคยเจอ แต่เป็นรูปเป็นร่างชัดเจน ราวกับหล่อหลอมขึ้นจากความมืดมิด มีกล้ามเนื้อที่บิดเบี้ยว และเล็บมือที่แหลมคมราวใบมีด พร้อมที่จะฉีกกระชากทุกสิ่งที่ขวางหน้า

"กร๊าซซซซซ!" เสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้นพร้อมกันจากเงาปีศาจราวสิบกว่าตัว ร่างกายของพวกมันพุ่งเข้าใส่สองพี่น้องอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ราวกับคมมีดที่พร้อมจะบั่นคอให้ขาดสะบั้น

"ระวัง!" ไดชิตะโกนลั่น เขากระชับมีดอาคมในมือแน่น พุ่งทะยานเข้าใส่เงาปีศาจที่อยู่ใกล้ที่สุด ฟันมีดออกไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ปลายมีดเงินอมฟ้าเสียบเข้าที่ศีรษะของเงาปีศาจตัวหนึ่งอย่างจัง

แคร้ง!

เสียงเหมือนแก้วแตกดังสนั่น ร่างของเงาปีศาจตัวนั้นสลายเป็นควันสีดำจางๆ เหลือเพียง ดวงวิญญาณสีม่วงเข้ม ที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ไดชิรีบถอยฉากออกมาเพื่อเปิดทางให้ดาอิ

"ดาอิ! เร็วเข้า!" เขาสั่งเสียงเครียด ขณะที่อีกสองสามตัวพุ่งเข้ามารุมล้อม

ดาอิไม่รอช้า เธอชู ขวดกักเก็บดวงวิญญาณ สีแก้วใสขึ้นเหนือหัว ปากของเธอพึมพำร่ายคาถาโบราณที่ท่องจำมาตั้งแต่แรกเริ่ม เสียงของเธอแผ่วเบาแต่ชัดเจนท่ามกลางความโกลาหล แสงสีขาวนวลจากขวดอาคมเปล่งประกายออกมาพร้อมกับจุกขวดที่เปิดออก ดวงวิญญาณสีม่วงเข้มของปีศาจที่ถูกสังหารก็ถูกดูดเข้าไปในขวดอย่างรวดเร็วราวกับถูกแม่เหล็กดึงดูด

"ได้แล้ว! หนึ่งตัว!" ดาอิกล่าวด้วยความโล่งใจเล็กน้อย ขณะเดียวกันเธอก็เหลือบมองนาฬิกาอาคมบนข้อมือ ซึ่งตอนนี้ตัวเลขระยะทางหายไปแล้ว เหลือเพียงสัญลักษณ์กะโหลกสีแดงที่กระพริบไม่หยุด ส่งสัญญาณว่าอันตรายยังอยู่รอบตัว

"ยังไม่หมดแค่นี้!" ไดชิตะโกนเตือน เขาหมุนตัวหลบการโจมตีของเงาปีศาจอีกตัวที่พุ่งเข้ามากะทันหัน เขาตอบโต้ด้วยการเตะเข้าที่ลำตัวของมันอย่างรุนแรง ทำให้มันเซถอยหลังไปเล็กน้อย ก่อนจะฟันมีดอาคมลงไปที่หัวของมันอีกครั้ง "แกคิดว่าแกจะเข้ามาง่ายๆ งั้นเหรอ!"

เงาปีศาจอีกหลายตัวพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง บางตัวพยายามจะจับแขน บางตัวพยายามจะกัดกินที่ลำคอ ไดชิใช้มีดอาคมปัดป้องอย่างคล่องแคล่วว่องไว แม้เขาจะเป็นนักกีฬาที่เก่งกาจ แต่การต่อสู้กับสิ่งเหนือธรรมชาติแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาต้องใช้ความว่องไวและกำลังทั้งหมดที่มีในการรับมือ

"ระวังข้างหลัง!" ดาอิร้องเตือนเมื่อเห็นเงาปีศาจตัวหนึ่งพยายามเล็ดลอดเข้ามาทางด้านหลังของไดชิ เธอพยายามใช้มือผลักมันออกไป แต่ร่างเงาที่สมบูรณ์แบบนั้นกลับมีน้ำหนักมากเกินกว่าที่เธอจะต้านทานได้

"ให้ตายสิ! มันเยอะเกินไป!" ไดชิหันกลับไปช่วยดาอิ เขาฟันมีดออกไปอีกครั้ง ทำให้เงาปีศาจตัวนั้นสลายไปอีกหนึ่งตัว และดาอิก็รีบกักเก็บดวงวิญญาณทันที

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด สลับกับการกักเก็บวิญญาณที่ต้องทำอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไดชิใช้ทักษะการต่อสู้ทั้งหมดที่มี ฟาดฟันมีดอาคมเข้าใส่เงาปีศาจอย่างไม่ยั้ง แม้จะเหนื่อยหอบแต่เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมแพ้ ส่วนดาอิแม้จะไม่ได้มีทักษะการต่อสู้โดยตรง แต่เธอก็ใช้ความคล่องแคล่วของตัวเองในการหลบหลีก และกักเก็บดวงวิญญาณปีศาจที่ไดชิสังหารได้อย่างไม่ขาดตอน

"กี่ตัวแล้วดาอิ!" ไดชิตะโกนถาม ขณะที่ปัดป้องกรงเล็บแหลมคมของปีศาจตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามาที่ใบหน้า

"เจ็ดตัวแล้วไดชิ! แต่ดูเหมือนจะไม่มีท่าทีว่าจะลดลงเลย!" ดาอิตอบเสียงหอบ เธอเหลือบมองขวดที่บรรจุดวงวิญญาณปีศาจไว้เจ็ดดวง และมองไปรอบๆ ถ้ำที่ยังคงมีเงาปีศาจอีกหลายสิบตัวยืนอยู่

และแล้ว สิ่งที่พวกเขากลัวที่สุดก็เกิดขึ้น เงาปีศาจตัวหนึ่งที่ดูใหญ่กว่าตัวอื่นๆ ลากเอาซากร่างที่ถูกมีดอาคมของไดชิฟันจนแหว่งวิ่นไปรวมกันที่แท่นบูชา ควันสีดำทะมึนจากแท่นบูชาเริ่มพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับเสียงกระซิบจากรอยแยกมิติที่ดังขึ้นและชัดเจนกว่าเดิม

"พวกมันกำลังรวมพลังกัน!" ไดชิสังเกตเห็น เขาพยายามจะพุ่งเข้าใส่แท่นบูชา แต่ก็ถูกเงาปีศาจอีกหลายตัวรุมเข้ามาขวางทาง

"ไม่นะ! ถ้ามันรวมพลังกันได้ ประตูมิติก็จะเปิดกว้างกว่าเดิม!" ดาอิหน้าถอดสี เธอรู้ดีว่าหากรอยแยกมิติเปิดออกอย่างสมบูรณ์ พวกมันจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่คาดฝันอย่างแน่นอน

เสียงคำรามของเงาปีศาจทวีความรุนแรงขึ้น กลิ่นเหม็นเน่าในอากาศเข้มข้นจนแทบจะสำลัก ร่างกายของพวกมันเปล่งแสงสีแดงก่ำ ราวกับกำลังได้รับพลังงานบางอย่างเพิ่มขึ้น

"เราต้องถอยก่อนดาอิ! ถ้ายังสู้ต่อแบบนี้เราสู้ไม่ไหวแน่!" ไดชิตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าหากดันทุรังต่อสู้ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีกลยุทธ์ พวกเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้ เขาจับมือดาอิแน่น "วิ่ง! ไปทางนั้น!" เขาชี้ไปยังทางเดินลับอีกทางหนึ่งที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของแท่นบูชา ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นเพราะความมืดมิดและจำนวนของปีศาจ

ทั้งคู่ไม่รอช้า พวกเขาออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งการต่อสู้ที่ดุเดือดไว้เบื้องหลัง เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานไปทั่วถ้ำ ท่ามกลางเสียงคำรามไล่หลังของเงาปีศาจที่พุ่งตามมาอย่างไม่ลดละ

"เร็วเข้าไดชิ! มันใกล้เข้ามาแล้ว!" ดาอิหอบแฮ่ก เธอรู้สึกได้ถึงไอเย็นยะเยือกของปีศาจที่รดต้นคอ

"รู้แล้วน่า! ทางนี้มันอะไรกันเนี่ย!" ไดชิบ่น เขาวิ่งนำหน้า พยายามส่องไฟฉายไปข้างหน้าเพื่อหาทางออก ทางเดินนั้นวกวนและแคบลงเรื่อยๆ ราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด บางช่วงเป็นทางลาดชัน บางช่วงเป็นทางเดินที่ต้องลอดผ่านโพรงหินเล็กๆ

เสียงเตือนจากนาฬิกาอาคมของดาอิดังระงมจนปวดแก้วหู มันเตือนว่าเงาปีศาจที่ติดตามมาอยู่ห่างเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น

"มันจะตามเรามาได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ!" ดาอิถามอย่างตื่นตระหนก เธอสะดุดก้อนหินล้มลงไปกองกับพื้น แต่ไดชิก็คว้ามือเธอไว้ทันและดึงให้ลุกขึ้นมาวิ่งต่อ

"ไม่ต้องห่วง! ฉันจะพาเธอออกไปเอง!" ไดชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว แม้ใบหน้าจะซีดเซียวไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขาก็ยังคงมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนแปลง

พวกเขาต้องวิ่งฝ่าความมืดมิดและกลิ่นเหม็นเน่าที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รากไม้ที่พันกันยุ่งเหยิงบนพื้นดินกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการวิ่งหนี บางครั้งเงาปีศาจก็พยายามแทรกตัวเข้ามาทางด้านข้าง ทำให้พวกเขาต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไปอีก

"มัน...จะ...ไม่...หยุด...ตาม!" ดาอิพูดด้วยน้ำเสียงหอบหนัก เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่กล้ามเนื้อขา แต่ก็กัดฟันวิ่งต่อ

"เราต้องหาที่ซ่อน...หรือที่ที่มันตามเราเข้ามาไม่ได้!" ไดชิกล่าว เขากวาดไฟฉายไปรอบๆ และพบว่าเบื้องหน้ามีทางแยกอีกทางหนึ่ง ทางด้านซ้ายเป็นทางตันที่เต็มไปด้วยหินถล่มลงมา ส่วนทางขวาเป็นช่องแคบๆ ที่ดูเหมือนจะนำไปสู่ที่ที่ลึกกว่าเดิม

"ไปทางขวา!" ไดชิบอกโดยไม่ต้องคิดมาก พวกเขาพุ่งตัวเข้าสู่ช่องแคบนั้นทันที ช่องทางนั้นแคบจนแทบจะต้องคลานผ่านไป ต้นไม้ที่นี่มีลักษณะแปลกประหลาดกว่าที่อื่น ราวกับถูกบิดเบี้ยวด้วยพลังงานบางอย่าง

เมื่อคลานผ่านช่องแคบออกมา พวกเขาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องโถงใต้ดินขนาดเล็ก ที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างธรรมชาติของเกาะ ผนังถ้ำเต็มไปด้วยภาพวาดโบราณที่แกะสลักอย่างประณีต เป็นรูปคนกำลังต่อสู้กับเงาประหลาดรูปร่างคล้ายปีศาจ และมีสัญลักษณ์บางอย่างที่คล้ายกับสัญลักษณ์บนหีบปริศนาที่พวกเขาค้นพบ

"ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย?" ดาอิพึมพำอย่างประหลาดใจ เธอส่องไฟฉายไปที่ภาพวาดเหล่านั้น "ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวโบราณ..."

"ชู่ว์!" ไดชิวางนิ้วบนริมฝีปากเป็นสัญญาณให้เงียบ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของเงาปีศาจที่กำลังพุ่งเข้ามาในช่องแคบที่พวกเขาเพิ่งผ่านมา เสียงคำรามของพวกมันดังขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าพวกมันกำลังเข้าใกล้

"พวกมันกำลังเข้ามาแล้ว!" ดาอิกระซิบเสียงเครียด เธอจับมีดอาคมของไดชิแน่น

"หลบเร็ว!" ไดชิกล่าวพลางดันดาอิให้หลบเข้าไปในซอกหินขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้างของห้องโถงนั้น พวกเขาหลบซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินขนาดใหญ่ และลดเสียงลมหายใจให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

แสงสีแดงก่ำจากดวงตาของเงาปีศาจปรากฏขึ้นที่ปลายช่องแคบ พร้อมกับร่างที่เต็มไปด้วยความมืดมิด พวกมันแทรกตัวเข้ามาในห้องโถงทีละตัวๆ ราวกับกำลังค้นหาเหยื่อ เงาปีศาจเหล่านี้มีลักษณะคล้ายกับตัวที่เคยสู้ด้วย แต่บางตัวกลับมีขนาดใหญ่กว่าและมีกล้ามเนื้อที่บิดเบี้ยวมากกว่า

นาฬิกาอาคมของดาอิส่งเสียงเตือนเบาๆ แต่เธอก็กดปิดเสียงเอาไว้ เพื่อไม่ให้พวกปีศาจรู้ตัว

"พวกมันยังไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงนี้" ไดชิกระซิบเสียงแผ่ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเย็นเฉียบ

เงาปีศาจหลายตัวเดินวนเวียนอยู่ในห้องโถง สอดส่ายสายตาไปรอบๆ พยายามดมกลิ่นและหาคลื่นพลังงานของมนุษย์ เสียงกระซิบจากรอยแยกมิติที่พวกเขาเพิ่งหนีมายังคงดังแว่วมาเบาๆ ราวกับเสียงหัวใจของโลกกำลังเต้น

จู่ๆ เงาปีศาจตัวหนึ่งก็หันหน้ามาทางซอกหินที่พวกเขาซ่อนอยู่ มันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาสีแดงก่ำของมันจะจ้องมองมายังพวกเขาโดยตรง

"แย่แล้ว!" ดาอิอุทานเบาๆ เธอรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็งด้วยความกลัว

"เงียบไว้!" ไดชิกระซิบตอบ เขาเตรียมพร้อมที่จะพุ่งออกไปสู้ หากมันเข้ามาใกล้กว่านี้

เงาปีศาจตัวนั้นเดินเข้ามาใกล้ซอกหินช้าๆ กรงเล็บแหลมคมของมันขูดกับพื้นหิน ทำให้เกิดเสียงแหลมบาดหู มันหยุดอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงไม่กี่ก้าว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา

แต่แล้ว...ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของห้องโถง เสียงเหมือนของเหลวเดือดปุดๆ และมีควันสีดำพวยพุ่งขึ้นมาจากรอยแยกเล็กๆ บนผนังถ้ำ เงาปีศาจตัวนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปทางต้นเสียงอย่างช้าๆ ราวกับได้รับคำสั่งบางอย่าง

พวกมันทุกตัวในห้องโถงต่างหันไปทางต้นเสียงนั้น ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าไปในรอยแยกเล็กๆ นั้นอย่างรวดเร็วทีละตัวๆ ราวกับถูกดึงดูดด้วยพลังงานบางอย่างที่ไม่สามารถต้านทานได้

"พวกมัน...ไปไหนกัน?" ดาอิพึมพำด้วยความประหลาดใจ

"ไม่รู้สิ...แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้สนใจเราแล้วนะ" ไดชิกล่าว เขาค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากซอกหิน และมองไปยังรอยแยกที่เงาปีศาจหายเข้าไป "นี่แหละโอกาสของเรา!"

ทั้งสองคลานออกมาจากซอกหินอย่างระมัดระวัง พวกเขาเดินไปสำรวจรอยแยกเล็กๆ ที่เงาปีศาจหายเข้าไป มันดูเหมือนเป็นทางเดินลับอีกทางหนึ่งที่นำไปสู่เบื้องลึกของเกาะ

"เราควรจะตามไปดีไหม?" ดาอิถามอย่างลังเล เธอรู้สึกถึงพลังงานที่รุนแรงจากรอยแยกนั้น และรู้ดีว่าเบื้องหลังมันอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

"เรามาไกลขนาดนี้แล้วดาอิ" ไดชิกล่าว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว "เราต้องรู้ว่าไอ้พวกนี้มันมาจากไหน และมันต้องการอะไร...ถ้าไม่หยุดมันตอนนี้ โลกของเราก็จะตกอยู่ในอันตราย" เขามองไปยังภาพวาดโบราณบนผนังถ้ำที่เล่าเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับเงาปีศาจ ดวงตาของเขาฉายแววเข้าใจบางอย่าง

"นายพูดถูก..." ดาอิพยักหน้า เธอหยิบขวดกักเก็บวิญญาณปีศาจขึ้นมาดูอีกครั้ง ขวดที่ตอนนี้บรรจุดวงวิญญาณเจ็ดดวงที่เต้นระริกอยู่ภายใน "เราต้องทำมันให้สำเร็จ"

ทั้งสองสบตากันอีกครั้ง คราวนี้ความหวาดกลัวจางหายไป เหลือเพียงความมุ่งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เบื้องหน้า พวกเขาก้าวเท้าเข้าสู่รอยแยกนั้นอย่างช้าๆ แสงจากไฟฉายของไดชิส่องนำทางพวกเขาเข้าไปในความมืดมิดที่ลึกล้ำกว่าเดิม พร้อมกับเสียงกระซิบจากรอยแยกมิติที่ยังคงดังแว่วมาไม่หยุด ราวกับกำลังเรียกหาพวกเขาเข้าไปสู่ก้นบึ้งของเกาะมรณะแห่งนี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   ความลับ

    หลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   สันติภาพ

    หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   การรับตำแหน่ง

    หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   เพลิงแค้นของชนเผ่า

    การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   ร่องรอย

    หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน

  • 5/B เกาะร้างต้องคำสาป   คลื่นคำราม

    หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status