หลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะตามเงาปีศาจเข้าไปในรอยแยกเล็กๆ นั้น พวกเขาก็พบว่าทางเดินที่ทอดยาวไปเบื้องหน้ามันซับซ้อนและวกวนกว่าที่คิด รากไม้ขนาดมหึมาพันเกี่ยวกันเป็นอุโมงค์มืดมิด ไอเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาในอากาศเริ่มกัดกินจนรู้สึกถึงความเจ็บปวด กระดูกของพวกเขาเริ่มสั่นสะท้านจากความหนาวเหน็บ
ทันทีที่ก้าวพ้นปากทางออก พวกเขาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ใต้ดินอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่เต็มไปด้วยแสงสีม่วงดำจากรอยแยกมิติขนาดใหญ่ที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่กลางอากาศ และที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้นคือมี เงาปีศาจจำนวนมหาศาลยืนอยู่รายล้อม แท่นบูชาที่พวกเขาเคยเจอในถ้ำก่อนหน้านี้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของพิธีกรรมที่เต็มไปด้วยพลังงานอันมืดมิด
"โอ้...ไม่นะ" ดาอิพึมพำเสียงสั่น เธอเหลือบมองนาฬิกาอาคมบนข้อมือ ซึ่งตอนนี้หน้าปัดขึ้นเป็นสัญลักษณ์เตือนภัยสีแดงอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับตัวเลขที่ระบุจำนวนปีศาจที่ไม่อาจจะนับได้
"ให้ตายสิ...มันเยอะกว่าตอนแรกเสียอีก!" ไดชิกล่าวเสียงเครียด เขากระชับมีดอาคมในมือแน่น ท่ามกลางเสียงคำรามต่ำๆ ที่ประสานกันของเหล่าเงาปีศาจที่เริ่มหันมามองพวกเขาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
"กร๊าซซซซซ!"
เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งห้องโถง เงาปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่พวกเขาจากทุกทิศทาง มันเร็วเกินกว่าที่ดวงตาจะมองทัน ราวกับฝูงผึ้งที่กำลังพุ่งเข้าโจมตีรังของศัตรู
"ฮึ่ย!" ไดชิคำราม เขาฟันมีดอาคมออกไปอย่างสุดกำลัง ตัดผ่านร่างเงาของปีศาจไปสองสามตัวก่อนที่ร่างของมันจะแตกสลายเหลือเพียงดวงวิญญาณสีม่วงเข้ม
"ดาอิ! เร็ว!" เขาตะโกนเตือน
ดาอิไม่รอช้า เธอชูขวดอาคมขึ้นเหนือหัว พึมพำคาถาอย่างรวดเร็วเพื่อกักเก็บดวงวิญญาณ แต่เพียงเสี้ยววินาที เงาปีศาจอีกหลายตัวก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวเธออย่างกะทันหัน
"โอ๊ย!" ดาอิร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อกรงเล็บแหลมคมของปีศาจตัวหนึ่งเฉียดเข้าที่แขนของเธอจนเกิดรอยแผลเป็นสีแดงยาว เธอพยายามดึงขวดออกมาแต่ก็ถูกเงาปีศาจที่พยายามจะฉีกกระชากขวดของเธอออกไปจากมือ
"อย่าเข้ามานะ!" ดาอิร้องเสียงหลง พยายามใช้เท้าถีบเงาปีศาจออกไปให้พ้นทาง แต่มันกลับแข็งแรงเกินคาด
"ดาอิ!" ไดชิเห็นดังนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปช่วยทันที เขาฟันมีดอาคมออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้เงาปีศาจที่รุมดาอิสลายไปอีกหลายตัว
"เธอเป็นอะไรรึเปล่า?!" ไดชิถามด้วยความตกใจ ขณะที่ดาอิรีบใช้ผ้าพันแผลที่เตรียมมาพันบาดแผลที่แขนอย่างเร่งด่วน
"ฉันไม่เป็นไร...แต่พวกมันเยอะเกินไปจริงๆ ไดชิ" ดาอิกล่าวเสียงสั่น เธอพยายามกักเก็บดวงวิญญาณปีศาจที่ลอยคว้างอยู่ แต่ก็ถูกเงาปีศาจอีกตัวที่เข้ามาโจมตีจากทางด้านหลัง
"ให้ตายเถอะ! นี่มันไม่จบไม่สิ้นเลยหรือไง!" ไดชิสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เขาก้มตัวหลบการโจมตีจากข้างบน ก่อนจะหมุนตัวฟันมีดออกไปอีกครั้ง "เราจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้! เราต้องหาทางตั้งหลัก!"
การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างยาวนานจนพวกเขาเริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่กัดกินพลังงานทั้งหมดที่มี ไดชิเริ่มมีอาการหอบหนักขึ้นเรื่อยๆ แขนของเขาก็เริ่มอ่อนแรงลง มีดอาคมในมือเริ่มสั่นเล็กน้อย ส่วนดาอิก็ต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีในการหลบหลีกและกักเก็บวิญญาณให้ทัน
"กี่ตัวแล้ว..." ไดชิพึมพำกับตัวเอง เขารู้สึกเหมือนมีดอาคมของเขากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ พลังงานจากอาคมเริ่มพร่องไปอย่างรวดเร็ว
"สิบห้าตัวแล้วไดชิ! แต่พวกมันยังมีอีกเป็นร้อย!" ดาอิตะโกนตอบ เธอรู้สึกเหมือนพลังงานจากขวดอาคมของเธอกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นเอง...ก็มีเสียงคำรามที่รุนแรงกว่าปกติ เงาปีศาจตัวหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกมันปรากฏตัวขึ้น มันมีขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นๆ ถึงสองเท่า มีเขาแหลมบนศีรษะ และมีดวงตาถึงสามดวงที่เปล่งแสงสีแดงก่ำราวกับเพลิงนรก
"นั่นมัน...ปีศาจระดับสูง!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ นาฬิกาอาคมของเธอส่งเสียงเตือนระดับสูงสุด
"เราสู้มันไม่ไหวแน่! ถอยก่อน!" ไดชิกล่าวอย่างเด็ดขาด เขาดึงมือดาอิให้วิ่งไปทางด้านหลังของห้องโถง ซึ่งมีทางแยกเล็กๆ อีกทางหนึ่งซ่อนอยู่
"ไม่นะ! อย่าหนีนะเว้ย!" เสียงคำรามของเงาปีศาจระดับสูงดังก้องไปทั่วถ้ำ มันพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างรวดเร็วราวกับขีปนาวุธที่กำลังจะพุ่งชนเป้าหมาย ไดชิใช้มีดอาคมฟันไปที่มันแต่กลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
"ฮึ่ย! ทำไมมันไม่โดน!" ไดชิสบถออกมา เขาพยายามฟันมีดใส่เงาปีศาจอีกครั้ง แต่คราวนี้มันกลับใช้กรงเล็บแหลมคมปัดมีดของเขาจนกระเด็นไปตกไกล
"มีด!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ
"ช่างมันก่อน! หนี!" ไดชิคว้ามือดาอิแน่นและพุ่งตัวเข้าไปในทางแยกเล็กๆ นั้นทันที
เสียงคำรามของเงาปีศาจไล่ตามหลังมาติดๆ พวกเขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปตามอุโมงค์ที่มืดมิดและวกวน รากไม้ที่พันกันเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนทำให้พวกเขาเดินทางได้ลำบาก แต่ก็เป็นอุปสรรคสำหรับเงาปีศาจที่ตามมาด้วยเช่นกัน
"ทางนี้!" ไดชิชี้ไปยังช่องทางเล็กๆ ที่อยู่ด้านขวา พวกเขาแทรกตัวเข้าไปในช่องทางนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อคลานผ่านช่องทางนั้นออกมา พวกเขาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในถ้ำขนาดเล็กอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่เงียบสงัดและเต็มไปด้วยแสงสว่างจากตะเกียงหินที่เปล่งแสงเรืองรองอยู่บนผนังถ้ำ
"ปลอดภัยแล้ว..." ดาอิพึมพำด้วยความโล่งอก เธอทรุดตัวลงกับพื้นหินเย็นๆ หายใจหอบอย่างหนัก
"ให้ตายสิ...ถ้าไม่ถอยมาคงแย่แน่" ไดชิกล่าว ใบหน้าของเขาซีดเซียวไปด้วยความเหนื่อยล้าและหวาดกลัว เขาเหลือบมองไปที่รอยแผลบนแขนของดาอิด้วยความกังวล
"แผลไม่ลึกมากหรอก...แต่เจ็บชะมัดเลย" ดาอิกล่าวพร้อมกับยิ้มแห้งๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ถ้ำที่พวกเขาเข้ามาหลบซ่อน
ถ้ำนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่กลับมีบรรยากาศที่แตกต่างจากถ้ำอื่นๆ ที่พวกเขาเคยเจอ ที่นี่ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า แต่กลับมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นของดอกไม้อะไรบางอย่าง ผนังถ้ำเต็มไปด้วยภาพวาดโบราณที่สลักเสลาอย่างประณีต แต่ภาพวาดเหล่านี้ไม่ใช่ภาพการต่อสู้ แต่เป็นภาพการทำพิธีกรรมบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นการปกป้อง
"ที่นี่มันอะไรกัน?" ดาอิพึมพำด้วยความประหลาดใจ เธอค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินไปสำรวจภาพวาดเหล่านั้น
"ดูเหมือนจะเป็นที่หลบภัยนะ..." ไดชิกล่าว เขาสังเกตเห็นว่าบนผนังถ้ำมีสัญลักษณ์บางอย่างที่คล้ายกับสัญลักษณ์บนหีบปริศนาที่พวกเขาค้นพบ แต่สัญลักษณ์ที่นี่มีขนาดใหญ่กว่าและมีรูปร่างที่ซับซ้อนกว่ามาก
"ดูนี่สิไดชิ!" ดาอิร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น เธอส่องไฟฉายไปที่ผนังถ้ำอีกด้านหนึ่ง และพบว่ามีข้อความบางอย่างสลักไว้บนผนัง เป็นภาษาโบราณที่พวกเขามองไม่คุ้นตา แต่กลับรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
"มันคืออะไร?" ไดชิถาม
"ฉันก็ไม่รู้...แต่เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย..." ดาอิตอบ ใบหน้าของเธอฉายแววครุ่นคิด "มันคล้ายกับอักษรบนหน้าหนังสือเก่าๆ ในห้องสมุดของโรงเรียนเรา"
"เป็นไปได้...มันอาจจะเป็นเรื่องราวของเกาะนี้ก็ได้" ไดชิกล่าว เขาเดินเข้าไปใกล้ผนังถ้ำนั้น และใช้มือสัมผัสตัวอักษรโบราณเหล่านั้น "มันมีพลังงานบางอย่างนะดาอิ...มันรู้สึกอุ่นๆ"
ในขณะที่พวกเขากำลังสำรวจผนังถ้ำอย่างตั้งใจอยู่นั้น เสียงคำรามของเงาปีศาจก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงมันเบาลงกว่าเดิมมาก ราวกับมันอยู่ห่างออกไปหลายเมตร
"พวกมันยังตามเรามาอยู่!" ดาอิกล่าวด้วยความกังวล
"แต่ทำไมมันถึงไม่เข้ามาที่นี่นะ?" ไดชิสงสัย เขาเงยหน้าขึ้นมองเพดานถ้ำ และพบว่าบนเพดานมีสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงเรืองรองอยู่ สัญลักษณ์นั้นคล้ายกับโล่ที่กำลังปกป้องบางสิ่งบางอย่าง
"หรือว่าที่นี่จะเป็นเขตปลอดภัย?" ดาอิเดา เธอยกนาฬิกาอาคมขึ้นมาดู ซึ่งตอนนี้มันก็ยังคงนิ่งสนิท ราวกับไม่มีเงาปีศาจอยู่ในบริเวณนี้เลย
"เป็นไปได้...สัญลักษณ์นี้อาจจะสร้างอาคมป้องกันบางอย่างเอาไว้" ไดชิกล่าว เขาเดินเข้าไปใกล้สัญลักษณ์นั้น และใช้มือสัมผัสดู "มันมีพลังงานที่บริสุทธิ์มาก...แตกต่างจากพลังงานมืดของพวกปีศาจอย่างสิ้นเชิง"
ในขณะที่พวกเขากำลังยืนสำรวจสัญลักษณ์อยู่นั้น เสียงคำรามของเงาปีศาจก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงมันอยู่ไกลออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับพวกมันกำลังถอยกลับไป
"ดูเหมือนเราจะปลอดภัยจริงๆ ด้วย" ดาอิกล่าวด้วยความโล่งใจ "อย่างน้อยก็ในตอนนี้"
"ใช่...แต่เราจะทำยังไงต่อล่ะ?" ไดชิถาม เขาเหลือบมองไปที่รอยแยกมิติที่ยังคงสั่นสะเทือนอยู่ไกลๆ "มีดอาคมของฉันก็หายไปแล้ว"
"เราต้องหาทางกลับไปเอาคืนมาให้ได้" ดาอิกล่าว "มีดอาคมเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการพวกมัน"
"แต่เราจะไปสู้อีกรอบไม่ได้แล้วนะ! เราไม่มีทางชนะแน่" ไดชิโต้แย้ง
"ฉันรู้...แต่เราต้องทำอะไรสักอย่าง" ดาอิกล่าว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "ดูนี่สิ" เธอชี้ไปยังภาพวาดบนผนังถ้ำอีกครั้ง "ดูเหมือนว่าภาพวาดเหล่านี้จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหีบปริศนา และวิธีการที่จะใช้พลังของมันในการกำจัดพวกปีศาจ"
"เธอคิดว่ามันคืออะไร?" ไดชิถามอย่างสนใจ
"ฉันยังไม่รู้...แต่เราอาจจะต้องถอดรหัสอักษรโบราณพวกนี้ก่อน" ดาอิตอบ "และฉันรู้สึกว่ามันเกี่ยวข้องกับเราสองคน" เธอกล่าวพร้อมกับมองไปที่สัญลักษณ์ฝาแฝดที่ปรากฏอยู่บนภาพวาด
"ฝาแฝดงั้นเหรอ?" ไดชิถามอย่างประหลาดใจ
"ใช่...ในภาพวาดมีรูปฝาแฝดสองคนกำลังใช้พลังบางอย่างในการปิดรอยแยกมิติ" ดาอิกล่าว "ฉันคิดว่า...เราสองคนอาจจะเป็นคนสำคัญที่จะต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ"
"ถ้าอย่างนั้น...เราต้องอยู่ที่นี่ก่อน" ไดชิกล่าว "เราต้องใช้เวลาถอดรหัสข้อความพวกนี้ และทำความเข้าใจกับพลังของหีบให้ได้ก่อนที่จะกลับไปสู้กับพวกมัน"
"นายพูดถูก" ดาอิพยักหน้า "เราต้องใช้ความรู้นี้ในการเอาชนะพวกมันให้ได้"
ทั้งสองนั่งลงบนพื้นถ้ำ และเริ่มพิจารณาภาพวาดและตัวอักษรโบราณเหล่านั้นอย่างจริงจัง พวกเขาใช้ไฟฉายส่องไปที่ภาพวาดต่างๆ พยายามหาเบาะแสและคำตอบจากสิ่งเหล่านี้ แม้จะเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ที่ดุเดือด แต่ความหวังที่จะหาทางหยุดยั้งเงาปีศาจก็ยังคงลุกโชนอยู่ในใจของพวกเขา
ถ้ำที่เคยเป็นเพียงที่หลบภัยชั่วคราว ตอนนี้กลับกลายเป็นที่มั่นสุดท้ายที่จะทำให้พวกเขารอดพ้นจากอันตราย และที่สำคัญที่สุดคือ...เป็นกุญแจที่จะไขความลับทั้งหมดของเกาะมรณะแห่งนี้
ในขณะที่ความมืดมิดภายนอกถ้ำยังคงถูกปกคลุมด้วยเงาปีศาจที่พร้อมจะฉีกกระชากพวกเขาเป็นชิ้นๆ สองฝาแฝดก็กำลังเริ่มการเดินทางครั้งใหม่...การเดินทางเพื่อไขปริศนาที่จะนำไปสู่หนทางแห่งการเอาชนะและกลับบ้านอย่างปลอดภัย
หลังจากที่สองฝาแฝดหนีเข้ามาหลบภัยในถ้ำปริศนาได้สำเร็จ ไดชิก็ทรุดตัวลงพิงผนังถ้ำอย่างอ่อนแรง ใบหน้าของเขาซีดเผือดจากการเสียเลือดเล็กน้อย และความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากการต่อสู้อันยาวนาน แผลที่แขนของเขาถูกฉีกขาดจากการปัดป้องเงาปีศาจ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีเลือดซึมออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน"เป็นยังไงบ้างไดชิ...เจ็บมากไหม?" ดาอิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง เธอรีบเข้าไปนั่งข้างๆ พี่ชาย พยายามใช้ผ้าพันแผลอีกผืนพันทับแผลที่แขนของเขาให้แน่นขึ้น"ไม่เป็นไร...แค่แผลถลอกนิดหน่อย" ไดชิกล่าวพร้อมกับยิ้มแห้งๆ พยายามปลอบใจน้องสาว แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงซีดเผือดและมีอาการสั่นเล็กน้อยจากความเจ็บปวดดาอิรู้ดีว่าพี่ชายกำลังโกหก เธอหันไปมองคัมภีร์เล่มเล็กที่หลุดออกมาจากกระเป๋าเป้ของเขาในระหว่างการวิ่งหนี บนหน้าปกมีสัญลักษณ์ที่คล้ายกับสัญลักษณ์บนหีบปริศนาที่พวกเขาค้นพบ เธอจึงตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาเปิดดูอย่างระมัดระวังคัมภีร์เล่มนั้นถูกทำขึ้นจากกระดาษสาโบราณที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นสมุนไพร บนหน้ากระดาษเต็มไปด้วยรูปวาดและอักขระโบราณที่ดาอิไม่คุ้นเคย แต่เมื่อเธอค่อยๆ ไล่สายตาอ่านไปเรื่อยๆ เธอก็พบว่ามันเป็นตำราที
หลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะตามเงาปีศาจเข้าไปในรอยแยกเล็กๆ นั้น พวกเขาก็พบว่าทางเดินที่ทอดยาวไปเบื้องหน้ามันซับซ้อนและวกวนกว่าที่คิด รากไม้ขนาดมหึมาพันเกี่ยวกันเป็นอุโมงค์มืดมิด ไอเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาในอากาศเริ่มกัดกินจนรู้สึกถึงความเจ็บปวด กระดูกของพวกเขาเริ่มสั่นสะท้านจากความหนาวเหน็บทันทีที่ก้าวพ้นปากทางออก พวกเขาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ใต้ดินอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่เต็มไปด้วยแสงสีม่วงดำจากรอยแยกมิติขนาดใหญ่ที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่กลางอากาศ และที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้นคือมี เงาปีศาจจำนวนมหาศาลยืนอยู่รายล้อม แท่นบูชาที่พวกเขาเคยเจอในถ้ำก่อนหน้านี้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของพิธีกรรมที่เต็มไปด้วยพลังงานอันมืดมิด"โอ้...ไม่นะ" ดาอิพึมพำเสียงสั่น เธอเหลือบมองนาฬิกาอาคมบนข้อมือ ซึ่งตอนนี้หน้าปัดขึ้นเป็นสัญลักษณ์เตือนภัยสีแดงอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับตัวเลขที่ระบุจำนวนปีศาจที่ไม่อาจจะนับได้"ให้ตายสิ...มันเยอะกว่าตอนแรกเสียอีก!" ไดชิกล่าวเสียงเครียด เขากระชับมีดอาคมในมือแน่น ท่ามกลางเสียงคำรามต่ำๆ ที่ประสานกันของเหล่าเงาปีศาจที่เริ่มหันมามองพวกเขาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ"กร๊าซซซซซ!"เสี
ทันทีที่สองฝาแฝดพุ่งทะยานเข้าสู่ถ้ำมรณะ แสงจากไฟฉายของไดชิสาดส่องกระทบกับดวงตาสีแดงก่ำของเหล่า ร่างเงาที่สมบูรณ์แบบ ที่ยืนรายล้อมแท่นบูชา พวกมันไม่ใช่เงาเลือนรางที่เคยเจอ แต่เป็นรูปเป็นร่างชัดเจน ราวกับหล่อหลอมขึ้นจากความมืดมิด มีกล้ามเนื้อที่บิดเบี้ยว และเล็บมือที่แหลมคมราวใบมีด พร้อมที่จะฉีกกระชากทุกสิ่งที่ขวางหน้า"กร๊าซซซซซ!" เสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้นพร้อมกันจากเงาปีศาจราวสิบกว่าตัว ร่างกายของพวกมันพุ่งเข้าใส่สองพี่น้องอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ราวกับคมมีดที่พร้อมจะบั่นคอให้ขาดสะบั้น"ระวัง!" ไดชิตะโกนลั่น เขากระชับมีดอาคมในมือแน่น พุ่งทะยานเข้าใส่เงาปีศาจที่อยู่ใกล้ที่สุด ฟันมีดออกไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ปลายมีดเงินอมฟ้าเสียบเข้าที่ศีรษะของเงาปีศาจตัวหนึ่งอย่างจังแคร้ง!เสียงเหมือนแก้วแตกดังสนั่น ร่างของเงาปีศาจตัวนั้นสลายเป็นควันสีดำจางๆ เหลือเพียง ดวงวิญญาณสีม่วงเข้ม ที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ไดชิรีบถอยฉากออกมาเพื่อเปิดทางให้ดาอิ"ดาอิ! เร็วเข้า!" เขาสั่งเสียงเครียด ขณะที่อีกสองสามตัวพุ่งเข้ามารุมล้อมดาอิไม่รอช้า เธอชู ขวดกักเก็บดวงวิญญาณ สีแก้วใสขึ้นเหนือหัว ปากของเธอพึมพำร่ายคาถ
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!ทันใดนั้นเอง นาฬิกาอาคมบนข้อมือของดาอิก็ส่งเสียงเตือนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหน้าปัดที่แสดงผลเป็นตัวเลข "3 เมตร" และทิศทางที่ชี้ลงไปด้านล่าง"มันอยู่ใต้ดินเหรอ?" ดาอิพึมพำด้วยความประหลาดใจ"เป็นไปได้! สัญญาณมันชี้ลงไปข้างล่าง!" ไดชิหันไฟฉายส่องไปที่พื้นดินบริเวณนั้น และพบว่ามีรอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยรากไม้ รอยร้าวเหล่านั้นดูเหมือนจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และมีช่องว่างเล็กๆ พอให้คนลงไปได้ ช่องว่างนั้นมืดมิดจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง แต่จากช่องว่างนั้น กลับมีไอเย็นยะเยือกและกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงกว่าเดิมโชยขึ้นมา"เราต้องลงไปข้างล่างเหรอ?" ดาอิถามอย่างไม่แน่ใจ แสงจากไฟฉายส่องไม่ถึงก้นเหว ราวกับว่าเบื้องล่างคือความมืดมิดที่ไร้ที่สิ้นสุด"ดูเหมือนจะเป็นทางเดียว...ถึงตอนนี้ เราคงไม่มีทางเลือกแล้ว" ไดชิถอนหายใจเฮือก เขามองลงไปในช่องว่างนั้นด้วยแววตาที่มุ่งมั่น "ระวังตัวไว้ให้ดีนะดาอิ...มันอาจจะไม่ใช่แค่เงาปีศาจธรรมดา" เขากล่าวพลางค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในช่องว่างนั้นอย่างระมัดระวัง ดาอิรีบตามลงไปติดๆ แสงไฟฉายส่องนำทางพวกเขาลงสู่ความมืดมิดที่รออยู่เบื้องล่างพื้นด
ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนที่พัดหวีดหวิว ราวกับเสียงกระซิบจากความว่างเปล่า ดาอิ และ ไดชิ สองฝาแฝดผู้แบกรับชะตากรรมยืนอยู่เบื้องหน้าประตูมิติที่เรืองแสงเรื่อๆ สีคราม ครอบครัวของพวกเขายืนอยู่ด้านหลัง ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลและความรักที่ไม่อาจเอ่ย ไดชิหันไปมองดาอิ ดวงตาของเขามีประกายแห่งความแน่วแน่และมุ่งมั่น ต่างจากดาอิที่แววตาเปี่ยมด้วยความลังเลเล็กน้อย แต่เพียงเสี้ยววินาที ความลังเลนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นไม่แพ้กัน เมื่อทั้งคู่สบตากัน พยักหน้าให้กันเบาๆ เป็นสัญญาณ ก่อนจะจับมือกันแน่น และก้าวเท้าเข้าไปในมิติที่บิดเบี้ยวตรงหน้าทันทีที่ก้าวผ่านพ้นธรณีประตูมิติ ร่างของพวกเขาก็ถูกเหวี่ยงเข้ามายังสถานที่แห่งหนึ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ลมพัดหวีดหวิวเมื่อครู่พลันเงียบสงัดราวกับถูกดูดกลืน ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของครอบครัวเมื่อครู่พลันหายไป เหลือเพียงความมืดมิดและไอเย็นยะเยือกที่กัดกินเข้าถึงกระดูก สัมผัสแรกที่เท้าของพวกเขาเหยียบลงไปคือผืนทรายเย็นเฉียบ เม็ดทรายละเอียดแทรกซึมผ่านรองเท้าผ้าใบจนรู้สึกได้ แสงสว่างเดียวที่มีคือแสงสีเงินยวงของพระจันทร์เต็มดวงที่ลอยเด่นอยู่เหนือหัว ส่องกระทบผิวน้ำทะ