“ไม่นะ… เก็น!”
เสียงนาฬิกาข้อมืออาคมยังคงส่งเสียงเตือนภัย สัญญาณชีพของเก็นอ่อนลงเรื่อยๆ และจุดสีดำขนาดใหญ่หลายจุดบนแผนที่ก็กำลังเคลื่อนที่เข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว ฟูมิโกะรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอกำลังถูกบีบขยี้ด้วยความหวาดกลัว เธอรู้ว่าเธอไม่มีเวลาแม้แต่วินาทีเดียวที่จะลังเล เธอพุ่งตัวออกจากห้องผ่าตัดทันที วิ่งกลับไปตามทางเดินที่มืดมิดด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน เธอต้องไปหาเก็น เธอต้องช่วยเขา! ขณะที่ฟูมิโกะวิ่งไปตามทางเดิน เสียงฝีเท้าของเธอดังก้องสะท้อนไปมา เธอพยายามใช้ความสามารถในการรับรู้พลังงานวิญญาณของเธอเพื่อจับทิศทางของจุดสีดำบนแผนที่ในนาฬิกาข้อมือ มันเป็นกลุ่มของเงาปีศาจจำนวนมาก และดูเหมือนพวกมันจะเร็วกว่าที่เธอคิด “ใกล้… ใกล้เข้ามาแล้ว!” ฟูมิโกะพึมพำกับตัวเอง เธอเห็นแผนที่บนนาฬิกาแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังวิ่งเข้าใกล้จุดที่เก็นอยู่ แต่เธอก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง ระหว่างทางที่เธอจะต้องกลับไปหาเก็น มีจุดสีแดงเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนแผนที่ ผ้ายันต์อาคมผืนที่สาม! มันอยู่ที่ ห้องแล็บร้าง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางที่เธอจะไปหาเก็นมากนัก ฟูมิโกะชะงักไปเล็กน้อย การจะแวะไปเอาผ้ายันต์อาจจะทำให้เธอเสียเวลา และเก็นอาจจะตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน ผ้ายันต์อาคมที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะช่วยให้พวกเขามีพลังในการต่อสู้มากขึ้นด้วย เธอรู้ว่าผ้ายันต์แต่ละผืนมีความสามารถที่แตกต่างกัน และเธอต้องการมันทุกผืนเพื่อทำพิธีผนึกให้สมบูรณ์ “ถ้าเรามีผ้ายันต์เพิ่มขึ้น เราก็จะมีโอกาสช่วยเก็นได้มากขึ้น!” ฟูมิโกะตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เธอเปลี่ยนทิศทาง วิ่งตรงไปยังห้องแล็บร้าง ประตูห้องแล็บเป็นประตูโลหะเก่าๆ ขึ้นสนิม มีป้ายบอกว่า “ห้องปฏิบัติการวิจัย” แขวนอยู่อย่างน่าขนลุก ฟูมิโกะผลักประตูเข้าไป เสียงโลหะเสียดสีกันดังเอี๊ยดอ๊าด แอ๊ดดดด… ทันทีที่ฟูมิโกะก้าวเท้าเข้ามาในห้องแล็บ กลิ่นฉุนของสารเคมีและกลิ่นคาวสนิมก็พุ่งเข้าปะทะจมูก ภายในห้องมืดมิดกว่าที่อื่น มีโต๊ะปฏิบัติการยาวเหยียดวางอยู่กลางห้อง เต็มไปด้วยอุปกรณ์แก้วที่แตกหักและหลอดทดลองที่พลิกคว่ำ บางหลอดมีคราบของเหลวสีดำแห้งกรังติดอยู่บนผนังห้องมีชั้นวางที่เต็มไปด้วยโหลแก้วขนาดต่างๆ ภายในบรรจุสิ่งของที่ดูคล้ายชิ้นส่วนอวัยวะที่เน่าเปื่อย ทำให้บรรยากาศยิ่งน่าขนลุก “ผ้ายันต์… มันอยู่ไหน?” ฟูมิโกะพึมพำ เธอพยายามใช้ความสามารถในการรับรู้พลังงานวิญญาณของเธอ เพื่อหาตำแหน่งของผ้ายันต์ผืนที่สาม ทันใดนั้น! เสียงกระซิบ ที่ไม่ใช่เสียงกระซิบจากวิญญาณเดี่ยวๆ แต่เป็นเสียงกระซิบที่ดังขึ้นพร้อมกันจากหลายทิศทาง เสียงนั้นประสานกันเป็นท่วงทำนองที่น่าสะพรึงกลัว ราวกับเสียงร้องของกลุ่มคนจำนวนมากที่กำลังเจ็บปวดทรมาน “ยินดีต้อนรับ… สู่การทดลองของเรา…” ฟูมิโกะตัวแข็งทื่อ เธอรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวในห้องนี้ เธอหันไปมองรอบๆ อย่างระมัดระวัง มีดลงอาคมของเก็นในมือของเธอกระชับแน่น แล้วพวกมันก็ปรากฏตัว! เหล่าเงาปีศาจจำนวนมาก พุ่งออกมาจากซอกหลืบต่างๆ ของห้อง พวกมันมีรูปร่างแตกต่างกันไป บางตัวมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่บิดเบี้ยว บางตัวคล้ายสัตว์ประหลาดที่มีแขนขาผิดรูป บางตัวก็เป็นเพียงกลุ่มควันสีดำที่ลอยวนไปมา แต่ทั้งหมดล้วนมีดวงตาสีแดงฉานที่จ้องมองมาที่ฟูมิโกะด้วยความหิวโหย “กับดักงั้นเหรอ?!” ฟูมิโกะอุทาน เธอเข้าใจทันที นี่คือสิ่งที่รอเธออยู่! หนึ่งในเงาปีศาจรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่ดูใหญ่ที่สุดพุ่งเข้าใส่เธอเป็นตัวแรก ฟูมิโกะหลบหลีกการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด พลางใช้มีดลงอาคมฟันเข้าใส่ร่างของมัน เสียงโลหะกระทบกับพลังงานมืดมิดดังขึ้น ฉัวะ! แต่เงาปีศาจตัวอื่นๆ ก็พุ่งเข้ามาล้อมเธอไว้จากทุกทิศทาง ฟูมิโกะต้องหมุนตัวไปมา พยายามป้องกันการโจมตีจากทุกด้าน เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันจากพลังงานมืดมิดจำนวนมากพร้อมๆ กัน “พวกแก… ต้องการอะไร?!” ฟูมิโกะตะโกนถาม เธอรู้ว่าการต่อสู้กับพวกมันทั้งหมดในคราวเดียวเป็นเรื่องที่ยากมาก เงาปีศาจที่ล้อมรอบเธอไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่เสียงกระซิบที่น่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง “พลังงาน… เราต้องการพลังงาน… พลังชีวิตของเจ้า…” ฟูมิโกะกัดฟันแน่น เธอไม่ยอมให้มันดูดพลังชีวิตของเธอไปง่ายๆ เธอเริ่มร่ายคาถาป้องกัน พลังงานสีขาวนวลจากผ้ายันต์ผืนที่สองแผ่ออกมาคุ้มครองเธอ แต่เงาปีศาจก็มีจำนวนมากเกินไป พวกมันพยายามพุ่งเข้ามากัดกินพลังป้องกันของเธออย่างต่อเนื่อง “อั่ก!” ฟูมิโกะส่งเสียงครางเมื่อเงาปีศาจบางตัวสามารถเล็ดรอดเข้ามาใกล้ตัวเธอได้ เธอรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านเข้ามาในร่าง ราวกับพลังชีวิตกำลังถูกดึงออกไปช้าๆ เธอพยายามรวบรวมสติ เธอเหลือบมองนาฬิกาข้อมืออาคมอีกครั้ง สัญญาณชีพของเก็นยังคงอ่อนลงเรื่อยๆ และจุดสีดำบนแผนที่ก็ยิ่งเคลื่อนที่เข้าใกล้เขามากขึ้นไปอีก เธอไม่มีเวลาจะอยู่ที่นี่นานๆ “ฉันต้องหาผ้ายันต์ให้เจอ!” ฟูมิโกะพึมพำกับตัวเอง เธอพยายามสอดส่องสายตาไปรอบๆ ห้องแล็บที่มืดมิด แม้จะถูกเงาปีศาจโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานของผ้ายันต์ผืนที่สาม! มันไม่ได้อยู่บนโต๊ะหรือตามชั้นวาง แต่กลับอยู่ใน ตู้กระจกบานใหญ่ ที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ตู้กระจกที่ภายในบรรจุโครงกระดูกมนุษย์ขนาดใหญ่ผิดปกติเอาไว้ และผ้ายันต์ก็ถูกพันรอบกระดูกสันหลังของโครงกระดูกนั้น! “นั่นไง!” ฟูมิโกะร้องออกมาด้วยความดีใจ เธอพุ่งตัวเข้าไปหาตู้กระจกทันที แม้จะต้องฝ่าวงล้อมของเหล่าเงาปีศาจ “อย่าให้มันไปถึงผ้ายันต์!” เสียงกระซิบที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้นพร้อมกันจากเหล่าเงาปีศาจ พวกมันพุ่งเข้ามาขัดขวางฟูมิโกะอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ฟูมิโกะใช้มีดลงอาคมฟันเข้าใส่เงาปีศาจที่เข้ามาขวางทาง เธอใช้ผ้ายันต์ผืนที่สองสร้างกำแพงพลังงานป้องกันการโจมตีของพวกมัน แต่เธอก็ยังต้องรับมือกับเงาปีศาจที่โถมเข้ามาไม่หยุด “พวกแกไม่มีทางหยุดฉันได้หรอก!” ฟูมิโกะตะโกน เธอออกแรงวิ่งสุดกำลัง พุ่งตรงไปที่ตู้กระจก แม้จะถูกเงาปีศาจกระแทกจนเซไปมาหลายครั้ง ในที่สุด เธอก็มาถึงหน้าตู้กระจก ฟูมิโกะใช้มีดลงอาคมของเก็นฟันเข้าที่บานประตูกระจก แต่กระจกนั้นกลับแข็งแกร่งกว่าที่คิด มีดอาคมเพียงแค่สร้างรอยร้าวเล็กๆ เท่านั้น “ไม่ได้ผล!” ฟูมิโกะอุทานด้วยความหงุดหงิด เธอมองไปที่โครงกระดูกด้านใน แล้วพยายามหาทางเปิดตู้ ขณะเดียวกัน เหล่าเงาปีศาจก็พุ่งเข้ามาล้อมตู้กระจกเอาไว้ พวกมันไม่ได้เข้ามาโจมตีเธอโดยตรง แต่กลับยืนจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีแดงฉานที่เต็มไปด้วยความอาฆาต ราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง “ทำไมพวกมันถึงไม่โจมตี?!” ฟูมิโกะพึมพำ เธอรู้สึกถึงความผิดปกติ ทันใดนั้น! เสียงกระซิบที่น่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่แหบพร่าและเย็นยะเยือก “เจ้า…ไม่มีทาง…เอาไปได้… โครงกระดูกนี้คือ… กับดัก…” ฟูมิโกะมองไปที่โครงกระดูกในตู้ ดวงตาของโครงกระดูกที่เคยว่างเปล่า บัดนี้กลับมีดวงไฟสีแดงฉานลุกโชนขึ้นมา! เคร้ง! แคร๊ก! โครงกระดูกนั้นเริ่มขยับตัวช้าๆ มันพยายามที่จะดันฝาตู้กระจกออก แรงสั่นสะเทือนจากโครงกระดูกทำให้ตู้กระจกเริ่มมีรอยร้าวมากขึ้น “ไม่จริงน่า!” ฟูมิโกะอุทาน เธอรู้ว่าถ้าโครงกระดูกนั้นหลุดออกมา เธอจะต้องเจอศึกหนักกว่าเดิมแน่ๆ เธอตัดสินใจใช้ขวดเก็บวิญญาณที่กักเก็บเงาปีศาจสองตัวแรกเอาไว้ เธอเปิดฝาขวดออก แล้วร่ายคาถาดูดดึงวิญญาณอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอไม่ได้ตั้งใจจะดูดเงาปีศาจตัวไหน แต่เธอเล็งไปที่ โครงกระดูกในตู้! “ถ้าแกคือวิญญาณ… ก็จงถูกผนึกซะ!” ฟูมิโกะตะโกน พลังดูดดึงจากขวดพุ่งตรงเข้าไปในตู้กระจก โครงกระดูกส่งเสียงกรีดร้องที่น่าสะพรึงกลัว เสียงนั้นไม่ใช่เสียงกระดูกเสียดสีกัน แต่มันเป็นเสียงที่ดังขึ้นในหัวของฟูมิโกะ ราวกับจิตวิญญาณนับร้อยกำลังถูกฉีกกระชากออกจากร่าง มันพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่พลังดูดดึงจากขวดก็แข็งแกร่งเกินกว่าที่มันจะต้านทานไหว เหล่าเงาปีศาจที่ล้อมรอบอยู่พุ่งเข้ามาโจมตีฟูมิโกะอย่างบ้าคลั่งทันทีที่เห็นโครงกระดูกกำลังถูกดูดกลืน พวกมันรู้ว่าโครงกระดูกนั้นมีความสำคัญ ฟูมิโกะพยายามรักษาสมาธิ เธอใช้ผ้ายันต์ผืนที่สองสร้างกำแพงพลังงานป้องกันตัวเองจากการโจมตีของเงาปีศาจที่โถมเข้ามาอย่างไม่ยั้ง ในขณะที่พลังดูดดึงจากขวดอาคมก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ร่างของโครงกระดูกค่อยๆ สลายกลายเป็นละอองแสงสีดำ และถูกดูดเข้าไปในขวดเก็บวิญญาณอย่างช้าๆ มันใช้เวลานานกว่าเงาปีศาจสองตัวแรกมาก แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจที่เหนือกว่า เมื่อโครงกระดูกหายไป ผ้ายันต์ผืนที่สามก็ร่วงหล่นลงมาจากที่ที่มันเคยพันอยู่ ฟูมิโกะรีบเอื้อมมือไปคว้ามันไว้ทันที! ผ้ายันต์อาคมผืนที่สาม! มันเป็นผ้ายันต์สีเทาเข้ม มีอักขระสีขาวสลักอยู่เต็มผืน ทันทีที่สัมผัสผ้ายันต์ ฟูมิโกะรู้สึกได้ถึงพลังงานที่หนักแน่นและบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสองผืนแรก มันเป็นพลังงานที่ให้ความรู้สึกของ “การกักเก็บ” และ “การตรึง” ทันทีที่ผ้ายันต์ถูกหยิบออกไป เหล่าเงาปีศาจที่ล้อมรอบอยู่ก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความโมโห พวกมันพุ่งเข้าใส่ฟูมิโกะพร้อมกันจากทุกทิศทาง โดยไม่สนพลังป้องกันจากผ้ายันต์ผืนที่สองอีกต่อไป ฟูมิโกะรู้ว่าเธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว เธอได้ผ้ายันต์แล้ว และเก็นก็กำลังรอเธออยู่! เธอรีบเปิดขวดอาคมเก็บวิญญาณที่เพิ่งผนึกโครงกระดูกเอาไว้ แล้วร่ายคาถาปลดปล่อยวิญญาณบางส่วนออกมา! ฟุ่บ! กลุ่มควันสีดำพุ่งออกมาจากขวดอาคม กลุ่มควันนั้นก่อตัวเป็นรูปร่างของเงาปีศาจสองตัวแรกที่เธอเคยผนึกไว้ มันไม่ได้มีจิตสำนึกเหมือนเดิม แต่กลับพุ่งเข้าโจมตีเหล่าเงาปีศาจที่กำลังล้อมฟูมิโกะอยู่ ราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยพลังงานจากขวดอาคม “ตอนนี้แหละ!” ฟูมิโกะตะโกน เธอใช้จังหวะที่เหล่าเงาปีศาจหันไปรับมือกับสิ่งที่เธอปลดปล่อยออกมา พุ่งตัวออกจากห้องแล็บทันที เธอวิ่งไปตามทางเดินที่มืดมิดอีกครั้ง โดยไม่หันกลับไปมองข้างหลัง เสียงการต่อสู้จากภายในห้องแล็บดังแว่วมาตามลม แต่เธอก็ไม่สนใจ เธอรีบคว้าขวดเก็บวิญญาณที่ใช้ผนึกโครงกระดูกเอาไว้ และกำผ้ายันต์ทั้งสามผืนแน่นในมือ “เก็น… นายต้องไม่เป็นไรนะ…” ฟูมิโกะพึมพำกับตัวเอง เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ดวงตาของเธอมุ่งมั่นไปยังจุดที่แผนที่ในนาฬิกาข้อมือแสดงถึงตำแหน่งของเก็น เสียงนาฬิกาข้อมือยังคงส่งเสียงเตือนภัย “สัญญาณชีพ… อ่อนลง… วิกฤต…” ฟูมิโกะรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงตรงหน้าเธอ เธอรู้ว่าเธอต้องไปให้ถึงตัวเก็นให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะมีอะไรมาขวางทางก็ตามแสงแรกของรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างที่พังทลายของห้องผ่าตัด สาดไล่ความมืดมิดที่เคยปกคลุมโรงพยาบาลแห่งนี้มานานหลายทศวรรษให้จางหายไป ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ฟูมิโกะและเก็นอย่างหนัก ทั้งคู่ล้มตัวลงนอนแผ่กับพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ หอบหายใจอย่างหนักหน่วง ราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมาราธอนอันยาวนาน แต่ในดวงตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโล่งอกและความสุขที่ไม่สามารถบรรยายได้ฟูมิโกะหันไปมองเก็น ใบหน้าของเธอเปื้อนฝุ่นและมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปากกลับเปล่งประกายสดใส เก็นเองก็ยิ้มตอบ ดวงตาของเขายังคงฉายแววอ่อนเพลีย แต่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จ“เราทำได้จริงๆ ด้วยนะเก็น…” ฟูมิโกะพึมพำ เสียงของเธอแหบพร่าด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความตื้นตันใจ“ใช่ฟูมิโกะ… เราทำได้แล้ว” เก็นตอบ เสียงของเขาเองก็หอบไม่แพ้กัน “มันเป็นการต่อสู้ที่หนักหนาสาหัสที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย”ฟูมิโกะค่อยๆ หยิบ ขวดกักเก็บวิญญาณ ที่มีแสงสีเหลืองอำพันเรืองรองอยู่ภายในขึ้นมาดูด้วยรอยยิ้ม แสงนั้นอบอุ่นและบริสุทธิ์ ไม่ใช่แสงสีดำที่น่าขนลุกเหมือนตอนแรกอีกต่อไป“ในที่สุด… เหล่าวิญญาณก็ไ
เสียงทุบประตูห้องผ่าตัดยังคงดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ผนังห้องสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ เก็นและฟูมิโกะนั่งพิงกำแพง หอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายของพวกเขาเหนื่อยล้าเต็มทีจากบาดแผลและจากการต่อสู้ที่ไม่รู้จบกับ "นายใหญ่" ที่ยังคงกราดเกรี้ยวอยู่ภายนอก“เราจะทำยังไงดีเก็น?” ฟูมิโกะถาม เสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล เธอพลิกหน้าหนังสืออาคมอย่างรวดเร็ว ดวงตากวาดไปตามตัวอักษรโบราณพยายามหาวิธีที่จะเอาชนะนายใหญ่ได้เสียทีเก็นมองไปที่ประตูห้องผ่าตัด ผ้ายันต์ผืนที่สองที่แปะอยู่เริ่มเรืองแสงริบหรี่ลงแล้ว แสดงว่าพลังป้องกันของมันกำลังจะหมดลงในไม่ช้า “เราต้องหาทางหยุดมันให้ได้ก่อนที่มันจะบุกเข้ามา ฟูมิโกะ!”ตูม!ประตูห้องผ่าตัดถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนบานประตูเริ่มปริแตกออก เศษไม้กระเด็นเข้ามาในห้อง“มันใกล้จะพังแล้ว!” ฟูมิโกะอุทาน เธอกัดฟันแน่น พยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่มี เพื่ออ่านหนังสืออาคมให้เร็วที่สุดทันใดนั้น!ดวงตาของฟูมิโกะก็หยุดอยู่ที่หน้ากระดาษหน้าหนึ่ง! เธอจำได้ว่าเคยเห็นคาถานี้มาก่อน! มันเป็นคาถาที่ดูเหมือนจะไม่รุนแรงมาก แต่กลับมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ!“เก็น! ฉันเจอแล้ว!” ฟูมิโกะตะ
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ผสมปนเปกับความชื้นและกลิ่นคาวเลือดจางๆ ยังคงคละคลุ้งอยู่ในห้องแล็บที่มืดมิด ฟูมิโกะกับเก็นนั่งอยู่บนพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับ "นายใหญ่" บนดาดฟ้า ผ้ายันต์ผืนที่สองที่แปะอยู่บนประตูกำลังเรืองแสงจางๆ เป็นเกราะป้องกันที่เปราะบาง แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยได้ในตอนนี้“เราต้องหาผ้ายันต์อีกสองผืนให้เจอ” ฟูมิโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าเล็กน้อย เธอเปิดหนังสืออาคมเล่มหนาออกอีกครั้ง พยายามกวาดสายตาหาเบาะแสเก็นพยักหน้า เขายังคงกุมแขนที่บาดเจ็บจากกรงเล็บของนายใหญ่ “ใช่… ยิ่งเราได้ผ้ายันต์ครบเร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีโอกาสโค่นมันได้มากเท่านั้น”“แต่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่ฉันสัมผัสบนดาดฟ้า… มันหายไป” ฟูมิโกะพึมพำ “ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือว่ามันทำงานยังไง”“อย่าเพิ่งคิดมากเรื่องนั้นเลยฟูมิโกะ” เก็นบอก “ตอนนี้เราต้องหาอีกสองผืนที่เหลือให้เจอ” เขามองไปที่นาฬิกาข้อมืออาคมของฟูมิโกะที่วางอยู่ข้างๆฟูมิโกะเห็นแล้ว ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “จุดสีแดง! มันอยู่ที่ด้านหลังโรงพยาบาล! ทั้งสองจุดเลย!” เธอกรีดร้องด้วยความดีใจ“ด้านหลังโรงพยาบาลเหร
แสงจันทร์ส่องสลัวๆ ลงมาบนดาดฟ้าที่ทรุดโทรมของโรงพยาบาลร้าง เสียงลมยามค่ำคืนพัดหวีดหวิวราวกับเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณที่ถูกจองจำ เก็นและฟูมิโกะยืนเผชิญหน้ากับ “นายใหญ่” ร่างกายของมันสูงใหญ่กำยำ บิดเบี้ยวผิดรูป เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับหินผา ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างอำมหิต พลังงานมืดมิดแผ่ออกมาจากร่างของมันอย่างมหาศาล จนอากาศรอบตัวรู้สึกหนักอึ้ง“เจ้า… จะต้องชดใช้… สำหรับสิ่งที่เจ้าทำ!” เสียงของนายใหญ่ดังก้องในหัวของฟูมิโกะและเก็น มันไม่ใช่เสียงพูดที่ออกมาจากลำคอ แต่เป็นเสียงที่ส่งตรงจากจิตใจ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวเก็นก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือหนึ่งกำมีดลงอาคมแน่น อีกมือหนึ่งถือผ้ายันต์แห่งสายฟ้าที่ยังคงเรืองแสงสีม่วงเข้ม “เรามาที่นี่เพื่อยุติความทุกข์ทรมานของวิญญาณทุกดวงในโรงพยาบาลแห่งนี้! และเราจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายใครได้อีก!”“หึหึ… ไร้สาระ!” นายใหญ่หัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะของมันแหบพร่าและน่าขนลุก “เจ้าคิดว่า… เจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ? ข้าคือ… ผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้! ข้าคือ… ผู้ที่สร้างพวกมันขึ้นมา!” มันยกแข
แสงจันทร์ส่องสลัวๆ ลงมาบนดาดฟ้าที่ทรุดโทรมของโรงพยาบาลร้าง เสียงลมยามค่ำคืนพัดหวีดหวิวราวกับเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณที่ถูกจองจำ เก็นและฟูมิโกะยืนเผชิญหน้ากับ “นายใหญ่” ร่างกายของมันสูงใหญ่กำยำ บิดเบี้ยวผิดรูป เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับหินผา ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างอำมหิต พลังงานมืดมิดแผ่ออกมาจากร่างของมันอย่างมหาศาล จนอากาศรอบตัวรู้สึกหนักอึ้ง“เจ้า… จะต้องชดใช้… สำหรับสิ่งที่เจ้าทำ!” เสียงของนายใหญ่ดังก้องในหัวของฟูมิโกะและเก็น มันไม่ใช่เสียงพูดที่ออกมาจากลำคอ แต่เป็นเสียงที่ส่งตรงจากจิตใจ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวเก็นก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือหนึ่งกำมีดลงอาคมแน่น อีกมือหนึ่งถือผ้ายันต์แห่งสายฟ้าที่ยังคงเรืองแสงสีม่วงเข้ม “เรามาที่นี่เพื่อยุติความทุกข์ทรมานของวิญญาณทุกดวงในโรงพยาบาลแห่งนี้! และเราจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายใครได้อีก!”“หึหึ… ไร้สาระ!” นายใหญ่หัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะของมันแหบพร่าและน่าขนลุก “เจ้าคิดว่า… เจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ? ข้าคือ… ผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้! ข้าคือ… ผู้ที่สร้างพวกมันขึ้นมา!” มันยกแข
เสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดดังมาจากชั้นล่างของโรงพยาบาลร้าง คลอไปกับเสียงฝีเท้าหนักอึ้งของ "นายใหญ่" ที่กำลังไล่ตามฟูมิโกะมาติดๆ บนดาดฟ้า ลมยามค่ำคืนพัดกรรโชกแรงจนเส้นผมของฟูมิโกะปลิวไสวไปตามแรงลม เธอยืนอยู่หน้า เสาล่อฟ้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางดาดฟ้า ผ้ายันต์ผืนที่หกเรืองแสงสีม่วงเข้มพร้อมกับสายฟ้าเล็กๆ ที่แลบแปลบปลาบอยู่รอบๆ ราวกับมันกำลังมีชีวิต"ผ้ายันต์ผืนนั้น… มันคงเป็นผ้ายันต์แห่งสายฟ้าแน่ๆ" ฟูมิโกะพึมพำกับตัวเอง เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานที่มหาศาลจากผ้ายันต์ผืนนั้น พลังงานที่แตกต่างจากผ้ายันต์อื่นๆ ที่เธอเคยสัมผัสมาทั้งหมดตุบ! ตุบ! ตุบ!เสียงฝีเท้าหนักๆ ของ "นายใหญ่" ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันกำลังปีนขึ้นมาบนบันไดที่นำไปสู่ดาดฟ้า"ไม่นะ… มันกำลังมาแล้ว!" ฟูมิโกะอุทานด้วยความตกใจ เธอรู้ว่าไม่มีเวลาลังเลอีกต่อไปแล้วทันใดนั้น!ร่างของเก็นก็พุ่งพรวดขึ้นมาบนดาดฟ้า! ใบหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย มีรอยเปื้อนฝุ่นและรอยขีดข่วนอยู่หลายแห่ง แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เขากำมีดลงอาคมแน่นในมือ“ฟูมิโกะ! เธอไม่เป็นไรนะ?!” เก็นตะโกนถาม เสียงของเขาหอบเล็กน้อยจ