ทันทีที่เงาปีศาจตนสุดท้ายถูกโชตวัดมีดอาคมจัดการจนสลายไปเหลือเพียงดวงจิตสีม่วงเข้ม ไอโกะก็ปิดจุกขวดอาคมผนึกดวงจิตลงอย่างรวดเร็ว เสียง "ป๊อก!" เบา ๆ ที่ดังขึ้นบ่งบอกถึงการผนึกพลังงานชั่วร้ายได้อย่างสมบูรณ์ เธอกระชับขวดในมือแน่น มองดูแสงสีม่วงจาง ๆ ที่ยังคงเต้นระริกอยู่ภายใน ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปหาโชทันที ใบหน้าของเขามีเหงื่อผุดพราย เสื้อนักเรียนเปรอะฝุ่น และมีรอยขีดข่วนเล็กน้อยตามแขนที่เกิดจากการต่อสู้เมื่อครู่
“เป็นยังไงบ้างโช! บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ไอโกะถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน มือของเธอเอื้อมไปสำรวจตามแขนของเขาอย่างเป็นห่วง โชยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลย้อยลงมาจากหน้าผาก เขาหอบหายใจเล็กน้อย แต่แววตาของเขายังคงเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น “ไม่เป็นไร… แค่หอบไปหน่อย ยังไหวอยู่” เขาพยายามยิ้มให้ไอโกะ เพื่อคลายความกังวลในแววตาของเธอ ไอโกะหยิบ ขวดบรรจุยาเพิ่มกำลัง ขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋า เธอได้รับมันมาจากอาจารย์โมริพร้อมกับคำแนะนำว่ามันจะช่วยฟื้นฟูพลังงานร่างกายและจิตใจได้อย่างรวดเร็ว “จะกินยาเพิ่มกำลังหน่อยไหม? พักสักหน่อยก่อนก็ได้นะ” เธอเสนอ โชส่ายหน้า “ยังเลยไอโกะ เก็บไว้ใช้ตอนเจอบอสใหญ่ของพวกมันเถอะ” เขามองกวาดไปยังโถงทางเดินที่บัดนี้กลับมาเงียบสงบ แต่ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านลบที่คุกรุ่น “แค่พวกเงาลูกสมุนแบบนี้ ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอก” ไอโกะถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย “แบบนั้นก็ได้… แต่ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ” เธอเก็บขวดยาคืนกระเป๋า ก่อนจะยก นาฬิกาข้อมือตรวจจับดวงวิญญาณ ขึ้นมาดูอีกครั้ง “แล้วสัญญาณยังแจ้งเตือนอยู่ไหม?” โชถาม สีหน้าเขาฉายแววแปลกใจเล็กน้อย “จัดการไปได้เยอะขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ” ไอโกะขมวดคิ้วแน่น ดวงตาจ้องมองไปที่หน้าปัดของนาฬิกา หน้าปัดยังคงแสดงค่าพลังงานที่สูงลิบลิ่ว และเข็มทิศก็ยังคงหมุนวนอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะชี้ไปยังทิศทางที่ลึกเข้าไปในอาคารอย่างไม่เปลี่ยนแปลง “แปลกจัง… จริงอย่างที่นายว่าเลยโช ทั้ง ๆ ที่เราจัดการพวกมันได้มากขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ สัญญาณกลับไม่ลดลงเลย” ไอโกะพึมพำกับตัวเอง “มันเหมือน…พวกมันไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่ถูกผลักดันให้ลึกเข้าไปอีก” โชเดินเข้ามายืนข้าง ๆ เขาชะโงกหน้ามองหน้าปัดนาฬิกา ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ตัว “หรือว่า…ไอ้พวกเงาปีศาจพวกนี้มันจะไม่ได้มีแค่ดวงจิตของวิญญาณทั่วไป แต่พวกมัน…ดูดกลืนดวงวิญญาณบริสุทธิ์ ที่เคยเป็นนักเรียนที่นี่เข้าไปด้วย” คำพูดของโชทำให้ไอโกะใจหายวาบ เธอหันไปสบตาเขา ใบหน้าซีดเผือด “หมายความว่าไงนะโช? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ…ก็แปลว่าพวกมันไม่ได้มาจากหีบปริศนาแค่ส่วนหนึ่ง แต่พวกมันกำลังแข็งแกร่งขึ้นจากการรวมตัวกับวิญญาณที่ถูกกักขังอยู่ในโรงเรียนร้างแห่งนี้ใช่ไหม?” “ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ” โชพยักหน้า สีหน้าเขาเคร่งขรึม “ยิ่งพวกมันดูดกลืนวิญญาณมากเท่าไหร่ จำนวนของพวกมันก็ยิ่งไม่ลดลง แถมพลังงานของมันก็ยิ่งสูงขึ้น” ไอโกะกัดริมฝีปากแน่น ความรู้สึกสิ้นหวังฉายวูบขึ้นมา “แล้วแบบนี้…เราจะไหวเหรอโช? ถ้าพวกมันเพิ่มจำนวนได้เรื่อย ๆ เราจะจัดการพวกมันหมดได้ยังไงกัน?” โชยื่นมือไปจับมือไอโกะแน่น เขากระชับมือเธอเบา ๆ เป็นการปลอบประโลมและให้กำลังใจ “ไหวอยู่แล้วไอโกะ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “เรามาถึงขนาดนี้แล้ว จะถอยตอนนี้ไม่ได้หรอกน่า เราไม่ได้มาแค่กำจัดพวกมันอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ?” คำพูดของโชทำให้ไอโกะเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอฉายแววเข้าใจ เป้าหมายของพวกเขาไม่ได้มีแค่การไล่ล่าและผนึกดวงจิตของเงาปีศาจเท่านั้น แต่ยังรวมถึง การค้นหา "ผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 7 ผืน" ที่กระจายอยู่ทั่วโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งอาจารย์โมริบอกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำพิธีขั้นสุดท้ายเพื่อผนึกพลังของเงาปีศาจทั้งหมดให้กลับไปสู่ห้วงแห่งความว่างเปลเปล่า หรืออย่างน้อยก็ทำให้พวกมันอ่อนแอลงจนไม่สามารถคุกคามโลกภายนอกได้อีก “ใช่…ผ้ายันต์ทั้ง 7 ผืน” ไอโกะพึมพำ “เราต้องหาพวกมันให้เจอ” หลังจากเอ่ยจบ ทั้งคู่ก็จับมือกันแน่นอีกครั้ง ค่อย ๆ เดินสำรวจเข้าไปในห้องต่าง ๆ ที่เรียงรายอยู่ตามโถงทางเดิน พวกเขาเปิดประตูห้องเรียนที่พังทลาย ห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือผุพัง ห้องวิทยาศาสตร์ที่อุปกรณ์แตกหัก แต่ละห้องเต็มไปด้วยความมืดมิดและกลิ่นอับชื้นที่น่าเวียนหัว ไอโกะใช้ไฟฉายจากนาฬิกาสำรวจทุกซอกมุมอย่างละเอียด ในขณะที่โชใช้ไฟฉายของเขาตรวจดูทางเข้า-ออก และมุมอับต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเงาปีศาจตนใดซุ่มโจมตีพวกเขาได้อีก “ไอโกะ…เธอคิดว่าผ้ายันต์พวกนั้นมันจะหน้าตาเป็นยังไง?” โชถามขณะก้มลงมองซากโต๊ะเรียนที่พังยับเยิน “อาจารย์โมริบอกว่ามันเป็นผ้าที่ทำจากใยไหมโบราณ มีสัญลักษณ์พิเศษของพิธีกรรมโบราณประทับอยู่” ไอโกะตอบ “แต่ด้วยสภาพของโรงเรียนแบบนี้…ไม่รู้ว่าจะยังอยู่ในสภาพดีอยู่หรือเปล่า” เธอชี้ไปที่กำแพงที่มีรอยคราบเชื้อราและเถาวัลย์ปกคลุม “ถ้าพวกมันดูดกลืนวิญญาณที่นี่ไปมากขนาดนี้ บางทีผ้ายันต์พวกนั้นอาจจะถูกพวกมันซ่อนไว้ หรือทำลายไปแล้วก็ได้” “ไม่หรอกน่า” โชสวนขึ้นทันควัน “ถ้ามันเป็นของสำคัญขนาดนั้น มันต้องมีวิธีรอดจากการถูกทำลายสิ ไม่ว่าจะเป็นพลังของยันต์เอง หรืออาจารย์โมริอาจจะรู้อะไรบางอย่างที่เรายังไม่รู้ก็ได้” พวกเขาเดินเข้าไปในห้องโถงกว้างที่ดูเหมือนจะเป็นโรงยิมเก่า เพดานถล่มลงมาบางส่วน แสงจันทร์เล็ดลอดผ่านช่องว่างบนหลังคาลงมาเป็นลำแสงสลัว ๆ พื้นไม้มีคราบเลือดแห้งกรังเป็นปื้นขนาดใหญ่ ไอโกะรู้สึกถึงพลังงานด้านลบที่แผ่ซ่านออกมาจากบริเวณนั้นมากกว่าที่อื่น ดวงตาของเธอเหลือบไปเห็นบางอย่างที่ผนังด้านในสุดของโรงยิม มันเป็นรอยจารึกคล้ายยันต์โบราณที่เลือนราง “โช! ดูนั่นสิ!” ไอโกะชี้ไปยังผนังนั้น โชหรี่ตา เขาใช้ไฟฉายส่องไปที่รอยจารึกนั้นอย่างระมัดระวัง “นี่มัน…สัญลักษณ์เดียวกับที่อาจารย์โมริเคยโชว์ให้ดูเลยนี่นา” “ใช่! และมันเป็นส่วนหนึ่งของผ้ายันต์” ไอโกะพูดด้วยความตื่นเต้น “แสดงว่าผ้ายันต์บางส่วนน่าจะถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างอาคารนี้ หรือถูกผนึกไว้ในนี้แหละ!” ทันใดนั้นเอง นาฬิกาข้อมือของไอโกะก็ส่งเสียงเตือนดังขึ้นเป็นจังหวะถี่ ๆ หน้าปัดเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ตัวเลขพลังงานพุ่งทะยานจนเกินขีดจำกัด เข็มทิศหมุนติ้วอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะชี้ตรงไปยังกึ่งกลางของโรงยิมที่มืดมิดและมีคราบเลือดแห้งกรัง “แย่แล้วไอโกะ! สัญญาณมันแรงขึ้นกว่าเมื่อกี้เป็นร้อยเท่า! ไม่ใช่แค่เงาลูกสมุนแล้ว…” โชพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังจุดกึ่งกลางนั้น เสียงครวญครางต่ำ ๆ เริ่มดังขึ้นจากจุดที่นาฬิกาชี้ไป เงาดำขนาดใหญ่กว่าเงาปีศาจที่เคยพบมาหลายเท่า กำลังค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจากพื้นดิน มันแผ่พลังงานความมืดมิดออกมาอย่างมหาศาล ทำให้แสงจันทร์ที่ลอดลงมาดูมืดสลัวลงไปถนัดตา “มันมาแล้ว…บอสใหญ่ของพวกมัน!” ไอโกะกระซิบ เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย แต่แววตาของเธอกลับมุ่งมั่นกว่าเดิม “เตรียมตัวนะโช…ครั้งนี้ไม่เหมือนเมื่อกี้แน่!”ลมหายใจแห่งเงามืดที่พัดกรูเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ไอโกะและโชแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะที่ดับสนิท ยิ่งตอกย้ำถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันคือสัญญาณเตือนจากการมาถึงของบอสตัวจริง“ไม่นะ…ลมนี้…มันคือพลังของบอสตัวจริง!” ไอโกะพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่นแต่แล้ว โชก็เอื้อมมือไปจับมือของไอโกะแน่น ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก“มันยังไม่มาตอนนี้หรอกไอโกะ” โชเอ่ยขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและมั่นใจอย่างน่าประหลาด “เชื่อฉันสิ”ไอโกะหันมามองโชด้วยความสงสัย “แน่ใจเหรอโช? พลังงานมันรุนแรงขนาดนี้เลยนะ”“แน่ใจ” โชตอบ “เท่าที่ฉันสันนิษฐาน…บอสพวกนั้นจะต้องรวบรวมพลังงานให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาอย่างสมบูรณ์”ไอโกะขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”“จำได้ไหมที่มันบอกว่า ‘อาณาเขตนี้คือส่วนหนึ่งของตัวข้า!’” โชอธิบาย “นั่นหมายความว่ามันกำลังดูดกลืนพลังงานจากโรงเรียนทั้งหมด และมันจะไม่ยอมออกมาจนกว่ามันจะแข็งแกร่งที่สุด”“แล้วลมพวกนี้ล่ะ?” ไอโกะถาม“ลมพวกนี้ก็เป็นแค่พลังงานรั่วไหลของมันที่กำลังรวบรวมตัวอยู่” โชตอบ “มันเป
ความรู้สึกสิ้นหวังจากการเผชิญหน้ากับบอสตัวจริงที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการยังคงเกาะกุมจิตใจของไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง ผ้ายันต์ทั้งหกผืนที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อกลับดับแสงลงอย่างสิ้นเชิง ราวกับไร้ประโยชน์สิ้นดี แต่คำให้กำลังใจจากโชก็ช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้งในใจของไอโกะ“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขาทั้งคู่พยุงกันลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้าและเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ แต่แรงฮึดสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาก้าวต่อไป สู่เป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่: อาคารวิทยาศาสตร์“ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะโช” ไอโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…เราต้องรีบแล้ว”พวกเขาเดินออกจากจุดที่ต่อสู้กับเงาปีศาจช้างที่สลายไป สู่ทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บรรยากาศของโรงเรียนร้างยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ราว
หลังจากที่ได้ผ้ายันต์ผืนที่ 6 มาอย่างยากลำบาก และได้วางแผนการทำลายโรงเรียนด้วยระเบิดชำระล้างแล้ว ไอโกะและโชก็ตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ทันที แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะยุติฝันร้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป“เอาล่ะโช…ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะ” ไอโกะบอก เสียงของเธอหนักแน่นขึ้นเล็กน้อยโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…ยิ่งเร็วยิ่งดี”ทั้งคู่เดินออกจากโรงอาหารที่มืดมิด สู่ทางเดินที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้าง แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซากปรักหักพังและเถาวัลย์ที่ปกคลุมไปทั่วอาคาร บรรยากาศยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน“อาคารวิทยาศาสตร์อยู่ทางนั้นนะโช” ไอโกะชี้ไปทางซ้ายมือของพวกเขา ซึ่งเป็นอาคารที่ดูใหญ่โตและมีโครงสร้างแปลกตาเล็กน้อยพวกเขาเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของตัวเองที่ก้องกังวานในความเงียบงัน ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มเกาะกุมจิตใจของพวกเขาอีกครั้งทันใดนั้นเอง เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัว ก็พลันดังขึ้นมาจากด้านหน้าของพวกเขา! เสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับเสียงแตรที่ใหญ่โตและน่ากลั
หลังจากที่แผนการใหญ่เรื่องระเบิดชำระล้างได้ก่อร่างขึ้นในความคิดของไอโกะ ความหิวโหยที่ถาโถมเข้ามาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพักจากการระดมสมองอันหนักหน่วง เมื่อท้องอิ่มด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำอัดลม ความหวังก็กลับมาส่องประกายในดวงตาอีกครั้ง“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยนะโช” ไอโกะพึมพำขณะลูบท้อง “ไม่คิดว่าบะหมี่สำเร็จรูปจะช่วยได้ขนาดนี้”โชพยักหน้าพลางยิ้มแห้ง ๆ “ใช่…มันช่วยได้มาก แต่ฉันว่าเราคงต้องรีบไปหาวัตถุดิบที่อาคารวิทยาศาสตร์นะไอโกะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”“แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น…” ไอโกะก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ แสงสีเขียวยังคงกะพริบอยู่ “สัญญาณของผ้ายันต์ผืนที่หกมันแรงขึ้นเรื่อยๆ เลยนะโช ฉันว่ามันอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ…ในโรงอาหารนี่แหละ”โชเบิกตากว้างเล็กน้อย “ในโรงอาหารเหรอ? แต่เราเดินดูมาเกือบจะทั่วแล้วนะ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”“บางทีมันอาจจะซ่อนอยู่ในที่ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้” ไอโกะบอก น้ำเสียงของเธอเริ่มจริงจังขึ้น “มาลองสำรวจให้ละเอียดอีกครั้งกันเถอะ”ทั้งคู่เริ่มออกสำรวจโรงอาหารที่กว้างใหญ่และมืดมิดอีกครั้ง แสงไฟฉายจากอุปกรณ์ของพวกเขาส่องกระทบกับโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ครัวที่พังเสียหายกระจัดกระจายไปท
หลังจากการฟื้นฟูร่างกายและวางแผนการสร้างระเบิดชำระล้างอย่างละเอียด ไอโกะและโชต่างก็รู้สึกดีขึ้นมาก บาดแผลของพวกเขาได้รับการเยียวยา พลังปราณที่เคยร่อยหรอเริ่มกลับคืนมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความหวังที่จุดประกายขึ้นมาอีกครั้งในใจของพวกเขา“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วโช” ไอโกะบอก เธอหมุนข้อมือเล็กน้อยเพื่อทดสอบพละกำลังโชพยักหน้า “ฉันก็เหมือนกันไอโกะ…แต่ฉันยังรู้สึกหิวอยู่เลย” เขาลูบท้องตัวเองเบา ๆไอโกะหัวเราะเบา ๆ “นั่นสินะ…ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”พวกเขาตัดสินใจที่จะสำรวจโรงอาหารให้ทั่วอีกครั้ง หวังว่าจะเจออะไรบางอย่างที่พอจะบรรเทาความหิวโหยได้ แสงไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซอกมุมของโรงอาหารที่มืดมิดและเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง โต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่ล้มระเนระนาดดูน่าหดหู่ยิ่งนัก“ดูสิฉันเจออะไร!” โชร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของโรงอาหารที่มืดมิด ซึ่งมีตู้เก็บของเก่า ๆ ตั้งอยู่ไอโกะรีบเดินเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ เมื่อโชเปิดตู้เก็บของออก แสงไฟฉายของพวกเขาก็ส่องกระทบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านใน“บะหมี่สำเร็จรูป!” ไอโกะอุทานด้วยความดีใจ ดวงตาของเธอ
ความสิ้นหวังเข้าปกคลุมไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของบอสตัวจริงยังคงก้องกังวานในหู ราวกับจะย้ำเตือนถึงความพยายามที่สูญเปล่าของพวกเขา การที่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายดับแสงลง ยิ่งทำให้ความหวังที่เคยมีมอดไหม้ไปกับความมืดมิด“ไม่จริงน่า…ทั้งหมดที่เราสู้มา…มันเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างนั้นเหรอ?” ไอโกะพึมพำ ใบหน้าของเธอซีดเผือดโชทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาของเขาว่างเปล่า “เรา…เราพลาดไปแล้วเหรอไอโกะ? เราสู้กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”แต่แล้ว ทั้งคู่ก็สบตากัน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ค่อย ๆ จุดประกายความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ยังได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขารวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ พยุงกันลุกขึ้นยืนช้า ๆ และรีบออกจากหอประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่น่าสะพรึงกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะยังคงส่องนำทางพวกเขาไปในความมืดมิด“เราต้องหาที่ซ่อนตัวก่อนโช” ไอโกะบอก “เราบาดเจ็บหนักเกินไปที่จะส